โอ่.........เล่นของหนักเลยแฮะ................... อันดับแรกต้องดูศักยภาพของผู้จะเช่าก่อน ตังอ่ะมีมั๊ย ในอนาคตถ้าดูดน้ำมันมาขายได้ตังเป็นล่ำเป็นสันอ่ะอันนี้ก๊อไม่แน่.............................. ข้อสอง ถ้าผ่านข้อแรกมาได้ มาดูที่ ของอ่ะมีมั๊ย เจ-11 เป็นรุ่น ซู-27 ที่จีนซื้อสิทธิบัตรมาทำเอง ไม่มั่นใจว่าในสันญญาเจ้าของเค้าอนุญาตให้ทำขายหรือให้เช่าได้หรือเปล่า และถ้าเป็นกรณีเช่า(ไม่ขายขาด) อีกเรื่องที่ต้องคิดคือจำนวนสั่งสร้างประจำการของทอ.จีนอ่ะ อันนี้จะยังมีของเหลือให้ต่างชาติเช่าได้มั๊ย??????????? .................... ข้อสุดท้าย แรงกดดันจากต่างประเทศ แน่นอนที่สุด ถ้าโครงการนี้เกิดสมมติเป็นไปได้ขึ้นมา ประเทศที่จะเต้นเร่าๆ เหมือนแกนนำตอนโดนข้อหาขบฏก็คือไทยแลนด์ .........จริงๆแล้วความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนแน่นแฟ้นในทุกระดับ ข้อนี้น่าจะมีผล จีนคงต้องฟังอยู่บ้าง..........................
ฟันธง เรื่องนี้เป็นไปได้น้อยมาก แต่ที่เป็นไปได้มากกว่าคือการที่เขมรขอซื้อ ซูเปอร์-7 หรือไม่ก็ เจ-10 แบบขายขาด คือถ้าเขมรมีตังซื้ออ่ะนะ จีนขายให้แน่ แรงกดดันของไทยก็น่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่กล้อมแกล้มพอไปได้ ที่สำคัญคือ ไม่ได้ทำให้ฝ่ายเสียเปรียบกลับมาได้เปรียบแบบพลิกฝ่ามือ คือแทนที่จะเคี้ยวง่ายเป็นกล้วยน้ำว้า มันก็ยากขึ้นหน่อยเท่านั้นเอง....................
ในส่วนของ J-11 หรือ Su-27SK ซึ่งจีนได้สิทธิบัตรการผลิตจากรัสเซียนั้นหลังจากที่จีนได้พัฒนา J-11B ซึ่งจีนได้ออกแบบและติดตั้งระบบที่พัฒนาเองของจีนหลายๆแบบทั้งเครื่องยนตร์ ระบบAvionic Radar ห้องนักบินGlass Cockpit และ ระบบอาวุธที่ติดตั้งครับ ซึ่งมีข่าวลือขนาดว่าจีนอาจจะผลิต J-11B เพื่อส่งออกด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามการที่จีนจะผลิต J-11 เพื่อส่งออกนั้นจะเป็นการละเมิดสิทธิบัตรในการอนุญาติการผลิตของรัสเซียซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ทางทหารของสองประเทศครับ และส่วนตัวเชื่อว่ากำลังทางอากาศของจีนนั้นคงจะไม่มีนโยบายให้เช่าเครื่องขับไล่สมรรถนะสูงแก่ประเทศใดในขณะนี้ครับ (ตัวอย่างข่าวลือการเช่าเรือดำน้ำจากจีนของไทยจีนยังกล่าว่าจะให้ไทยเช่าได้ก็ต่อเมื่อไม่มีแนวโน้มว่าจะเกิดสงครามกับไต้หวันเลยครับ)
ผมว่า...มานั่งคิดเชียร์ให้กัมพูชา หาซื้อ บ.ฝึก ชั้นสูงให้ได้ก่อน น่าจะดีกว่ามั๊งครับ...ค่อยมากังวลเรื่องซื้อ หรือเช่า บ.รบ สมรรถนะสูงอย่างนั้น...ผมมองแนวโน้มว่า กัมพูชา ถ้ามีจะมี บ. รบเป็นของตัวเอง...น่าจะเน้นไปที่ บ.โจมตี มากกว่า บ.ขับไล่ ชั้นสูง...
ยิ่งระบบ เอวิโอนิค ภายในห้องเครื่อง มันคงไม่ใช่ของหมู ๆ ที่ใครนึกอยากจะขับ ก็ขับได้...และสภาพแรงจี ความสามารถ ความแข็งแกร่งของนักบิน ที่จะขับเคลื่อน บ. ที่มีเทคโนโลยี่...คงไม่ใช่ แค่นำเครื่องบินขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วมันจะบินรบได้เอง น่ะครับ...
และถ้าจะมี บ.ขับไล่ ชั้นสูงแบบนั้น นักบินคงไม่ใช่ชาว กัมพูชา แน่...
ขนาด มาเลเซีย ทั้งสภาพประเทศ สภาพการศึกษาของประชากร เขาดีกว่า กัมพูชา มากขนาดไหน...นักบินรบ ของเขา ยังไม่ได้หาได้ง่าย ๆ...เรื่อง กัมพูชา กับ เครื่องบิน ผมว่าไม่ค่อยน่ากังวลครับ...
สิ่งที่น่ากังวลกว่า ในความเห็นผม คือ การแทรกแซงทางการทหารของประเทศอำนาจที่ 3 กรณีที่ กัมพูชา ไม่ได้เลือก ไทย ในการร่วมมือจัดหาผลประโยชน์ทางทรัพยากรธรรมชาติ ในส่วนที่มีมูลค่ามหาศาล มากกว่าครับ..
เรื่องผลประโยชน์ทางทะเล ถ้า กัมพูชา ไม่ขยายจุดขัดแย้ง มาที่เกาะกูด ซึ่งเป็น เกาะที่ชวนทำสงครามทางทะเลกันมากที่สุดของ ไทย กับ กัมพูชา....เขาจะทำอะไรในน่านน้ำของกัมพูชา ก็คงไม่น่าจะส่งผลกระทบ กับ กองทัพไทย มากพอ....
แต่ถ้าฐานขุดเจาะ หรือแหล่งพลังงาน อยู่บริเวณแถว เกาะภูก๊อก ของเวียดนาม มันก็จะเป็นการตึงเครียด ระหว่าง ผู้รับสัมปทาน กับ เวียดนาม....
และถ้าแหล่งพลังงาน อยู่ในเขตพื้นที่ทับซ้อน ระหว่างไทย กับ กัมพูชา และไม่ไกลจากแนวท่อก๊าซ ของไทย...ก็คงเรื่องใหญ่.....คงต้องตั้งโต๊ะเจรจากัน ก็น่าจะใช้เวลาหลายปี...ซึ่ง ผู้รับสัมปทาน คงไม่กล้ายืนยันจะทำการขุดเจาะ....ยังไง ก็คงต้องมีการเจรจากัน...และถ้า จีน ได้ไป...และการเมืองไทยในขณะนั้น คณะปกครองเป็นฝ่ายโปร..จีน..ก็น่าจะตกลงกันได้ง่ายขึ้น...แต่ถ้า การเมืองไทยขณะนั้น...จะตัดตัวกลาง คือ จีน ออกไป...ไทย กับ กัมพูชา ทำกันเองก็ได้ เพราะ ไทย มีศักยภาพมากพอ....คณะปกครองการเมืองในขณะนั้น...ก็คงต้องถูกฝ่ายโปร จีน ให้ระเห็จจากอำนาจ ไปให้ได้...ครับ...
เป็นความคิดเห็นส่วนตัว....
ความเห็นเดียวกันกับท่าน JULDAS ครับ เรื่องโปรนี้เป็นความน่ากลัวในความคิดผมครับ แต่ถ้าแบบWIN WIN แล้ว ผู้ที่โปรกับจีน แล้วแบ่งให้เราบ้าง ก็..............