บ้านเกิดตูนะเฟ้ยไม่ใช่สนามรบ
ช่องสายตะกรู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ มี พ.ต.กวง สุดิน
ผบ.พัน ๗๐๒ ผู้รับผิดชอบนำกำลังทหารกัมพูชา 300 นาย เข้า
ไปตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่พร้อมอาวุธหนัก RPG ปืนใหญ่ BM-21
เข้าไปเตรียมการตลอดแนวชายแดน บุรีรัมย์-สุรินทร์
มันจะเปิดกี่แนวกันแน่
ชักโมโหแล้ว เดี๋ยวได้เจอกัน เฮีย กวง ให้รู้บ้างว่าทหารม้า
ลาดตระเวนเจ๋งแค่ไหน
ผมจะลากเฮียมาให้ทหารราบรุมยำให้ดู
ความคิดเห็นที่ 1
อยากทราบว่าเอาข่าวมาจากนสพ.ฉบับไหน เพื่อจะได้ให้ rating ได้ถูกว่ามั่วได้ซะระดับใด (มีปัญญาสร้างนสพ. ทำไมไม่มีปัญญาจ้างผู้สื่อข่าวสายทหารดีๆ กันมั่ง)
BM-21 มันใช่ปืนใหญ่ซะที่ไหน มันเป็นจรวดหลายลำกล้องตะหาก
โดยคุณ
monsoon เมื่อวันที่
18/10/2008 13:29:45
ความคิดเห็นที่ 2
......ระบบ แกรด บีเอ็ม-21 เขมรมีใช้ครับจำนวน8ระบบ แถมใช้รบมาตั้งแต่สงครามภายในระหว่างเขมรแดงกับฝ่ายรัฐบาล ไม่รู้ว่าปัจจุบันยิงได้หรือลูกจรวดพอเพียงหรือไม่ .
......ส่วนประสิทธิภาพนั้นถือว่าอันตราย(ถ้าใช้เป็น) เพราะสามารถทำความเสียหายในพื้นที่ได้กว้าง และความอ่อนตัวในการเคลื่อนที่ก็สูง(เพราะเป็นล้อยาง) ถ้าเขาแม่นเป้ายิงดีๆล่ะก็ฐานปืนใหญ่ จุดรวมพลรถถัง ยานเกราะ ทหารราบ เราก็เสียงต่อการยิงของจรวดเขาคือกัน
....ส่วน บ้านเรามีแต่ 130 ม.ม.ติดตั้งบนรถ ไทพ์-85
โดยคุณ
MIG31 เมื่อวันที่
18/10/2008 21:45:54
ความคิดเห็นที่ 3
นี่ครับของไทย ตามที่ท่าน MIG31 กล่าวถึง
โดยคุณ
monsoon เมื่อวันที่
19/10/2008 01:42:07
ความคิดเห็นที่ 4
MIG31 ดูแล้วจำนวนน้อยและช่วงสั้นจังเลยครับ.. รถคันนี้ก็ดูใช่เล็กๆ ติดทั้งทีให้มันสมน้ำสมเนื้อกับตัวรถหน่อยก็น่าจะดีกว่านะครับ.. หรือว่ายังไงครับ
...
โดยคุณ charchar เมื่อวันที่
19/10/2008 02:40:09
ความคิดเห็นที่ 5
....ส่วนตัวคิดว่า ระบบนี้ 130 ม.ม. ใช้ยิงหนุน หรือ ถล่มเป้าหมายขนาดเล็กๆล่ะได้ผลล่ะครับ แต่ถ้าเป้าหมายที่ยิงโต้เราได้ แบบปืนใหญ่หรือจรวดหลายลำกล้องเหมือนกัน ซึ่งมีระยะยิงไกลกว่า(ของเรายิงได้10 ก.ม.เอง) ก็ลำบากหน่อยล่ะครับ หัวรบก็รุนแรงน้อยกว่า
.....ถ้าอยากให้ยิงไกลขึ้น ต้องดัดแปลงใหม่หมดเลยล่ะ ดูจากแท่นยิงและ ลำกล้องจรวดแล้ว ลูกจรวดหนักราวๆ 33 กก. ถ้า30ท่อยิงก็ราวๆ 960 กก. เข้าไปแล้ว ถ้าเป็นแบบต้องการให้ลูกจรวดยิงได้ไกลและหัวรบแรงขึ้นแค่ 30นัดก็ 2ตันขึ้นแน่ๆ ครับ ขนาดบีเอ็ม-21 ลูกจรวด122 ม.ม. 1นัดหนักราวๆ 66.4กก. หากรวมจำนวน40นัดก็ปาเข้าไป 2.6ตันแล้วล่ะ พูดง่ายๆคือถ้าชุดยิงมีน้ำหนักมากและใหญ่กว่านี้ตัวรถและแท่นยิงไม่อาจจะรับไหวน่ะครับ
....ป.ล.เมื่อไรบ้านเราจะพัฒนาระบบนี้มาใช้เองเนี้ย ท.บ.ชาติอื่นพัฒนากันเองมากมายไปครับ คงไม่เกินความสามารถ กองทัพบ้านเราหรอก
โดยคุณ
MIG31 เมื่อวันที่
19/10/2008 03:19:15
ความคิดเห็นที่ 6
ไม่ต้องกลัวเรื่องระยะการยิงทหารม้าลาดตระเวนมีหน้าที่ลากมาให้เข้าแนว
การยิงอยู่แล้ว รุก รบ ล่นถอย หน่วงเวลา กองพันข้าถนัดที่สุด ให้มันเข้ามาที่
แนว ขนพร. ทุกอย่างจบ เหนือทหารราบยังมีทหารม้าลาดตระเวณ 555ๆๆๆ
โดยคุณ economic เมื่อวันที่
19/10/2008 04:32:37
ความคิดเห็นที่ 7
งั้นถามต่อหน่อย ว่าในวงการทหาร การหาตำแหน่งหรือพิกัดของข้าศึกตอนนี้เขาทำกันแบบไหนครับ
ถ้าอย่างที่การใช้ชุดลาดตระเวณ หาตำแหน่งตนเอง แล้วใช้เลเซอร์หาทิศทางและระยะของที่ตั้งข้าศึก แล้ววิทยุบอกรหัสให้หน่วยอาวุธระยะไกลยิง ในวงการทหารหรือในกองทัพไทยมีมั๊ยครับ..
โดยคุณ charchar เมื่อวันที่
19/10/2008 07:37:12
ความคิดเห็นที่ 8
ผมก็รู้งูๆปลาๆ ครับ ตามภาษาผู้ใต้บังคับบัญชา
แต่หลักๆคือการข่าวครับ ชุดลาดตระเวณคือชุดต้องสืบสภาพการณ์ของข้าศึก
ให้ได้มากที่สุด พิกัด ก็ได้มาจากการข่าวนี่แหละ พิกัดของตัวเองดูจากแผนที่สิครับ
ส่วนมากแผนที่จะละเอียดและบอกพิกัดเป็นตัวเลข เดี๋ยวนี้ก็ gps
บอกได้ทุกพิกัดครับ เห็นข้าคึกก็กะระยะเทียบกับที่ตั้ง ผมว่าแม่นกว่า gps อีกถ้าฝึกมา
แล้วรายงานหน่วยเหนือรอคำสังครับ
การข่าวก็มีหลายรูปแบบ ภาพถ่ายทางอากาศ แทรกซึม ฯลฯ
เลเซอร์มีเหมือนกัน แต่ไม่เคยได้ใช้ ้ กะระยะเทียบกับที่ตั้ง
ทหารบางคน ภายใน1km กะระยะแม่นเหมือนจับวาง เคยเห็นมาแล้ว
สุดท้าย รหัสวิทยุ เค้าห้ามเผย
ปล.ทหารโบราณครับไม่ค่อยไฮเทค
โดยคุณ economic เมื่อวันที่
19/10/2008 09:21:28