หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ตั้งข้อสังเกตุการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ MI-17V5 ของกองทัพบก

โดยคุณ : Skyman เมื่อวันที่ : 04/11/2008 14:30:41

กระทู้นี้เป็นการตั้งข้อสังเกตุนะครับผม

ถ้าลองคุ้ยดูแผน 9 ปี เก่าและถูกแก้ไขใหม่เมื่อ ธ.ค. 50 จะพบสิ่งที่น่าสนใจครับ

ดูบันทึกที่ 30 และ 32 ครับ ....... ตามหลักการแล้ว Mi-17V5 จะตกอยู่ในบันทึกที่ 32 ตามโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางของกองทัพบก และเนื่องจากมันเป็น ฮ. ลำเลียง จึงไม่มีการซื้ออาวุธจากรัสเซียมาติดตั้งแบบหลายประเทศตามข่าวจากสำนักข่าว Kommersant อาวุธถ้าจะมีคงเป็นปืนกล NATO ที่ใช้ป้องกันตัวเท่านั้น

ส่วนบันทึกที่ 30 นั้น ....... อ่านแล้วจะพบว่า มันคือโครงการจัดหา ฮ.ใช้งานทั่วไปต่อจาก Black Hawk 7 ลำนั้นเอง ซึ่งตามแผนการเดิมจะจัดซื้อในอีกราว 5 ปีข้างหน้า

ตามบันทึกที่ 30 มีโครงการจัดหา ฮ.ลำเลียงขนาดกลางจำนวน 3 ลำ ........ มื้อนี้กลับกลายเป็นว่า นอกจากโครงการจัดหาตามปกติที่ใช้งบปกติคือ Mi-17V5 จำนวน 3 ลำแล้ว ทบ. ยังยกเลิกการซ่อม UH-1H และไปจัดหา Mi-17V5 มาอีก 3 ลำ และถ้ากองทัพบกยกเลิกการซ่อม UH-1H ทั้งโครงการ 46 ลำ ก็จะสามารถจัดหา Mi-17V5 ได้ 12 ลำ

มันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรในแผนการจัดหาหรือเปล่าครับ? เช่นกองทัพบกจะจัดตั้งฝูงเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงขนาดกลางเพื่องานทางยุทธการบางอย่างโดยเฉพาะ เช่นจัดกองพันปืนใหญ่ที่เคลื่อนที่ได้เร็วกว่าปืนใหญ่อัตตาจร หรือนำไปสนับสนุนการส่งกำลังพลทางอากาศซึ่ง Mi-17V5 ทั้ง 6 ลำส่งได้เกือบทั้งกองร้อยพร้อม ๆ กันแหนะ ถ้าบวกชีนุคเข้าไปด้วยก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการขนส่งยิ่งมากขึ้นเข้าไปอีกมาก

เตรียมรับกองพลอะไรหรือเปล่าครับ?

กลับมาเรื่องบันทึก 30 ผมว่ากองทัพน่าจะถ่วงน้ำหนักแล้วเห็นว่า ตอนนี้ Black Hawk ยังไม่เร่งด่วนเท่าฮ.ขนาดกลางอย่าง Mi-17V5 จึงขอจัดหา Mi-17V5 ก่อน? (เพราะโครงการก็เขียนไว้ชัดว่าอีกนานกว่าจะเริ่มจัดหา Balck Hawk) ....... หรือความจริงกองทัพตั้งใจจะเริ่มโครงการตามบันทึกที่ 30 เลยตั้งแต่ปีนี้ ในรูปแบบการทะยอยจัดหาไปเรื่อย ๆ จนครบ เพราะจำนวนความต้องการมากถึง 9 ลำแบบนี้อาจจะต้องใช้เงินถึง 7 พัน - 9 พันล้านบาทในคราวเดียว กองทัพจึงต้องมานั่งถ่วงน้ำหนักกันระหว่างเริ่มทะยอยจัดหา Black Hawk แบบตอต ๆ ไปทีละปีกับมุ่งไปที่การจัดหา Mi-17V5 ก่อน ซึ่งกองทัพก็เลือกจัดหา Mi-17V5 และอาจจะไปหวังน้ำบ่อหน้าเพื่อจัดหา Black Hawk ในอนาคต?

หรือว่ากองทัพอาจจะมึนแบบนิ่ม ๆ คือเอา ฮ. ANSAT 8 จากรัสเซียจำนวน 8 ลำที่มีข่าวว่าจะได้รับตามโครงการชดใช้หนี้ข้าวมาแทนโครงการจัดหา Balck Hawk ในบันทึกที่ 30 ไปเลย? ......... ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ผมไม่เห็นด้วยครับ เพราะถ้า ANSAT มาจริงก็ควรจะเป็นตัวแถมมากกว่า โดยโยน ANSAT ไปใช้ในภารกิจ VIP เพราะเบาะมันนั่งนิ่มสบายอยู่แล้วเนื่องจากสร้างตามมาตราฐานยุโรป และปล่อย Balck Hawk ให้ทำงานยุทธการเต็มที่ ....... เพราะผมคิดว่า Black Hawk ควรจะเป็น ฮ. ในอนาคตเพียงแบบเดียวที่จะมาแทนเมื่อ UH-1H ที่เหลืออีก 46 ลำนั้นหมดอายุลง

ดังนั้นสรุปข้อเสนอผมครับ

1. Mi-17V5 จัดหามาเพิ่มเติมได้ และเห็นด้วยถ้าจะจัดหามาเพิ่มเติมจนครบ 12 ลำเพื่อเพิ่มความสามารถในการขนส่ง ลำเลียงพล ส่งกลับสายแพทย์ และช่วยเหลือผู้ประสบภัย

2. Black Hawk ก็ยังควรจะจัดหาเพิ่มอีก 9 ลำตามที่มีโครงการอยู่เดิม ซึ่งจะทำให้ ทบ. มี Black Hawk 18 ลำ เป็นการวางรากฐานในการทดแทน UH-1H ในอนาคต

3. ANSAT ซึ่งถ้าข่าวลือเป็นความจริงว่ามาตามโครงการใช้หนี้ข้าว ควรจัดมันเป็น ฮ.ธุรการ+VIP ไปเลยครับ จำนวน 6 - 8 ลำสามารถสนับสนุนได้ทั่วกองทัพบกแน่นอน

4. ไม่ต้องกลัวว่า UH-1H ถ้าถูกปลดไปทั้ง 46 ลำแล้วจะไม่พอใช้ ........ เพราะที่ผ่านมามันก็บินไม่ได้อยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็ใช้งานแค่ครึ่งเดียว ดังนั้นแทบไม่ต่างเลยครับ

5. ผมเคยเห็น Mi-17V5 บินที่มาเลเซียทีนึง ใช้ได้ครับ เสียงไม่ดังมากแบบ UH-1H แม้ว่าจะตัวใหญ่กว่า ออกตัวได้ดี แม้ว่าวันนั้นมันจะไม่ได้มาบินโชว์ก็ตามเนื่องจากมันมาบินรับ-ส่ง VIP แต่เท่าที่เห็นแค่นี้ ถ้านำมาใช้ในภารกิจลำเลียงล่ะก็ผมมั่นใจครับ


อ้างอิง

บันทึก 30. โครงการจัดหา ฮ.ใช้งานทั่วไป โครงการปี 55 – 57  จำนวน 9 เครื่อง

        - ใช้เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ จำนวน 2 เครื่องยนต์  มีแรงม้าไม่น้อยกว่า 1,900 SHP ต่อเครื่องยนต์ บรรทุกกำลังพลพร้อมเครื่องสนามได้ไม่น้อยกว่า 1 หมู่ปืนเล็ก (11 นาย)  ไม่รวมนักบินและช่าง

ประจำเครื่อง   เมื่อบรรทุกและมีเชื้อเพลิงเต็มถัง(MTOW) จะต้องมีความเร็วเดินทางสูงสุดไม่น้อยกว่า

120 น๊อต และพิสัยบินไม่น้อยกว่า 300 nm   สามารถติดตั้งเปลพยาบาลได้ 4 – 6 เปล น้ำหนักบรรทุกภายนอกไม่น้อยกว่า 4,000 ปอนด์

        เงื่อนไขของโครงการ

1. มีการฝึกนักบินและช่าง เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้โดย จำนวน นักบิน 2 นาย,ต่ออากาศยาน 1 เครื่อง

    นักบินลองเครื่อง 2 นาย,  ครูการบิน 2 นาย, ช่างขั้นหน่วย ไม่น้อยกว่า 2 นาย, 

    ช่างขั้นกลางจำนวน 4 นาย, 

2. ต้องแจ้งรายการและราคาของเครื่องมือซ่อมบำรุงประจำอากาศยานและบริภัณฑ์ภาคพื้น

3. ต้องแจ้งรายการและราคาของชิ้นส่วนซ่อมควบคู่  จำนวน 400 ชม.บิน  และ/หรือ 2 ปี ต่อเครื่อง

4. มีระบบไฟที่สามารถปฏิบัติงานด้วยกล้องมองกลางคืน (NVG)

5. ต้องแจ้งข้อมูลการผลิตและประเทศผู้ใช้งานทั่วโลก

6. ไม่เป็นเครื่องบินต้นแบบ

บันทึก 32. โครงการจัดหา ฮ.ลำเลียงขนาดกลาง โครงการปี 50 – 51 จำนวน 3  เครื่อง

        - เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ จำนวนไม่น้อยกว่า  2 เครื่องยนต์  มีแรงม้ารวม ไม่น้อยกว่า 3,500 แรงม้า สามารถบรรทุกกำลังพลไม่น้อยกว่า 30 นาย ไม่รวมนักบินและช่างความเร็ว   เมื่อบรรทุกและมีเชื้อเพลิงเต็มถัง(MTOW) จะต้องมีความเร็วเดินทางสูงสุดไม่น้อยกว่า 120 น๊อต และพิสัยบินไม่น้อยกว่า 300 nm บรรทุกภายนอกไม่น้อยกว่า 15,000 ปอนด์

        เงื่อนไขของโครงการ

1.มีการฝึกนักบินและช่าง เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้โดย จำนวน นักบิน 2 นาย,ต่ออากาศยาน 1 เครื่อง

   นักบินลองเครื่อง 2 นาย,  ครูการบิน 2 นาย, ช่างขั้นหน่วย ไม่น้อยกว่า 2 นาย, 

   ช่างขั้นกลางจำนวน 4 นาย, 

2. ต้องแจ้งรายการและราคาของเครื่องมือซ่อมบำรุงประจำอากาศยานและบริภัณฑ์ภาคพื้น

3. ต้องแจ้งรายการและราคาของชิ้นส่วนซ่อมควบคู่  จำนวน 400 ชม.บิน  และ/หรือ 2 ปี ต่อเครื่อง

4. มีระบบไฟที่สามารถปฏิบัติงานด้วยกล้องมองกลางคืน (NVG)

5. ต้องแจ้งข้อมูลการผลิตและประเทศผู้ใช้งานทั่วโลก

6. ไม่เป็นเครื่องบินต้นแบบ

 





ความคิดเห็นที่ 1


ส่วนตัวแล้วผมว่า ทบ. คงไม่ซื้อ แบล็คฮ็อค เพื่มอีกแล้วละครับ คงหันไปหา มิ-17 แทนด้วยเหตุที่ว่ามันสามารถขนอะไรต่อมิอะไรได้มากกว่าเจ้าแบล็คฮ็อค (แน่นอนย่อมมากกว่าเจ้าฮิวอี้ด้วย) ซึ่งราคาค่าตัวของมันเมื่อเทียบกับน้ำหนักบรรทุกที่ขนได้ คิดว่าน่าจะคุ้มค่า-คุ้มราคา กว่ากันเห็นๆครับ สำหรับการขนส่งอุปกรณ์ทางทหารหลังแนวรบ แบบไม่ต้องติดอาวุธ

ส่วนแบล็คฮ็อค และ เจ้าฮิวอี้ที่เหลืออยู่ น่าจะพัฒนาเป็นเครื่องบินติดอาวุธ เพื่อใช้ในแนวหน้าโดยตรงครับ เพราะความน่าเชื่อถือของเครื่องบินย่อมมากกว่าเครืองรัสเซียอยู่แล้ว หรือจะใช้เพื่อบินคุ้มกันเจ้า มิ-17 ก็ไม่เลวนาครับ เพราะ ทั้งพละกำลัง ความเร็วและความว่องไวของเครื่องบินอเมริกันสองตัวนี่ก็ไม่เลวทีเดียวครับ

โดยคุณ data เมื่อวันที่ 30/10/2008 03:12:35


ความคิดเห็นที่ 2


มิ17ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะครับ ผมก็okกับการซื้อครั้งนี้ แต่ยังไงก็อยากให้จัดหา black hawkให้ได้ตามจำนวนที่กำหนดคือ33ลำเพื่อที่จะทดแทนUH1Hที่ยังไงๆมันต้องก็ปลดประจำการ แต่ถ้าจะไม่มีการหา black hawkแล้วจะใช้มิ17เป็นฮ.หลักด้วยเหตที่ว่ามันขนได้เยอะผมว่าฟังไม่ค่อยขึ้นนะครับ ถ้าจะหามาแทนชินุคที่เราคงไม่ซื้อเพิ่มเติมแน่ๆล่ะก็สมเหตุผล

เรื่องความคล่องตัวนี่black hawkน่าจะเหนือกว่า ใช้สนับสนุนทหารราบจะมีประสิทธิภาพมากกว่า แล้วมิ17นั้นก็ใช้ในการขนย้ายต่างๆทั้งทหาร,อาวุธตามหลังblack hawk อีกที(ไม่ทราบว่าmi17v5มีอุปกรณ์การบินกลางคืนหรือเปล่าแล้วใช้กับกล้องngvที่ท.บ.มีได้หรือไม่)

อีกอย่างฮ.โจมตีcobraที่จะหามาเพิ่มอีก7ลำนั้น ผมไม่อยากหวังมากในตอนนี้ครับ เพราะเงียบเหลือเกิน เงียบกริบเลย บางทีอาจจะไม่ได้ก็ได้ ตอนี้รอดูฮ.sarของท.อ.อยู่ครับว่าจะเอาs-92หรือจะเอาblack hawk แต่อันหลังนี่น่าจะยาก หรือจะเอาmi17แบบท.บ. น่าติดตามครับ

 

 


โดยคุณ pc1 เมื่อวันที่ 30/10/2008 03:59:51


ความคิดเห็นที่ 3


พี่โยครับ เอา Mi-17 มาแทน Black Hawk ทั้งหมดเลยไม่ได้หลอครับ เพราะราคาถูกกว่าและใช้งานได้หลากหลายกว่า ขอบคุณครับ
โดยคุณ sherlork เมื่อวันที่ 30/10/2008 04:09:37


ความคิดเห็นที่ 4


ผมว่า ห้าปีต่อจากนี้ยังไงเสียก็ไม่ได้ซื้อเพิ่มเติมแน่นอนครับ เพราะงบประมาณหมด ไปกับการเอาตังค์ไปกู้ซากบรรดา บริษัท ไฟแนนซ์ที่ย่อยยับกับระบบทุนนิยมนี่ละครับ

    ยังดีว่าประเทศไทยมีถนนหนทางเชื่อมต่อกันได้เกือบทั่วประเทศ

เวลาขนส่งยุทธภํณฑ์ก็ยังใช้รถบรรทุกได้พอสมควร ยกเว้น พื้นที่ภูเขาสูงมากๆ เช่นทางเหนือตอนบน ชายแดน

       

โดยคุณ siamman18 เมื่อวันที่ 30/10/2008 04:23:22


ความคิดเห็นที่ 5


ส่วนตัวเชื่อว่าทางกองทัพบกคงน่าจะพยายามจัดหา ฮ.Blackhawk เพิ่มเติมครับ เพราะเท่าที่อ่านจากคำให้สัมภาษณ์ของทางโฆษกกองทัพบกนั้นก็ค่อนข้างจะชัดเจนว่า กองทัพบกจะใช้ ฮ.Blackhawk สำหรับภารกิจปฏิบัติการรบโดยตรงและใช้ ฮ.Mi-17 สำหรับการลำเลียงสนับสนุนทั่วไป

ซึ่งถ้ามีงบประมาณเตรียมไว้สำหรับการจัดหา ฮ.Blackhawk ในช่วง3-4ปีนั้นก็คงจัดหามาไม่เกิน 2-3ลำครับ ซึ่งจะทำให้มี ฮ.Blackhawk พร้อมใช้ราว 9ลำ(จากที่มีอยู่ในปัจจุบัน7ลำ) และถ้าร่วมกับการจัดหา Mi-17 ซึ่งจะมีเพิ่มในอนาคตตามโครงการที่ตั้งไว้แล้ว ทบ.ก็จะมี ฮ.Mi-17 เบื้องต้น 6ลำ ซึ่งก็คาดว่าจำนวนเครื่องเบื้องต้นของ Blackhawk และ Mi-17 จะอยู่ที่ 9ต่อ6ลำครับ

ซึ่งภายหลังปี๒๕๕๕๘ไปก็ไม่ทราบว่า ทบ.จะจัดหางบประมาณพอที่จะมีจำเครื่อง Blackhawk ถึง 18ลำหรือไม่ แต่ถ้ามีการประเมินแล้วว่า ฮ.Mi-17 มีประสิทธิภาพเหมาะสมต่อการใช้งานในกองทัพไทยจริง จำนวนเครื่องจากที่เคยคาดๆไว้ว่าน่าจะมีสัก12ลำอาจจะเพิ่มเป็น 16-24ลำก็ได้ครับ (คือ Blackhawk 18ลำ ต่อ Mi-17 24ลำ) ซึ่งถ้ามีงบประมาณสนับสนุนเพียงพอก็ควรจะมีการปรับปรุงเครื่อง Blackhawk ให้ติดตั้งอาวุธประจำเครื่องเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถใช้เป็น ฮ.Gunship ได้ด้วยในบางภารกิจแทน ฮ.UH-1H รุ่นเก่าที่จะปลดไปครับ

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 30/10/2008 05:11:38


ความคิดเห็นที่ 6


เสี่ยครับ ได้เวลาเปิด Line ธุรกิจไปด้านตะวันออกแล้วครับ... 5 5 5 5
โดยคุณ lordsri เมื่อวันที่ 30/10/2008 05:16:22


ความคิดเห็นที่ 7


เออ แค่คนๆ เดียวนี้เป็นประเด็นมากมายเลย แต่ก็เป็นการดีที่จะทำให้คนอื่นได้เข้าใจ ในสิ่งที่บางคนไม่รู้ ด้วยก็ได้
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลมากมายที่ให้ความรู้กับผม
โดยคุณ xavious เมื่อวันที่ 30/10/2008 05:56:28


ความคิดเห็นที่ 8


สำหรับ UH-1 ที่เรามีก็คงต้องจัดการยำอะไหล่ไปจนกว่าจะยำต่อไม่ไหว เห็นด้วยกับการใช้เป็นกันชิพเต็มตัวครับ

ที่ผมยังสงสัยอยู่ก็คือถ้าต่อไปเจ้าชินุกของเราแก่เกินแกงแล้วจะลดสเปคมาเอา Mi-17 มาบรรทุกของหนักแทนเลยหรือเปล่า หรือจะเลื่อนยศไปเอา CH-47 รุ่นหลังๆ เพราะดูแล้วไม่ขี้เหร่เลยโดยเฉพาะรุ่น D กับรุ่น F แถม  Mi เรายังแบกน้ำหนักได้น้อยกว่าด้วย

ปล. คุณ pc1 เอา Avatar ของมิโดริจังมาด้วยแฮะ (พลังโอตาคุเริ่มเข้า ชอบมากๆ ครับเรื่องนี้)
โดยคุณ Praetorians เมื่อวันที่ 30/10/2008 09:12:21


ความคิดเห็นที่ 9


ผมสนับสนุนที่จะเอา Mi-17 มาใช้ในภารกิจขนส่งและลำเลียงครับ แต่ในภารกิจการรบผมยังสนับสนุนให้ ทบ. จัดหา แบล็คฮอว์ค มาใช้เหมือนเดิมครับ(อย่างที่บอกว่า อึดใช้งาน สวยออกงาน) เนื่องจากความคล่องตัวดีกว่าและทำความเร็วได้มากกว่า เช่นหากมีการรบ เราต้องมี เฮลิคอปเตอร์ สำหรับส่งกำลังบำรุงและรับกำลังพลที่บาดเจ็บกลับได้อย่างทันท่วงทีและรวดเร็ว และภารกิจค้นหากู้ภัย(SAR)นั้น ต้องการเครื่องที่มีความคล่องตัวและมีความเร็วสูงเพื่อเพิ่มความอยู่รอด จึงเหมาะที่จะใช้ แบล็คฮอว์ค เป็นม้างานในลักษณะนี้ ในขณะที่ MI-17 นั้นบรรทุกได้มาก แต่ความเร็วและความคล่องตัวค่อนข้างต่ำ จึงน่าจะเหมาะกับภารกิจขนส่งสนับสนุนและลำเลียงได้ดี
โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 30/10/2008 20:38:35


ความคิดเห็นที่ 10


<a href="http://s527.photobucket.com/albums/cc356/pinkyakuza/Copycat/?action=view&current=CatHuntingBird-1.jpg" target="_blank"><img src="http://i527.photobucket.com/albums/cc356/pinkyakuza/Copycat/CatHuntingBird-1.jpg" border="0" alt="Photobucket"></a>
โดยคุณ tantongs เมื่อวันที่ 30/10/2008 21:43:40


ความคิดเห็นที่ 11


จากข้อสังเหตุท่าน Skyman ผมเลยมองเป็นดังนี้ครับ...

เรื่องงบจัดซ่อม ฮท.1 จำนวน 46 ลำ เป็น ฮท.1 ที่บินไม่ได้อยู่แล้ว...และปรับปรุงให้บินได้ รึเปล่าครับ ?

ถ้าเป็นตามที่กล่าวข้างบน...การจัดซ่อมดังกล่าว จะไม่ได้กระทบกับเครื่องที่ใช้งานได้ในปัจจุบัน ของ ฮท.1 และ ฮ.212  คือ ทบ. ยังคงมีประจำการเท่าเดิม โดยงบซ่อม น่าจะหมายถึงว่า ทบ. จะมี ฮ.ใช้งานเพิ่มขึ้นจากเดิม 46 เครื่อง...แต่ ทบ. ตัดสินใจยุติ และจัดซื้อ ฮ.ใหม่เพิ่มเติม โดยใช้งบประมาณการจัดซ่อม ฮท.1...จึงทำให้ กองบินปีกหมุนของ ทบ. เป็น

1. ฮท.1 และ ฮ.212 มีจำนวนประจำการ เท่าเดิม ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน

2. มี MI-17 เป็น ฮ. เพิ่มเติม เพื่อทดแทน ฮท.1 จำนวน 46 ลำ ที่เดิมจะซ่อมมาเพิ่มเติม กับ ข้อ 1.

3. แผนการจัดหา UH-60L เป็นไปตามแผนเดิมคือ จัดหาอีกจำนวน 33 เครื่อง โดยจะไปเริ่มในปี 2555 (น่าจะเป็นการทดแทน ฮท.1 ลำที่บินได้ในปัจจุบัน (ตามข้อ 1.)  และถึงคราวต้องปลดระวาง) ซึ่งเมื่อรวมกับของเดิม เท่ากับ ทบ. กำหนดความต้องการ UH-60L รวม 40 เครื่อง

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 30/10/2008 22:07:27


ความคิดเห็นที่ 12


ผมขอ...เดา...จำนวน ฮ. ของ ทบ. ในระหว่าง 2552 - 2555

ฮท. 1 = 56 ลำ

ฮ.212 = 24 ลำ

ชินุค = 6 ลำ

UH-60L = 7 ลำ

MI-17 = 12 ลำ

 

ในระหว่าง 2555 - 2557

ฮท.1 = 38 ลำ

ฮ.212 = 24 ลำ

ชินุค = 6 ลำ

UH-60L = 16 ลำ

MI-17 = 12 ลำ

หลังจาก 2557

ฮ.212 = 24 ลำ

ชินุค = 6 ลำ

UH-60L = 40 ลำ

MI-17 = 30 ลำ

รวม 100 ลำ



 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 30/10/2008 22:21:00


ความคิดเห็นที่ 13


"เรื่องงบจัดซ่อม ฮท.1 จำนวน 46 ลำ เป็น ฮท.1 ที่บินไม่ได้อยู่แล้ว...และปรับปรุงให้บินได้ รึเปล่าครับ ?"

น่าจะเป็นเช่นนั้นครับท่าน juldas อ้างอิงจาก.......

บันทึก 58. โครงการซ่อมปรับปรุง ฮ.ท.1

        - ทบ.มีเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ฮ.ท.1 (UH1-H)ประจำการจำนวน 92 เครื่อง แต่อยู่ในสภาพงดบินเป็นจำนวนมาก เนื่องจากขาดแคลนชิ้นส่วนอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนตามระยะเวลามาเป็นเวลานาน โดย ทบ.มีความต้องการในการซ่อมบำรุง ฮ.ท.1 เพิ่มเติมอีกจำนวน 46 เครื่อง โดย ทบ.ใช้วิธีการซ่อมปรับปรุงตามมาตรฐานที่ ทบ.กำหนด  โดยจะเป็นลักษณะการยืดอายุการใช้งานให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องอย่างน้อยอีก 15 ปี โดยมีการตรวจสภาพและซ่อมบำรุงตามความจำเป็นแบบสมบูรณ์ (Completed Inspection and Repair As Necessary : IRAN) หรือการซ่อมบำรุงระดับโรงงาน(Program Depot Maintenance : PDM) หรือการซ่อมปรับปรุงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ (Up Grade) โดยปี 49 ทบ.ได้จัดสรรงบประมาณในระยะที่ 1 จำนวน 16 เครื่อง และมีความต้องการในระยะที่ 2 และ ระยะที่ 3 ในปีงบประมาณ 2550 (ผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2550-2552)จำนวน 15 เครื่อง  และ ในปีงบประมาณ 2551 (ผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2551 – 2553)จำนวน 15 เครื่อง

 

.... และตามข่าวที่ออกมาบอกว่า Huey ของทบ. บินได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้นรวมถึงท่านอนุพงษ์พูดว่าที่ซ่อม ๆ ในโครงการนั้นมีเกินครึ่งที่งดบินมานานมาก ผมจึงสรุปว่ามันไม่น่าจะบินได้ตั้งนานแล้วครับ ....... แต่ผิดถูกประการใด ก็ยินดีรับฟังข้อมูลเพิ่มเติมนะครับผม ^ ^

โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 30/10/2008 23:06:40


ความคิดเห็นที่ 14


ขอบคุณทุกท่านที่มาแบ่งปันความเห็นกันนะครับผม ^ ^

 


โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 30/10/2008 23:09:53


ความคิดเห็นที่ 15


เจ้านี่มีค่าใช้ต่อชั่วโมงเท่าไหร่ครับ


โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 30/10/2008 23:33:21


ความคิดเห็นที่ 16


^
^
^
รูปนี้ถูกใจจริง ๆ เลยครับ 555+


http://mst.texterity.com/mst/2006-1/?pg=30

เท่าที่ลองค้นมา ค่อนข้างแพงนะครับ เพราะเสียค่าใช้จ่าย 2,850 เหรียญต่อชั่วโมง (เกือบแสนบาท) เทียบกับ Black Hawk ที่ราว ๆ 2,100 เหรียญต่อชั่วโมงครับ ....... แต่ Mi-17V5 มันขนได้มากกว่า Black Hawk เกือบ 3 เท่า ถัวเฉลี่ยไปมามันเลยประหยัดกว่าครับ

 

โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 30/10/2008 23:44:39


ความคิดเห็นที่ 17


Bell UH-1Y Huey Utility Helicopter

http://www.army-technology.com/projects/uh_1y/

หรือว่าเจ้าตัวนี้ไม่น่าสนใจ


โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 30/10/2008 23:47:43


ความคิดเห็นที่ 18


เงินน้อย วีไอพี่ เยอะ

ก็อย่างนี้ แล ครับ

ใช้ของเก่า ตาม เค้า เอา ตามเค้าเอา

ใช้ของ ต่างบ้าน ต่างเมืองบ้าง จะเป็นไรไป

โดยคุณ Discovery เมื่อวันที่ 31/10/2008 01:37:59


ความคิดเห็นที่ 19


ถ้าดูๆ แล้ว ทบ.จัดให้ Mi-17 เป็น ฮล.ขนาดกลาง นั่นหมายถึงว่า CH-47D จะเป็น ฮล.ขนาดใหญ่ ส่วน UH-60L เป็น ฮท. ก็ดูเหมาะสมดี เพราะ ถึงแม้ว่า internal load ของ Mi-17 จะใกล้เคียงกับ CH-47D แต่ external load (sling load) ยังสู้ CH-47D ไม่ได้ แต่มากกว่า UH-60L นิดหน่อย

ข้อดีของ Mi-17 คือ เทียบกับ UH-60L แล้ว ในแง่ลำเลียงกำลังพล 1 กองร้อยจะใช้ UH-60L จำนวน 12-15 เครื่อง ส่วน Mi-17 จะใช้เพียง 6 เครื่องเท่านั้น และยัง load รยบ.ขนาดเล็กในลำตัวได้อีกด้วย แต่ข้อเสีย คือ ถ้าใช้ Mi-17 หิ้วปืนใหญ่ 105 มม. จะไม่ต่างจาก UH-60L แต่อย่างใด อีกทั้งความคล่องตัว ความเร็ว อำนาจการยิงเพื่อป้องกันตัวเอง ยังด้อยกว่า UH-60L อยู่

ดังนั้น ทบ. ยังคงต้องการ UH-60L ต่อไป ซึ่งก็น่าจะมาทดแทน UH-1H ในอนาคต ในขณะที่ Mi-17 ก็ยังคงน่าใช้งานแต่ในภารกิจลำเลียง ส่งกำลังบำรุง ในแง่ที่ว่าน่าจะคุ้มค่ากว่า CH-47D ครับ

หน่วยที่ตั้งใหม่ที่โยหมายถึงนี้ คือ พล.ม.3 ใช่ป่ะครับ

โดยคุณ rinsc seaver เมื่อวันที่ 31/10/2008 07:45:53


ความคิดเห็นที่ 20


^
^
^
ใช่ครับอาจารย์ พล.ม.3 ซึ่งผมภาวนาให้มันล้ม ๆ ๆ ๆ อยู่ครับ ^ ^
โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 31/10/2008 10:59:37


ความคิดเห็นที่ 21


แผ่นภาพนี้ เป็นการ เดา ล้วน ๆ โดยใช้เค้าโครงจากเรื่องจริง 5 5 5 5

ตามข่าว ทบ. มี ฮท.1 จำนวน 92 ลำ ตามแผนซ่อมปรับปรุง 46 ลำ ก็เท่ากับ 50% ของ 92 ลำ โดยข้อมูล ฮท.1  ทบ.เพิ่งจะได้รับ EDA เมื่อปี 2547 จำนวน 30 ลำ ดังนั้น จึงเหลือ ฮท.1 เก่า จำนวน 16 ลำ ที่น่าจะเป็นของ ทบ. จัดหามาเมื่อปี 2522 และ 2524 โดยการจัดซื้อจากงบประมาณ ไม่ได้เป็น ฮ.ที่ได้รับฟรี จากความช่วยเหลือทางการทหารจากสหรัฐ...และจากข้อมูลในหนังสือสมรภูมิ ทบ.จัดซื้อ Bell-212 มาจำนวน 25 ลำ ในปี 2532 และจากข้อมูลของ Sipri ทบ. จัดหามาอีก 20 ลำ ในปี 2536 ผมเลย...มั่ว...ใช้ยอดหักกลบ จาก ฮ.212 ที่อาจจะมีการเสียหายจากการตก ที่ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน เลยสมมติเป็นที่ 40 ลำ...

แผ่นภาพ จึงออกมาเป็นดังนี้...


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 31/10/2008 15:05:14


ความคิดเห็นที่ 22


และจากข้อมูลเก่า  ที่ ทบ. เคยต้องการจัดหา ฮจ.1 เพิ่มอีกจำนวน 7 ลำ (เมื่อรวมของเดิมจะเป็น 10 ลำ) กับตามแผนในปี 2555 - 2557 ต้องการจัดหา แบล็คฮอร์ด เพิ่มเติมอีก 9 ลำ...แผ่นภาพผม จึงออกมาเป็นดังนี้...

เดา ล้วน ๆ


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 31/10/2008 15:07:26


ความคิดเห็นที่ 23


ลืมบอก...แผ่นภาพทั้ง 2  หมายความถึงเพียง ฮท. กับ ฮล. เท่านั้นนะครับ...ฮท.206 ผมไม่ได้รวมไปด้วย และ ฮฝ.300 ด้วยครับ...เป็นเฉพาะ กองบินปีกหมุน ไม่นับรวม บ.ปีกตรึงอื่น ๆ ครับ...
โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 31/10/2008 15:09:50


ความคิดเห็นที่ 24


และสุดท้าย ถ้า ทบ. จัดหา UH-60L ได้ครบ 33 ลำ พร้อมกับ AH-1F อีกจำนวน 7 ลำ...แผ่นภาพผม ก็จะเป็นดังนี้


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 31/10/2008 15:33:39


ความคิดเห็นที่ 25


5 5 5   เมดอินรัสเซีย เต็มกองทัพละครับงานเนี๊ย   อย่าดูแคลนของรัสเซียเชียว..นา........5 5 5
โดยคุณ CAPT.TOM เมื่อวันที่ 31/10/2008 19:17:44


ความคิดเห็นที่ 26


ขาด ansat 8 ตัว

โดยคุณ SPECI เมื่อวันที่ 01/11/2008 01:22:18


ความคิดเห็นที่ 27


ท่าน SPECI ในส่วนของ ฮ.ANSAT ผมขออนุญาตไม่รวมไปด้วย...เนื่องจากดูแล้ว น่าจะเป็น ฮ.ธุรการ หรือน่าจะมาทดแทน Bell-206 ซึ่งจะไม่ใช่ ฮ.ลำเลียง หรือ ฮ.โจมตี...

แผ่นภาพนี้ ผมออกมาเวอร์ชั่นใหม่ ด้วยเงื่อนไข ดังนี้

1. จัดหา ฮจ.1 เพิ่มเติมอีก 7 ลำ ตามแผนเดิม

2. จัดหา ฮท.60 เพิ่มเติมอีก 33 ลำ ตามแผนเดิม

3. จัดหา ฮล.17 จำนวน 6 ลำ ตามข่าว กับ ตามการคาดการณ์ว่าจะยุติ การซ่อม ฮท.1 ในเฟสที่เหลือ รวมการการจัดหา ฮ.ลำเลียงขนาดกลาง จำนวน 3 ลำ ตามแผนเดิม

4. ตามข่าวเก่า ๆ ที่ ทบ. อนุมัติ ตั้งกองร้อยทหารม้าอากาศ จำนวน 4 กองบิน แต่ปัจจุบันมีอยู่เพียง 1 กองบิน (ไม่รู้ผมเข้าใจถูก รึเปล่า ?)

จึงแสดงแผ่นภาพออกมาเป็น ดังนี้ครับ...


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 01/11/2008 22:14:12


ความคิดเห็นที่ 28


เรียนถามท่าน juldas ครับ ไม่ทราบว่าเจ้า ansat ทั้ง 8 ตัวสามารถที่จะนำไปปรังปรุงเป็น ฮ.ลาดตระเวนโจมตีเบาได้หรือเปล่าครับ เห็น ทบ.มีโครงการจัดหา ฮ.โจมตีเบาอยู่ และมีแนวโน้มที่จะจัดหาเพิ่มเติมหรือเปล่า โดยส่วนตัวแล้วอยากให้จัดหารุ่นนี้เพิ่มเติม
โดยคุณ SPECI เมื่อวันที่ 02/11/2008 01:46:29


ความคิดเห็นที่ 29


ฮ.ANSAT-2RC เป็น ฮ.ลาตระเวนติดอาวุธเบาที่พัฒนามาจาก ฮ. ANSAT


โดยคุณ SPECI เมื่อวันที่ 02/11/2008 01:10:01


ความคิดเห็นที่ 30


ฮ.ANSAT-2RC เป็น ฮ.ลาตระเวนติดอาวุธเบาที่พัฒนามาจาก ฮ. ANSAT ตัวนี้ก็น่าสนใจนะครับ ในกรณีเราจัดหาฮ.ลาตระเวนติดอาวุธเบา การมี ฮ. ANSAT รุ่นธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งดีในการฝึกนักบินและการซ่อมแซม การสำรองอะไหล่ แต่เรื่องอาวุธนี้ไม่ทราบครับ แต่ทั้งนี้ถ้า ทบ.ยังสนใจจัดหาอาวุธนำวิธีต่อสู้รถถังจากรัสเซียอยู่ ฮ.ตัวนี้ก็น่าสนใจไปกันใหญ่เลยครับ


โดยคุณ SPECI เมื่อวันที่ 02/11/2008 01:22:09


ความคิดเห็นที่ 31


หุ หุ อันนี้ไม่ทราบครับ...ท่าน SPECI แต่เท่าที่ลองค้นหาดู ยังอยู่ขั้นทดลอง ทดสอบ อยู่...รัสเซีย ก็ยังไม่ได้เข้าประจำการ....

ส่วน ANSAT ที่ ทบ. น่าจะได้แลกเปลี่ยนกับหนี้ข้าว...ก็น่าจะเป็นรุ่นธรรมดา ที่ รัสเซีย มีประจำการอยู่ โดย รัสเซีย เอง ก็ใช้ ฮ.ANSAT เป็น ฮ.ฝึกของรัสเซีย ด้วย...และโดยส่วนใหญ่ รัสเซีย ขายอาวุธโดยการแลกเปลี่ยนกับประเทศคู่ค้า ก็จะเป็น อาวุธ ที่ประจำการอยู่ในปัจจุบันของรัสเซีย (น่าจะตัดสต๊อคส่วนเกินมา)

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 02/11/2008 01:23:12


ความคิดเห็นที่ 32


ANSAT รุ่นลำเลียงพลเรือนที่ข่าวว่าจะจัดหามา 8ลำ กับรุ่นลาดตระเวนติดอาวุธเบา ANSAT-2RC นั้นเป็น ฮ.คนละรุ่นกันครับ ซึ่งดูได้จากการออกดแบบรูปร่างของเครื่องที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทำให้ระบบภายในเช่น ระบบ Avionic เครื่องยนตร์ และชิ้นส่วนอื่นๆ ซึ่งแตกต่างใช้ร่วมกันไม่ได้หลายจุดครับ

และในบันทึกการจัดหานั้นก็มีการกำหนดไว้ชัดเจนครับว่า ฮ.ฝึกใหม่ และ ฮ.ลาดตระเวนโจมตีเบา ที่กองทัพบกจะจัดหานั้นต้องไม่เป็นเครื่องต้นแบบและจากแบบการกำหนดคุณสมบัตินั้น ค่อนข้างจะเหมือน ฮ.ลำเลียงขนาดเบาอย่าง Bell 407 ที่พัฒนาเป็น ARH-70A หรือ Eurocopter AS 550 Fennec รุ่นที่ตัดแปลงติดอาวุธมากกว่าครับ ซึ่ง ANSAT-2RC ก็ไม่เข้าคุณสมบัติดังกล่าวครับ

บันทึก 55. โครงการจัดหา ฮ.ฝึก โครงการปี 51 – 52 จำนวน 32  เครื่อง
        - ใช้เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์  แรงม้าไม่น้อยกว่า 400  SHP   บรรทุกกำลังพลได้ไม่น้อยกว่า 4 นาย รวมนักบินเมื่อบรรทุกและมีเชื้อเพลิงเต็มถัง(MTOW) จะต้องมีความเร็วเดินทางสูงสุดไม่น้อยกว่า 120 น๊อต และพิสัยบินไม่น้อยกว่า 300 nm

เงื่อนไขของโครงการ
1. มีการฝึกนักบินและช่าง เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้โดย จำนวน นักบิน 2 นาย,ต่ออากาศยาน 1 เครื่อง
    นักบินลองเครื่อง 2 นาย,  ครูการบิน 2 นาย, ช่างขั้นหน่วย ไม่น้อยกว่า 2 นาย,
    ช่างขั้นกลางจำนวน 4 นาย, 
2. ต้องแจ้งรายการและราคาของเครื่องมือซ่อมบำรุงประจำอากาศยานและบริภัณฑ์ภาคพื้น
3. ต้องแจ้งรายการและราคาของชิ้นส่วนซ่อมควบคู่  จำนวน 400 ชม.บิน  และ/หรือ 2 ปี ต่อเครื่อง
4. มีระบบไฟที่สามารถปฏิบัติงานด้วยกล้องมองกลางคืน (NVG)
5. ต้องแจ้งข้อมูลการผลิตและประเทศผู้ใช้งานทั่วโลก
6. ไม่เป็นเครื่องบินต้นแบบ

_________________________________________________________

บันทึก 31. โครงการจัดหา ฮ.ลาดตระเวนติดอาวุธขนาดเบา โครงการปี 52 – 53 จำนวน 8  เครื่อง
        - ใช้เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ 1 – 2 เครื่องยนต์  แรงม้าไม่น้อยกว่า 400 SHP ต่อเครื่องยนต์  บรรทุกกำลังพลได้ไม่น้อยกว่า 4 นาย รวมนักบิน เมื่อบรรทุกและมีเชื้อเพลิงเต็มถัง(MTOW) จะต้องมีความเร็วเดินทางสูงสุดไม่น้อยกว่า 120 น๊อต และพิสัยบินไม่น้อยกว่า 300 nm มีจุดติดตั้ง ปก.อากาศ และ จรวด/จรวดต่อสู้รถถังขนาดเบาได้ ไม่น้อยกว่า 2 ลูก

เงื่อนไขของโครงการ
1. มีการฝึกนักบินและช่าง เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้โดย จำนวน นักบิน 2 นาย,ต่ออากาศยาน 1 เครื่อง
    นักบินลองเครื่อง 2 นาย,  ครูการบิน 2 นาย, ช่างขั้นหน่วย ไม่น้อยกว่า 2 นาย, 
    ช่างขั้นกลางจำนวน 4 นาย, 
2. ต้องแจ้งรายการและราคาของเครื่องมือซ่อมบำรุงประจำอากาศยานและบริภัณฑ์ภาคพื้น
3. ต้องแจ้งรายการและราคาของชิ้นส่วนซ่อมควบคู่  จำนวน 400 ชม.บิน  และ/หรือ 2 ปี ต่อเครื่อง
4. มีระบบไฟที่สามารถปฏิบัติงานด้วยกล้องมองกลางคืน (NVG)
5. ต้องแจ้งข้อมูลการผลิตและประเทศผู้ใช้งานทั่วโลก
6. ไม่เป็นเครื่องบินต้นแบบ

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 02/11/2008 05:17:49


ความคิดเห็นที่ 33


ขอโทษทีครับ ท่าน juldas กับ  ท่าน AAG_TH1 ผมสื่อสารผิดไปหน่อย ผมหมายถึงการเอา ฮ.ANSAT รุ่นลำเลียงมาดัดแปลงปรับปรุงแบบที่สหรัฐเอา BELL 206A มาทำเป็น OH-58 Kiowa นะครับ ผมสงสัยว่ามันจะทำได้หรือเปล่า ส่วนรุ่นลาดตระเวนติดอาวุธเบา ANSAT-2RC ผมหมายถึงว่าถ้า ทบ.มีโครงการจัดหา  ฮ.ลาดตระเวนโจมตีเบา เจ้าANSAT-2RC  นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ ในเมื่อเรามีANSAT รุ่นลำเลียงพลอยู่ และอยากถามว่ามีโอกาศจัดหาANSAT รุ่นลำเลียงเพิ่มเติมมั้ยครับ เพราะ ทบ.ก็มีโครงการจัดหา ฮ.ฝึกอยู่
โดยคุณ SPECI เมื่อวันที่ 02/11/2008 07:54:13


ความคิดเห็นที่ 34


ท่าน SPECI เรื่อง ดัดแปลง ผมว่า ทบ. ไม่น่าจะสันทัดเท่ากับ ทอ. ผมเลยตั้งข้อสังเกตุ เกี่ยวกับ อากาศยานของ ทบ. และ ทร. จะจัดหาตาม สเปค ของผู้ขาย และจะไม่ยืดอายุใช้งาน...อะไหล่ หมด จบกัน...(หรือ อาจจะจบก่อนกำหนด)

ในส่วนของ ANSAT ในรุ่นลาดตระเวณเบา ผมคิดว่าไม่น่าเกิด...แต่จะน่าลุ้นในส่วนของ OH-58D วอร์ริเออร์ ของสหรัฐ...ที่ขณะนี้ เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ และน่าจะลดจำนวนการพัฒนาตามข่าว...ก็อยู่ที่ รัฐบาลไทย จะให้ความหวังกับงบประมาณกองทัพไทย ได้หรือไม่...

แต่ในส่วนของ ฮ.ฝึก...อันนี้ ก็น่าจะมีลุ้น เพราะรัสเซีย ก็ใช้อยู่เหมือนกัน...

ซึ่ง เดี๋ยวนี้ อะไร ๆ ก็ หมีขาว...หนุ่มชาวตะวันตก เลยชักงอน....ก็ใช่สิ...ทั้งใหญ่ หนา นุ่ม ขาวจั๊ว ซะขนาดน๊านนนนนน....

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 02/11/2008 08:25:49


ความคิดเห็นที่ 35


ท่าน juldas  ท่านกำลังทำให้ผมไข่วเขวอยู่นะท่าน ทำให้อยากไปเที่ยวพัทยา...??!!ฮิ.ฮิ.ฮิ
โดยคุณ SPECI เมื่อวันที่ 02/11/2008 09:04:23


ความคิดเห็นที่ 36


พี่น้องเอ๊ย...อย่าหวังจะเอา ANSAT มาเป็นกันชีพเลย    แค่บินได้ รับส่งคนเจ็บ ก็ดีถมไปแล้วครับ  ผมเชื่อว่าถ้าจะติดปืนจริงก็น่าจะเอา เอ็ม 249 หรือ เอ็ม 60 ยิงออกทางข้างประตู ไว้เคลียร์พื้นที่ก่อนแลนด์ดิ้งน่าจะพอเพียง นา  เอาน่าขอให้มีของใช้เถอะ เดี๋ยวจะเป็นแบบ รีว่า เอาไว้จอดโก้ๆ หน้า บก. ตามกองกำลังยังใช้ วีโก้ ฮัมวี่ ยูนิม๊อก วีไอพีเคลื่อนทัพที รีว่าถึงออก  ผมถึงเห็นด้วยกับโครงการ วีโก้ ติดเกราะ 300 คันไง ครับ มันใช้ได้ทั่วถึง หน่วยใช้ บำรุงรักษาง่าย

โดยคุณ CAPT.TOM เมื่อวันที่ 02/11/2008 19:40:04


ความคิดเห็นที่ 37


^
^
^
แล้วมันจะมาเมื่อไหร่ครับพี่ต้อมเจ้า ANSAT เนี๊ยอ่ะครับ ^ ^
โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 02/11/2008 22:46:56


ความคิดเห็นที่ 38


รัฐบาลไม่นิ่ง  พูดยาก  ว่าเธอจะมาเมื่อไหร่  

โดยคุณ CAPT.TOM เมื่อวันที่ 03/11/2008 06:59:17


ความคิดเห็นที่ 39


^
^
^
เอาแหวนกับทองมาให้ผมก็ได้เดี๋ยวผมไปสู่ขอเอง อุ๊ อุ๊ อุ๊ ^ ^
โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 03/11/2008 10:14:32


ความคิดเห็นที่ 40


ท่าน Skyman ครับ แล้ว AH-1 F อีก 7 ลำจะมาจริงหรือเปล่าครับ ช่วยฟันธงหน่อนเถอะครับ...
โดยคุณ area88 เมื่อวันที่ 03/11/2008 17:06:42


ความคิดเห็นที่ 41


ฟันไม่ไหวครับ เพราะผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ท่านใดทราบบ้างครับ แหะ ๆ ^ ^
โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 03/11/2008 17:27:37


ความคิดเห็นที่ 42


^

ข้อมูลเท่าทีผมมีจะมีการส่งมอบในปี 52 ครับ ไม่ทราบว่าการเปลี่ยนแปลงรึป่าว


. การจัดหา ฮ..(EDA) จำนวน ๗ เครื่อง ตามสัญญา (LOA) TH-B-IAJ สหรัฐฯ แจ้งผลการดำเนินการตรวจสภาพก่อนซ่อมปรับปรุง (Pre-shop Analysis, PSA) เมื่อ ก..๕๑ ว่าจากจำนวนเครื่องที่ ทบ. เลือกไว้ ๘ เครื่อง สามารถทำการซ่อมปรับปรุงได้ ๗ เครื่อง โดย ๓ ใน ๗ เครื่อง ต้องทำการซ่อมปรับปรุง Air frame และ Frame Rail เพิ่มเติม กำหนดส่งมอบเครื่องแรก ภายใน ม..๕๒

โดยคุณ tow เมื่อวันที่ 03/11/2008 22:14:11


ความคิดเห็นที่ 43


จากข่าวเก่าของ นสพ.แนวหน้า เมื่อปี 2006

มูลค่าโครงการ ฮจ.1 ประมาณ 1,050 ล้านบาท โดยตอนแรก ทบ. ของซื้อเป็นจำนวน 6 ลำ ต่อมาได้ขอเพิ่มเป็น 8 ลำ จึงต้องรอการทำการแก้ไข LOA โดย สหรัฐ จะส่งมอบล็อตแรกให้ 6 ลำ และอีก 2 ลำจะตามมา โดยใน 2 ลำหลัง มีจำนวน 1 ลำเป็นอะไหล่....จึงถัวเฉลี่ยออกมา ลำละประมาณ 150 ล้านบาท (หารด้วย 7) น่าจะประมาณลำละ 4 - 4.5 ล้านเหรียญ ถ้าคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนช่วงนั้น

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 04/11/2008 02:51:53


ความคิดเห็นที่ 44


และข่าวของท่าน tow เป็นการประชุมเดือน เม.ย. 51  ผมว่า ฮจ.1 น่าจะมาจริง ๆ ครับ...ดูแล้วไม่น่าจะเปลี่ยนแปลง เว้นแต่ จะเกิดการรัฐประหาร ซะก่อน...ก็คงรอกัน ยาววววววววววววววววว....หรือ เก็บเข้าลิ้นชักปิดตายกันไปเลย....
โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 04/11/2008 02:55:04


ความคิดเห็นที่ 45


แผ่นภาพอีกสักหนครับ...(น่าจะครั้งสุดท้าย)

ตามเงื่อนไข

1. ทบ. ปรับปรุง ฮท.1 ตามแผน 3 เฟส จำนวน 46 ลำ ตามแผนเดิม

2. จัดหา UH-60L จำนวน 9 ลำ ตามแผนเดิม

3. จัดหา ฮจ.1 จำนวน 7 ลำ ตามแผนเดิม

4. จัดหา ฮ.ขนาดกลาง จำนวน 3 ลำ ตามแผนเดิม

เลยลองจัดเล่น ๆ อีกครั้งสุดท้าย (น่าจะ...)


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 04/11/2008 03:30:42