ขนาด .38" กับ 9 mm และ ขนาด .45" กับ 11 mm แตกต่างกันอย่างไร
เท่าที่ผมเข้าใจคือ .38 หน่วยเป็นนิ้วรบกวนผู้รู้ช่วยหน่อยครับ
.38special และ .357Magnum นั้นเป็นกระสุนปืน Revolver ที่ได้รับความนิยมในการใช้งานในปืนหลายๆแบบครับ แต่ก็มีปืนกึ่งอัตโนมัติบางแบบที่มีรุ่นใช้กระสุนแบบดังกล่าว เช่น Desert Eagle .357 เป็นต้น
ในกรณีของการใช้กระสุน .357 เคยทราบมาว่าตำรวจบ้างมลรัฐฯของสหรัฐฯจะห้ามใช้ปืนที่ใช้กระสุนขนาดนี้ในเขตชุมชนเนื่องจากมีอำนาจการทะลุทะลวงสูงอาจจะจะทะลุสิ่งกีดขวางเป็นอันตรายต่อผู้บริสุทธิ์ได้ และในส่วนของ .45ACP นั้นกระสุนขนาดนี้เป็นที่นิยมมากสำหรับปืนพกกึ่งอัตโนมัติครับ แต่ไม่เหมาะกับงานปราบปรามของตำรวจเนื่องจากกระสุนมีขนาดใหญ่ทำให้บรรจุกระสุนได้ไม่มากและปืนที่ใช้ก็ใหญ่เกินจะพกซ่อนได้สะดวกและแรงถีบปืนก็ค่อนข้างสูงยากต่อการทำการยิงซ้ำอย่างรวดเร็วแต่ต่อเนื่องในสถานการณ์ปะทะจริง การพัฒนากระสุน .40S&W ซึ่งมีขนาดกระสุน แรงถีบ อำนาจการทะลุทะลวงและหยุดยั้งเหมาะสมครับ
เทียบดูเลยครับ ส่วนข้อมูล ข้างบนเลยครับ
เหอๆๆๆๆ
ปล. ไม่รู้จักชื่อเจ้าขอภาพ ต้องขออภัยใว้นะที่นี้ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ.
กระสุน .45ACP ไม่ได้ผลิตขึ้นมาเพื่อเล่นงานญี่ปุ่นครับน้องแชมป์ กระสุนชนิดนี้ถูก design มาตั้งแต่ปี 1904 แล้วครับ เพราะกระสุนขนาด .38 long colt ในสมัยนั้นไม่มีอำนาจการหยุดยั้งที่เพียงพอ ในการต่อสู้กับกบฏมัวโร กระสุนชนิดนี้หยุดนักรบมัวโรไม่ได้ จนทหารมะกันตายไปหลายครับ
จากประสบการณ์นี้ ทำให้เกิดการสุน .45 ACP ขึ้นมาครับ
ฟังลูกน้องโม้ บ่อยว่า 11 นั้นไอ้กันสร้างมาเพื่อหยุดญี่ปุ่นที่วิ่งชาร์จเอาซามูไรไล่ฟันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2......ฟังบ่อยๆเข้าทนไม่ได้ เลยบอกไปว่า "รู้ไหมว่า ปพ.86 หลวงนะ มันมีชื่อจริงๆจากประเทศผู้ผลิตว่าอะไร" แล้วก็ร่ายยาวต่อว่า มันคือ ปืน เอ็ม 1911 ซึ่งเลข 1911 ก็คือปีที่นำเข้าประจำการเป็นครั้งแรก ก็เหมือนเรา(หรือเราเหมือน)นั่นแหละที่นำปีที่เข้าประจำการมาตั้งชื่อ ปพ.86 ก็มาจากการนำเข้าประจำการครั้งแรกในปี 2486 นั่นเอง แล้วก็ถามต่อไปอีกว่า แล้วรู้ไหมว่า สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ไอ้กันปะมือกับยุ่นนะปีไหน ลูกน้องก็ทำตาปริ๊บๆ ผมก็เลยพูดต่อว่า ไอ้กันโดดร่วมวงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1942 ดังนั้น ไอ้ปืนเนี่ยมันเกิดมาก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2(ความจริงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยซ้ำ) เสียอีก ดังนั้นก็คิดดูละกันว่า ไอ้กันมันสร้างมาเพราะเอามาหยุดไอ้ยุ่นบ้าเลือดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จริงหรือเปล่า หรือถ้าจริง ไอ้กันมันก็คงทำนายล่วงหน้าว่าในอีก 30 กว่าปีข้างหน้าต้องมาเจอยุ่นบ้าเลือด เลยรีบสร้างปืน 11 หรือ .45ACP มารอล่วงหน้าก่อน เอวังด้วยประการฉะนี้ สาธธธธธธธุ
ความจริงเรามองที่ขนาดกระสุนอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องมองที่ความยาวและรูปทรงของปลอกกระสุนด้วย ถึงจะกะได้ว่าความเร็วต้นมันจะสูงหรือไม่ เช่น กระสุน .22 LR กับ 5.56x45 มม.(.223 Rem) ถ้าดูขนาดหน้าตัดของกระสุนทั้ง 2 ชนิดข้างต้นแล้วมีขนาดใกล้เคียงกันมาก แต่ ความเร็วคนละเรื่องเพราะรูปทรงปลอกไม่เหมือนกัน
ในบรรดาหกระสุนปืนพกขนาด 9 มม. นั้น ส่วนใหญ่ที่เราจะได้ยินบ่อยๆก็คือ 9 พาราฯ(พาราเบลลั่ม) หรือ 9 ลูเกอร์(อันเดียวกัน) .380 .38 ซูเปอร์ และ .38 สเปเชี่ยล(จริงๆมันมีมากกว่านี้แต่เอาที่ได้ยินบ่อยๆละกัน) ที่กล่าวมาทั้งหมดมีขนาดหน้าตัดใกล้เคียงกัน แต่ถ้าเราฟังชื่อแล้วเราสามารถบอกได้เลยว่ามันคือ กระสุนปืนพก แบบ รีวอลเวอร์(ลูกโม่นั้นแหละ) หรือ ออโต้(จริงๆน่าเรียกกึ่งอัตโนมัติมากกว่า) กระสุน .380 9 พาราฯ(ลูเกอร์) และ .38 ซูเปอร์ คือ กระสุนที่ใช้ในปืนพกออโต้ เรียงลำดับตามความยาวปลอกกระสุน .380 ปลอกสั้นสุด ส่วนมากมักใช้ในปืนพกออโต้ขนาดเล็ก(ซึ่งบางทีเรียกว่า ลูก 9 สั้น) 9 พาราฯ อันนี้น่าจะได้ยินบ่อย ปลอกจะยาวกว่า .380 และอันสุดท้ายคือ .38 ซูเปอร์ ปลอกจะยาวกว่า 9 พาราฯ ส่วน .38 สเปเชี่ยล เป็นกระสุนปืนพกแบบรีวอลเวอร์ ปลอกยาวกว่า .38 ซูเปอร์
มีเรื่องน่าแปลกอีกอย่างคือ ไอ้กัน เปลี่ยนกระสุนปืนพกจาก .45ACP ( เอ็ม 1911 และ 1991) ไปเป็นขนาด 9 พาราฯ(ปืน เบเร็ตต้า 92 FS) แต่ปัจจุบันนั้นก้มีข่าวว่ากำลังจะกลับมาหา .45ACP อีกครั้ง เพราะบทเรียนในอิรัคและอัฟกานิสถาน แต่ ทบ.ประเทศสารขัณฑ์ที่มี 2 สีคือ เหลืองกับแดง ในปัจจุบัน นั้นมีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนจาก .45ACP ไปเป็น 9 พาราฯ อืมมม งงดีเหมือนกัน
พิมพ์ครั้งที่สี่ แล้วครับ จาก 0/0 จนกระทู้จะตกกระดาน
กระสุน
การพูดถึงกระสุน คงแบ่งได้เป็นสองกลุ่ม
กลุ่มแรก ทางภาคพื้นยุโรป ทางนี้ใช้มาตรา เมทริค(เมตร เซ็นติเมตร มิลิเมตร)โดยเรียกตามหน้าตัดกระสุน คั่นด้วยเครื่องหมายคูณ และตามด้วยความยาวของกระสุนเช่น 7x57, 8x57, 9x57, 9.3x62 Mauser, 11.2x60R, 9x19, 9x17
กลุ่มที่สอง ทางฝั่ง ปะกิด กะมะกา ใช้มาตราอังกฤษ (หลา นิ้ว) มักตามด้วยชื่อ เช่น.38 Special, .357 Magnum, .30-06 Springfield, .308 Winchester, .375 Holland & Holland Magnum
กระสุนบางแบบข้ามฝั่งแอตแลนด์ติคก็โดนเปลี่ยนชื่อเช่น 7x57 เป็น 7 mm Mauser, 9x19 เป็น 9mm Luger, 9x17 เป็น.380 ACP
๑๑ มม. บ้านเราใช้เรียก .45 ACP กะปืนโคลท์ ออโตเมติค M1911
ที่กำลังจะฉลองครบรอบร้อยปีในไม่นานนี้ และยังมีกระสุน 11mm อีกหลายแบบ แต่บ้านเราไม่รู้จัก
.45" คงต้องสื่ออีกนิดให้เข้าใจเพราะ กระสุนขนาดนี้ที่ดังๆมีสองแบบ
ถ้าไป Fourty Five Caliber ฝรั่งจะหมายถึง .45 Colt ที่ใช้กะรีวอลเวอร์ ซิงเกิลแอคชั่นของพวกคาวบอย สมัยก่อนบ้านเราฉายหนังคาวบอยซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ เรื่อง Colt.45
ต้องบอกว่า .45 ACP ถึงจะได้กระสุนที่ใช้กับ Colt Automatic M1911
(ใช้งานครั้งแรก ปราบปานโช วิญ่า ที่แมคซิโก ทหารม้าสหรัฐลุยบนหลังม้า(Mount Charge)ครั้งสุดท้าย โดยใช้ปืน M1911 เปิดตัวครั้งแรก การบุกนำโดยร้อยตรี Patton แล้วถึงได้ไปออกงานในยุโรป จำไม่ได้แล้ว อเมริกาเข้าสงครามปีไหน)
.38 อันนี้ต้องสืบตำนาน ปืนอเมริกัน
ปืนสั้นสมัยแรกๆใช้แบบดินดำ บรรจุกระสุนทางปากกระบอก
ต่อมาก็มีการพัฒนา โม่ปืนเอาไว้บรรจุดินปืน กับลูกปืน ทำกลไกให้ตอนยิงโม่อยู่ตรงลำกล้อง ทำให้บรรจุกระสุนได้หกนัด ซึ่งได้แก่ปืน Colt Navy1861 (.36), Colt Army (.44) ใช้สมัยสงครามกลางเมือง
หลังสงครามกลางเมืองมีการพัฒนาปลอกกระสุน มีกระสุนที่มีทั้งหัวกระสุน ดินปืน และตัวประทุรวมอยู่ในกระสุน จะใช้ก็เอามาบรรจุในรังเพลิงหรือโม่ปืนสั้น
ในยุคนี้ก็มีปืนสองขนาดที่ได้รับความนิยมได้แก่ขนาด .44 (.44-40 ที่ต่อมาพัฒนาเป็น .45 Colt) และขนาด.38 ที่นิยมเอาปืน Colt Navy1861 (.36)มาแปลงให้ใช้กระสุน.38 Colt
กระสุน .38 Colt เป็นกระสุนแบบ Heel เหมือนกระสุนปืนลูกกรด.22 LRในปัจจุบัน ที่หน้าตัดกระสุนเท่ากันกับด้านนอกของปลอกกระสุน และ
ช่วงท้ายของหัวลูกปืนลดขนาดให้สามารถเสียบลูกปืนในปลอกกระสุนได้
แทนที่จะให้หัวลูกปืนทั้งหัวมีขนาดหน้าตัดเท่าๆผนังภายในของปลอกลูกปืน ต่อมาเมื่อมีการทำดินปืนแบบควัญน้อย จึงเลิกนิยมกระสุนแบบ Heel
มีการออกแบบกระสุนใหม่.38 Long Colt แต่ยังคงเรียกชื่อตามเดิมว่าขนาด .38 ทั้งๆที่กระสุน.38 Long Colt มีขนาดหน้าตัดจริง .357-.358 นิ้ว เล็กกว่า .38 Colt หน่อยนึงกระสุนที่พัฒนาต่อๆกันมาก็ยังคงติด .38 เช่น .38 S&W, .38 Special มาตลอด
(.38 Long Colt ที่ไปแป๊ค ที่ฟิลิปปินส์ กระสุนนี้เป็นกระสุนแบบที่เจ้า Billy the Kid ชอบใช้)
จนปี 1935 ที่Elmer Keith ทำ.38 Special ปลอกกระสุนยาว บรรจุดินปืนให้มากขึ้นแล้วเรียกกระสุนใหม่นี้ตามขนาดหน้าตัดว่า .357 และต่อท้ายด้วย Magnum ตามสไลย์ของ John Weatherby (อ่านเรื่องเกี่ยวกับ เวเธอร์บี้ ได้จาก นิยาย เพชรพระอุมา)
คงบอกได้ว่า .36/ .38/ .357 ต่างก็เป็นชื่อเรียกที่ต่างกันของกระสุนที่มีขนาดหน้าตัดเท่ากัน
กรณียิงกันที่ Miami 1986 หาอ่านในWiki ได้ครับ
ผมว่าเป็นเหตุ ที่ทำให้อุตสาหกรรมปืนสามารถใช้เป็นข้ออ้างเปิดตลาดกระสุนปืนใหม่ๆ
เป็นธรรมชาติของการเล่าเรื่อง ตำนาน สืบสานกัน ปากต่อปาก บางทีก็มีอะไรที่สับสนปนกันอย่างที่ท่าน Helldiver กล่าวไว้ .38 Long Colt ถูกใช้งานที่ฟิลิปปินส์ ปราบพวกโมโร แล้วล้มพวกโมโรไม่ค่อยได้ กองทัพสหรัฐจึงเปลี่ยน มาใช้ปืนออโตเมติค ขนาด .45
ส่วนเรื่องทหารญี่ปุ่น ผมอ่านเรื่องนี้ในบทความของ Jeff Cooper
(Jeff Cooper กะ Elmer Keith เป็นนักเขียนเรื่องปืนในนิตยสาร Gun & Ammo)เป็น กระสุน .357 Magnum ครับ ผมจำไม่ได้ว่าเหตุเกิดในการรบที่ไหน แต่คนยิง น่าจะเป็นตัว Jeff Cooper เอง ตอนเป็นทหารมะรีนหนุ่มๆ ยิงซ้ำโดยใช้ M1911
ในความเห็นของผม คนที่โดน .357 Magnum หกนัด นัดที่เจ็ด ถึงเป็นลูกกรด .22 LR ก็อาจลงแล้ว
อย่างที่ข้างบนบอกและครับแต่ขอเสริมเรื่องลำดับเวลาหน่อยครับ
ปืน รีวอลเวอร์ ขนาด .45 ซิงเกิล แอ็คชั่น ออกแบบโดย แซมมวล โคลท์ ประมาณ ร.3 ( มีของจริงโชว์ในห้องเก็บอาวุชั้นล่างในพระที่นั่งจักกรีฯครับ) ใช้งานส่วนใหญ่ในสหรัฐ ในการปราบ อินเดียนแดง และในสงครามกลางเมือง นานกว่า 100 ปี ครับ ก่อน ที่จะมีการปรับปรุง เป็น รีวอลเวอร์รุ่น ดับเบิล แอคชั่น ซึ่งสร้าง ราว ปี 1885 หรือ ก่อนสงครามโลก ครั้งแรก 30ปี ส่วนปืนพกแบบ ออโต้ นั้นสร้าง ก่อน สงครามโลกครั้งแรก ไม่กี่ปีครับ
ปืนซิงเกิล แอคชั่นที่ใช้ในกองทัพบกสหรัฐ กว่า100 ปีนั้น ไม่เคยใช้กระสุนที่มีหน้าตัดเล็กกว่า .44 นาครับ ที่ใช้กันมากก็ .44 หรือ .45 หรือ .50 ครับเป็นกระสุน ขนาดใหญ่ทั้งหมด อำนาจหยุดยั้ง หรือ สต๊อบปิ้ง พาเวอร์ เหลือเฟือครับ จะมาพลาดเอาตอนที่ กองทัพสหรัฐ เลิกใช้ปืน ซิงเกิลแอคชั่น ขนาด.45 และเปลี่ยนไปใช้ ปืน รีวอลวเอร์ ด้บเบิลแอคชั่น ที่ใช้กระสุน .38 (ซึ่งเป็นขนาดกระสุนที่คิดขึ้นมาใหม่)แล้วเอามาใช้กับกบฎ ในฟิลิบปินส์ เท่านั้นครับ ที่ กระสุน .38 เอาไม่อยู่ ทำเอากองทัพสหรัฐ หมดความเชื่อถือในกระสุนขนาดนี้ แม้ว่าในตอนหลัง บ.สมิทธ จะนำไปพัฒนาต่อเป็น .38 สเปเชียล ก็ตาม (แต่กลับ ได้ความนิยมในหมู่ พลเรือน และ ตำรวจ แทน) ดังนั้น เมื่อกองทัพสหรัฐ ต้องการปืนพกชนิดใหม่เข้าประจำการ (ในช่วง ปี 1900 )จึงได้มีการกำหนดสเปค เอาไว้ด้วยว่า นอกจากอาวุธชนิดใหม่จะเป็น ออโต้แล้วยังต้องใช้กระสุนขนาด.45 ออโต้ ด้วย ครับ สรุปแล้ว กระสุน ขนาด.45 นั้นครองใจกองทัพสหรัฐเสมอมา นับร้อยๆปีแล้วครับ