หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เราพอต้าน j10 ได้ไหม ถ้าเขมรจัดหามา

โดยคุณ : maxos เมื่อวันที่ : 22/10/2008 15:01:05

สมาชิกใหม่ครับ.

ถ้าเขมรจัดหา บ. J10 มาจริง แล้วคิดว่า F 16 ของเราพอต้านไหว ไหมครับพี่ๆ...





ความคิดเห็นที่ 1


กว่าเขาจะได้มาเราคงได้Jas-39แล้วละครับ

F-16คงปรับปรุงเป็นMLUแล้ว(มั้ง)คงพอฟัดพอเหวี่ยง

ยังยังรอเฮียSkymanมาเปรียบมวยอีกที

โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 18/10/2008 05:06:28


ความคิดเห็นที่ 2


กว่ามันจะ พิจรณาแบบเครื่องบินรบ (น่าจะปีมาน ปีนึง), พอสั่งซื้อเสร็จก็ต้องสร้างเครื่องบินอีก(ของ Gripen เรา 3 ปีแหนะ) , กว่าจะมีความพร้อมในการรบ (สำหรับนักบินเขมรที่ ไม่มีประสบการเลย รอไปอีกอย่างน้อย 2 ปีครับ ยกเว้นจะเอานักบินจีนมาบิน) รอไปอย่างน้อย 5 ปีครับรับประกัน
โดยคุณ veranda43259 เมื่อวันที่ 18/10/2008 05:23:06


ความคิดเห็นที่ 3


เป็นข่าวเกทับจากเขมรแหงๆครับ จะซื้อเครื่องบินทั้งทีไม่มีข่าวออกมาล่วงหน้าเลย
อย่างน้อยตอนแจกสเป็คและขอเสนอราคา น่าจะมีข่าวออกมาบ้าง
เข้าใจว่าสมเด็จฮุนเซ็นอาจจะคิดว่าคงเหมือนซื้อรถ รถมาปุ๊ปก็ขับได้เลย แกคงกะว่าเครื่องบินมาปุ๊ปขับออกไปรบได้เลย ตามประสาคนที่อยู่บนหอคอยงาช้างไม่รู้รายละเอียดหน้างาน

แต่ถ้ามาจริงๆหลังจากประกาศพร้อมรบแล้วคงพอสูสีกับ F-16ADF ครับ(ตอนนั้นเราคงมีกริปเพ่นแล้ว)
โดยคุณ pixelchio เมื่อวันที่ 18/10/2008 05:41:45


ความคิดเห็นที่ 4


แฮ่ๆตอบยากครับ

ถ้าเป็นอย่างที่ผมคาดไว้คือ ทางเขมรเพิ่งเริ่มโครงการก็คงต้องรออีกหลายปีทีเดียวครับกว่าบ.จะมาเเล้วไหนก็ยังต้องทำความรู้จักกับ บ. ไหนจะต้องฝึกบินอีก นานหลายเดือนครับ ( หลายๆๆๆๆๆๆๆเลยละครับ ) เเต่อย่าลืมไปครับถ้าเกิดเป็นตามข่าวละครับ ประมาณว่า บ.ใหม่กำลังจะมาในเร็วนี้ก็คิดหนักหน่อยครับ เเต่เราก็ยังมีเวลาเตรียมตัวครับ เพราะ ฝ่ายเขมรยังต้องฝึกอีกนานๆๆๆๆๆๆๆครับ ถ้าน้องหยาดของเรามาเเล้วละก็ ส่วนตัวนะครับ คิดว่า ทอ.คงจะใช้เเค่ F-5 กับ F-16 ผมก็ว่านะจะพอครับ เพราะส่วนมากเราคงจะใช้ในภาระกิจสกัดกั้นหรือไม่ก็สนับสนุน/โจมตีทางภาคพื้นมากกว่าครับ เเล้ว RBS-15F ของน้องหยาดละ ทำไมไม่ไปจัดการกองเรือเขมร คงจะไม่จำเป็นครับ ( ส่วนตัวนะครับ ) เพราะภัยคุกคามของเขมรนั้นไม่รุนแรงขนาดต้องใช้อากาศยานครับผมว่า เเค่กองเรือของเราก็เพียงพอที่จะจัดการกับกองเรือเขมรเเละยังพอที่จะโจมตีฝั่งอีกด้วยครับ

มาดูความสามารถของทั้งคู่ครับ

1.F-16ADF

ความเร็วสูงสุด - 1.2-1.9 มัค

เพดานบิน - 15850 เมตร

พิสัยการบินสูงสุด - ประมาณ 3700 กม.

รัศมีทำการรบ - 550 กม.( คิดหนักครับถ้าจะบินไปถล่มพนมเปญ ระยะทางกับรัศมีทำการรบพอๆกันครับ )

เเต่ J-10 ผมไม่มีข้อมูลเลยครับ หายากมากมายครับ เเต่ถ้าเดานะครับ J-10 มีเทคโนโลยีหลายๆอย่างจาก F-16 ครับจึงถือได้ว่าเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด ( ฮ่ะ....ศึกสายเลือด ) เเต่ได้เปรียบตรงที่ใหม่กว่า เทคโนโลยีถูกพฒนามาค่อนข้างใหม่กว่า ทีนี้ก็ต้องมาวัดกันที่อาวุธ นักบิน ความสามารถในการใช้สมรภูมิเเละอื่นๆอีกมามายครับ ตอนนี้ส่วนตัวคิดว่าควรน่าจะกังวลเรื่องทหารที่ชายแดนครับ เพราะ เรื่อง J-10 นั้นยังดู งง ครับ ถ้ามันมาจริงๆละก็อีกนานหลายเดือนเค้าจะมาต่อกรกับเราครับ ผมเชื่อว่าเราคงมีเวลาพอที่จะประมวลผลของศัตรูเเละวางแผนครับ เเละ เชื่อมือลูกทัพฟ้าทุกนายครับ

ปล.รอคนมาชี้ขาดอีกทีครับ ข้อมูลผิดผลาดเเก้ไขด้วยครับ

 

โดยคุณ poom1.1 เมื่อวันที่ 18/10/2008 05:53:32


ความคิดเห็นที่ 5


ถ้าเกิดมาตามข่าวจริงๆละครับ ถ้าทางน่าห่วงครับ เเล้วถ้านักบินเเละช่างอากาศถูกส่งไปฝึกก่อนหน้านี้ละ นี่สิครับยิ่งหน้าหวาดเสียวเข้าไปใหญ่ เพราะจะลดเวลาในการฝึกลงได้มาก เหลือเเค่ฝึกยุทธวิธีเเละทำความเคยชินครับ เเต่อีกมุมอาจเป็นข่าวโชว์กร่างก็ได้ครับ ( ส่วนตัวคิดว่าอย่างนี้มากกว่า ) หรือ เขมรจะยืมมือผู้อื่น นี่ก็น่าคิดครับ เเต่สำหรับผมนะครับ มันจะมาไม่มา ยังไงผมก็ขออย่าให้รบกันเต็มรูปเเบบครับเเละเชื่อมือทหารทุกนายครับ เรื่องน้องหยาดก็เช่นกันครับ มาเเล้วไม่ใช้สอง สามวัน ขับเข้าประจัญบานเลย 55 ตายยกฝูงเเน่ๆครับ ต้องรออีกนานครับ ทุกท่านโปรดช่วยรอสักนิดครับวเลานั้นใกล้มาถึงเเล้วครับ อิอิ

ปล.อย่าประมาทศัตรูเป็นอันขาด ถึงเราจะสู้ได้ก็จริงเเต่เราก็อาจสูญเสียมิใช่น้อยหากเราประมาท

โดยคุณ poom1.1 เมื่อวันที่ 18/10/2008 06:02:24


ความคิดเห็นที่ 6


==>ความชอบธรรมจึงเป็นสิ่งที่สมเด็จฯ ฮุนเซนกับรัฐบาลต้องการมาก ในการเสริมเขี้ยวเล็บของกองทัพ


คงเป็นเรื่องนี้แหละครับที่ทำให้จำเป็นต้องสังเวยชีวิตทหารไป 3 นาย

เกรงว่าเขมรจะเหมือนพม่าครับ คือได้ีเงินมาจากทรัยากรธรรมชาติมากแค่ไหน เอาไปทุ่มกับกองทัพซะหมด แทนที่จะเอาไปพัฒนาประเทศ ไม่นานประเทศก็เจ๊งครับ (ปีที่แล้วเขมรใช้เงินไปกับกองทัพถึงครึ่งนึงของงบประมาณประเทศ)

 อาวุธที่ซื้อมามีแต่ล้าสมัยลงทุกๆวัน พอล้าสมัยก็ต้องซื้อใหม่ ถ้าเงินที่จะซื้ออาวุธใหม่มาจากการลงทุนต่อยอด โดยเอาทุนมาจากทรัยากรเหล่านั้นก็ดีไปครับ แต่ถ้าเงินที่ว่ายังคงมาจากทรัยากรเหล่านั้น ทีนี้ก็นับถอยหลังได้เลย

เปรียบเทียบง่ายๆ ต่อให้เขมรเจอมีบ่อน้ำมันมากแค่ไหน ก็ไม่มีวันจะมีโรงกลั่นในประเทศหรอกครับ ถ้าไม่เอาเงินไปพัฒนาคน ไปพัฒนาสาธารนูปโภคพื้นฐาน (เหมือนกรณีที่เราซื้อก๊าซมาจากพม่า)

 และซักวันเมื่อทรัยากรเหล่านั้นหมดลงก็เหมือนกับคนที่ถูกหวยรางวัลที่1เป็นสิบๆใบแล้วใช้เงินหมดภายในเวลาไม่กี่ปีครับผม

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้นำครับ

เรื่องข้างบนนี้ถ้าเกิดขึ้นจริงๆก็ไม่ต้องสมน้ำหน้าเค้านะครับ เพราะคนที่จะรับเคราะห์ก็คือประเทศข้างๆที่เจริญกว่าแหละครับ ทั้งปัญหาเข้าเมืองผิดกฏหมาย แรงงานเถื่อนและอาชญากรรมที่จะมาจากคนพวกนี้ ไหนจะความช่วยทางมนุษย์ธรรมที่ต้องมาจากเงินภาษีของเราอีกครับ
โดยคุณ pixelchio เมื่อวันที่ 18/10/2008 06:11:14


ความคิดเห็นที่ 7


5555 ท่าน pixelchio จะให้ เขมร เค้าเรียกเสนอราคาทำไม ล่ะครับ

  อย่างนี้เขาเรียกว่า ล๊อคสเป๊ค ครับ

    เขาคงไม่ต้องการ การเสนอราคาหรอก เพราะเสนอมาเครื่องบินรบจาก จีน ก็ถูกที่สุด ในบรรดาเครื่องบินขับไล่ที่มีในโลกนี้แล้ว ( ไม่นับรวมเครื่องบินขับไล่ มือ 2 น่ะ )

   ดีไม่ดี  ไม่มีปัญญาซื้อ J-10  ก็หันไปของที่ถูกกว่าอย่าง  FC-1 / JF-17 อีก หรือว่าดีไม่ดีมันอาจจะไม่ซื้อเลย มันอาจจะเป็นข่าวเต้า ที่สร้างขึ้นมา เพื่อทำ Mini cold war กับ ไทย ก็ได้

   เดี๋ยว พรุ่งนี้ เราก็เต้าข่าว เกทับ มันไปบ้างว่าเราจะซื้อ JAS-39 เพิ่มขึ้น อีก 12 เครื่อง + F-15T หรือ SU-30MKT อีก 12 เครื่อง  รถถัง Leopard มาเพิ่มอีก 1 กองพัน  ปืนใหญ่ อัตตาจร อีก 100 กระบอก  ฮ.โจมตี APACHE อีก 12 เครื่อง

  *เห็นไหมล่ะ ว่าแค่พูด ใครๆก็พูดได้ จริงหรือเปล่า

ผมไมค่อยชอบ ฮุนเซ็น เอาซะเลย เพราะว่า..........................................

โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 18/10/2008 06:12:49


ความคิดเห็นที่ 8


เห็นด้วยกับคุณ pixelchio แทบทุกบรรทัดเลยนะครับผม

HI-LO-HI ........ บินไปในระยะสูง เข้าโจมตีเป้าหมายในระยะต่ำ ถอนตัวกลับในระยะสูงครับ ........ อ้อ รูปพิสัยปฏิบัติการของ Gripen นั้นไม่ต้องให้เครดิตผมหรอกครับ เพราะผมไม่ใช่คนทำครับ เพื่อนชางต่างชาติทำให้ครับ ^ ^

เรื่อง J-10 vs. F-16 หรือ J-10 vs. Gripen หรือ F-7G vs F-16 หรือ F-7G vs. Gripen นั้น ........ ท่านอื่น ๆ มีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ ผมไม่ค่อยถนัดเรือ่งเปรียบมวยเท่าไหร่ครับผม ^ ^
โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 18/10/2008 07:29:56


ความคิดเห็นที่ 9


  ท่าน poom1.1 ไม่ต้องกลัวหรอกครับว่า F-16 ของเราจะบินไปไม่ถึง พนมเปญ ถ้าจะไปจริงๆ มันมี วิธี อยู่แล้ว.

   ระยะทาง จากสนามบินชายแดน ไปถึง พนมเปญ ไป-กลับ ก็ไม่น่าจะเกิน 550 กิโลเมตร หรอกครับท่าน ( อันนี้คิดเอาเอง ถ้าผิดกอขออภัยด้วยครับท่าน )

 

   ตัวอย่างครับ  เราเตรียมพร้อม เติมน้ำมัน จาก ฝูงบิน 206 อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว   เติมน้ำมันเต็มถัง

   และก็บินเข้าทางชายแดน ปอยเปต ตรงไป พนมเปญ เลย ใช้ลักษณะการบินแบบ  *HI-LO-HI   หรือ เร็ว-ช้า-เร็ว เพื่อประหยัดน้ำมัน ผมว่าน่าจะถึง

   **แต่เรื่องของเรื่อง เราจะไปทำเขาทำไม

  เรียนสมาชิก ที่ผม วิเคราะห์ ผมไม่ได้ต้องการอยากให้เกิด สงคราม แต่นี่เป็นการวิเคราะห์เพื่อตอบคำถาม ท่าน poom1.1 ครับ ( จึงเรียนมาเพื่อทราบ )

 *อันนี้ต้องถามพี่ SKYMAN ต่อแหล่ะครับ ว่า HI-LO-HI ที่พี่ SKYMAN เคยเอาลง ในเรื่อง ระยะปฏิบัติการ ของ GRIPEN ผมลืมแล้ว ถ้าผมกล่าวผิด ช่วยแก้ต่างให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

   แถมแผนที่ เขมร ด้วยครับ

 


โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 18/10/2008 06:37:18


ความคิดเห็นที่ 10


  รูปภาพที่เอามาลง ต่อไปนี้ เอามาจาก บล๊อก พี่ SKYMAN ครับ

 เครดิต เสี่ยโย ครับ

    กล่าวก่อนลงรูป ครับ ผมว่า พิสัยปฏิบัติการ ของ JAS-39 คงไม่ต่างอะไร กับ F-16 มากนักครับ เลยเอมาเปรียบเทียบให้ดู

  *ในภาพ เป็น รัศมี การปฏิบัติการ ของ JAS-39  ในภารกิจ Interception รัศมี 900 กิโลเมตร


โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 18/10/2008 06:47:46


ความคิดเห็นที่ 11


รัศมีการ INTERCEPTION ของ JAS-39 คิดว่าคงพอๆกับ F-16

   Interception คือ การบินขับไล่ สกัดกั้น ( บอกไว้เผื่อน้องๆ ไม่รู้ครับ )


โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 18/10/2008 06:50:28


ความคิดเห็นที่ 12


ภาระกิจ โจมตี ของ JAS-39  ใช้การบินแบบ HI-LO-HI  มีรัศมีปฏิบัติการ 1,200 กิโลเมตร


โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 18/10/2008 06:53:00


ความคิดเห็นที่ 13


  ภารกิจ โจมตี แบบ LO-LO-LO ติดระเบิด  GBU ขนาด 1,000 lbs จำนวน 3 ลูก มี รัศมีปฏิบัติการ  650 กิโลเมตร

    


โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 18/10/2008 06:56:29


ความคิดเห็นที่ 14


  เพิ่มเติมครับ  ระเบิดขนาด 1,000 lbs คือ ระเบิดที่มีน้ำหนัก 454 กิโลกรัม

เอาตัวอย่างมาให้ดู  GBU-16  ขนาด 1,000 lbs

    ผมคิดว่า F-16 เราไป พนมเปญ ได้แล้วจะเอาระเบิดอะไร ไปทิ้งใส่เขา เพราะระเบิดลูกยิ่งใหญ่  จะต้องทำให้เครื่องบินใช้กำลังมากขึ้น ก็จะเป็นการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น พิสัยปฏิบัติการก็น้อยลง

   ผมว่าขนาด ประมาณ GBU-12 PAVEWAY II  กำลังพอดีเลย

 ว่าแล้วก็เพิ่งจะนึกออกว่า ทอ. ผลิตระเบิดใช้เอง หน้าตาคล้ายๆ GBU ใครมีภาพลงให้ดูหน่อยครับ ขอบคุณมากครับ

   ภาพที่เอามาลงให้ดู เป็น GBU-16 ครับ


โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 18/10/2008 07:08:26


ความคิดเห็นที่ 15


บทความนี้วิเคราะห์เกินไปนิดนึงครับ นความเห็นผมมีความเป็นไปได้ต่ำมากครับ

กองทัพกัมพูชาปีหนึ่ง ๆ ได้รับงบประมาณทางทหารราว 120 ล้านเหรียญสหรัฐ ลองบวกเล่น ๆ ว่าการปะทะกับไทยอาจจะทำให้งบประมาณทางทหารของกัมพูชาเพิ่มขึ้น ก็ไม่น่าจะพ้นไปกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในขณะที่ J-10 มีราคาแพงมากสำหรับกัมพูชาครับ .... ปากีสถานจัดซื้อ J-10 หรือ FC-10 ในปี 2006 จำนวน 36 ลำในราคา 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือลำละ 41 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นราคาที่ไม่รวมอาวุธ (ราคาตัวเปล่า) ถ้าจะหาอาวุธมาติดต้องเสียเงินเพิ่มซึ่งอาจจะเฉลียแล้วลำละ 50 ล้านเหรียญก็ได้ ....... ถ้ากองทัพกัมพูชาหยุดจ่ายเงินเดือน 1 ปี หยุดฝึก หยุดกินอยู่ หยุดทุกอย่าง 1 ปี ...... จะซื้อได้แค่ 3 ลำเท่านั้น ...... เป็นไปแทบไม่ได้เลยครับสำหรับ J-10 กับกองทัพอากาศกัมพูชา ....... ที่น่าจะเป็นไปได้น่าจะเป็น F-7 มากกว่าครับ

ซึ่งสำหรับ F-7 นั้น ผมยังคิดว่าน่าจะเป็น F-7 มือสองที่ปรับปรุงใหม่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น F-7G รุ่นใหม่ล่าสุดเช่นกัน ........
แต่ปัญหาก็คือกัมพูชาจะมีงบประมาณจัดหาหรือไม่ ...... เพราะราคาต่อลำก็ค่อนข้างสูงคือลำละราว 7 ร้อยล้านบาท ..... หรือว่าอาจจะมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับน้ำมันในอ่าวไทยกับจีน แบบในกรณีของไนจีเรียที่จีนจ่ายค่าสัมปทานน้ำมันให้ในจำนวนมาก ไนจีเรียเลยซื้อ F-7IN ตอบแทน กรณีของกัมพูชานี้จีนอาจจะจ่ายค่าสมัปทานเป็นอาวุธก็มีความเป็นไปได้ ....... ซึ่งทั้งนี้ผมก็ยังไม่อยากตัด Option รุ่นมาตราฐานรวมถึงการซื้อมือสองจากกองทัพอากาศจีนครับ เพราะบางทีถ้าการจัดหานี้เป็นการจัดหาแบบฉุกเฉินจริง ๆ หรือเพิ่งสั่งเมื่อกลางปีนี่ก็อาจจะได้แบบนี้ก็ได้นะ

สรุปคือรอดูครับ



ผู้จัดการเขาข้อมูลมาจากข่าวอันนี้ครับ อัน้เดียวกับที่ผมเขียนใน Blog นั่นแหละ คือไม่ได้มาลอกผม แต่พอดีมาเจอข่าวนี้ที่ผมโพส เลยเอาไปเขียน (วันรุ่งขึ้นเลย) บทวิเคราะห์ของเขานั้นเขาเขียนเอง อันนี้ถือว่าไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ครับ

Just how ready to fight are the Royal Cambodian Armed Forces?

The recent border standoff over Preah Vihear temple threw a spotlight on RCAF by beaming around the world images of flip-flop-wearing Cambodian soldiers with rusty guns

Tanks T-55 tanks and PT-79 light amphibious tanks from Russia, Type 50 tanks and Type 62/63 light tanks from China, and AMX-13 light tanks from France. Aircraft No fighters, no ground attack aircraft, a few former Eastern block transport helicopters, around a dozen MI-17s and MI-8 planes. Light arms Howitzers from Russia and the US, shoulder-fired SAM-7 rockets. Lacks medium and long range offensive support weapons (artillery).

WITH coverage of the Preah Vihear dispute beaming images of soldiers with rusted AK-47s and rubber-band-bound grenades worldwide, questions are being raised about just how prepared the Royal Cambodian Armed Forces (RCAF) would be if called upon to fight.

"[RCAF is] woefully unprepared [and] poorly equipped across the board," one military analyst, who declined to be named as he still works with RCAF, told the Post.

No recent figures were available, but a 2002 report put defence spending at more than half of the national budget.
Yet most of RCAFs equipment is outdated kit left over from the Cold War. Soldiers are poorly trained, and discipline is low, with many troops simply refusing to show up for duty.

Analysts say the country needs a well-equiped and organised military to protect national sovereignty and participate in peacekeeping.

"We want to develop and modernise as a state, and defence is part of that," said Council of Ministers spokesman Phay Siphan. "But [our military will develop] with an orientation towards ... peacekeeping work since we have an obligation to help others achieve peace."

Cleaning off the rust

Cambodias military leadership claims the battlehardy RCAF troops more than make up for their rusting weaponry.
"Dont worry about their weapons, the Cambodian soldiers strength is their experience as theyve been in wars for decades," said Dien Den, a former military general who served under Lon Nol from 1970 to 1975.

But observers wonder how much of these proclamations on the prowess of Cambodian troops is hot air to compensate for poor organisation and low morale.

Due to the imminent possiblilty of combat, soldiers have only now started turning up to work, said Uth Sakada, a military engineer officer based along the border with Thailand in Battambang.

Before the border standoff emerged in July, "less than a third of us were at our base at any given time".
Now, the bases personnel are all present, on permanent standby, he said.

Moreover, things that should be routine - such as cleaning weapons - have only been carried out after the Preah Vihear skirmish broke out, said Ros Bun Hem, an artillery commander also stationed in Battambang.

The border standoff has focused attention on the condition of weapons, he said, with soldiers now prepping their instruments "to make sure they would fire well".

DONT WORRY ABOUT THEIR WEAPONS, CAMBODIAN SOLDIERS’ STRENGTH IS THEIR EXPERIENCE AS THEY’VE BEEN IN WARS FOR DECADES.


How well equipped?
Cambodian soldiers in a trench with a rusty artillery piece in Preah Vihear earlier this year. RCAF lacks medium- and long-range offensive support weapons.
RCAF is not short of manpower or light arms but as the military analyst said, "small arms are small arms".
Up-to-date estimates of RCAF troop figures were not available but the government in 2001 estimated it has some 140,000 soldiers.

"It would be in the area of offensive support weapons (artillery) and air support that the Thais would completely outclass RCAF," he said.

The air forces "fleet" stationed in the capital amounts to about a dozen Russian-made MIGs whose flat tyres and dented panels can be seen when landing at the commercial airport.

It might also have several planes at air bases in Battambang and Sisophon.

But things may be changing. According to a high-ranking military official based in Phnom Penh who declined to be named, Cambodia will receive shortly a shipment of "modern fighter planes".

He would not specify the number or type of planes, or where they were coming from.
"We currently have peace but when our country faces a threat, new and modern aircraft fighters are needed for national defense," he said.

Another senior army official based in the capital claimed a large shipment of "modern equipment" - including guns and artillery - would be received at the end of October.

"We are not competing with other countries for weapons, but without them we could become a victim," he said.

Weaponry

The bulk of Cambodias current military stocks come from China and Russia, with a few also coming from the United States and France.

An estimated several hundred post-WWII-issue tanks compose Cambodias limited ground arsenal, of which only about half are believed to be functional.

Cambodias artillery is compromises an array of old howitzers from Russia and the US, while shoulder-fired SAM-7 rockets are its most formidable anti-aircraft defence.
And the handful of serviceable helicopters from France are only enough for shuttling around generals.

Just 15 years ago the beneficiary of what was at the time the UNs largest peace keeping commission, Cambodia has begun to offer limited military services abroad, providing deminers in peacekeeping missions in Sudan, Iraq and Afghanistan.
"[We] are especially pleased to see them participating in peacekeeping missions when just a few short years ago they were beneficiaries of such forces," said US embassy spokesman John Johnson.

China has stepped up its military assistance to Cambodia in recent years, most notably providing the Kingdoms nearly non-existent navy with five warships in 2005 and nine patrol boats in November 2007.

The development has increased questions about how superpowers will compete for influence.

Just earlier this month, the US treated Cambodian government and military officials to a rare tour of one of its aircraft carriers when it sailed through the region on its way home from Iraq.

The first tour by Cambodian officials of a US aircraft carrier, the Cambodian officials were dazzled by what they had seen previously only on television. The US embassy called the junket "another step in the growing military-to-military relationship" between the two countries.

Shopping around

While Western countries, notably Australia, have expanded aid to Cambodian law enforcement for combating the trafficking of people and narcotics as well as for monitoring potential terrorist activity, they have been hesitant to supply lethal materiel.
Last year the US lifted a ban on military aid to Cambodia, but has only provided non-lethal assistance.

Asked about the future of military-to-military ties between the US and Cambodia during his visit earlier this month to Phnom Penh, US Deputy Secretary of State John Negroponte mentioned only non-combat related cooperation.

Even if boosted by a couple new shipments of materiel, what CPP parliamentarian Cheam Yeap described as "the many guerrilla strategies of Cambodias troops who have fought in many battles" may be insufficient to compensate for poor resources.

"These are modern times, most countries use computers and advanced systems," said SRP parliamentarian and former chairman of the National Assemblys defense committee Yim Sovann, who said corruption over military spending plagued an already rag-tag group.

"Yes, Cambodian troops have experience, but without resources, without salaries they can survive on, they cant do much. This is not an army for modern times."

http://www.phnompenhpost.com/index.php/2008093021899/National-news/Just-how-ready-to-fight-are-the-Royal-Cambodian-Armed-Forces.html

โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 18/10/2008 07:18:26


ความคิดเห็นที่ 16


เครื่องบิน J-10 นั้นมีพื้นฐานในการพัฒนามาจากเครื่องบิน  LAVI  ของอิสราเอล  ซึ่งเจ้า ลาวี  พื้นฐานก็มาจากเครื่องบิน F-16 A เพียงแต่ว่านำหนักตัวน้อยกว่า  เล็กกว่า   ใช้เครื่องยนต์ที่แรงขับน้อยกว่า(PW1120หรือเปล่าไม่แน่ใจ)

แต่เนื่องจากปัญหาในการพัฒนา  รวมทั้ง งบประมาณที่ใช้สูงมากไป  ทำให้อิสราเอลซือF-16  มาติดตั้งอุปกรณ์เสริมเองง น่าจะคุ้มค่ามากกว่า จึงทำให้มีการใส่โหนกสันหลัง มาในชุดC/D(ไม่แน่ใจว่าล็อทไหนนะ)

จีนซื้อพิมพ์เขียวเจ้า ลาวี มาพัฒนาเครื่อบินรบของตัวเอง โดยที่มีขนาดใหญ่กว่าลาวีเล็กน้อย(ฉะนั้นรูปร่างหน้าตาจะเหมือนกันมา

สรุปก็คือ  สมรรถนะไม่แตกต่างแล้วแพงกว่า ส่วนเปรียบมวยแล้ว   ขึ้นอยู่กับคนที่ใช้งานครับ

Comparable aircraft

โดยคุณ priwan เมื่อวันที่ 18/10/2008 09:04:51


ความคิดเห็นที่ 17


ส่วนนนี่เป็นรูปเจ้าสิงโตหนุ่มครับ


โดยคุณ priwan เมื่อวันที่ 18/10/2008 09:11:09


ความคิดเห็นที่ 18


j10 ที่ตัวต้องโตกว่า ลาวี f16 เพราะใช้เครื่องของทางรัสเซียครับแรงขับ

เยอะกว่าขนาดใหญ่กว่าต้องการอากาศมากกว่า แต่อายุการใช้งานสั้น

กว่านิ! j10 น่าจะเที่ยบเคียงได้กับ su27 นะผมว่าแต่น่าจะด้อยกว่าในด้าน

แรงขับ ถึงเขมรจะได้มาจริง ถ้าไม่จ้าง นักบินจีน หรือ นักบินรบรับจ้าง

จากที่อื่น คงจะยาก ถ้าจะซื้อมาแล้วให้พร้อมรบเลย

 

f7m แบบคุณสกายแมนน่าจะใกล้เคียงสุดแล้วครับ ดีหน่อยก็  jf17

jf17 นี่ผมมองว่า น่าจะเที่ยบได้กับ f16 รุ่นแรกๆ อาจจะดีกว่าในเรื่องระบบ

อิเลคทรอนิค แต่ด้านอัตตราเร่งความคล่องตัวผมว่าด้อยกว่า f16 แน่

นอน  และ นักบินอีกนั้นแหล่ะที่จะกำหนดความพร้อมรบ กับการวางแผน

 

โดยคุณ Acid เมื่อวันที่ 18/10/2008 09:37:57


ความคิดเห็นที่ 19


http://www.youtube.com/watch?v=s6t9c47mlOU
โดยคุณ tantongs เมื่อวันที่ 20/10/2008 05:54:24


ความคิดเห็นที่ 20


<object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/q5IhaHNq7bs&hl=en&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/q5IhaHNq7bs&hl=en&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object>

   TEST 1................2.............3

โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 20/10/2008 05:56:59


ความคิดเห็นที่ 21


เห็นด้วยกับท่าน veranda43259 ที่ว่า

" กว่ามันจะ พิจรณาแบบเครื่องบินรบ (น่าจะปีมาน ปีนึง), พอสั่งซื้อเสร็จก็ต้องสร้างเครื่องบินอีก(ของ Gripen เรา 3 ปีแหนะ) , กว่าจะมีความพร้อมในการรบ (สำหรับนักบินเขมรที่ ไม่มีประสบการเลย รอไปอีกอย่างน้อย 2 ปีครับ ยกเว้นจะเอานักบินจีนมาบิน) รอไปอย่างน้อย 5 ปีครับรับประกัน "

ต่อให้อีก 5 ปี ถึงขะแมร์จะขี่ J-10 มาก็โดนลูกทัพฟ้าอันเกรียงไกรของไทย สอยร่วงอยู่ดี เพราะทัพฟ้าของเราทั้งฝึกเอง ทั้งฝึกร่วม ปีหนึ่งไม่รู้กี่หน ประสบการณ์ยังห่างชั้นกันมาก ไม่เห็นมีอะไรต้องวิตก

เผลอๆ อาจไม่ได้โดนทัพฟ้าของเราสอย แต่อาจโดนสอยด้วยทัพบกซะด้วยซ้ำ


โดยคุณ monsoon เมื่อวันที่ 18/10/2008 13:45:24


ความคิดเห็นที่ 22


กัมพูชาเปรียบได้กับผู้ก่อการร้ายริมชายแดน ตอนนี้เค้าอาจด้อยกว่าเรา แต่อีก 20ปีข้างหน้า เค้าอาจเจริญกว่าเราก็ได้ ถึงตอนนั้น เค้าอาจโจมตีเราด้วยกำลังทั้งหมดที่มี อย่าไปเปรียบเทียบเลยว่า j10 กับ Jas39 หรือ f16 บ้านเรา อันไหนดีกว่า อันไหนแย่กว่า แค่จะทำยังไงไม่ให้เค้าโจมตีเราในอนาคตอันใกล้ และ อันไกลโพ้น อยากให้มองยาวๆ ตอนนี้เค้าสู้เราไม่ได้ เราอาจอุ่นใจ แต่ไม่มีหลักประกันอันใดว่าเราจะแข็งแกร่งตลอดกาล อย่าประมาทแล้วกัน
โดยคุณ Step01 เมื่อวันที่ 18/10/2008 15:53:06


ความคิดเห็นที่ 23


คุณStep01     
 ชอบจังเลยความคิดนี้    แต่ประโยคแรกแรงไปหน่อย
เอ้าตื่นเถอะชาวไทย
โดยคุณ economic เมื่อวันที่ 18/10/2008 16:01:39


ความคิดเห็นที่ 24


ด้วยความเคารพท่าน Step01
ท่านดูหมิ่นขีดความสามารถของกองทัพไทยเกินไปครับ กับคำที่ว่า"ตอนนี้เค้าอาจด้อยกว่าเรา แต่อีก 20ปีข้างหน้า เค้าอาจเจริญกว่าเราก็ได้"
ขอให้ท่านย้อนไปอ่านกระทู้เก่าๆ ใน TFC หรือไปอ่านเวปไหนก็ได้ เกี่ยวกับการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพ กองทัพไทยในยุคนี้คือกองทัพยุคใหม่แล้ว ให้ท่านไปวิเคราะห์ความหมายของผมเอาเองแล้วกัน คิดว่าท่านคงน่าจะพอคิดได้

อีกคำพูดหนึ่งที่ว่า"เค้าอาจโจมตีเราด้วยกำลังทั้งหมดที่มี" ถ้าทำเช่นนี้จริง ประเทศไทยชนะ 100% ผมอยากดูสิว่าท่านจะวิเคราะห์ประเด็นนี้ออกหรือไม่

ท่านคิดว่ากองทัพไทยอยู่ในความประมาทรึ? หลังจากที่เราพบว่าผลการรบไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในสมรภูมิต่างๆ ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะช่องบก หรือบ้านร่มเกล้า สิ่งบ่งบอกถึงขีดความสามารถของกองทัพยุคใหม่ก็คือกรณีกูเต็งนาโยง

ผมเข้าใจเจตนาของท่านว่าต้องการเตือนสติไม่ให้เราตั้งอยู่บนความประมาท แต่คำกล่าวของท่านแบบรู้เขาแต่ไม่รู้เรา นั้นผมรับไม่ได้จริงๆ


โดยคุณ monsoon เมื่อวันที่ 18/10/2008 19:59:17


ความคิดเห็นที่ 25


ผมคิดว่าคุณ Step01 คงจะหมายถึงการที่เขมรมีการสำรวจพบแหล่งน้ำมัน จนเป็นเค้กที่หอมหวลสำหรับมหาอำนาจที่เข้ามาชิงเค้กก้อนนี้กัน

ซึ่งถ้ามันจริงนั่นหมายถึงจำนวนเม็ดเงินอันมหาศาลจะหลั่งไหลเข้าสู่เขมร

คนจีนมีคำกล่าวที่ว่า "ถ้ามีเงินก็ใช้ผีโม่แป้งได้" คงพอจะเข้าใจนะครับว่าเขมรพอที่แซงหน้าเราได้จริงๆในอีก 20 ปีข้างหน้า ถ้ามันมีบ่อน้ำมัน

อีกอย่างนึงนักการเมืองไทย นายทหารไทย มักคิดถึงอย่างอื่นก่อนความมั่นคงของชาติเสมอ

ไม่อย่างนั้นเรามี

- เรือดำน้ำก่อนมาเลย์แล้ว

- A jet คงมีได้ตั้ง 50 ลำ

- รถหุ้มเกราะล้อยาง คงจะได้แบบที่เคยมาทดสอบสมรรถภาพก่อนหน้านี้

- ลำไยแลกรถหุ้มเกระพังเพราะอะไร แต่สำหรับผมดีแล้วที่ได้ใช้ของจีน

- แม้แต่ JAS 39 ในหลวงทรงชมกองทัพอากาศว่าฉลาดเลือก แต่ก็ยังมีพวกจัญ...... ออกมาต่อว่ากองทัพอากาศว่าเลือกผิด

ประกอบกับ

- การที่กองทัพไทยมักจะซื้ออะไรแบบไม่ Full Option มาแบบกระปริด กระปรอย (เรือรบต่างๆ แม้แต่ ฮ.ลิ้งซ์)

- มาแล้วก็เป็นที่กังขา ครหาว่ามันใช้ได้ไม๊ (รูบิส/แอนติส)

กล่าวคือไม่โปร่งใสทั้งนักการเมือง ทั้งกองทัพ

ส่วนเรื่องขีดความสามารถ องค์ความรู้ สิ่งเหล่านี้มันเรียนรู้กันได้ เป็นคนเหมือนกัน 1 หัว 2 มือ 2 ขา เหมือนกัน เพียงแค่คุณหยุดเดิน คุณก็ล้าหลังแล้ว

จากนี้คงต้องจับตาดูจีน ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทมากขี้นในเขมร ถึงแม้ว่าเรากับจีนจะมีความสัมพันที่ดีต่อกันมาก่อน แต่ในเวทีโลก

"ไม่มีคำว่ามิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร ผลประโยชน์ของชาติต้องมาก่อน"(อันนี้ใช้กับคนไทยไม่ได้)

นี่คือประเด็นที่ทำให้คุณ Step01 รู้สึกกังวลรึเปล่า

จริงอยู่ที่ว่า

พวกเราในบอร์ดนี้ต้องการให้ประเทศไทย มีทั้งความมั่งคั่ง ความมั่นคง ความสงบ และดำรงไว้ซึ่งความเป็นไทยได้

ข้อถามหน่อยว่า "ใครมีอำนาจที่จะทำให้ทั้งสังคมเป็นแบบนั้นได้"

- ผมทำไม่ได้ แต่พยายามจะทำ (ตอนนี้เรียน โท อยู่ตั้งใจจะใช้เวลาวันเสาร์ - อาทิตย์สอนหนังสือ ม.ราชภัฏต่างๆ เพื่อถ่ายทอดแนวความคิดของผมไปยังคนรุ่นต่อๆไป)

แล้วคุณล่ะ มีอำนาจที่จะทำได้ไม๊? (แล้วคิดจะทำอะไรเพื่อสิ่งเหล่านี้ไม๊)

ส่วนผมเลิกจริงจังกับชีวิตไปนานแล้วครับ ผมว่าทุกคนคงเคยได้ยินประโยคนี้มากันบ้างนะครับ

ประเทศไทย ไม่ใช่ของ.....คนเดียว !

โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 18/10/2008 21:25:37


ความคิดเห็นที่ 26


อย่าประมาทครับ กองทัพไทย....

ตอนนี้ ปัญหาที่ผมอยู่อย่างเดียว คือ กัมพูชา มีแหล่งพลังงานที่ผลประโยชน์ มหาศาล จริงหรือไม่ ?

ข้อ 1. ถ้ามีจริง ใครจะได้ สัมปทานในการขุดเจาะ และส่วนแบ่งผลประโยชน์ นี้ไป...

1.1 จีน 1.2 สหรัฐ 1.3 ญี่ปุ่น 1.4 ฝรั่งเศส 1.5 รัสเซีย (ถ้าเป็นเมื่อ 3-4 ปี ที่แล้ว ประเทศไทย อาจจะมีชื่ออยู่ในนั้น...แต่ตอนนี้ ไม่มีแล้วครับ)

และถ้า จีน ได้ไป...ประเทศไทย จะกลืนไม่เข้า คายไม่ออก ในเรื่องผลประโยชน์ ทับซ้อนทางทะเล....และผมว่า แนวโน้ม จะเป็นทางฝ่ายจีน...การลงทุนขุดเจาะ และนำทรัพยากรทางทะเล ขึ้นมาใช้ได้...กัมพูชา คงยังไม่มีความสามารถ และถ้าจีน หรือกลุ่มประเทศต่าง ๆ ได้สัมปทานไป...ในเรื่องความมั่นคง และข้อพิพาท ระหว่างไทย - กัมพูชา และ เวียดนาม กับ กัมพูชา...ประเทศจีน หรือกลุ่มประเทศข้างต้น คงต้องให้กัมพูชา จัดหาอาวุธ ทันสมัยเข้าประจำการเพื่อคุ้มครองรักษาผลประโยชน์ทางทะเล และคงมีทหารรับจ้าง (แบบคูเวต) ในกองกำลังในเบื้องต้น....

ส่วนประเทศไทย ถ้ากองทัพไทย ยังยุ่งอยู่กับการเมือง ยังมีแนวโน้มของการรัฐประหาร...ในแง่เศรษฐกิจ ก็คงไม่ต้องพูดถึง...ในแง่การจัดหาอาวุธ ก็คงไม่สามารถจัดหาอาวุธตามต้องการได้...เพราะรายชื่อคงยังอยู่ในแง่การตั้งเงื่อนไขขายอาวุธให้ และถ้ายิ่งไปจัดซื้ออาวุธจากประเทศ ที่ได้สัมปทานการขุดเจาะและหาผลประโยชน์นั้นแล้ว...การจัดซื้อ ก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีก...

ข้อ 2. ถ้าไม่มีจริง ก็คง เบาใจ และผ่อนใจไปได้บ้าง....

ผมจึงขอยืนยัน อีกครั้งหนึ่งว่า กองทัพไทย ต้องหยุดการรัฐประหาร และหยุดการยุ่งการเมือง...เพราะมองอนาคตว่า ไทย อาจจะไม่เสียดินแดนบนบก...แต่อาจจะมีแนวโน้มความเสี่ยงเสียดินแดน ผลประโยชน์ทางทะเล แทน...

 

 

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 18/10/2008 21:52:52


ความคิดเห็นที่ 27


จริงๆแล้ว F-7 นั้นก็คือ MiG-21 ที่จีน Copy มาอย่างอย่างผิดลิขสิทธ์ตั้งแต่ปี 1960s ครับซึ่งแม้ว่าในช่วงปี 1990s เป็นต้นมาจีนจะมีการปรังปรุง บ.รุ่นส่งออกให้มีความทันสมัยขึ้นก็ตาม แต่ข้อจำกัดของ F-7 ก็เหมือนกับ MiG-21 ต้นแบบครับคือ มีพิสัยการบินสั้น น้ำหนักบรรทุกน้อย ถือว่าเป็ฯ บ.ที่ตกรุ่นล้าสมัยแล้ว โดยส่วนตัวเชื่อว่าจีนคงจะปิดสายการผลิต F-7 ในอนาคตอันใกล้ครับเนื่องจากอาจจะไม่มีประเทศใดสั่งจัดหาไปใช้แล้วสักราวปี 2010 เป็นต้นไป

สำหรับ FC-1 หรือ JF-17 นั้นสมรรถนะเครื่องน่าจะใกล้เคียงกับ F-20 ครับ แต่มีความทันสมัยของระบบ Avionic และระบบอาวุธมากว่า(แต่คงไม่เท่า JAS-39) ซึ่งเชื่อว่า FC-1 คงจะเข้ามาทำการตลาดแทน F-7 ในอนาคตครับ เพราะมีรายงานว่าบ้างประเทศในแถบอัฟริกาก็เริ่มให้ความสนใจแล้ว

ส่วนตัวคิดว่าแนวทางการจัดหา บ.ขับไล่เของกัมพูชานั้น การจัดหา บ.ขับไล่ F-7 มือสองจากจีนที่อาจจะมีการปรับปรุงระบบให้ทันสมัยแล้ว  เพราะถึงแม้ว่าจะสามารถจัดหาได้ในระยะสั้นและใช้งบประมาณไม่มากก็จริง แต่ถ้าดูจากอายุการใช้งานเครื่องและประสิทธิภาพที่เท่ากับเครื่องที่ Ground อยู่ในปัจจุบันนั้นก็ดูจะเป็นการไม่ฉลาดนักครับ ซึ่งถ้าเทียบกับศักยภาพด้านกำลังทางอากาศโดยร่วมถ้าจัดหามากัมพูชาก็ไม่สามารถสู้กับไทยได้อยู่ดีครับ ไม่เหมือนกรณีที่พม่าจัดหา MiG-29B จากรัสเซียที่มีสมรรถนะสู้กับ F-16 ได้

ดังนั้นความเป็นไปได้ที่แน่นอนกว่าในการปรับปรุงกำลังทางอากาศของกัมพูชาคือการสะสมงบประมาณเพื่อจัดหา บ.ขับไล่ที่ทันสมัยแต่ราคาไม่แพงมากจำนวนหนึ่งในระยะยาวครับประมาณ 5-10ปี ซึ่งภาพรวมของกองทัพกัมพูชาคงจะมีความพร้อมมากกว่าปัจจุบันนี้

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 18/10/2008 22:43:49


ความคิดเห็นที่ 28


ผมว่านะตอนนี้ยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะ เราสู้ได้เเน่ๆ ครับ ไม่ต้องกลัว เเต่อย่างหลายๆท่านว่า อนาคตละ ครับ คำว่าอนาคตก็คงคาดเดาได้ยากเเต่่ ถ้าเรายักเป็นอย่างนี้ละ ตีกันเอง ทุกคนในชาติสู้กันเอง มีหวังครับ ทุกอย่างเเย่เเน่ๆ เศรษฐกิจไปเเน่ๆครับ เเล้วถ้าเขมรมีบ่อน้ำมันขนาดใหญ่จริงๆละเเล้วเรายังเป็นอย่างนี้อยู่ ตายเเน่ครับ อย่างว่าครับถ้าไม่มีก็รอดไป ในเวลา 10 ปีผมว่าคงจะไม่มากไปหรือน้อยไปในการก้าวกระโดดหรอกครับ  ทุกท่านที่อยู่ที่นี่คงจะไม่รู้อะไร คนเขมรเค้าดูถูกพวกเราขนาดไหนท่านรู้ไหมครับ เค้าไม่อยากรบกับเราเพราะเค้าเบื่อครับ เบื่อกับคนไทยที่แรกๆเราดูถูกเค้า เเต่กลับกันตอนนี้เค้าดูถูกเราครับว่า โถๆๆๆทะเลาะกันเองซะเเละ ถ้าอยู่ที่เขมรหรือจะไปเที่ยวขออย่าให้คนเขมรรู้ว่าเป็นคนไทยเถอะครับ เพราะถ้าเค้ารู้เค้าจะดูถูกเรามากๆ ปัญหาทุกอย่างอยู่ที่เรามากกว่าครับ เรายังตีกันเองต่อให้ทหารเเข็งเเกร่งเเค่ไหนก็เเย่ครับ

ปล.อย่ารบดีที่สุดครับ

 

โดยคุณ poom1.1 เมื่อวันที่ 18/10/2008 23:10:14


ความคิดเห็นที่ 29


ผมว่า F-16 เราน่าจะทำ MLU ได้แล้วนะครับ หลังจากได้รับการปรับปรุงแล้วน่าจะใช้ได้ 20-25 ปี เราจะได้ทำภารกิจ HI-HI-HI ไม่ต้องไปเสี่ยงกับจรวดแซม sa-7�
โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 18/10/2008 23:42:38


ความคิดเห็นที่ 30


ผมว่าถ้าจะรบทางอากาศแค่เครื่องบินที่เค้าต้องซื้อใหม่คงไม่น่ากลัวหรอกครับเพราะวิทยุG/A กับสถานีเรดาห์ ที่ต้องสนับสนุนการรบและการฝึกของตัวนักบินเองกว่าจะเทียบเราได้อีกนานครับ

ขออย่างเดียวโครงการ Grippen อย่าแป๊คแล้วกันครับ

โดยคุณ defender เมื่อวันที่ 19/10/2008 00:31:17


ความคิดเห็นที่ 31


ถ้าโจมตีไทยในวันพระราชพิธีเพลิงพระศพ สมเด็จพระพี่นางฯ  นับว่าโง่มากครับเพราะจะเป็นการปลุกกระแสชาตินิยมในไทยให้ร่วมมือกันต่อต้านและจะเสริมความชอบธรรมให้กองทัพในการใช้กำลังอย่างรุนแรงในการตอบโต้หรืออาจจะเป็นสงครามเลยก็ได้.............ทุกวันนี้มีคนไทยบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงแต่ถ้าเขาโง่ปานนั้นผมเชื่อว่าเราจะรวมใจกันให้ใช้กำลังอย่างรุนแรงแน่นอน

โดยคุณ อีแอบ เมื่อวันที่ 19/10/2008 02:16:52


ความคิดเห็นที่ 32


คิดเหมือนคุณอีแอบครับ  เขมรคงไม่โง่ขนาดนั้นหรอกครับที่จะโจมตีไทยในวันนั้นและก็ไม่กล้าที่จะเปิดสงครามเต็มรูปแบบกับเราด้วยครับ  และตอนนี้เวทีทางการฑูตเรากำลังเป็นต่อแล้วครับ
โดยคุณ ขำขำวุ้ย เมื่อวันที่ 19/10/2008 02:39:32


ความคิดเห็นที่ 33


เห่อๆๆๆๆ.........เจ-10 ถึงแม้จะถูก แต่ก็ไม่ได้ถูกกว่าเอฟ-16ใหม่ๆ สักเท่าไหร่หรอกครับ 

สำหรับผม เจ-7จี คือออปชั่นของเขมรแน่ๆครับ (เคยโพสในพันทิพไปแล้ว) มือสองจากจีนก็ยังมีอยู่ ......ผลิตใหม่ก็ได้

 

โดยคุณ icy_CMU เมื่อวันที่ 19/10/2008 03:11:41


ความคิดเห็นที่ 34


ข่าวลือล่าสุดในบอร์ดต่างประเทศคือ นิตยสารเวียดนามลงไว้เมื่อปลายปีที่แล้วว่ากัมพูชากำลังประเมินค่า JF-17 จำนวน 12 เครื่อง และการผลิตก็กำลังจะเริ่มต้น

ถือเป็นอีกข่าวลือนึงครับ

 


Quote:
Originally Posted by Mynameischarlie View Post
Last year a Vietnamese army magazine said that the Cambodian government is evaluating the purchase of ~ 12 "JF-17 Thunder" combat jets. Also the series production of this combat jet has already began.
I think they know how to operate the MiG-21, so it wouldnt take much time to get the JF-17s operational, if they really buy some units.
Any combat jet is still better than those grounded MiG-21s.
โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 19/10/2008 03:47:54


ความคิดเห็นที่ 35


                เปรียบมวย โดย เซียนเต่า อิอิอิ

   F-16 VS. J-10

      ทั้ง 2 เครื่องเป็นเครื่องบินใน คลาส เดียวกันคือประมาณ Medium Multi-Role combat Aircraft  ( ขนาดกลาง )

    สมรรถนะทางการบิน ก็ไม่ต่างกันมาก เพราะ J-10 ถูกผลิตโดยพื้นฐานของ F-16 อีกที แต่ไม่ได้รับมาโดยตรง แต่ได้มาโดยทางอ้อมจาก อิสราเอล ก็คือ IAI  LAVI  ที่มีพื้นฐาน มาจาก F-16

   ทำไม อิสราเอล ถึงต้องทำให้ LAVI มีปีก 3 เหลี่ยม ผมคิดว่า อิสราเอล เคยใช้ MIRAGE 3  และ  KFIR  ซึ่งเป็นเครื่องบิน ปีก 3 เหลี่ยม ( DELTA WING ) มาก่อน แล้วรู้สึกพอใจกับ สถานะการบิน เลยประยุกต์ เอา F-16  มาผลิต ในอีกรูปแบบหนึ่งที่เขาต้องการ ( อย่างนี้ซื้อ F-16XL ซ่ะก็หมดเรื่อง ไต้องมาพัฒนาให้เสียเวลา )

  J-10  จึงพูดได้ว่า พัฒนามาจากพื้นฐานของ F-16  แล้วเอามาใส่เทคโนโลยี ทั้งจาก จีน เองหรือ รัสเซีย และ อิสราเอล

     ฟันธง -  J-10 ของเขาน่าจะเหนือกว่าของเรา เพราะว่าเป็น เทคโนโลยี ใหม่กว่า น่าจะเทียบได้กับ F-16C/D Block 40/42 และ 50/52    ถ้าของเราทำ MLU  ก็พอสูสีครับ

    ในการรบทางอากาศ แบบ DOGFIGHT   J-10 น่าจะเหนือกว่า เพราะใช้โครงสร้างเหมือนเครื่องบิน จาก ยุโรป  คือมีปีก 3 เหลี่ยม + ปีก คานาร์ด  ทำให้เครื่องบินมีความคล่องตัวในการ DOGFIGHT  มากกว่า เหมือนกับ JAS-39  ที่ซ้อมรบ ชนะ F-16  มาหลายต่อหลายครั้ง

   ส่วนการต่อสู้นอกระยะสายตา โดยใช้ จรวด BVR  จีน มีจรวด พิสัยกลาง คือ PL-12 หรือ SD-10  ระยะยิงไกล  50-70 กิโลเมตร  ก็พอฟัดพอเหวี่ยงกัน ถ้า F-16 เราติด AIM-120 AMRAAM   ใน เคส นี้ผมมองว่า F-16 เราเหนือกว่าครับ

  สรุป -  การต่อสู้ ระยะประชิด J-10 เหนือกว่า

              ส่วนการต่อสู้ ระยะนอกสายตา  F-16 เหนือกว่า ครับ

 

โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 19/10/2008 05:58:21


ความคิดเห็นที่ 36


       SAAB JAS-39 C/D GRIPEN   Versus.   Chengdu  J-10

  อันนี้ขอฟันธงเลยดีกว่า

      ไม่มีข้อกังขาใดๆ เลยว่า  JAS-39  มีความเหนือกว่า J-10 ในทุกๆด้าน  มีความทันสมัยมากกว่า  เทคโนโลยี ใหม่กว่า

   JAS-39  มีขนาดเล็กกว่า  J-10  จึงมีความคล่องตัวมากกว่า J-10

 และขนาด  RADAR-CROSS SECTION ( RCS ) ก็เล็กกว่าของ J-10 พอดู   ทำให้ ตรวจจับได้ยากมากกว่า

    คุณลักษณะ ของ JAS-39  กับ  J-10  มีลักษณะเหมือนๆกัน คือ DELTA WING + CANARD   แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหนแล้ว เมื่อมองจากลักษณะภายนอก ผมก็ว่า  JAS-39 คล่องตัวกว่าอยู่ดี

       ยิ่งถ้า JAS-39  ได้อาวุธประจำกาย เป็น METEOR แล้ว คงมีความเหนือกว่า อยู่มากโข

       *ขำ..ขำ......ถ้า JAS-39 ติด METEOR ผมว่า เรียกช้อยมาเก็บฉากเถอะครับ   มันไม่มีทางสู้เราดอกครับ

    

   ยิ่งถ้า JAS-39  ติด  CRUISE-MISSILE อย่าง TAURUS  KEPD 350 หรือจะเรียกว่า จรวดร่อนนำวิถี พิสัยบินไกล มากกว่า 500 กิโลเมตร เราไม่ต้องบินไกล ไปถึงพนมเปญหรอก  ป้อนข้อมูล สถานที่สำคัญใส่จรวด แล้วก็ยิง แล้วก็รอเช็คผล.............โอกาส ถูกเป้ามีถึง 80%+

   เพราะว่า จรวดร่อนนำวิถี  มีคุณลักษณะ STEALTH เช่นเดียวกับ SCALP EG ( STORM SHADOW ) 

  และมีเพดาน บินต่ำ 30 - 40 เมตรจากพื้นดิน  บินก็ต่ำ ตรวจจับก็ยาก ขอบอกว่า ขเมร มันจะเอาอะไรมาสู้ครับ

 

โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 19/10/2008 06:31:56


ความคิดเห็นที่ 37


    ส่วน F-7 หรือจะเรียกว่า  MIG-21  เวอร์ชั่น จีน ก็คงไม่ผิด ซึ่งเป็น เทคโนโลยี ซึ่งน่าจะเรียกว่าล้าสมัยไปแล้ว

   เครื่องบินใน คลาส เดียวกันกับ MIG-21  และ  F-7  ก็มี เครื่องบินขับไล่ ตระกูล  F-5   เครื่องบินขับไล่  MIRAGE 3  และ ENGLISH ELECTRIC LIGHTNING

   *ใน สงคราม 6 วัน นี่  MIRAGE 3 ( SHAHAK )  VS. MIG-21  ถือว่าเป็นคู่รักคู่แค้นกันได้เลย

   เหมือนกับ  F-5  VS  MIG-21  ของ โลกเสรี VS. คอมมิวนิสต์

 

  F-7 ไม่มีอะไรดีพอที่จะมาเปรียบเทียบกับ  JAS-39  และ  F-16  ของเราหรอกครับ  อยากดีสุด ก็อาจจะพอสู้ F-5E Tigris ได้ แต่ยังไงๆ F-5E Tigris ก็ยังเหนือกว่าอยู่ดี ถ้าเป็น MIG-21 BISON ว่าไปอย่าง

    *F-7 ถ้าอยากจะให้มีดี สู้เครื่องบินขับไล่ของไทย ได้จริงๆแล้วล่ะก็ ต้อง UPGRADE  ระบบ เรดาร์ และ อวิโอนิคส์ ใหม่

  คล้ายๆ ที่ อินเดีย  UPGRADE  MIG-21  BISON  ผมมองว่า F-7 กับ MIG-21 คงไม่ต่างอะไรกันมาก คงจะเลือกแผน UPGRADE แบบเดียวกันได้ 

    ถ้าสมมุติว่า F-7  อัพเกรด ระบบอะไรทุกๆอย่าง ให้เหมือน MIG-21 ไบซัน แล้ว    F-16A/B BLOCK 15 นี่ เขาไม่กลัวหรอก

   ในการซ้อมรบ อินเดีย - อเมริกา   MIG-21 Bison  ก็สามารถ เอาชนะ F-15C ได้ เหมือนกันกับ  F-5E  ของ ไทย เช่นกัน

  โดยที่นักบิน F-15 กล่าวว่า MIG-21 มีขนาดเล็กและคล่องตัว และก็ ตรวจจับได้ยาก

 MIG-21 ที่ อินเดีย UPGRADE ใช้ วัสดุผสม RAM  ทำให้ตัวเครื่อง มี RCS ต่ำตรวจจับได้ยาก

 

   ฟันธง    ถ้าซื้อมาในสภาพเดิมๆ  F-7  ไม่มีดีพอที่จะสู้กับเครื่องบินขับไล่ ทุกแบบ ของ ทอ.ไทยได้เลย

    ถ้าเป็น F-7   ผมว่าแค่ L-39  ติด AIM-9L Sidewinder ก็พอแล้วครับ

เออ.............แล้ว ALPHA JET  ของเราที่ติด เรดาร์ แล้วตอนนี้ สามารถติด AIM-9  ได้หรือเปล่าครับ.........ถ้าติดได้ ก็เอาแค่ A JET กับ L-39 ก็พอ

                  ขอจบ การบรรยายแต่เพียงเท่านี้

     ปล.สิ่งที่ผมคิด และได้พิมพ์ลงไปให้ ท่านๆ สมาชิก อ่าน อาจจะไม่ตรงใจ หรือขัดแย้ง กับความคิดของสมาชิกท่านอื่น  ผมก็ขอกราบขออภัยไว้ล่วงหน้า ครับ

   แต่หวังว่า สมาชิก ทุกท่านคงจะชอบ เพราะผมนั่งพิมพ์ต้องนาน อิอิอิ

โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 19/10/2008 07:00:14


ความคิดเห็นที่ 38


ท่าน champ thai army เรื่องสายสัมพันธ์ จีน กับ ไทย...คงต้องลองหาบทความในช่วงที่ จีน แผ่ขยายอำนาจแข่งรัสเซีย หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือไม่แน่ใจว่าก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 2....มาหาอ่านและเก็บข้อมูลไว้ครับ

เรื่องสายสัมพันธ์ไทย จีน ในเรื่องอำนาจทางการทหาร ไทย ควรจะรักษาระยะห่าง และท่าทีไว้บ้างครับ...อย่าไปหวังพึ่งเขา หรือมองเขาเป็นพี่ใหญ่...

เพราะ จีน ก็มอง ไทย เป็นหนึ่งในพื้นที่อดีตอาณานิคมของเขา ในช่วงสงครามเย็น...จึงมีการตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ในสายจีน...รวมถึง เขมร และลาว...เคยมีแผนที่ ที่แสดงถึงเขตอาณานิคม ที่จีนจะแผ่ขยาย จะตีคลุม พม่า ไทย (ถ้าจำไม่ผิดจะถึงแค่ไทยตอนกลาง) ลาว และกัมพูชา

ที่จีน ทำสงครามสั่งสอนเวียดนาม ก็เพราะ รัสเซีย มาแผ่อำนาจในเอเซียโดยผ่านทางเวียดนาม และรัสเซีย มีการตั้งสถานีเรดาห์ในลาว (ซึ่ง จีน ถือว่าเป็นการตบจีนฉาดใหญ่) และเวียดนามก็แผ่เข้ามีอำนาจใน กัมพูชา ทำให้จีนไม่พอใจรัสเซียมากขึ้นไปอีก ซึ่งจีน ก็ต้องการเป็นผู้มีอำนาจใน กัมพูชา เช่นกัน  เรื่องทำสงครามสงครามสั่งสอนเวียดนาม เพื่อช่วยไทย มันอาจจะเป็นแค่ผลพลอยได้ที่จะเอาบุญคุณกับไทย เท่านั้นก็ได้ครับ...

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 19/10/2008 21:02:49


ความคิดเห็นที่ 39


ค่อนข้างจะเห็นด้วยกับพี่ juldas  นะครับในเรื่องนี้
โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 19/10/2008 21:49:53


ความคิดเห็นที่ 40


J-10 ตัวนี้ ผมว่าหุ่นมันเหมือนถั่วลิสงบินได้ อย่างไรก็ตาม บ.รบค่ายม่านไม้ไผ่ ในความรู้สึกของผม คุณภาพอาวุธจีนนั้น ยังเทียบไม่ได้กับอาวุธรัสเซีย และอาวุธจากอเมริกาและค่ายตะวันตก

จีนพัฒนาและจัดสร้างอาวุธบนแนวความคิด ปริมาณมาก่อน แล้วคุณภาพก็ตามมาเอง ความน่ากลัวของอาวุธจีน จึงอยู่ที่จำนวนคับ เข้าตีใครแค่ร้อยสองร้อยคน ก็แห่กันไปเป็นพันเป็นหมื่น จนฝ่ายตั้งรับถอดใจไปเองแหล่ะคับ เพราะยิงจนกระสุนแทบเกลี้ยงฐาน ทหารจีนยังเฮเข้ามาให้ยิงเรื่อย ๆ สไตล์เดียวกับเวียดนามนั่นอ่ะ

เราก็มีประสบการณ์กับอาวุธจีนมาไม่น้อย มากพอที่จะสรุปได้ว่า อาวุธจีนนั้น ซื้อมาปุ๊บต้องยิงปั๊บ เก็บไว้นานไม่ได้ พังแล้วโยนทิ้ง ซื้อใหม่เลย แต่จะว่าอาวุธจีนไม่มีอะไรดีเลยก็ไม่ได้ เหล็กน่ะคับ อาวุธจีนโลหะดีมาก ทนทานต่อการถูกทำลาย ดูอย่างรถเกราะ Typ-85 ที่กระสุนค.120 ระเบิดในรถจนเกลี้ยง ทหารตาย 1 ขาขาด 1 แต่ตัวรถไม่มีอะไรบุบสลายคับ เหนียวจริง ๆ

กรณีของ J-10 ไม่มีอะไรน่ากลัวคับ ยกเว้นแต่จีนจะแห่กันมาถล่มเอง ลำพังแค่ ทอ.เขมร ต้องถามว่าจะซื้อมาให้เราสอยเล่นลองเป้าอิกล่าได้กี่ลำคับ ไม่เคยประมาท แต่ถ้ากลัวเขมรนี่ผมว่าจะวิตกเกินเหตุคับ

ถ้าบอกว่าเขมรน่ากลัว ลาวน่ากลัวกว่าเยอะคับ ใจถึงกว่าเขมรที่ดีแต่กัดกันเอง กับฆ่าคนที่ไม่มีทางสู้เท่านั้น

โดยคุณ X-1 เมื่อวันที่ 21/10/2008 01:38:56


ความคิดเห็นที่ 41


เจ้าของกระทู้เขาถามว่า เอฟ-16 ที่เรามี (เอดีเอฟ/เอ/บี) สามารถต้าน เจ-10 จากจีนไหวไหมถ้าเขมรจัดหามาใช้

ส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า เจ-10 ของจีนนั้นเป็นเครื่องบินรบสมัยใหม่แล้ว อวิโอนิคส์ ทางการบิน ระบบอาวุธ  ระบบเรดาห์ และ ความคล่องตัวของแผนแบบอากาศยานเอง น่าจะเป็น รองแค่ ซู-30 ที่ประจำการในกองทัพอากาศจีนเองครับ  ผมว่าไลน์การผลิต เครื่องบินทั้ง สอง ในประเทศจีนเองเวลานี้ น่าจะส่งผลให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี่ข้ามกันไปมาระหว่างเครื่องบินสองชนิดนี้ครับ แม้ว่า ซู-30  (หรือ ซู-27 ที่ซื้อสิทธิบัตร มาจากรัสเซีย)จะถือว่าเป็นเครื่องบินสุดยอดของ ทอ.จีนในปัจจุบันก็ตามแต่อย่าลืมว่า เจ-10 ก็เป็นเครื่องบินสุดยอดของจีนที่เขาออกแบบเองนาครับ ในสายตาของผมแล้ว ซู-30  นี่ดีกว่าเจ-10 ตรงที่มี เรดาห์ใหญ่กว่า ติดอาวุธ ได้มากกว่าและมีเครื่องยนต์ มากกว่ากันหนึ่งเครื่องเท่านั้นเอง ยิ่งถ้า เจ-10 ใช้เครื่องยนต์แบบปรับมุมท่อท้ายไอพ่นได้นี่ ผมว่า ตัวมันเองนี่สามารถทำการรบในระยะประชิดได้สูสีกับ ซู-30 เลยทีเดียว ก็อย่างว่าแหละครับ ซู-30 นี่ถือว่าเป็นเครื่องบินสุดยอดของโลกแบบหนึ่งในปัจจุบัน ถึงขนาด เป็น1 ใน3 ตัวเลือกของ ทอ.ไทยในโครงการจัดหาเครื่องบิน บข.20 ซึ่ง ซู-30 ถือว่ามีคะแนนนำมาทั้ง เอฟ-16 บล็อค50/52 และ แจส-39 ซี/ดี

สำหรัยผมส่วนตัวแล้ว ให้ เจ-10 นั้นเหนือกว่าเอฟ-16 ทุกแบบที่ ทอ.ไทย เรามีตอนนี้ครับ และน่าจะอยู่ในคลาสเดียวกับ แจส-39 ซี/ดี และ เอฟ-16 บล็อค 50/52ครับ แต่ถ้า เจ-10 หันไปใช้เครื่องยนต์แบบปรับมุมท่อไอพ่นได้นี่ เจ-10 จะเหนือกว่า เครื่องบินทั้งสองแบบครับ ยกเว้น จะเอา แจส-39 รุ่น อี/เอฟ มาสู้ครับ แต่นั่นเป็นเพียงแค่คาดการน์เท่านั้นครับ

โดยคุณ data เมื่อวันที่ 22/10/2008 04:01:06