หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


สงสัยเกี่ยวกับความจุกระสุนนะครับ

โดยคุณ : Tasurahings เมื่อวันที่ : 13/11/2008 20:20:39

ที่เห็นคือยุค แรกๆ ส่วนใหญ่ 5 นัด แล้วก็ 10 ต่อมาก็ 20 และก็ 30 ในปัจจุบัน

เหตุผลเพราะอะไรครับ เกี่ยวกับยุทธวิธีในแต่ละยุคด้วยรึเปล่าครับ





ความคิดเห็นที่ 1


เดาเอานะครับ (แบบมีเหตุผล) ประมาณว่า เริ่มแรกๆก็มีแค่นี้พอก่อน  หรือทำมาแค่นี้ก็พอ (+กับเพราะเทคนิคยุคแรกๆ) แต่พอทำไปรบไปก็มีความต้องการให้มากขึ้น เพราะมันได้เปรียบ+เทคนิคดีขึ้น ก็ทำมากขึ้นเรื่อยๆ เทคนิคของซองกระสุนที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ใส่มากแต่ก็ดันขึ้นได้ถึงเม็ดสุดท้าย


และสิ่งที่จะจำกัดจำนวนของกระสุนในซองในยุคนี้ก็คงเป็นเรื่องของขนาดแล้วละนะครับ



..
โดยคุณ charchar เมื่อวันที่ 11/11/2008 12:01:06


ความคิดเห็นที่ 2


จริงก็สงครามโลกครั้งที่๑นี้ก็มีการประดิษฐ์ปืนเล็กยาวหลายแบบที่ใช้ซองกระสุนบรรจุได้เกิน10นัดก็มีนะครับ ซึ่งบางแบบก็มีการนำเข้ามาทดสอบในไทยช่วง ร.๕ ด้วยครับ

หลังจากมีการผลิตปืนยาวแบบยิงซ้ำและบรรจุกระสุนได้มากกว่า1นัดได้ในช่วงปลายคริสตศตวรรษที่๑๙เป็นต้นมา สงครามตามแบบในยุคนั้นมักจะเป็นการทำสงครามในสนามเพลาะซึ่งทหารราบจะยิงกันไกลๆราว 800-1,000เมตรครับ จะเห็นได้จากกระสุนปืนที่ใช้ในสมัยนั้นจะเป็นขนาด 7.62-7.92มม.(ใหญ่กว่านั้นก็มี) และศูนย์บนตัวปืนบางรุ่นก็ปรับการเล็งได้ถึง 2,000เมตรเลยครับ

แต่หลังจากดสงครามโลกครั้งที่๑ เป็นต้นมานั้นรูปแบบของสนามรบตามแบบก็เริ่มมีการพัฒนาไปโดยมีกำลังรบนั้นสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นด้วยกำลังยานยนตร์และรถถัง ซึ่งตัวอย่างการทำสงครามหลายสมรภูมิในสงครามโลกครั้งที่๒นั้น ทหารแต่ละฝ่ายจะเคลื่อนกำลังเข้าหากันและยิงกันในระยะที่ใกล้มาก ซึ่งทำให้ทหารราบต้องการอาวุธที่เบา บรรจุกระสุนได้มาก และยิงซ้ำได้เร็ว อย่างปืนกลมือแบบต่างๆก็ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย แต่อำนาจการทำลายของกระสุนปืนพกนั้นก็ไม่เป็นที่น่าพอในในยุคนั้นอยู่ดีครับ

ฉนั้นหลังจากที่มี Stg.44 เป็นต้นมา หลังสงครามโลกครั้งที่๒จบลงประเทศมหาอำนาจเกือบทุกประเทศก็หันมาพัฒนาปืนเล็กยาวจู่โจมซึ่งบรรจุกระสุนได้มากและปรับการยิงได้ซึ่งเหมาะกับการปะทะในสนามรบที่แต่ละฝ่ายมีการเคลื่อนที่เข้าหากันอย่างรวดเร็วในระยะใกล้ๆครับ 

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 11/11/2008 21:33:53


ความคิดเห็นที่ 3


เพราะสมัยก่อนใช้ปลอกกระดาษครับใส่กระสุนทีต้องบรรจงใส่เอาเรื่องเหมือนกัน แล้วยังมีปัญหาเรื่องการผลิตแบบที่คุณ charchar ว่า คือรังเพลิงปืนลูกเลื่อนสมัยนั้นยังไม่แนบสนิทเท่าที่ควร ยิงทีแก๊สชอบพุ่งใส่หน้าลดระยะยิงลงค่อนข้างมาก (ปืน Dreyfuss ของเยอรมันเป็นต้น) และอาจจุดระเบิดกระสุนที่ี่เหลือในซองได้อีก เว้นแต่จะเป็นแบบรีวอลเวอร์ที่ยังคงมีปัญหาเรื่องแก๊สรั่วอยู่


โดยคุณ Praetorians เมื่อวันที่ 11/11/2008 23:27:12


ความคิดเห็นที่ 4


การบรรจุลูกกระสุนหลายนัดคงเริ่มจากพวก Spenser, Sharp สมัยสงครางกลางเมือง จำไม่ได้แล้วว่ากี่นัด แต่คิดว่าเกินห้านัด กระสุนคล้ายกระสุนปืนพกสมัยนี้ใส่ในหลอดยาวๆแล้วสอดท้ายพานท้าย เป็นrepeating arms ยุคแรกๆ กระทรวงสงครามไม่อยากให้ทหารใช้ ปืนพวกนี้ เพราะเปลืองกระสุน ทหารต้องออกตังค์ซื้อปืนมาใช้กันเอง เท่าๆกะเงินเดือนที่ลุงแซมจ่ายสามเดือน�
สมัยปลาย1800 นิยมใช้ปืนบรรจุทีละนัด จนMauserมาทำปืนที่มีระบบการทำงานที่เชื่อถือได้และมีแมคกะซีนในตัวปืนบรรจุได้ห้านัด ที่ปืนสมัยนั้นบรรจะกระสุนได้ห้านัดเพราะไม่นิยมทำแมคกะซีนให้ยื่นออกมาจากรางไม้ ก็จะเหลือที่ให้บรรจุลูกปืนได้แค่นั้น มีLee Enfieldหรือปืนพระรามหก ที่ีทำแมคกะซีนไม่เหมือนชาวบ้านเลยบรรจุลูกได้มากหน่อย
ปืนยาวประจำตัวทหารมักไม่ทำให้บรรจุกระสุนมากเพราะคิดว่าไม่จำเป็นเนื่องจากเทคโนโลยีของปืนสมัยนั้นเป็นปืนลูกเลื่อน ยิงได้ไม่เร็วมากนัก ทั้งยิงเร็วก็ไม่ได้เนื่องจากแรงถีบของกระสุน ในการรบประชิดก็เน้นการใช้ดาบปลายปืน กระบี่และปืนพก พวกAssault Rifle ต้องลดแรงของกระสุนลงเพื่อให้พอจะยิงautoได้
โดยคุณ Oldtimer เมื่อวันที่ 13/11/2008 09:20:40