โดย ผู้จัดการออนไลน์ | 19 ตุลาคม 2551 12:49 น. |
ผู้จัดการออนไลน์ -- ทหารชุดดำ ของไทย ได้กลับขึ้นไปยังบริเวณดินแดนพิพาทเขาพระวิหารอีกครั้งหนึ่งในวันเสาร์ (18 ต.ค.) นี้ หลังจากชุดที่เคยประจำการที่นั่นจำนวน 11 นาย ถูกฝ่ายกัมพูชา จับเป็นเชลย เมื่อวันพุธ ภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ แสดงให้เห็นทหารพรานของไทยกำลังตั้งค่ายพักในบริเวณใกล้ วัดแก้วสิขาคีรีสวรักษ์ ที่ ร.อ.อภิชาต ภูพวก นายทหารหัวหน้าหน่วยประสานงานของไทยประจำพื้นที่กับนายทหารอีก 1 คน และทหารพรานอีก 9 คน ถูกฝ่ายกัมพูชาปลดอาวุธ ทั้งหมดถูกควบคุมตัวที่บริเวณวัดแห่งนั้นก่อนที่ฝ่ายกัมพูชาจะส่งคืนอาวุธ และส่งมอบทุกคนให้แก่ฝายไทยในวันพฤหัสบดี เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันพุธซึ่ง ร.อ.อภิชาต กล่าวว่า บริเวณวัดแก้วสิขาคีรีฯ ไม่มีการสู้รบ แต่มีการยิงปืนขึ้นไปที่นั่น ทำให้ฝ่ายกัมพูชาขอร้องให้ทหารไทยทั้ง 11 นาย ปลดอาวุธขณะอยู่ในบริเวณวัด อย่างไรก็ตาม พ.อ.ไชยันต์ หวยสูงเนิน ผบ.กองกำลังของไทยได้พบเจรจากับ พล.ต.เสรย์แด๊ก (Srey Dek) ผบ.ของฝ่ายกัมพูชาในวัดแก้วสิขาคีรีฯ ในวันเสาร์ มีการรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน ก่อนที่ทหารไทยจะเริ่มตั้งค่ายพัก |
||||
ยังไม่ทราบรายละเอียดในขณะนี้ ร.อ.อภิชาต กับทหารไทยชุดเดิมที่ประจำการมาตั้งแต่เดือน ก.ค.-ส.ค.ได้กลับไปปฏิบัติหน้าที่อีกหรือไม่ ตามรายงานของสื่อกัมพูชา สองฝ่ายได้ตกลงให้คงทหารเอาไว้ภายในวัดแก้วสิขาฯ ฝ่ายละ 10 นาย อีก 20 นายให้อยู่อาณาบริเวณใกล้เคียงซึ่งอยู่ในเขตแดนพิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบๆ ปราสาทพระวิหาร นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า จะหาโอกาสหารือเรื่องนี้สองต่อสองกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จฯ ฮุนเซน ซึ่งยังไม่มีกำหนดการในขณะนี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน ให้สัมภาษณ์ในกรุงพนมเปญเมื่อวันศุกร์ปฏิเสธที่จะให้ประเทศที่สามเข้าไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน โดยระบุว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างไทยกับกัมพูชา เราไม่ควรจะให้ประเทศอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง รอยเตอร์อ้างคำพูดของนายกฯ กัมพูชา |
||||
|
||||
ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของไทยและกัมพูชา ได้พบเจรจากันในวันพฤหัสบดีและตกลงจะจัดให้มีการลาดตระเวนร่วมตามแนวชายแดน เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดและการเผชิญหน้ากันด้วยอาวุธ สองฝ่ายยังตกลงกันจะไม่ให้มีการยิงปืนที่ชายแดนส่วนนั้นอีกอย่างเด็ดขาด รอยเตอร์กล่าว |
ของงด้วยคนคับ...ธรรมดาปืน เอ็ม.16 ระบบเซฟมันดีจะตายไป ถ้าเป็นเอช.เค.33 ก็ไม่เถียงล่ะคับ
ที่น่าจะเป็นไปได้ ก็คือโดนปืนกระบอกอื่นลั่นใส่ อาจเป็นคนอื่นล้มแล้วด้วยความตกใจ นิ้วที่คาไกอยู่เลยเกร็งเหนี่ยวไกโป้งเข้าให้ โดนกะบาลคนที่ตายพอดี
ก็ม่ายรู้ล่ะคับ แต่ก็งงหยั่งว่า แล้วคนที่ตายที่เป็นทหารราบ ไม่ใส่หมวกไฟเบอร์รุ่นใหม่ที่กันกระสุน เอ็ม.16 ได้ไปรบรึงัย รึว่าขี้เกียจใส่
แต่ยังไงก็ตาม นึกภาพไม่ออกคับ ลื่นล้มแล้วปืนเอ็ม.16 ลั่นใส่หัวตัวเอง ล้มอีท่าไหนกัน ถ้าล้มแล้วปืนลั่นง่าย ๆ ก็ตายกันเป็นเบือล่ะคับ อีตอนถูกโจมตี ทั้งล้ม ทั้งหกคะเมน ตีลังกา กลิ้ง ฯลฯ ก็ยังไม่เคยปรากฎว่า ปืน เอ็ม.16 จะลั่นได้เองสักครั้ง
อย่างไรก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของทหารกล้าผู้พลีชีพเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยด้วยคับ ท่านได้ทำหน้าที่ขั้นสุดยอดของนักรบไทยอย่างสมบูรณ์แล้ว
การถือปืน..ในการเดินลงเขา (ในภาพเป็นเดินขึ้นเขา)...อาจจะอยู่ในท่าเฉัยงอาวุธ...ทางลงเป็นลาดชันมาก..ฝนตกพื้นลื่น..ทหารเลยลื่น..มือที่อยู่ในท่าเตรียมพร้อม (อาจไม่เชฟ เพราะขณะลาดตระเวนในพื้นที่มักปะทะกันตอนกำลังเดิน)...ทหารบก..สวมหมวกเหล็ก ต่างจากทหารพรานสวนเบเร่ย์ ...กระสุนที่ลั่นอาจไม่โดนศรีษะตรงๆ อาจเข้าไปในหมวก.................................................................................
.ขอให้ทหารกล้าผู้เสียชีวิตเพื่อประเทศชาติ(ที่แท้จริง)ไปสู่สุคติเถิด