"ฮุนเซน" เคาะกะลาทะเลาะไทยหาเหตุถอยขับไล่ J10?
ผู้จัดออนไลน์-- อาจจะมีหลายเหตุการณ์ ที่สามารถเชื่อมโยงเข้ากันได้และมีหลายเหตุผลที่สามารถใช้อธิบายการกล้าท้าทายอำนาจกองทัพไทยของผู้นำที่ทรงพลังแห่งกัมพูชาคือ สมเด็จฯ ฮุนซน ในวันจันทร์ (13 ต.ค.) ที่ผ่านมา
แต่ไม่มีผู้ใดที่เชื่อว่า ความกล้าหาญยื่น คำขาด" ให้ไทยถอนทหารออกจากเขตแดนที่ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวอ้างสิทธิ์นั้น จะไม่มีวาระซ่อนเร้นต่างๆ อยู่เบื้องหลัง
และเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ผู้นำของกัมพูชากำลังใช้การเผชิญหน้ากับการปะทะด้วยอาวุธตามแนวชายแดนกับไทย อ้างความชอบธรรมในการสร้างเสริมความแข็งแกร่งของกองทัพ
เป้าหมายการเสริมเขี้ยวเล็บของกัมพูชา ยังอาจจะรวมถึงเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบเฉิงตู J10 สักฝูงหนึ่งด้วย
ตามตัวเลขปี 2544 กองทัพราชอาณาจักรกัมพูชาที่มีกำลังพลประจำการประมาณ 190,000 คน และยังคงพยายามลดลงเรื่อยเพื่อประหยัดงบประมาณรายจ่าย เทียบไม่ได้กับกองทัพไทยที่แข็งแกร่งมีกำลังพล 300,000 มีเครื่องบินรบทันสมัยเอฟ16
กองทัพบกของไทยยังมีฝูงบินเฮลิคอปเตอร์จู่โจม มียานลำเลียงพลหุ้มเกราะทันสมัยที่ผลิตในสหรัฐฯ มีกองทัพรถถังทั้งที่ผลิตในจีนและจากโลกตะวันตก มีปืนใหญ่ขนาด 155 ม.ม. และราชนาวีไทยยังมีกองเรือรบใหญ่โตคุ้มกันน่านน้ำ
ทั้งหมดนี้สำหรับผู้นำกัมพูชายังเป็นเพียงแค่ความฝัน
ปัจจุบันกองทัพกัมพูชามีอาวุธปืนประจำกายหรืออาวุธเบาต่างๆ อย่างเหลือเฟือ แต่เกือบทั้งหมดเป็นของตกค้างจากยุคสงคราม 20-30 ปีก่อน และ อยู่ในสภาพขาดแคลนอย่างหนักอาวุธที่สามารถยิงทำลายหรือยิงสนับสนุนระยะปานกลางและระยะไหล
เขี้ยวเล็บน่าเกรงขามของกองทัพกัมพูชาที่เหลืออยู่จึงมีเพียงขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานแบบ SAM7 แบบเล็งประทับบ่ายิงที่ผลิตในรัสเซียและยังไม่เคยได้ใช้การเลยในช่วง 30 ปีมานี้
เชื่อว่าในกองทัพกัมพูชายังมีประจำการอยู่นับร้อยชุดแม้ว่าจะมีการทำลายไปแล้วกว่า 200 ชุดตั้งแต่ปี 2547 โดยการสนับสนุนของสหรัฐฯ ที่เกรงว่าอาวุธร้ายแรงนี้จะตกถึงมือกลุ่มก่อการร้าย และเป็นภัยข่มขู่ต่อการบินพลเรือน
อาวุธทุกชนิดรวมทั้งอาวุธหนักเช่นปืนใหญ่ 120, 122 ม.ม. รถถังขนาดต่างๆ ที่ผลิตในรัสเซียล้วนเป็นของตกรุ่น เก่าแก่ ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพขึ้นสนิมเขรอะ
เมื่อเกิดการเผชิญหน้าทางทหารกับไทยในเขตเขาพระวิหารในเดือน ก.ค.ปีนี้ ทั่วโลกได้เห็นภาพทหารกัมพูชานั่งขัดปืนอาก้า ซึ่งเป็นอาวุธประจำที่ถูกสนิมกัดกร่อนจนชิ้นส่วนต่างๆ กลายเป็นสีแดง ทหารอีกกลุ่มหนึ่งถอดปืนกลกับปืนไร้แรงสะท้อนออกเป็นชิ้นๆ เอาน้ำมันชโลม
ทหารเหล่านั้นขัดถูสนิมและชโลมน้ำมันอย่างเร่งรีบ เพื่อให้ทันเวลาใช้งาน ขณะที่พลพรรคกว่า 1,000 คน กำลังเผชิญหน้ากับทหารไทยอีกราว 500 นายอย่างใกล้ชิดในเขตวัดแห่งหนึ่งใกล้กับปราสาทพระวิหาร
แต่สภาพเช่นนี้กำลังค่อยๆ เปลี่ยนไป
การออกทายท้าพลังอำนาจกองทัพไทยของสมเด็จฯ ฮุนเซน ยังมีขึ้นขณะที่ความสัมพันธ์กับจีนและสหรัฐฯ กำลังกระชับแนบแน่น ซึ่งรวมทั้งความร่วมมือด้านกลาโหมด้วย แม้สหรัฐฯ จะยังยืนว่าสองฝ่ายไม่มีการร่วมมือใดๆ อันเกี่ยวกับอาวุธก็ตาม
ในวันที่สมเด็จฯ ฮุนเซน ยื่นคำขาดทหารไทยถอนไปจากดินแดนที่กล่าวอ้างว่าเป็นของกัมพูชานั้น เรือพิฆาตมัสติน (Mustin) ของกองทัพเรือแปซิฟิกสหรัฐฯ กำลังจอดทอดสมออยู่ที่ในทะเลนอกฐานทัพเรือเรียม (Ream) เมืองสีหนุวิลล์
ในเดือน ก.ค. ปีนี้ สหรัฐฯ ได้มอบรถบรรทุกทหารยีเอ็มซีที่ปลดประจำการแล้วกว่า 60 ลำให้แก่กัมพูชา
ปีที่แล้วจีนได้มอบเรือลาดตระเวนชายฝั่งติดอาวุธให้กัมพูชาจำนวน 9 ลำจากทั้งหมด 19 ลำที่ซื้อในราคามิตรภาพ ก่อนหน้านั้นในปี 2549 เวียดนามได้มอบเรือตรวจการณ์ชายฝั่งที่ใหญ่กว่าจำนวน 2 ลำ โดยกล่าวว่าจะนำไปใช้ในภารกิจต่อต้านโจรสลัดและการก่อการร้ายข้ามชาติ
อย่างไรก็ตามในช่วง 2-3 ปีมานี้ไม่เคยมีรายงานเกี่ยวกับปฏิบัติการของโจรสลัด หรือการสกัดกั้นการลักลอบขนอาวุธของกลุ่มก่อการร้ายในเขตน่านน้ำกัมพูชาแม้แต่ครั้งเดียว
**จำเป็นต้องมีอาวุธทันสมัย**
กัมพูชามีบทเรียนในอดีตในปี 2522 ที่กองทัพเวียดนามยาตราข้ามพรมแดน และสามารถเข้ายึดกรุงพนมเปญได้ในเวลาเพียงแต่ 7 วัน ในยุคนั้นฝ่ายเขมรมีแต่ความยะโสโอหัง แต่ไม่มีอาวุธที่ดีพอในการรบ ต้องใช้ปืนอาก้า (AK47) ยิงเครื่องบินรบเวียดนาม
สงครามเย็นได้ผ่านพ้นไป สถานการณ์รอบบ้านก็เปลี่ยนไปมาก กัมพูชาที่ไร้หลังพิงกำลังเผชิญหน้ากับกองทัพที่ใหญ่โตกว่าทางด้านตะวันตก ขณะเดียวกันก็เผชิญกับกองทัพเวียดนามที่กำลังพัฒนาให้ทันสมัยควบคู่ไปกับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ
ในสายตาของนักยุทธศาสตร์แล้ว กัมพูชาไม่ได้มีความสำคัญกับสหรัฐฯ มากมายนักในแง่การทหาร สหรัฐฯ กำลังเร่งเสริมสร้างสัมพันธ์กับเวียดนาม ให้ประเทศนี้แข็งแกร่ง สามารถต่อรองกับจีนที่พยายามคืบคลาน แผ่อิทธิพลเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้
แต่เมื่อบริษัทเชฟรอน (Chevron Corp) จากสหรัฐฯ ประกาศการค้นพบน้ำมันดิบในแปลงสำรวจนอกชายฝั่งในต้นปี 2549 กัมพูชาได้ปรากฏตัวโดดเด่นขึ้นมาทันทีบนแผนที่โลก
นักวิเคราะห์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจอย่างชาญฉลาดในการเลือกบริษัทน้ำมันจากสหรัฐฯ เป็นรายแรกในการเข้าสำรวจขุดเจาะในเขตน่านน้ำอ่าวไทย ในขณะที่กรณีพิพาทเรื่องน่านน้ำและดินแดนกับไทยยังไม่ได้รับการแก้ไข
อย่างไรก็ตามมหาอำนาจชาติใหม่ที่เริ่มเข้ามีอิทธิพลอย่างสูงในกัมพูชาในช่วงปีใกล้ๆ นี้กลับเป็นคอมมิวนิสต์จีน
ประเทศนี้กำลังให้การสนับสนุนทุกๆ อย่างที่รัฐบาลกัมพูชาร้องขอ ขณะที่บริษัทจีนกำลังสำรวจน้ำมันดิบในเขตนอกฝั่งสีหนุวิลล์ และบริษัทผลิตไฟฟ้าจากจีนอีกหลายบริษัทกำลังสำรวจและก่อสร้างเขื่อน 3-4 แห่งในกัมพูชาขณะนี้
บริษัทเหมืองแร่จากจีนกำลังเพ่งไปที่แหล่งแร่บอกไซต์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา บริษัทลงทุนอีกแหลายแห่งได้เข้าครอบครองพื้นที่ ลงทุนก่อสร้างเขตอุตสาหกรรมในสีหนุวิลล์
ในวันเดียวกับที่ยื่นคำขาดให้ไทยถอนทหาร สมเด็จฯ ฮุนเซนได้ประกาศแผนการไปเยือนจีนในปลายเดือนนี้ ซึ่งจะได้เข้าพบหารือข้อราชการกับผู้นำของจีนหลายคน และกำลังจะขอความช่วยเหลือประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ สำหรับ "โครงการพัฒนา" ที่ไม่เปิดเผย
อย่างไรก็ตามในช่วงวันสองวันหลังการปะทะกับไทยที่ชายแดนด้านภูมะเขือ ช่างภาพของสำนักข่าวต่างประเทศได้บันทึกภาพทหารกัมพูชาถือเครื่องยิงระเบิดอาร์พีจี เบ41 (B41) ไม่ต่างกับปืนแรงสะท้อน 105 ม.ม.ในสภาพใหม่เอี่ยม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาวุธเหล่านี้ถูกนำเข้าประจำการในยุคหลังสงครามกลางเมือง
นักการทูตในกรุงพนมเปญเคยบอกกับ "ผู้จัดการรายวัน" ในเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วว่า กัมพูชากำลังแสวงหา "อาวุธยุคใหม่" ซึ่งอาจจะรวมทั้งปืนกลสำหรับกำลังพล อาวุธยิงสนับสนุนระยะปานกลาง-ระยะไกล และอาจจะรวมถึงเครื่องบินขับไล่โจมตี J10 ซึ่งเป็นเครื่องบินรบรุ่นใหม่ที่กองทัพประชาชนจีนภาคภูมิใจด้วย
**กองทัพยุคใหม่ต้องทันสมัย **
นอกจากนั้นนักการทูตได้พูดถึงเสียงซุบซิบกันในหมู่ทูตทหารในกรุงพนมเปญที่ว่า กำลังจะมีอาวุธใหม่ทันสมัยจะไปถึงมือสมเด็จฯ ฮุนเซนในปีสองปีนี้ อาจจะรวมทั้ง"อากาศยาน" ที่ไม่มีการเปิดเผยเกี่ยวกับประเภทจากฝรั่งเศส และอาวุธรุ่นใหม่ๆ จากรัสเซียด้วย
บางคนกล่าวว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกถ้าหากรัฐบาลสมเด็จฯ ฮุนเซน ได้ไปเซ็นความตกลงลับๆ ซื้อเฮลิคอปเตอร์จากฝรั่งเศสกับรัสเซีย โดยแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ด้านการสำรวจขุดเจาะน้ำมันในประเทศ
กัมพูชามีเฮลิคอปเตอร์ 2-3 รุ่นที่ผลิตในสหภาพโซเวียตในอดีต แต่ก็มีไม่กี่ลำที่ยังพอขึ้นบินได้ นอกจากนั้นยังมีเฮลิคอปเตอร์ที่ผลิตในฝรั่งเศสอีกจำนวนหนึ่งที่ใช้งานมาตั้งแต่ยุคองค์การสหประชาชาติเข้าบริหารจัดการประเทศนี้ ก่อนจะมีการเลือกตั้งในปี 2536
เฮลิคอปเตอร์เหล่านั้นสงวนเอาไว้ใช้งานสำหรับการเดินทางของผู้นำหรือบุคคลสำคัญเท่านั้น
กองทัพกัมพูชามีเครื่องบินมิก 17 มิก 19 กับมิก 21ที่ผลิตในสหภาพโซเวียตหายสิบลำ ปัจจุบันมีกว่า 10 ลำจอดตายที่สนามบินทหาร ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของท่าอากาศยานโปเจินตง (Pochentong) เมื่อลงจากเครื่องบินที่สนามบินแห่งนี้ก็จะมองเห็นได้จากระยะไกล
เชื่อกันว่ายังมีเครื่องบินมิกรุ่นเก่านี้อีกจำนวนหนึ่งที่สนามบินพระตะบอง แต่ก็มีสภาพไม่ต่างกัน
กองทัพกัมพูชาอยู่กับอาวุธที่ล้าหลังมานานกว่า 2 ทศวรรษ หลังจากสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลงและมีการทำลายอาวุธชนิดต่างๆ ไปแล้วหลายร้อยตัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าระบบป้องกันของประเทศนี้ไม่เคยมีความจำเป็นในช่วงที่ผ่านมา จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้
เป็นที่ทราบกันดีว่า ในแต่ละปีกัมพูชาได้ส่งทหารจำนวนมากไปฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ ในจีน และในโซเวียต ขณะที่ความร่วมมือคล้ายๆ กันนี้กำลังจะเริ่มขึ้นกับกองทัพสหรัฐฯ ถึงแม้ว่าโอกาสที่จะได้อาวุธทันสมัยจากอภิมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวของโลกจะมีอยู่น้อยมากก็ตาม
ระหว่างผู้บัญชาการกองเรือแปซิฟิกของสหรัฐฯ ไปเยือนในปี 2549 สมเด็จฯ ฮุนเซน ให้สัมภาษณ์ว่า กัมพูชามีอาวุธมากพอแล้ว และไม่ต้องการอาวุธใดๆ จากสหรัฐฯ แต่สิ่งที่ต้องการคือ อยากให้ช่วยฝึกคนที่ใช้อาวุธ
ในวันนี้ผู้นำกัมพูชาอาจจะคิดอีกอย่างหนึ่ง
**ซื้ออาวุธทันสมัยแพง-ไม่ง่าย**
ถึงแม้ว่าพรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian Peoples Party) ของสมเด็จฮุนเซนจะครองเสียงข้างมากถึง 90% ในสภาผู้แทนราษฎร และเป็นยรัฐบาลที่มีอำนาจเบ็จเสร็จก็ตาม แต่การหาความชอบธรรมในการซื้ออาวุธทันสมัยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศนี้จะขยายตัวเฉลี่ยปีละกว่า 10% ในช่วงปีใกล้ๆ นี้ แต่สองในสามของประชาชน 14 ล้านคน ยังคงมีรายได้ต่ำกว่าวันละ 50 เซ็นต์ คือวันละ 10 กว่าบาทเท่านั้น
ถึงแม้ว่ากัมพูชาจะผลิตข้าวได้เหลือเฟือจนส่งออกได้ปีละ 2 ล้านตัน แต่เด็กอ่อนจนถึงวัยที่เข้าเรียนระดับประถมศึกษา นับแสนๆ คนทั่วประเทศยังต้องพึ่งพาอาหารกลางวันจากองค์การระหว่างประเทศ
นอกจากนั้นในแต่ละปีกัมพูชายังต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากกลุ่มประเทศผู้บริจาคนับพันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงฐานะการเงินการคลังของประเทศ ขณะที่ยังต้องนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคเกือบทุกชนิด รวมทั้งนำเข้าไฟฟ้าจากไทยและนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปถึง 100%
ประเทศผู้บริจาคเหล่านี้คงจะไม่มีความสุข ถ้าหากทราบความจริงว่า ประเทศยากจนที่ชาวโลกกำลังช่วยเหลืออยู่นี้กำลังจะใช้เงินงบประมาณมหาศาลไปในการซื้ออาวุธ
ความชอบธรรมจึงเป็นสิ่งที่สมเด็จฯ ฮุนเซนกับรัฐบาลต้องการมาก ในการเสริมเขี้ยวเล็บของกองทัพ.
ใช้เอฟ 16 2 ฝูงทำ Air Strike รอบเดียวเลิก ใช้เอฟ 16 กับเอฟ 5 ที่เหลือทำหน้าบินคุ้มกัน
ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ แอล 39 และ A jet
ไม่ต้องส่งทหารราบไปลุยกันแล้ว หนเดียวเลิก
เป้าหมาย
กองทหาร คลังแสง เครื่องบินรบ เขื่อน ศูนย์สื่อสาร(รวมมือถือด้วย)
ตามด้วยปิดชายแดน ประกาศตั้งค่าหัว ฮุนเซ็น ทุกอย่างจบครับ
ปราสาทพระวิหาร ยิงขู่มันไปทุกวัน เอาแค่ลงรอบๆก็พอ ไม่ขอเลิกรบให้มันรู้ไป
เห็นด้วยกับคุณ sam ครับ
สื่อไทยถึงไม่เจริญซักทีก็เพราะยังงี้ไงครับ
ผมอ่านข่าวทุกสำนักเลยมีแต่อ้างข้อมูลหรือภาพจากรอยเตอร์
ทั้งๆที่เหตุการณ์เกิดขึ้นในไทยแท้ๆ
เหมือนที่อาจารย์ผมบอกไว้เลยว่าสื่อมวลชนของไทยเป็นได้แค่สื่อท้องถิ่นเท่านั้น
ส่วนตัวแล้วไม่คิดว่าข่าวขะแมร์จ้างเวียดนามรบจะเป็นเรื่องจริง เนื่องจากเวียดนามก็ไม่ได้ลงสนามรบจริงมานานพอๆ กับขะแมร์ แล้วอีกอย่างตอนนี้เวียดนามมุ่งที่จะพัฒนาประเทศด้วยเศรษฐกิจมากกว่า แถมชายแดนเวียดนามกับขะแมร์ก็เคยมีการกระทบกระทั่งกันอยู่ คล้ายๆ กับไทยนี่แหละ
อีกประเด็นหนึ่งก็คือ ศักยภาพของประเทศไทย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครเหมือนกัน เวียดนามต้องคิดหนัก หากคิดจะเป็นศัตรูกับประเทศไทยอีกครั้ง
ผมคิดว่าเวียดนามฉลาดพอที่จะปล่อยให้ 2 ประเทศสู้รบปรบมือกันมากกว่าที่จะเข้ามายุ่งด้วยโดยไม่มีผลประโยชน์ เวียดนามแค่อยู่เฉยๆ ก็ได้ประโยชน์แล้วสามารถทุ่มงบประมาณเข้าพัฒนาประเทศได้โดยสะดวก ไม่ต้องพะวงเรื่องชายแดนที่ติดกับเขมร แค่ระวังชายแดนด้านจีนด้านเดียว
ไม่เข้าใจว่าเดี๋ยวนี้ทำไมชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยนกันจัง ชอบสร้างกระแส วิตกจริตโดยไม่ใช่วิจารณญาณ ข่าวทุกข่าวมีทั้งจริงและลวง จำเป็นต้องวิเคราะห์ก่อน
ที่น่าห่วงคือไทยกำลังจะกลายเป็นเขมร จากการแบ่งพวกรบกันเองในบ้านนี่แหล่ะคับทั่น....
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นด้วยกับท่านx-1 ครับ
ที่ท่านพูดนี่ ตรงใจผมมาก
แต่อย่าประมาททหารเขมรแล้วกันครับ ......... เค้าเกิดมาก็แทบจะอยู่กับปืนอาก้า รบในแบบอาจจะไม่แน่ แต่ถ้านอกแบบ ก็อย่าประมาทครับ ขนาดเล่นสกปรกวางกับระเบิด ก็ส่ออยู่แล้วว่า ...........เล่นไม่ซื่อครับ
คับ...ขอบคุณสำหรับการทักทาย ก็เรื่อย ๆ คับ มาพักหลังชีพจรลงเท้า ต้องเคลื่อนย้ายไปเรื่อย ๆ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาเท่าไร
เรื่องเขมร บอกตรง ๆ คับว่าอย่ามาเป็นกองร้อย ให้มาเป็นกองทัพก็ไม่น่ากลัวอะไร เหตุผลคือ
1.เขมรมีแต่ประสบการณ์รบแบบกองโจร แต่เอาจริง ๆ ก็ไม่เก่งเหมือนเวียดกง ถนัดแต่รบกันเอง และลอบกัดคนที่ไม่มีทางสู้ รบกับเขมรเหนื่อยครับ อีตอนวิ่งไล่กวดยิงมันนี่แหล่ะ มันวิ่งเร็วดีจริง ๆ
2.ปืนอาก้า ว่าไปแล้วหากดูข้อมูลตัวเลขต่าง ๆ อาจใกล้เคียงกับ เอ็ม.16 แต่ความจริงแล้วผมให้คะแนนแค่สูสีกับ เอช.เค.33 ครับ คนที่เคยยิงมาแล้วบอกได้ทุกคนว่า อาก้า กับ เอช.เค.33 เหมือนกันหยั่งกะปืนฝาแฝด ก็มันพัฒนามาจากปืนเยอรมันเหมือนกันครับ อะไร ๆ ก็เลยคล้าย ๆ กัน ดีกว่าเอ็ม.16 อย่างเดียวตรงเหล็กน่ะคับ เหล็กรัสเซียเป็นสนิมมองไม่ค่อยออก เนื้อเหล็กเขียวปั๊ด ส่วนเหล็กอเมริกาสนิมขึ้นแดงเถือกเป็นขุยยังกะปืนผุ ดังนั้น เมื่ออาก้าคล้ายกับเอช.เค.33 คือทั้งหนัก ทั้งโดด แถมยังถีบหนัก เรื่องจะดาหน้ามาปะทะกับเอ็ม.16 ตรง ๆ ก็ต้องลงทุนแพงคับ พวกกองทัพที่ใช้อาก้าถึงถนัดรบแบบกองโจรมากกว่า เพราะถ้ายิงชุดแรกไม่โดนเขา โอกาสโดนสวนกลับตายคาปืนไม่ทันซ้ำชุดสองมีสูงคับ ไม่เหมือนเอ็ม.16 ปืนเบา ๆ ไม่ถีบ กระสุนสั่งตายได้ทุกนัด พลาดนัดแรก ยังซ้ำนัดต่อไปได้ติด ๆ กัน คนที่อยู่ในวงศูนย์ เอ็ม.16 รอดยากคับ
3.กองทัพไทยมีประสิทธิภาพทางบุคคลากรสูงมาก มีประสบการณ์การรบที่ต่อเนื่องทั้งในบ้านนอกบ้าน ทหารไทยมีสติปัญญาสูงกว่าทหารเพื่อนบ้านเยอะคับ ถึงอาวุธจะเก่าก็อย่าได้ดูถูก ปืนอะไรยิงโดนก็ตายได้ทั้งนั้น ขอให้คนยิงยิงเป็น และมีสติ+สมาธิที่ดีเท่านั้น รับรองโป้งทรุด ๆ
คับไว้ว่าง ๆ จะพยายามเข้ามาเรื่อย ๆ คับ