ท่าน chinobu อันนี้ เป็นการหาเหตุ หาผล มาแย้ง ในความคิดเห็นกันสนุก ๆ นะครับ... อย่าซีเรียสนะครับ...
- การจัดซื้ออาวุธครั้งนี้ รวมถึงงบจัดซื้ออาวุธหลักๆครั้งล่าสุด ไม่มีการจัดซื้อจากสหรัฐเลย เป็นการบ่งบอกว่า กองทัพไทยก็ไม่แคร์ สหรัฐ เหมือนกัน เพราะสหรัฐชอบอ้างโน้นอ้างนี้ในการขายอาวุธให้กับไทย ครั้งที่จริงแล้วไม่มีความจริงใจมากกว่า ซึ่งไทยมองว่าต่อไปอาจทำให้สหรัฐมองแล้วว่าต้องเอาใจไทยขึ้นมาหน่อยเช่นการ ขายอาวุธที่ง่ายขึ้นและราคาถูกลง
ผมแย้งว่า กองทัพไทย มีความจำเป็นต้องไม่แคร์ สหรัฐ ตอนนี้...เพราะ สหรัฐ คงไม่ตอบรับ กองทัพไทย ในขณะนี้แน่...บทพิสูจน์...มาทายครับกันว่า F-16 จะได้ MLU หรือไม่ ? ผมว่า...ไม่ได้ MLU...ภายใน 5-10 ปีนี้...และถ้าเกิดรัฐประหาร อีกครั้ง...ผมว่า พับโครงการเข้าลิ้นชักได้แน่นอน....
- การที่มีข่าวซื้ออาวุธจากรัสเซียในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่เรามีปัญหากับเขมร เสมือนเป็นการบอกกับรัฐเซียว่า ไทยกับรัฐเซียเป็นมิตรต่อกัน และช่วงนี้ไทยก็กำลังจัดซื้ออาวุธจากรัฐเซียน๊ะ ล่าสุดก็ อี๊กล่าไง และเป็นการบอกเป็นนัยๆว่า รัฐเซียอย่าได้ขายและสนับสนุนอาวุธให้เขมรน๊ะ ซึ่งผมมองว่าไทยกลัวรัฐเซียสนับสนุนเขมร จึงเล่นบทดักหน้าก่อน ซึ่งรัฐเซียก็คงจะไม่กล้าสนับสนุนเขมรนักเพราะอย่างน้อยไทยมีเงินซื้อ มากกว่าเขมร แถมรัฐเซียต้องการขายอาวุธให้ไทยอยู่แล้วเพื่อเป็นการเพิ่มดุลในไทย เพราะที่ผ่านมาดุลอำนาจในไทยมีแต่ สหรัฐเท่านั้น อีกทั้งสหัฐก็คงไม่กล้าสนันสนุนอาวุธให้กับเขมร ถึงอย่างไรสหรัฐก็ต้องเอียงมาทางฝั่งไทยมากกว่าเขมร
ผมแย้งว่า กองทัพไทย แสดงให้ประเทศที่คาดว่าจะสนับสนุนทางการทหารแก่กัมพูชา, 3 จว.ชายแดนใต้ เห็นว่า...กองทัพไทย ยังมีทางออกของอาวุธจาก รัสเซีย และฝั่งยุโรป และเป็นการบอกนัยยะกับ จีน....ว่า ไทย เปิดโอกาส กับรัสเซีย มาดุลอำนาจ แทนสหรัฐ...ในส่วนรัสเซีย ผมเห็นว่า เขาพร้อมที่จะขายอาวุธ ให้กับทุกฝ่าย....เช่น เกาหลีใต้ เอง ล่าสุด ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดก็สั่งซื้อ ฮ.ปฏิบัติการทางทะเล จากรัสเซีย มาประจำการบนเรือบรรทุก ฮ. ลำใหม่ เช่นกัน
- เป็นการทำสงครามข่าวสารทางอ้อม เพราะอาจจะทำให้มีข่าวไปทั่วโลกว่า ไทยกำลังเสริมกองทัพด้วยการจัดซื้อ ฮ.การทหาร จากรัฐเซียเพิ่ม ซึ่งเป็นการเสนอข่าวด้านจิตวิทยา ซึ่งทำอาจทำให้เขมรเกรงๆขึ้นมาได้ แถมเป็นอาวุธจากรัฐเซีย สิ่งจริงๆแล้วเขมรแอบคิดว่าถ้ามีสงครามกับไทย รัฐเซียอาจจะเข้าข้างเขมร แต่ไทยชิงความเหนือชั้นโดยการจะสั่งซื้ออาวุธจากรัฐเซีย เขมรเลยเซ่งเป็ด
อันนี้ ผมคิดว่า กัมพูชา คงสั่งซื้ออาวุธจากจีน มากกว่า รัสเซีย (บทพิสูจน์ คือ เรือตรวจการณ์จากประเทศจีน มาใช้คุ้มครองผลประโยชน์ทางทะเล (น่าจะเกาะกง) ในราคามิตรภาพ ) และด้วยกำลังงบประมาณของ กัมพูชา เอง...จีน น่าจะยื่นสัมพันธ์ในการเป็นผู้สนับสนุนอาวุธ แลกกับผลประโยชน์บางอย่างในกัมพูชา ความเป็นไปได้น่าจะมากกว่า รัสเซีย ที่มีราคาแพงกว่า จีน...และรัสเซีย ต้องการเงินสด หรือน้ำมัน (มาเลเซีย) สำหรับภาวะเศรษฐกิจของรัสเซียในขณะนี้...
สนุก ๆ นะครับ...
ลองช่วยหาเหตุ-ผล ในความเร่งด่วนของการจัดหา MI-17 แทนการจัดซ่อม Bell-212
จากสถานการณ์ การเตรียมพร้อมระหว่าง ไทย-กัมพูชา (ความไม่แน่ใจ ในการสนับสนุนทางการทหารของประเทศอื่นแก่กัมพูชา) การจัดหา MI-17 อย่างเร่งด่วนก่อน การจัดซ่อม Bell-212 น่าจะแสดงถึง ว่า ทบ. มีจุดที่น่ากังวล ในส่วนของ ฮ.สนับสนุนการรบ...ฮ.ชินุค น่าจะมีปัญหา...ตามความกังวล...
ซึ่ง MI-17 สามารถจะจัดหาได้มาอย่างรวดเร็ว...ภายในระยะ 1-2 ปี น่าจะได้มาประจำการ....หรือ รัสเซีย อาจจะพร้อมส่งให้ระยะ 6-7 เดือน ก็อาจจะเป็นไปได้....ในขณะที่ การซ่อม Bell-212 ยังไม่รู้ว่าการซ่อมบำรุงจะเสร็จสิ้นทันใช้ ....ถ้ามีสงครามเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้หรือไม่...เพราะต้องนำ ฮ.เก่า ซึ่งใช้งานไม่ได้ มาซ่อมให้ใช้ได้...ต้องมีการลองเครื่องและทดสอบอีกสารพัด....ซึ่ง ความเสี่ยงในการเกิดสงคราม ระหว่างไทย - กัมพูชา ยังมีอยู่...ซึ่งเมื่อเทียบกับการจัดหา MI-17 กับการซ่อม Bell-212 การจัดหา MI-17 อาจจะตอบสนอง ทบ. ได้ดีกว่า..เมื่อมองในสถานการณ์ชายแดนปัจจุบัน ทั้งฝั่งพม่า และกัมพูชา....
มา confirm ตามท่าน TOW นะครับ
ในปีงบประมาณ 2551 ทบ.มีงบฯ ที่เกี่ยวกับ ฮ. ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ คือ
1) โครงการซ่อมปรับปรุงและจัดหา ฮ.ท. ซึ่งผูกพันมาจากปีก่อนหน้านี้ โดยในปี 51 ใช้งบฯ 315 ล้านบาท
2) โครงการซ่อมบำรุง ฮ.ท. ระยะที่ 2 (15 เครื่อง) ซึ่งจะเริ่มผูกพันในปีนี้เป็นปีแรก โดยในปี 51 ใช้งบฯ 200 ล้านบาท
3) โครงการซ่อมบำรุง ฮ.ท.212 ซึ่งผูกพันมาจากปีก่อนหน้านี้ โดยในปี 51 ใช้งบฯ 96 ล้านบาท
4) โครงการจัดหา ฮ.ล. (3 เครื่อง) ซึ่งจะเริ่มผูกพันในปีนี้เป็นปีแรก โดยในปี 51 ใช้งบฯ 190 ล้านบาท
โครงการที่ 3 ชัดเจน คือ การปรับปรุง ฮท.212 แต่นั่นเป็นโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว ทบ.จะกล้ายกเลิกกลางคันหรือ ดังนั้นข่าวน่าจะผิด โครงการที่ 1 คงจะเป็นการปรับปรุง ฮท.1 ในเฟสแรก จำนวน 16 เครื่อง ซึ่งก็คงจะดำเนินการกันต่อไป ตามข่าวจาก aerospace ส่วนโครงการที่ 2 ก็คือ การปรับปรุง ฮท.1 ในเฟส 2 จำนวน 15 เครื่องตรงตามข้อมูลเป๊ะ วงเงินรวม 1000 ล้านบาท ถ้า ทบ.จะยกเลิกก็น่าจะเป็นอันนี้ เพราะ เริ่มปีนี้ปีแรก แต่ ทบ. จะยกเลิกเพื่ออะไร ในเมื่อ ทบ.ยังมีโครงการที่ 4 คือ การจัดหา ฮล. จำนวน 3 เครื่อง ซึ่งก็มีงบฯ อนุมัติมาให้แล้ว ที่วงเงินรวม 950 ล้านบาท โดยเริ่มผูกพันปีนี้เป็นปีแรก งงไหมครับท่านผู้ชม ดังนั้นถ้า ทบ. จะโยกงบฯ ปรับปรุง ฮท.1 เฟส 2 ไปเป็นการจัดซื้อ ฮท.17 (Mi-17V5) ทบ.ก็ควรจะได้ ฮท.17 รวม 6 เครื่องสิครับ ในเมื่อ 2 โครงการรวมกันมีวงเงินสูงถึง 1950 ล้านบาท
คำถามเกิด ความกังขามี
1. Bell 212 จำนวน 15 ลำ แลกกับ MI-17 จำนวน 3 ลำ มันคุ้มค่าในการใช้งานหรือไม่
- ฮ.ตก บอกเก่าไม่มีเงินซ่อม
- ทหารตาย บอกขาดแคลน ฮ.ไว้ใช้งานเพื่อสนับสนุน (อ้างอิงสถานะการณ์ 3 จังหวัด)
2. MI-17 จำนวน 3 ลำ นำมาใช้ในภาระกิจอะไร
3. มีความจำเป็นเร่งด่วนแค่ไหน ถึงกับยกเลิกการซ่อม เบลล์ 15 ลำ
จริงอยู่ครับที่ว่าการซื้อ ฮ.ใหม่ใช้เงินน้อยกว่าการซ่อม ฮ.เก่า แต่ถ้าเราซ่อมได้ 12 - 13 ลำ นั่นหมายถึงการมี ม้าใช้เพื่อน้องๆจาก จปร. โรงเรียนเก่าของท่าน ที่ท่านภาคภูมิใจไม่ใช่หรือ คิดกันเล่นๆนะว่าทำไม....... ท่านถึงลืมนึกถึงรุ่นน้องๆไปซะได้
อันนี้จากมติชน
วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เวลา 23:32:23 น. มติชนออนไลน์ อ่านล่าสุด 382 คน
และแล้วข่าวลือก็เป็นจริง ลือได้ตรงทั้งรุ่นและจำนวน คือ M-17V5 3 ลำ
ใครมีรูป MI-17V5 Post ให้ดูบ้างเด้อ
MI-17V5 ใช้เงินซื้อแสดงว่าไม่เกี่ยวข้องกับ รายการของ ANSET 6 ลำ
ซึ่งเป็นการชำระแทนค่าข้าวที่ซื้อจากเราไป
ผมว่าที่ราคามันขึ้นก็ไม่แปลกหรอก เพราะที่รัสเซียเสนอ 8 ลำคราวนั้นมันมาพร้อมข้อเสนอคู่กับ Su-30MKIT มาตอนนี้แพงขึ้นก็เปนธรรมดา ........ ความจริง ไม่ใช่ ฮ. มันไม่ดีนะครับ แต่ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประการทั้งการที่ต้องยกเลิกการซ่อม Bell 212 ความเข้ากันได้ของระบบ การไม่ยอมต่อเนื่องจากโครงการเดิม และการที่มันไม่ได้เป็นการใช้หนี้ข้าว แต่เป็นการซื้อเงินสด ........ ยิ่งน่าเหนื่อยใจว่าถ้าการจัดหายังเป็นแบบนี้เมื่อไหร่กองทัพบกไทยจะพัฒนา?
ถ้า ทบ. มีเหตุผลที่มากกว่านี้ในการจัดหา Mi-17V5 ผมขอเรียกร้องให้ ทบ. ชี้แจงครับ ..... ไม่อย่างงั้นโดนสื่อถล่มแน่ และพวกเราที่ TFC ก็คงช่วยไม่ไหวแน่นอน (เพราะขนาดพวกเรายังมึนเลย)
ถึงกับต้องยกเลิกซ่อมเลยเหรอ อะไรมันจะเร่งด่วนจำเป็นขนาดนั้นหว่าสงสัยนะเนี๊ยยยยยยยยยย
อยากได้ UH1Y(ฝัน)หรือ"เหยี่ยวดำ"มากกว่าอ่ะ
ฮท.1 นี่มันเป็น UH-1 ไม่ใช่เหรอครับ เพราะว่า Bell 212 นี่ ชื่อเรียกของ ทบ. คือ ฮท.212 ไม่ใช่เหรอครับ
ถ้าMI-17มา ก็ขอเอา BLACKHAWK มาใช้ในภารกิจ จู่โจมแล้วกันครับ
ตามที่เคยกล่าวมาก่อนหน้านี้ครับว่า ฮ.Mi-17 นั้นเป็น ฮ.ที่มีขนาดอยู่ระหว่าง UH-60 กับ CH-47 ซึ่งในภารกิจทางยุทธวิธีนั้นสามารถนำมาใช้ปฏิบัติการได้หลายแบบตั้งและลำเลียงทหารเข้าพื้นที่หรือใช้โดดร่มแบบที่กองทัพบกใช้ Chinook ฝึกโดดร่มครับ ส่วนตัวเครื่อว่าจะเป็นการจัดหาเฉพาะตัวเครื่องเท่านั้นไม่ได้มีอาวุธติดตั้งมาด้วย(ร่วมถึงอุปกรณ์พิเศษอื่นๆด้วย)
อย่างไรก็ตาม Mi-17 จำนวน 3ลำนั้นถือว่าไม่ได้มีจำนวนมากนักครับ ซึ่งเข้าใจว่าทางกองทัพบกน่าจะจัดหามาเพื่อทำการประเมินการใช้งานเบื้องต้นครับว่าจะมีการหาเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมากในอนาคตหรือไม่ (แต่จริงๆอยากให้จัดหา UH-60L เป็น ฮ.ทางยุทธวิธีหลักมากว่า ปัจจุบัน ศบบ.นั้นมีอากาศยานค่อนข้างจะมากแบบแล้วครับ)
ฮ.อะไรบ้างล่ะเนี่ย
เข้าใจว่าเนื้อข่าวจริง ๆ น่าจะหมายถึงโครการปรับซ่อม UH-1H มากกว่า B-212 นะครับ ซึ่งถ้าเป็น UH-1H จริง ๆ ผมก็ว่าคุ้มนะครับกับการแปรงบไปซื้อ Mi-17 แทน
แต่ถ้าเป็น B-212 อันนี้ส่วนตัวไม่เห็นด้วยครับ เนื่องจากสิบยี่สิบปีสำหรับ ฮ. ตระกูลฮิวอี้ผมว่ามันยังไม่เก่านะ มีความอ่อนตัวสูง ใช้ได้หลากหลายภารกิจ อีกทั้งยังจะได้ ฮ. กลับมาใช้งานตั้ง 15 ตัว
การที่จะมี ฮ. หลายแบบหลากยี่ห้อผมว่าไม่แปลกหรอกครับ มันขึ้นอยู่กับภารกิจและจำนวนเงินในกระเป๋า หากว่าคำตอบมันอยู่ที่ Mi-17 เนื่องจาก Black Hawk หรือ ฮิวอี้ หรือกระทั่ง ชินุค มันไม่สามารถตอบสนองภารกิจของ ท.บ. ได้
ยกปืนใหญ่ได้เหมือนชินุค
พิสัยทำการไกลเหมือนชินุค
บรรทุกได้มากเหมือนชินุค
เอาไปขนน้ำดับไฟ หรือ ทำภารกิจ SAR ก็ได้ เหมือนชินุค
ทำอะไร ๆ ได้เหมือนหรือใกล้เคียงกับชินุค ด้วยโอเปอร์ติ้งคอร์สที่ต่ำกว่า
ใครพอจะทราบมั้งครับว่า ถ้าจะทำให้ช้างน้อยของเราบินได้ครบทั้ง 6 ตัว ต้องใช้งบเท่าไหร่ เผลอ ๆ อาจจะใกล้เคียงกับซื้อ Mi-17 1-2 ตัวก็ได้นะครับ
ซื้อไปเถอะครับ ถ้าภารกิจและเหตุผลในการจัดซื้อมันชัดเจนว่ามันต้องซื้อ อย่าให้มันอึมครึมเหมือนรถยูเครนละกันครับ...
ซื้อมาแค่3ลำคงไม่เอามาใช้เป็นเครื่อง VIP เหมือนกับ BlackHawk นะครับ อย่างเครื่องUH1ตกไม่รู้จะจำหน่ายยังไงก็โทษสภาพอากาศไปน้ำขุ่นๆ
ไม่สนับสนุนถ้าใช้งบซ่อม Bell 212 แต่ถ้าเป็นงบซ่อม UH-1H ล่ะยอมรับได้ครับ ใครช่วยเอาโครงการซ่อมต่างๆของ ทบ มาให้ดูหน่อยซิครับ
ผมสนับสนุนคุณ AAG_th1 ครับ ผมต้องการให้เสริมกำลัง Black hawk ให้แข็งแกร่งก่อนเพราะว่ามันมีความคล่องตัว กำลังก็ดี น่าจะเติมให้ครบสัก ฟูง สองฟูง ถ้าซื้อมาใหม่มันจะมากแบบเกินไป แล้วก็การเข้าการไม่ได้ของระบบด้วยครับ
ผมมองการจัดซื้อ MI-17 จำนวน 3 ลำ นี้...ในความเห็นผมน่าจะชี้แจงเป็นซื้อทดแทนโครงการเดิม ในการจัดหา แบล็คฮอร์ค เพิ่มเติม....เนื่องจากราคา แบล็คฮอร์ค มีราคาสูง...และด้วยงบประมาณอันจำกัด จึงต้องระงับโครงการ ปรับปรุง ฮ.212 ไว้ก่อน....
ซึ่งเหตุผลจริง ๆ ผมก็ไม่ทราบว่า ทำไมปัจจุบัน ทบ.ไทย...จึงไม่มีการจัดหาอาวุธ มาจาก สหรัฐ อีก...ตั้งแต่ปืนกล ลงมา...(ตั้งข้อสังเกตุ) หรือ สถานะปัจจุบันของ ทบ.ไทย ยังไม่อยู่สถานะปกติของ สภาครองเกรสสหรัฐ....แต่ด้วยความจำเป็นตามยุทธศาสตร์ของกองทัพ ที่ต้องมีการจัดหาเข้าประจำการ จึงมีความจำเป็นต้องจัดหาจากประเทศอื่นแทน....
.....ส่วนตัวล่ะเห็นด้วยกับท่าน เสือใหญ่ ที่ ท.บ.จะจัดหาแบบนี้มาใช้งาน แต่ถ้าจัดหามาใช้งานเพื่อประเมินค่าแล้วไม่ซื้อต่อในอนาคตจะเปลืองตังค์โดยใช่เหตุน่ะครับ อีกอย่างนึงถ้าไม่ปลดของเก่าชุดใดออกไปจะกลายเป็นการหามาทดแทน และเพิ่มภาระในการซ่อมบำรุงเข้าไปอีก
....สิ่งที่มองคือ ต้องลดแบบลงไปหมายถึงปลด ฮ.ตัวใดออกไปสักรุ่นและหา มิ-17 มาทดแทนครับ ลดฮ.ที่ใช้งานหลักๆคือทางยุทธการ เหลือแค่ มิ-17 และ ยูเอช-60 เป็นต้น อย่างน้อยๆก็ทำได้หลายภาระกิจอุดช่องว่าง ฮ.ที่มีอย่าง ยูเอช1/60และ ชินุค เหมาะกับบ้านเราเวลาตอบสนองภาระกิจเช่น ดับไฟป่าและกู้ภัย ลำเลียง ถ้าภารกิจมันชัดเจนและรองรับได้มากกว่าฮ.เดิมที่มี ก็ควรจะจัดซื้อ ซึ่งบประมาณในการจัดหาฮ.บ้านเราเช่น ยูเอช-60 เป็นต้นนั้นลุ่มๆดอนๆมาก
ผมเห็นด้วยกับคุณเสือใหญ่นะครับ ถ้านั่นหมายถึงการแปรงบจากโครการปรับซ่อม UH-1H ไปซื้อ Mi-17 แทน ซึ่งในความคิดส่วนตัวของผมก็ไม่เห็นด้วยกับโครการปรับซ่อม UH-1H อยู่แล้ว แต่การแปรงบไปซื้อ Mi-17นับว่าเหนือคาดจริงๆ โดยส่วยตัวผมมองไปที่ BELL 412 หรือ UN-1Y แทน UH-60L BlackHawk ด้วยซ้ำไป เนื่องจากเจ้า BlackHawk ค่าตัวแพงไป แต่กับการซื้อ Mi-17V5 ผม ชอบเลยเพราะเจ้าตัวนี้อยู่แล้ว แต่ผมจะเสนออีกตัวเพื่อความแตกต่าง ลูกพี่จีนก็มี พม่า เวียดนามก็มี
ฮ่าๆๆPZL W-3 Sokół
ผมเห็นคุณปู่ฮิวอี๊ของ ทบ.ที่ซ่อมคืนสภาพโดย บ.ทีเอไอ บินว่อนไปมาในโทรทัศน์ตามภาพข่าววันที่ ปะทะกับเขมร ติดปืนด้วย สีดำๆ ดูแล้วเท่ห์ชะมัด เป็น ฮ.ที่เทคโนโลยีต้นทุน ค่อนข้างต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับ เบ๋วสองหนึ่งสอง ภารกิจค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่ผมยกให้เบ๋วสองหนึ่งสองชนะไป เพราะว่า มีดีที่ความมีความปลอดภัยในการบินสูงกว่าคุณปู่อิวอี๊ แต่ถ้าเทียบกับ ฮ.สมัยใหม่ ก็คงจะเปรียบเทียบกับเค้าไม่ได้ เพราะ รุ่นใหม่ ๆเค้าก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว ถ้าจะให้โปร่งใสจริงๆ อยากจะให้นำเสนอ หรือ เผยแพร่ บทความ ชี้แจงรายละเอียดได้ แบบของ ทอ.ว่าต้องไมเป็นยาสสามเก้า แป๊ะอยู่หน้าเว็บไซด์หลักเลย ไม่ขอค้านที่จะจัดหา แต่อยากจะให้แสดงข้อมูลเกียวข้องทั้งหมด เท่าที่จะแสดงได้ โดยเฉพาะ อุปกรณ์ในกลุ่มของความปลอดภัยในการบิน อย่างเช่น มีหรือไม่มีเรดาห์ตรวจสภาพอากาศ ยี่ห้ออะไร รุ่นอะไร ทำงานยังไง เพราะใช่ว่า ฮ.จัดหาได้ยากแล้ว ตัว นบ.เอง ก็ใช้ต้นทุนทรัพยากรการผลิตสูง เช่นกัน ไม่น่าจะสูญเสียทั้งสองอย่าง เพียงแค่ว่า ออฟชั่นจัดหาไม่ครบ ต้องมาจัดหาเพิ่มเติมในภายหลัง ก็คงจะดูไม่ดีสักเท่าไหร่ เข้าสำนวนเก่าๆ ที่ว่า"คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ" ว่าแต่ ของรัสเซีย ระบบอะไรใน ฮ.ที่เค้าเจ๋งที่สุดอะครับ...?
.....เห็นด้วย juldas น่ะครับ
...หากบ้านเราเกิดรัฐประหารขึ้นมาอีก ผมว่าอนาคตอาวุธใหม่ประสิทธิภาพสูงจากอเมริกา เตรียมพับเข้าลิ้นชักไปเลย
.....ถึงไม่โดนเรื่องปัญหาภายในแต่เรื่องของงบประมาณและการตอบแทนในเรื่องอื่นๆอเมริกาให้ไม่ได้ ซึ่งสำหรับบ้านเราแล้วเป็นเรื่องหนีกันไม่ได้ อาจจะได้ของดีแต่ปริมาณลดลงไม่พอต่อการรองรับภาระกิจของบ้านเรา ซึ่งส่วนตัวมองแล้วไม่มีความจำเป็นต้องแคร์อเมริกาในการจัดหาอาวุธครับ อย่ายึดติดจนเกินไป ไม่มองตัวเองว่าเงินในกระเป๋าพอกับสิ่งที่จะซื้อหรือไม่ อยากได้ของให่แต่ราคาแพงจัดซื้อมาได้แค่นิดหน่อยเวลาใช้งานกับไม่พอ อาวุธใหม่ๆของอเมริการาคาลดไม่เป็น ดังที่ ท.อ.ทำมาแล้ว ดังจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกองทัพในส่วนที่เราหามาเติมไม่ได้เนื่องจากขัดกับงบประมาณและนโยบายต่างประเทศ เป็นต้น
....ส่วนตัวคิดว่า อย่างน้อยก็ทำจิตวิทยาในเรื่องข่าวว่า เวลาเราต้องเสริมกำลังเร่งด่วน เราก็สามารถจัดหาอาวุธประสิทธิภาพสูงได้จากทุกชาติแม้ประเทศจะฝืดๆนิดหน่อย ซึ่งเวลาบ้านเรามีปัญหาได้ไม่ถูกกดดันห้ามขายอาวุธประสิทธิภาพสูงจากประเทศคู่ค้าหลักเช่น อเมริกาได้
อ่านจากข้อมูลของท่าน SPECI และของท่าน Skyman ด้วย...ซึ่งผมไม่ค่อยติดตามการจัดหาอาวุธของ ทบ. สักเท่าไหร่...พอจะเข้าใจเป็นอย่างนี้ได้หรือเปล่าครับ...
1. โครงการจัดหา ฮ.ลำเลียง วงเงิน ๙๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท อยู่ระหว่างรายงานขออนุมัติการจัดหา - มันก็คือ การจัดหา และได้ข้อสรุปที่ MI-17 ตามข่าวตอนนี้ เป็นไปตามแผนของ ทบ.
2. โครงการซ่อมบำรุง ฮ. แบบใช้งานทั่วไป ระยะที่ ๒ จำนวน ๑๕ เครื่อง ขณะนี้ได้รับราคาจากบริษัทอุตสาหกรรมการบินแล้ว ปรากฏว่าราคาสูงกว่าที่ ทบ.ให้การสนับสนุนงบประมาณ และบางรายการต้องมีการปรับแก้เนื่องจาก บริษัทฯ เสนอให้มีการปรับปรุงระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของ ทบ. - มันก็คือ การซ่อมบำรุง Bell-212 ที่ตามข่าว บอกว่า ยกเลิกการซ่อมบำรุง
3.สำหรับความคืบหน้าของโครงการที่ ๑ จำนวน ๑๖ เครื่อง ในกำหนดสัญญาให้เสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงเครื่องที่ ๑ภายใน ม.ค.๕๑ ซึ่งบริษัทแจ้งว่าจะเชิญผู้แทน ทบ. ไปชมผลงานในเดือน ก.พ.๕๑ - มันก็คือ การซ่อมบำรุง UH-1H ตามที่ท่าน Skyman กล่าวไว้....
ถ้าข้อมูลเป็นดังกล่าวข้างต้น...การจัดหา ฮ.MI-17 เป็นการจัดหาตามปกติของโครงการ ทบ. ที่กำหนดความต้องการไว้แล้ว...ส่วนเรื่องการยกเลิกการซ่อม Bell-212 มันก็น่าจะคนละเรื่อง คนละงบ คนละโครงการ กับการจัดซื้อ ฮ. ใหม่....ซึ่งไม่น่าจะออกข่าว เอามาเกี่ยวโยงกัน ทำให้สับสน...โครงการจัดหา ฮ. ลำเลียง ก็ดำเนินการตามแผน ส่วนการปรับปรุง Bell-212 ก็ยกเลิกโครงการไป เพราะการปรับปรุงไม่ตรงกับความต้องการ และมีงบประมาณสูงขึ้น....จึงไม่น่าจะใช้คำว่า...แทน...ต่อท้าย...เพราะคำ คำเดียว แต๊ ๆ....
ท่าน juldas ฮะ ........ UH-1H แฟสแรกซ่อมไปแล้วรับมอบไปแล้วเมื่อ ก.พ. 51 แต่ภาพที่ได้เห็นมานั้นถ่ายเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เองครับ ซึ่งคิดว่าเป็นเฟสสองของโครงการซ่อม UH-1H ........ ทบ.จะซ่อม UH-1H ทั้งหมด 46 เครื่องครับ เฟสแรกเสร็จไปแล้ว แต่ที่ดำเนินการอยู่นี้น่าจะเป็นเฟสสองแล้วล่ะครับ
บันทึก 65. โครงการซ่อมปรับปรุง ฮ.ท.1
ทบ.มีเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ฮ.ท.1 (UH1-H)ประจำการจำนวน 92 เครื่อง แต่อยู่ในสภาพงดบินเป็นจำนวนมาก เนื่องจากขาดแคลนชิ้นส่วนอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนตามระยะเวลามาเป็นเวลานาน โดย ทบ.มีความต้องการในการซ่อมบำรุง ฮ.ท.1 เพิ่มเติมอีกจำนวน 46 เครื่อง โดย ทบ.ใช้วิธีการซ่อมปรับปรุงตามมาตรฐานที่ ทบ.กำหนด โดยจะเป็นลักษณะการยืดอายุการใช้งานให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องอย่างน้อยอีก 15 ปี โดยมีการตรวจสภาพและซ่อมบำรุงตามความจำเป็นแบบสมบูรณ์ (Completed Inspection and Repair As Necessary : IRAN) หรือการซ่อมบำรุงระดับโรงงาน(Program Depot Maintenance : PDM) หรือการซ่อมปรับปรุงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ (Up Grade) โดยปี 49 ทบ.ได้จัดสรรงบประมาณในระยะที่ 1 จำนวน 16 เครื่อง และมีความต้องการในระยะที่ 2 และ ระยะที่ 3 ในปีงบประมาณ 2550 (ผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2550-2552)จำนวน 15 เครื่อง และ ในปีงบประมาณ 2551 (ผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2551 2553)จำนวน 15 เครื่อง
ส่วนโครงการซ่อม ฮท.212 นั้น ไม่ได้มีเขียนไว้ในแผน 9 ปีเก่าเลยครับ ...... บางทีอาจจะมาเพิ่มตอนปรับปรุงแผนเมื่อ ธ.ค. 50 ..... แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เจอต้นตอแล้วครับว่า Mi-17V5 มาตามแผนงานความต้องการของทบ.ตามนี้ครับ ........ ถ้างั้นก็ถือว่าเป็นการจัดหาที่มีแผนการจัดหารองรับ ไม่ใช้นึกจะซื้อก็ซื้อ อันนี้ถือว่าดีและถูกต้องครับ ........ ส่วนการยกเลิกการซ่อม ฮท.212 นั้น งานซ่อม ฮท.212 อาจจะเป็นงานนอกแผนที่เพิ่มเข้ามา พองบไม่พอจึงต้องหลีกให้งานในแผนก่อน ........ ซึ่งถ้าเหตุผลเป็นแบบนี้ ผมก็ยอมรับได้และไม่น่าด่าครับ
บันทึก 32. โครงการจัดหา ฮ.ลำเลียงขนาดกลาง โครงการปี 50 51 จำนวน 3 เครื่อง
- เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ จำนวนไม่น้อยกว่า 2 เครื่องยนต์ มีแรงม้ารวม ไม่น้อยกว่า 3,500 แรงม้า สามารถบรรทุกกำลังพลไม่น้อยกว่า 30 นาย ไม่รวมนักบินและช่างความเร็ว เมื่อบรรทุกและมีเชื้อเพลิงเต็มถัง(MTOW) จะต้องมีความเร็วเดินทางสูงสุดไม่น้อยกว่า 120 น๊อต และพิสัยบินไม่น้อยกว่า 300 nm บรรทุกภายนอกไม่น้อยกว่า 15,000 ปอนด์
เงื่อนไขของโครงการ
1.มีการฝึกนักบินและช่าง เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้โดย จำนวน นักบิน 2 นาย,ต่ออากาศยาน 1 เครื่อง
นักบินลองเครื่อง 2 นาย, ครูการบิน 2 นาย, ช่างขั้นหน่วย ไม่น้อยกว่า 2 นาย,
ช่างขั้นกลางจำนวน 4 นาย,
2. ต้องแจ้งรายการและราคาของเครื่องมือซ่อมบำรุงประจำอากาศยานและบริภัณฑ์ภาคพื้น
3. ต้องแจ้งรายการและราคาของชิ้นส่วนซ่อมควบคู่ จำนวน 400 ชม.บิน และ/หรือ 2 ปี ต่อเครื่อง
4. มีระบบไฟที่สามารถปฏิบัติงานด้วยกล้องมองกลางคืน (NVG)
5. ต้องแจ้งข้อมูลการผลิตและประเทศผู้ใช้งานทั่วโลก
6. ไม่เป็นเครื่องบินต้นแบบ
โครงการซ่อม ฮ.ล.47 ซ่อมเรียบร้อยแล้ว ....... ไม่ว่าจะบินได้ 5 ลำ หรือ 6 ลำ ก็ถือว่ามันกลับมาบินแล้วครับ น่ายินดีครับ
บันทึก 59. โครงการซ่อมปรับปรุง ฮ.ล.47
- ทบ.มีเฮลิคอปเตอร์ลำเลียง แบบ ฮ.ล.47 (CH-47D)ประจำการจำนวน 6 เครื่อง แต่อยู่ในสภาพงดบินเป็นเวลานาน จำนวน 3 เครื่อง เนื่องจากขาดแคลนชิ้นส่วนอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนตามระยะเวลา จึงเกิดปัญหาในการปฏิบัติงาน ดังนั้น ทบ.จึงมีความต้องการซ่อมใหญ่ ( Overhaul) ฮ.ล.47 จำนวน 3 เครื่อง ดังกล่าว โดยจะต้องทำการตรวจสภาพ ฮ.ล.47 แต่ละเครื่อง เพื่อให้ทราบสาเหตุของการชำรุดและดำเนินการซ่อมให้สามารถบินได้อย่างปลอดภัย โดยกำหนดเป็นความต้องการในปีงบประมาณ 2549 (ผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2549 2550)
- สำหรับ ฮ.ล.47 ทั้ง 3 เครื่องนี้ จำนวน 2 เครื่อง ชิ้นส่วนซ่อมหลักครบอายุการใช้งาน และอีก
1 เครื่อง ชิ้นส่วนซ่อมหลักครบอายุการใช้งานเนื่องจากการถอดสับเปลี่ยน (Cannibalization) และประสบอุบัติเหตุลงกระแทก (Hard Landing)
รายการชิ้นส่วนซ่อมหลักโดยย่อ ที่ต้องการ
1. FWD.ROTOR HEAD
2. AFT.ROTOR HEAD
3. ENG.TRANSMISSION
4. FWD.SWASPLATE
5. AFT.SWASPLATE
6. SHOCK ABSORBER
7. POWER TRANSFER UNIT
8. STARTER
9. BLADE ASSY.FWD.
10. BLADE ASSY.AFT.
หมายเหตุ
- ไม่ได้แสดงรายการทั้งหมด
ขอบคุณครับท่าน Skyman ในส่วนของ MI-17 ดูแวว...น่าจบความเข้าใจกันได้...
แต่ในการซ่อมปรับปรุงของ เฟส ที่ 1 อ่านตามข้อมูลของท่าน SPECI เป็นการส่งมอบเพื่อตรวจสอบ เครื่องที่ 1 ในเดือน ก.พ.51
หมายถึง การส่งมอบตัวปรับปรุงต้นฉบับสมบูรณ์ จำนวน 1 ลำในเดือน ก.พ. 51 เป็นเครื่องต้นแบ และตามภาพของ Aerospace ผมคิดว่าน่าจะเป็นในส่วนที่เหลือ อีก 15 ลำ ของเฟสที่ 1 ที่กำลังดำเนินการ อยู่รึเปล่า ?
โดยตามแผน ทบ. ที่จะปรับปรุง ฮท. 1 จำนวน 46 เครื่อง แบ่งเป็น 3 เฟส....ถ้าอ่านตามเหตุการณ์ที่เห็นในข่าว...ในส่วนปรับปรุง ฮ. จำนวน 46 เครื่อง ตามแผนเดิม ผมว่า ทบ. คงปรับเปลี่ยนจาก ฮท.1 เป็น Bell-212 แทน ในเฟสที่ 2.....โดยยังคงให้อยู่ในงบประมาณเดิม และจำนวนการปรับปรุงเดิม ของแผน ทบ.
และคาดว่า การปรับปรุง ฮ. ในส่วนที่เหลืออีกจำนวน 30 เครื่อง (หัก เฟส 1 จำนวน 16 เครื่อง) ทบ. จะยกเลิกไปเลยทั้งหมดหรือไม่ ?
ผมว่านะ มันก็ดีทั้งสองโครงการ ไม่ว่าการซ่อม B212 หรือการซื้อ ฮ.MI-17 ก็ตาม เพราะมันจะต้องทำอะไรสักอย่างที่จะต้องทำให้ ฮ.มีครบตามความต้องการใช้งานจริง
MI-17 ว่าไปแล้วดูท่าทางจะอยู่ในคลาสเดียวกับเจ้าเหยี่ยวดำตัวเก่ง แต่อย่างไรอยากฝากไว้สักนิดคับ การจะซื้อ จะซ่อม จะอัพเกรดอะไรก็ตาม ขอแบบฟูล ๆ แน่นอน มันต้องแพงกว่า แต่มั่นใจกว่า เพราะจะได้ของที่ทันสมัย มีอายุการใช้งานที่ยืนยาวจริง
ประเภทตัวถังใช่ แต่เครื่องยนต์ อาวุธ ระบบควบคุม เป็นของตกรุ่น เลิกเถอะคับ ซื้อมาเปลืองเงินเปล่า แล้วก็ต้องเปลืองเงินกันตลอด เดี๋ยวซ่อม เดี๋ยวอัพเกรด ยังไม่ทันโดนใครยิงก็ร่วงกันตุ้บตั้บ ๆ เครื่องบินทันสมัย เรด้าร์ไร้เทียมทาน แต่ดันหลบภูเขาลูกบ่ะเฮิ่มไม่พ้น เป็นเรื่องตลกบนคราบน้ำตาจริง ๆ ฯลฯ
ชาวบ้านยินดีจ่ายภาษีให้กองทัพมีอาวุธที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยกับทหารทุกคน เพราะฉะนั้น ยอมแฮ็บตังค์ทอนให้น้อยลงหน่อยเถอะคับ อย่าทำให้ประชาชนผิดหวังเลยคับทั่นนักการเมืองทั้งหลาย
ผมคิดว่าข่าวน่าจะผิดครับ
เพราะจากข้อมูลที่ผมได้จากไฟล์ สรุปรางงานการประชุมกรมฝ่ายยุทธบริการนั้น ไม่มีโครงการปรับปรุง 212 มีแต่ของ UH-1 ครับ แต่เท่าที่ทราบ โครงการของ UH-1 นั้นอนุมัติแล้วนะไม่น่าจะล้มนะครับ
จ้างซ่อมปรับปรุง ฮ.ท.๑ จำนวน ๑๕ เครื่อง (ระยะที่ ๒ ) วงเงิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท อนุมัติแผนจัดหาแล้ว เมื่อ ก.พ.๕๑ โดย ขส.ทบ. ได้ชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาการดำเนินการของ บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด (TAI) ในกรณีนี้อยู่ระหว่าง กบ.ทบ. นำเรียนข้อมูลการซ่อมปรับปรุงของประเทศสิงคโปร์ให้ ผบ.ทบ.ทราบ เพื่อให้ ขส.ทบ.ได้ใช้เป็นข้อมูลพิจารณาใช้ประโยชน์ต่อไปส่วนในเรื่อง Mi-17 นั้น เท่าที่ทราบ เป็นโครงการจัดหา ฮ.ลำเลียงอยู่แล้ว งบประมาณน่าจะคนล่ะตัวกันตั้งแต่แรกนะครับ ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีการโยงงบ ของการปรับปรุง UH-1 มาซื้อ ฮ.แต่อย่างใด ครับ
โครงการที่
๒. จัดหา ฮ.ลำเลียง จำนวน ๓ เครื่อง วงเงิน ๙๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (งบเสริมสร้างปี ๕๑)
๓
. โครงการซ่อมบำรุง ฮ.แบบใช้งานทั่วไป (ระยะที่ ๒) วงเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท(งบเสริมสร้างปี ๕๑)ผมว่าค่อนข้างชัดครับว่า ไปเปลี่ยนงบที่จะใช้ซ่อม ฮท. 1 มาซื้อ Mi-17 ไม่น่าจะใช่งบที่เตรียมไว้สำหรับซ่อม ฮท. 212
สงสัยจะพิมพ์ผิด หรือไม่ก็มีรายการสับขาหลอก จะโดยตั้งใจหรือไม่ไม่รู้
เอาเป็นว่าจะมี ฮ. เก่า 15 ตัวไม่ได้ซ่อม (เลื่อน ?) แล้วจะได้ ฮ. ใหม่มา 3 ตัว
พิจารณาจากพิสัยบินที่ไกลกว่า บรรทุกได้มากกว่า บินเข้าพื้นที่ได้เร็วกว่าอิวอี้และแบล็กฮอร์ค รวมถึงเสียงที่เงิยบกว่าด้วย Mi-17 เหมาะมากครับกับการเคลื่อนย้ายหน่วย RDF ของเรากรณีเกิดวิกฤติการณ์เร่งด่วน ณ ชายแดนด้านใดด้านหนึ่ง
ถ้าใช้ฮิวอี้อย่างในปัจจุบัน ต้องใช้ไม่น้อยกว่า 12 ตัวในการเคลื่อนย้ายหน่วยระดับกองร้อย
8-9 ตัว ถ้าเป็นแบล็กฮอร์ค สูสีก็ต้องชีนุค แต่ทั้งแบล็กฮอร์คและชีนุกต่างก็สิ้นเปลืองมากกว่า ทั้งการจัดหาและซ่อมบำรุง เมื่อเทียบกับ Mi-17
ถ้าใช้ Mi-17 ขน 4-5 ลำก็พอแล้วครับ
เดาเอานะครับ ไม่รู้ว่าภารกิจจริง ๆ จะเป็นแนว ๆ นี้หรือเปล่า !
ที่จริงแล้วผมอยากเห็น ท.บ. ใช้งาน ฮิวอี้ + Mi-17 + ชินุคเท่านั้น แบบว่าครบไลน์ทั้งเล็กกลางใหญ่ แยกใช้ตามภารกิจที่เหมาะสม ส่วนแบล๊กฮอร์คที่ซื้อมาแล้วก็เอาไปทำ ฮ. วีไอพี ให้หมด (วีไอพี สำคัญนะครับ อย่ามัวแต่แนะแหนกันให้มากนัก) เหลือก็เอาไปเสริมการทำงานของ Mi-17
ดู ๆ กันไปนะครับ นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับรัสเซียในการเปิดตลาดอาวุธ เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเหล่าทัพเราด้วย ที่จะได้ใช้ของดีราคาไม่แพงจากค่ายหมีขาวซะที เบื่อของแพงอุปกรณ์ไม่ครบจากลุงแซมครับ (เราไม่มีเงินซื้อบ้าง ไอ้กันไม่ขายให้เราบ้าง ที่ได้มามันก็เลยมักจะขาด ๆ เกิน ๆ)
เอาใจช่วยให้ได้มาใช้เยอะ ๆ ครับ Mi-17 เนี่ย...
เรื่องอาวุธ ของ อเมริกัน...ผมลองสังเกตุการจัดหาของ กองทัพไทย คือ การจัดหา แบบการช่วยเหลือทางการทหาร....(ขอซื้อราคาถูก) ไม่ใช่ การจัดหาแบบ ธุรกิจโดยตรง คือ กองทัพไทย สั่งซื้อกับ บริษัทฯ ที่ผลิตโดยตรง...
ซึ่งการจัดซื้อแบบการช่วยเหลือทางการทหาร ทางสหรัฐ จะต้องชี้แจง กับสภาครองเกรส ถึงเหตุผลว่า ทำไมต้องช่วยเหลือ ความจำเป็นมันมีมากขนาดไหน....และถ้าผมเข้าใจไม่ผิด เป็นการที่กองทัพสหรัฐ ตัดสต็อคจากของตัวเอง ให้กับ กองทัพไทย....
เราจึงเห็นอาวุธของกองทัพไทย มาแบบขาดๆ เกินๆ....หรือมาเพียงจำนวนหนึ่งเล็กน้อย....ซึ่งไม่เหมือนกับ สิงคโปร์ ที่เป็นการซื้อขายและการซื้อขาย ทางการค้าอาวุธปกติ ในราคาปกติ....สิงคโปร์ จึงสามารถจัดหาอาวุธได้ตามความต้องการ เช่นเดียวกับ มาเลเซีย....
ในสมัยก่อน...จึงมีข่าวว่า สหรัฐ ขอมาตั้ง คลังอาวุธ ที่ประเทศไทย....ผมตีความหมายว่า การตั้งคลังอาวุธของสหรัฐในประเทศไทย คือ การมาตั้งสต๊อคอาวุธของกองทัพสหรัฐ...ซึ่งประเทศไทย ไม่ต้องมีการจัดซื้อผ่านสภาครองเกรส ให้วุ่นวายมากนัก....เมื่อประเทศไทย มีภาวะสงครามและความจำเป็น...กองทัพสหรัฐ จะสามารถชี้แจงกับสภาครองเกรส ได้ถึงความจำเป็นว่าเกิดสภาวะสงคราม...ทำให้สภาครองเกรส ไม่มีเหตุผลโต้แย้ง เพราะมันเกิดภาวะสงครามขึ้นจริง ๆ และกองทัพไทย สามารถขอยืม หรือเบิกใช้ได้เลย....
ผมมองวัตถุประสงค์ ในการช่วยเหลือทางการทหารของ กองทัพสหรัฐ ต่อ กองทัพไทย แบบนี้ครับ....แต่การตั้ง คลังอาวุธในประเทศไทย ก็ถูกต่อต้านในขณะนั้น...(ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ...)
แต่ผมก็ยอมรับว่า อาวุธของสหรัฐ ของเขามีคุณภาพ และใช้ทนทานจริง ๆ....
Mi-17 นั้นมีความเร็วน้อยกว่า Blackhawk ครับคือทำความเร็วได้สูงสุด 250กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะที่ UH-60 ทำความเร็วสูงสุดได้ราว 160น็อต(ประมาณ 300กิโลเมตร/ชั่วโมง)
และรัศมีปฏิบัติการของBlackhawk และหน้ำหนักบรรทุกนั้นไกลกว่า Mi-17 คือ 320ไมล์ทะเล(ราว590กิโลเมตร) ต่อ 460กิโลเมตรครับ
แต่น้ำหนักบรรทุกของ Mi-17 นั้นมากกว่า Blackhawk ครับคือ 11ตัน ต่อ 7ตัน
ถ้าจะเคลื่อนย้ายหน่วยระดับกองร้อยอาวุธเบา(เต็มอัตรา)ด้วยคุณปู่ซู่ซ่าฮิวอี้แล้วต้องใช้ถึง ซาวป๋าย ตัวครับ.....ด้วยภารกรรมบรรทุกและสภาพความปลอดภัยแล้วคุณปู่ซู่ซ่าถูกอนุญาตให้หิ้วหลานๆร้อย.อวบ ได้ท่านละ 7 นายครับ(ไม่รวมลูกเรือ).........ว่าแต่ มิ 17 นี่มันโดดร่มแบบสแตติกไลน์ได้หรือเปล่าครับ แต่ถ้าจำไม่ผิดเคยเห็น มันมีแรมป์ท้ายและเทลบูมยกสูง น่าจะโดดสแตติกไลน์ได้......และก็สงสัยอีกอย่างครับ ว่า เจ้า แบกหอก มันสามารถโดดร่มสแตติกไลน์ได้หรือไม่ เพราะเคยเห็นภาพทหารอเมริกัน นั่งบรรทุกไปในเจ้า แบกหอก โดยที่แต่งร่มที่ใช้สำหรับโดดแบบสแตติกไลน์ครับ (แต่ยังไม่เคยเห็นภาพตอนโดด เลยสงสัย)......และไม่ทราบเหมือนกันว่า มิติ ระวางบรรทุกของเจ้า มิ 17 มันสามารถบรรทุกเจ้าปืนตั๊กแตน ปืนแพ็ค เอ็ม 56 ขนาด 105 มม. ได้หรือไม่
เคยอ่านเจอมาว่าในสงครามร่มเกล้านั้นลาวได้ใช้ Mi-8/17 ในการเคลื่อนย้าย ป.130มม. ครับซึ่ง ป.แบบดังกล่าวมีน้ำหนัก 7.7ตัน ซึ่ง Mi-17 น่าจะทำการเคลื่อนย้าย ป.105มม.แบบต่างๆซึ่งมีน้ำหนักน้อยกว่าได้ครับ (ซึ่งต้องดูว่าระบบติดตั้งพัสดุสำหรับเคลื่อนย้ายทางอากาศนั้นเข้ากันได้หรือไม่)
เคยเห็น Video Clip การโดดร่มจาก ฮ.Mi-17 นะครับแต่เป็นแบบกระตุกร่มเอง(Free Fall)
General characteristics
Performance
ลบ spec แบล๊กฮอร์ค ทำไมละครับ ?
General characteristics
Performance
คุณลักษณะของ Black Hawk UH-60A and UH-60L | ||
Black Hawk UH-60A | Black Hawk UH-60L | |
เครื่องยนต์ | General Electric T700-GE-700 | General Electric T700-GE-701C |
กำลังขับเคลื่อน | 1622 shp ( Xmission rating 2828 shp) | 1800 shp ( Xmission rating 3400 shp) |
จำนวนเครื่องยนต์ | 2 | 2 |
ใบพัดหลัก | 53 ft 8 in (16.36 m) | 53 ft 8 in (16.36 m) |
น้ำหนักยกตัวสูงสุด | 20250 lb (9,185 kg) | 24500 lb (11,113 kg) |
จำนวนเจ้าหน้าที่การบิน | 2 pilots 1 crew chief. | 2 pilots 1 crew chief |
จำนวนบรรทุก ทหาร หรือ ผู้โดยสาร |
11 ทหารพร้อมชุดออกรบ หรือ 14 passengers |
11 ทหารพร้อมชุดออกรบ หรือ 14 passengers |
ความยาวตัวเครื่อง (นับรวมตั้งแต่ใบพัด) | 64.81 ft (19.76 m) | 64.81 ft (19.76 m) |
ความสูงของ | 16.8 ft (5.13 m) | 16.8 ft (5.13 m) |
ความเร็ว | 139 kt (257 km / h) | 159 kt (294 km / h) |
ระยะทำการบิน | 368 miles(592 km) | 363 miles( 584 km) |
เพดานบิน | 19,000 ft | 19,150 ft |
อาวุธ (ทั้งสองรุ่น) | 2 จุดใช้ติดตั้ง 12.7 mm GECAL 50 หรือ M134, 7.62 mm mini-getling guns |
เพิ่มเติม gun pots , rocket pods, Hell fire missiles,mine dispensers |
ห้องนักบิน Blackhawk | ||
ห้องนักบินรุ่นใหม่สุด Blackhawk | ||
1 nm.(nautical mile) = 1.15155 miles, 1 kt (knot) = 1.15155 mile / hr. 1 mach = 761 mph.(SL,ISA) ขอเพิ่มเติมข้อมูลอีกนิดหน่อยครับ ที่มา : http://www.thaitechnics.com/aircraft/uh60_t.html |
ปัญหาของ Mi-17V5 คือ มันหิ้วปืนใหญ่ M198 155 มม. ไม่ไหวน่ะสิครับ เจ้านี่หนัก 7.2 ตัน หรือ 16000 ปอนด์ และเป็นปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง (ปกค.) หลักของ ทบ. ดังนั้นยังไง ทบ. ก็ยังจำเป็นต้องมี CH-47 Chinook อยู่นั่นเอง ถ้าจะมองว่าเอา Mi-17 ไปหิ้วปืนใหญ่ L119 105 มม. ซึ่งหนัก 2.2 ตัน หรือ 4700 ปอนด์ หรือ Pack M56 105 มม. ซึ่งหนัก 1.3 ตันหรือ 2800 ปอนด์ ก็ไม่จำเป็นเลย เพราะ UH-60L ก็สามารถหิ้วได้สบายๆ อยู่แล้วครับ ส่วนถ้าจะเอา Pack M56 ยัดเข้าไปในลำตัวของ Mi-17 นั้น นน.ได้ครับ แต่ขนาดไม่รู้ว่าจะเข้าได้ไหมครับ
ปืนใหญ่ขนาด 130มม. แบบ M-46 ของรัสเซียหรือ Type 59 ของจีนนั้นมีน้ำหนักประมาณ 7.7-8.5ตันครับ ซึ่งใกล้เคียงกับ ป.155มม.หลายแบบที่ไทยมีครับ
ถ้าข้อมูลการที่ลาวใช้ Mi-8 ขนย้าย ป.130มม.ในช่วงสงครามร่วมเกล้าเป็นเรื่องจริงแล้วก็แสดงว่า Mi-17V5 คงน่าจะยกปืนใหญ่น้ำหนัก 7-8ตันได้ครับ แต่ก็ต้องดูว่าระบบการติดตั้งตัวปืนเพื่อจะขนไปกับ ฮ.เข้ากันได้หรือไม่ด้วยครับ
M198 howitzer | |
---|---|
A 155 mm M198 howitzer firing. |
|
Type | towed howitzer |
Place of origin | United States |
Service history | |
Used by | U.S. Army, USMC, Australian Army, Royal Thai Army, Lebanese Army |
Unit cost | US$527,337 |
Specifications | |
Weight | 7,154 kg (15,772 lb) |
Length | 11 m (36 ft 2 in) in firing position; 12.3 m (40 ft 6 in) in towing position |
Width | 2.8 m (9 ft 2 in) in towing position |
Height | 2.9 m (9 ft 6 in) in towing position |
Crew | 9 enlisted men |
|
|
Caliber | 155 mm |
Rate of fire | 4 round/min maximum; 2 round/min sustained |
Maximum range | 22,400 m (14 miles) with conventional ammo; 30,000 m (18.6 miles) with rocket propelled |