การวิเคราะห์นักประวัติศาสตร์ทางทหารหลายๆท่านนั้นค่อนข้างจะเห็นตรงกันครับว่าญี่ปุ่นไม่สามารถชนะสหรัฐฯในสงครามระยะยาวได้ครับ เนื่องจากญี่ปุ่นนั้นมีข้อจำกัดด้านทรัพยากร ซึ่งตัวเกาะหลักแผ่นดินแม่ของญี่ปุ่นั้นจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบจากต่างประเทศ
ซึ่งการยึดครองทรัพยากรในแหล่งต่างๆที่ญี่ปุ่นครอบครองเช่นในจีนซึ่งญี่ปุ่นได้ทำสงครามและครอบครองมาก่อนหน้านี้นั้นก็มีปัญหาการต่อต้านจากทั้งกองทัพจีนคณะชาติและกองทัพปลดแอกประชาชนจีนอยู่
และการเข้ามายึดครองอินโดจีนจากฝรั่งเศสหลังสงครามอินโดจีนนั้นก็ส่งผลให้ไทยในขณะนั้นเริ่มระแวงในท่าทีของญี่ปุ่นในภูมิภาคนี้บางแล้วครับ
แต่ความเป็นจริงตามที่กล่าวข้างต้นคือญี่ปุ่นเปิดฉากสงครามเร็วเกินไปโดยที่ปัจจัยหลายๆด้านยังไม่พร้อมครับ ซึ่งบรรดานายพลระดับสูงและนักการเมืองของญี่ปุ่นในขณะนั้นบางคนก็มีการเตือนพวกสายเหยี่ยวที่ต้องการสงครามแล้วแต่กระแสลัทธินิยมทหารของญี่ปุ่นในขณะนั้นรุนแรงมาก แต่ถ้าเทียบกับสหรัฐฯซึ่งมีความพร้อมด้านทรัพยากรในประเทศมากกว่าญี่ปุ่นในระยะยาวยังไงญี่ปุ่นก็ต้องแพ้อยู่ดี
ถ้าสมมุติว่าในช่วงปี 1940s นั้นไม่ได้เกิดสงครามในยุโรป และญี่ปุ่นจัดการปัญหาต่างๆในจีน เกาหลี อาจจะรวมถึงอินโดจีนด้วยแล้ว โดยญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะทำสงครามกับสหรัฐฯให้ช้ากว่านี้สัก5-10ปี ให้ปัจจัยด้านทรัพยากร กำลังอุตสาหกรรมการผลิต และ Technology สูงกว่านี้ ญี่ปุ่นอาจจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์สงครามบังคับให้สหรัฐฯเจรจาต่อรองในสิ่งที่ญี่ปุ่นต้องการก็ได้ครับ ถ้าเกิดสงครามขึ้นและสหรัฐฯสูญเสียอย่างหนัก อย่างไรก็ตามนี้เป็นการวิเคราะห์ในสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
ซึ่งส่วนตัวก็ไม่แน่ใจครับว่าถ้าภูมิภาคเอเชียตะวันออกตกอยู่ใต้อิทธิพลของญี่ปุ่นหรือ วงษ์ไพบูลย์แห่งมหาเอเซียบูรพา จริงไทยเราจะมีสถานะแบบใดอยู่ดีครับ
ส่วนตัวแล้วไม่คิดว่าญี่ปุ่นจะทำได้นะครับ เพราะญี่ปุ่นแสดงท่าทีคุกคามขึ้นมาบ้างแล้ว และทางสหรัฐก็จับตาอยู่ไม่น่าจะปล่อยให้เทคโนโลยีทางการทหารหนีกันได้นะครับ
แล้วก็อย่างที่ท่าน AAG_th1 ว่านะครับ ญี่ปุ่นเริ่มต้นสงครามเร็วไปปัญหาเรื้อรังในจีนยังแก้ไขไม่ได้ ที่ญี่ปุ่นรุกได้รวดเร็วในช่วงแรกเพราะประเทศเจ้าอาณานิคมส่วนใหญ่ติดสงครามในยุโรปอยู่ รวมทั้งเหตุการณ์ที่ pear habour ด้วย แต่นานไปท่าทีที่ญี่ปุ่นกระทำกับประเทศที่ตนยึดครองอยู่หลายประเทศ แม้แต่ในไทยเองก็มีหลายกรณี จนต้องมีการจัดตั้งกองทัพงิ(หากผิดพลาดขออภัยครับ) คงทำให้มีการรุกฮือขึ้นต่อต้านกันบ้าง รวมทั้งความร่วมมือก็คงได้ไม่เต็มที่จากประเทศเหล่านั้น วงษ์ไพบูลย์ที่ญี่ปุ่นคิดผมว่าน่าจะอยู่ได้ไม่นานครับ�
แต่ถ้าอยู่ได้ ก็สงสัยว่าแล้วองค์จักรพรรดิจะดำรงอยู่ในตำแหน่งไหน รวมทั้งประมุขของประเทศนั้นๆ ด้วยนะครับ
สมัยสงครามโลกครั้งที่๒ นั้นกองทัพในส่วนของกองทัพบกที่ควบคุมกำลังในไทยคือ กองทัพงิ ภายใต้การบัญชาการของ พลโท นากามูระ ครับ และในส่วนกำลังที่ควบคุมพระนคร(กรุงเทพฯในสมัยนั้น) คือกองพลรักษาพระองค์โคโนเอะ ซึ่งมีชื่อเสียงมาก แต่น่าแปลกใจที่กองพลรักษาพระองค์นี้ไม่ค่อยได้ออกไปปฏิบัติการในแนวหน้าเช่นในพม่า หรือ อินเดียครับ เหมือจะตั้งกำลังอยู่ในพระนครเท่านั้น อันนี้คือตามที่เคยอ่านหนังสือมาครับ
วัฒนธรรมของญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่๒หลายๆอย่างนั้นถือว่าเป็นวัฒนธรรมใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการเข้ามาจัดการของสหรัฐฯซึ่งเป็นผู้ชนะสงครามครับ ทั้งวัฒนธรรมการกิน ระบบเศรษฐกิจ แนวคิดด้านทุนนิยม วัตถุ และอื่นๆ ซึ่งวัฒนธรรมด้านสื่อสมัยใหม่เช่น Cartoon แบบญี่ปุ่นที่ฝรั่งจะเรียกทัพศัพท์ว่า Manga ด้วยก็เช่นกันครับ ซึ่งถ้าญี่ปุ่นชนะสงครามจริงรูปแบบวัฒนธรรมสื่อคงยังจะอิงแนวอนุรักษ์นิยมอยู่มากครับ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่า Cartoon หรือ Game แบบญี่ปุ่นอย่างที่เห็นๆในปัจจุบันนี้จะมีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ด้วยว่าถ้าคนที่เป็นผู้ผลักดันวงการคนสำคัญๆของวงการCartoon ญี่ปุ่น อย่าง อ.เท็ตสึกะ โอซามุ เป็นต้นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไรถ้าญี่ปุ่นชนะสงครามนะครับ (ต้องดูทัศนะคติคนญี่ปุ่นช่วงก่อนสงครามโลกในหลายๆแง่ด้วยครับ)
....ญี่ปุ่น ค่อนจะไปทางเยอรมัน สิ่งหลักๆคือทำสงครามที่แนวรบกว้างมาก และ ไม่เด็ดขาดในแนวรบใดเลย ทหารมีกำลังพลน้อยถึงประสิทธิภาพจะสูงก็เถอะ ต้องโยกย้ายกำลังพลไปหลายจุด สุดท้ายโดนตีริดรอนกำลังไปทีล่ะจุด การส่งกำลังบำรุงและทรัพยากรทำได้ลำบาก ในขระที่อเมริกาก็เสริมสร้างกำลังมาทดแทนได้อย่างรวดเร็ว
...อื่นๆก็ ญี่ปุ่นทำการทารุณ ชาวจีนและเชลยอย่างโหด ที่นานกิงโดนฆ่าตายมากมาย
....ส่วนถ้าญี่ปุ่นชนะ พี่ไทยน่ะหรือ ความเป็นกลางและมิตรแบบล็อคคอพูด หากญ๊ปุ่นชนะอาจจะมีเทคโนโลยีและการลงทุนในไทย ในด้านต่างๆจนเราเป็นมหาอำนาจ จนอาจจะโดนกลืนเข้าไป จนกลายเป็นกิจการคนญี่ปุ่นทั้งหมดและอาจจะมีชาวญี่ปุ่นมาตั้งที่ทำกินหน้าบ้านก็ได้.......
....ขนาดช่วงสงครามญี่ปุ่น แถวประตูน้ำบางยางไปคลองดำเนินมีเรือลำเลียงญี่ปุ่นมาเทียบท่าและมีพ่อค้าญี่ปุ่น เอาเครื่องยนต์ดีเซล ยันมาร์ (สูบตั้ง25แรง)มาจำหน่ายให้กับ ชาวนาแถวนครปฐม-สมุทรสาคร ราชบุรี ในราคาที่ถูกกว่าเครื่องจากยุโรปพวก รัสตัน สลาเวีย เชฟ ที่มีแต่คนรวยๆระดับโรงสีใช้ .......ผลที่ได้คือ ชาวบ้านแห่กันขายวัว ควาย กู้เงินมาซื้อกัน เพราะใช้ประโยชน์ เช่น สูบน้ำ สีข้าวขนาดเล็ก ปั่นไฟ น่ะครับ เรียกได้ว่าเกินตัวไปมากเลยล่ะ
หากญี่ปุ่นชนะสงครามโลกครั้งที่สองเหรอครับ
..ผมคิดว่า ก็จะมีการเปลี่ยนแปลง โดยมหาอำนาจทางทหารในโลกก็จะมีอยุ่หลายประเทศแต่ที่แน่ๆคือ ไทยแลนด์!!!
...อาวุนิวเคลียร์ก็จะถูกสร้างในชื่อของจรวด V-3 (ถ้ามีน่ะครับ ถ้าเยอรมันตามไปลากตัวไอสไตน์กลับมาจากอเมริกาได้) แล้วมาพัฒนาต่อ เอามายิงใส่ ลอนดอน มอสโคว และอีกหลายๆประเทศคุ่แค้น
...เครื่องบินไอพ่น โฮ 229 ก็จะเป็นตำนานใหม่ของโลก
...แล้วเทคโนโลยีของ เจแปน ก็จะถ่ายทอดให้เรา จนอาจจะมีหลายๆอย่าง เช่น เครื่องบินขับไล่ มิตซุบิชิ รุ่นA.... รุ่นสมรรถนะสูงสุด และอีกหลายๆอย่าง ที่เราจะได้ เพราะเขา อาจจะ ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เรา 100 เปอร์เซนต์ (ไม่เหมือนอเมริกา เหนียวมาก เห็นได้ชัด ขนาดเราจะซื้อ เอฟ-16เอ/บี ยังจะมีการปรับแต่งเป็นรุ่นลดสมรรถนะให้เราอีก- -)....อิอิอิ
ถ้าญี่ปุ่นชนะ ท่านผู้นำคงไม่รอด.. 5 55 5
เพราะท่านผู้นำ(จอมพล XXX)เป็นเด็กนายร้อยฝรั่งเศส แต่ท่านอดีตผู้นำ (พระยาพหลฯ) เป็น สายเยอรมัน จบ กล๊อซลิซ เทอ เฟลเดอร์ มาพร้อมกับ ฮิเดกิ โตโจ (ใครก็ไม่รู้แฮะ...อิ ๆ ๆ)
คาดว่า ด้วยเลือดของ อดีตนายร้อยของพระเจ้าไกเซอร์วิลเฮ่มที่ 2 มาด้วยกัน คงไม่ยอมให้เพื่อนตกต่ำเป็นแน่นอน.. 55 5 5
--------------------------------------------
จริง ๆ จะบอกว่า ท่านผู้นำ (จอมพล. XXX) นี่หละตัวดี รู้ตัวล่วงหน้าว่าญี่ปุ่นจะบุกประเทศไทย ตั้ง 2 อาทิตย์ แต่ทำนิ่ง
ขนาดวันที่ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบก ท่านผู้นำ ยังหนีไปอยู่ต่างจังหวัดเลย ใครก็ตามตัวไม่เจอ
นี่หละครับ ผู้นำคนเก่งของเรา
ถกกับคุณช้างอ้วนต่อครับ
จริง ๆ ถ้าดูตามแผนการพัฒนากองทัพ ตั้งแต่ สมัย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช
ลงมาจะเห็นได้ว่า สยาม เริ่มมีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้น (ในเรื่องของกองทัพ) จะมาชะงัก ก็ตั้งแต่ ปลาย ๆ สมัย ร.๖ ที่มีปัญหาเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ประจวบกับ เจอปัญหาเรื่อง มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๕
เข้าไปด้วย ก็เลยทำให้ยิ่งประสบปัญหามากขึ้นไปอีกครับ
แต่ก็ไม่ใช่ว่า พื้นฐานจะแย่ไปเสียหมด อย่างน้อยก็ยังสามารถป้องกันตัวเองได้ในระดับหนึ่ง
ถ้าไม่มีปัญหา มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ กับ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ กองทัพสยาม น่าจะพร้อมรบมากกว่านี้ครับ
-------------------------------------------------------------
ส่วนเรื่อง นโยบายกรณี ไปทำสงครามอินโดจีน จนชนะ โดยส่วนตัวคิดว่า เป็นการหาเสียงทางการเมือง เพื่อตัวเอง อย่างฉลาดครับ
(ก็คงคล้าย ๆ กับ ฮุนเซ็น ทำกับเราตอนนี้นั่นเอง)
ตามจริง น่าจะอ่านแผนการของญี่ปุ่น ที่จะฮุบอินโดจีน ออกก่อนที่จะต้องลงทุนไปรบให้เพลียนะครับ เพราะสุดท้าย ถึงฝรั่งเศสถอยไป ญี่ปุ่นก็มาคาบชิ้นปลามัน ไปอยู่ดี
ผมเคยอ่าน หนังสือเรื่อง ทหารเหลือใช้สงคราม ของ ท่านอดีต พลตรี ถาวร ช่วยประสิทธิ์ (คิดว่าน่าจะเป็นกลางกว่า ของ คุณลุง สรศัลย์ ที่บางท่านอาจบอกว่า อยู่สายเจ้า) บุคคลที่เข้าไปร่วมรบ กับ สงครามทั้ง สงครามอินโดจีน และ สงครามใน สหรัฐไทยเดิม (รัฐฉาน)
อ่านดูแล้ว ก็รู้สึกว่า เราไม่ใคร่จะพร้อมเท่าไรนัก นายร้อยก็ไม่พอ จนต้องมีนายร้อยรุ่นพิเศษ เรียนไม่ครบเกณฑ์ที่ตั้งไว้ แถมยังต้องไปติดดาว และ รับกระบี่ ในสนามรบ แทนที่จะได้รับ กับ เจ้านาย หรือ ผู้บัญคับบัญชาระดับสูง
ก็เลยทำให้ผมรู้สึกว่า เมื่อไม่พร้อมแล้วจะไปรบทำไม ?
โชคยังดีอยู่ว่า ฝรั่งเศสเปลี้ยแล้ว ก็เลยชนะง่ายหน่อย
พอมาวันญี่ปุ่นบุก นี่ อ่านแล้ว ก็รู้สึกสลด เพราะ กองกำลังของ ท่านอดีตผู้การตุ๊ (พลตรี ถาวร) ขึ้นรถ เตรียมไปทำศึกแล้ว แต่ก็ได้รับคำสั่งให้หันรถกลับเข้ากรมกอง ซึ่ง ก็น่าจะเป็นอารมย์เดียวกับ หนังเรื่อง ยุวชนทหาร ที่ตอนจบนั่นแล
ยิ่งมาอ่านตอน ทำศึก ใน สหรัฐไทยเดิม ก็ยิ่งรู้สึกว่า จะทำไปทำไม ?
ความไม่พร้อมรบต่าง ๆ ก็แสดงออกมาให้เห็นในช่วงท้าย ๆ สงคราม
ยิ่งบทสรุปตอนจบ แล้ว อ่านแล้วแทบน้ำตาร่วง
โดยส่วนตัว ผมก็เลยคิดว่า ท่านจอมพล XXX ไม่ได้เก่งเท่าไร และคิดว่า แผนการณ์ต่าง ๆ ที่เรารอดมาได้ ก็เพราะ เสรีไทย เสียมากกว่าครับ
เป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ
ปล.. นี่ไม่นับรวม กรณี สมรภูมิบ้านพร้าว ใน กัมพูชา ที่เลื่องลือ กันว่า เราสามารถ ละลายกองพัน ของฝรั่งเศสได้ โดยที่เราแทบไม่สูญเสียเลย
ถ้าไปอ่าน หนังสือศิลปวัฒนธรรม ที่เขาเอามาจาก หนังสืองานศพ ของ ท่าน พันตรี หลวงนิมมานกลยุทธ (นิ่ม ชโยดม)
ผู้บัญชาการรบในตอนนั้น จะยิ่งสะท้อนใจ
เพราะกลายเป็นว่า การที่ท่านผู้พัน ปฏิบัติการ ได้ดี แต่มันไปทำให้ ท่านผู้บังคับการกองพลเสียหน้า !
เผอิญ ท่านผู้บังคับกองพล ท่านนั้น ดันเป็น เพื่อน Love กับ ท่านจอมพล XXX เสียด้วยสิครับ !
ในส่วนตัวของกระผม ถ้าญี่ปุ่นชนะสงคราม
ไทยก็คงจะรุ่งเรืองมาก โดยที่ต้องแลกมากับ
ความช้ำใจและระทมทุกข์ของคนในชาติ อีกนาน
กว่าจะกลืนกิน เป็นชาติที่รุ่งเรืองได้ แล้วสุดท้าย
จะมีคนไทย(ที่รับใช้ สุดๆๆ) เพียงไม่กี่คนที่จะยืนหยัด
ร่ำรวย แต่ ไม่มีศักดิ์ศรี ขอบคุณ ท่าน lordsri และ ท่าน
ช้างอ้วน ที่ ได้ถกในหัวข้อที่ โดนใจ......
ยินดีครับคุณช้างอ้วน
เรื่องสงครามอินโดจีน โดยส่วนตัวเชื่อว่า ฝรั่งเศสเองก็คงอยากจะเอาคืนอยู่เหมือนกันครับ ติดตรงที่ว่า กำลังเปลี้ยจากสมรภูมิในยุโรป
ถ้าอ่านจากหนังสือของ คุณสรศัลย์ ลุงท่านบอกว่า ถ้าสู้ต่อไป เราก็คงได้เขมรทั้งหมดครับ ซึ่ง ญี่ปุ่นไม่ยอมแน่ ๆ เพราะ ญี่ปุ่นวางแผนจะยึดอินโดจีนทั้งหมดครับ
ดังนั้น ญี่ปุ่นก็เลย เสนอ อาวุธแจ๋ว ๆ ของเขาให้เราไปใช้ ถล่มฝรั่งเศสอย่างไรหละครับ (หัวหมอดี ยืมมือคนอื่นจัดการ แล้ว ชุบมือเปิบ )
ญี่ปุ่นเองไม่คิดว่า เราจะลุยฝรั่งเศสเสียเละเทะขนาดนั้น จริง ๆ แผนนี้ดีนะครับ ไม่ไทย ก็ ฝรั่งเศสต้องเดี้ยงกันไปข้าง หรือ ถ้าจะให้ดี เดี้ยงทั้งคู่เลยยิ่งดี... อะโน กาผ้ม จะได้ยึด ได้สะดวก ๆ หน่อย 5 55 5
พอตั้งตัวได้เลยรีบ เสนอตัว (แกมบังคับ) ให้เรายุติสงครามครับ ดูภายนอกเหมือนพระเอกอย่างไรอย่างนั้นเลยนะเนี่ย ญี่ปุ่นเนี่ย..อิ ๆ ๆ
------------------------------------------------------
ส่วนเรื่อง ธงชัยเฉลิมพลของฝรั่งเศส ประดับ ครัวเดอแกร์ นั่น ก็อย่างว่าหละครับ เสียเกียรติภูมิเขา เขาก็ต้องหาทางเอาคืนจนได้หละครับ
---------------------------------------------------------------
เรื่องโอนอ่อนตามญี่ปุ่นนั้น ผมว่าก็เห็นด้วยครับ แต่อย่างน้อยน่าจะ ยืดเวลาได้ดีกว่านี้ ถ้า จอมพล XXX ไม่หลงกล ไปตีเขมรแต่แรกครับ
เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว เราก็คงจะต้องเอามาเป็นบทเรียนสอนใจเราครับ
มันเหมือนกับ หลักของ พิชัยสงครามซุนหวู่เลยตรงที่ว่า "คบไกลตีใกล้"
คบไกลก็คือ คบไทย ตีใกล้คือ ตีอินโดจีน ลงตัวเป๊ะครับ..
เผอิญท่านจอมพล XXX จบจากฝรั่งเศสมา เลยอาจไม่ได้เรียน ตำราของซุนหวู่ครับ... (อิ ๆ ๆ อันนี้แซว ๆ ครับ)
และถ้าบ้านเรา ร่วมมือกับ ฝรั่งเศส อาจต้าน ญี่ปุ่นได้นานกว่านี้ครับ รอวางแผนทำสงครามจรยุทธ์ในบ้าน พร้อมเมื่อไร ค่อยแกล้งยอมแพ้ญี่ปุ่นก็ยังไม่สายครับ ผมเชื่อว่า คงเป็นทางออกที่ดูดีกว่านี้ครับ (โดยส่วนตัวคิดแบบนี้นะครับ )
-----------------------------------------------------------------------
เรื่องสมรภูมิบ้านพร้าว โดยส่วนตัวคิดว่า แล้วแต่มุมมองครับ
-------------------------------------------------------------------------
เรื่องความยิ่งใหญ่ของไทย และ ญี่ปุ่น ก็เป็นอย่างที่ผมได้เรียนไปครับ
ถ้าไม่ติดเรื่องปัญหาเศรษฐกิจปลายสมัย ร.6 กับเหตุการณ์อีก 2 เหตุการณ์ ทหารบ้านเราจะพร้อมรบดีกว่านี้ครับ
จริง ๆ รู้สึกว่า ในยุคที่ ผู้บังคับการตามหน่วยต่าง ๆ ยังเป็น ทหารจากเยอรมัน ประเทศเราจะเป็นทหารอาชีพจริง ๆ นะครับ วินัยสูงมาก ไม่สนใจการเมืองเลย
พอเริ่มมี พวกที่จบจากฝรั่งเศสเข้ามา รู้สึกว่า จะเริ่มยุคของ รุ่น กันจริงจังเลย ทำให้การเมืองเข้ามายุ่งกับทหารเต็มตัว
ประมาณนี้หละครับ
ปล.. ที่ผมได้เรียนไปเรื่อง ติดดาว และ รับกระบี่นั้น ท่านผู้การท่านบอกว่า ท่านได้รับดาว และ กระบี่จาก จ่ากองร้อย ที่ท่านประจำการอยู่ครับ นับว่า ถ้าไม่คิดเรื่องเกียรติยศ ก็คงจะแล้วไป
แต่ถ้า คิดถึงเรื่องเกียรติยศ นายร้อยรุ่นนี้ ก็คง.... พูดไม่ออกครับ
ท่านผู้การตุ๊ บอกว่า สมัยนั้น จ่ากองร้อย เอากระบี่มาโยนให้ แล้วก็บอกว่า หมวดเอาไปแบ่งกันคนละเล่ม !
ส่วนดาวนี่ ก็ให้ติดกันเองครับ.... ฮึ ๆ ๆ
ขอแก้ไขข้อมูลครับ
ปลายสมัย ร.6 เป็นสงครามโลกครั้งที่ 1 ครับ ไม่ใช่ครั้งที่ 2 อย่างที่ผมโม้ไปครับ
แต่ส่วนตัวผมกลับมองว่าหากอักษระชนะขึ้นมาญี่ปุ่นชนะสงครามผมว่าไทยน่าจะไม่ต่างกับเมืองขึ้นอย่างประเทศเพื่อนบ้านของเราในอาเซียนที่ญี่ปุ่นน่าจะให้ไทยเป็นประเทศผลิตใช้ทรัพยากรเพื่อญี่ปุ่นเพราะความคิดของการเมืองระหว่างประเทศสมัยนั้นออกไปทางช่วงปลายล่าอาณานิคมอยู่อาศัยประเทศที่ญี่ปุ่นเคลื่อนทัพผ่านวางกำลังแล้วชนะสงครามญี่ปุ่นน่าจะเข้าควบคุมในหลายๆด้านภายหลังญี่ปุานชนะ
สมัยคุณตาของผมยังหนุ่มเล่าให้ฟังว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คนไทยผลิตได้ในเกษตรกรรมหรือมีการขนส่งทางแม่น้ำท่าจีนจะต้องได้รับการตรวจตราจากทหารญี่ปุ่น มีการส่งสินค้าที่ขนมาเป็นค่าผ่านทางเป็นจำนวนอย่างน้อย1ใน3ของสินค้าทั้งหมดนี้ขนาดอยู่ในช่วงที่ญี่ปุ่นกำลังเคลื่อนผลในช่วงแรกๆที่ยังไม่ถึงเหตุหารรบในพม่านะครับการแสวงหาทรัพยากรของญี่ปุ่นออกลายมาบ้างแล้ว และช่วงบุกพม่าญี่ปุ่นกวาดซื้อสินค้าที่จำเป็นในครัวเรือนและสินค้าที่จำเป็นกับกองทัพไปหมดเช่นน้ำมันกาด ผ้าดิบ ถ่าน ฯลฯ โดยใช้เงินเยนของเขาที่พิมพ์ขึ้นมาใหม่(ภายหลังสงครามก็เป็นเพียงเศษกระดาษที่รัฐบาลญี่ปุ่นไม่รับชำระด้วยซ้ำ)ทำให้คนไทยแถบชนบทสมัยนั้นยิ่งกว่าน้ำท่วมปี 2527เสียอีก
ทำให้ในความคิดเห็นส่วนตัวของผมประเทศไทยภายหลังญี่ปุ่นชนะสงครามเราน่าจะเป็นประเทศผลิตสินค้าส่งกลับให้คนญี่ปุ่นใช้สาเหตุจากทรัพยากรอันสมบูรณ์ของไทย(และพม่าน่าจะคล้ายกัน)โดยคนญี่ปุ่นจะส่งคนของเขามาควบคุมการผลิตในระดับผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ผลผลิตที่ได้ตรงตามที่ต้องการและเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีก็จะไม่เหมือนปัจจุบัน(ปัจจุบันก็แถบจะน้อยนิดกับความรู้ที่ถ่ายทอดมา)และคำกล่าวที่ว่าเอเซียป้องปกครองด้วยเอเซียใช่ครับแต่เป็นญี่ปุ่นนะเพราะมีกรณีที่ญี่ปุ่นเข้าไปในจีนคนจีนโดนกดขี่ขมเหงค่อนข้างมากหลายคนอาจบอกว่านั้นเป็นช่วงสงครามแต่อากง(คุณปู่)ของผมบอกว่าที่หนีมาจากจีนเพราะทนยุ่นไม่ไหว พวกฝรั่งพอว่าแต่กับยุ่นโกหกและขี่ขโมยอ้างว่าเอเซียเหมือนกัน แต่ที่จริงยุ่นเหมือนกันมากกว่า(คือประเทศจีนในที่ญี่ปุ่นปกครองนั้นของจีนมากกว่า) นี้เป็นเหตุผลพอรองรับการคาดเดาของกระผมได้ว่าหากญี่ปุ่นชนะขึ้นมาไทยน่าจะแย่นะครับ
X ถ้าญี่ปุ่นชนะสงครามโลก
ราชวงศ์สุดท้ายที่ปกครองจีนจะไม่ใช่ราชวงศ์ิชิง