หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เผยเขมรจ้างเวียดกงช่วยรบชิงเขาพระวิหารกับไทย

โดยคุณ : min_linkin เมื่อวันที่ : 21/10/2008 10:52:33

แหล่งข่าวเผย  เขมร  จ้าง  เวียดกง  ช่วยรบเชิงเขาพระวิหารกับไทย บอกข้อพิพาทเขาพระวิหารไม่จบง่ายๆแน่ เหตุผู้ใหญ่เขมรไม่พอใจทหารตาย ด้านชาวบ้านชายแดนเผยญาติจากเขมรโทรแจ้งมีทหารเวียดนาม เดินในหมู่บ้าน ไทยจี้กัมพูชาสอบกับระเบิด-คาดตั้ง ปธ.เจบีซีฝ่ายไทยสัปดาห์หน้า


แหล่งข่าวสายทหารรายหนึ่ง เปิดเผยว่า หลังจากมีเหตุปะทะกันเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อคืนนี้ทหารไทยที่ตรวจการอยู่บริเวณผามออีแดง ได้สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวทางฝั่งกัมพูชา โดยมีขบวนรถยีเอ็มซีทหารจำนวน 25 คัน บรรทุกทหารเต็มคันรถ เชื่อว่าเป็นการลำเลียงกองกำลังทหารเข้ามาพักอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านโกมุย ต.ตะเปรียงปราสาท อ.จอมกะสาน จ.พระวิหาร ซึ่งเป็นหมู่บ้านกัมพูชา ที่อยู่ติดกับเขาพระวิหารที่สุด

ทั้งนี้ข่าวดังกล่าว สอดคล้องกับข่าวที่ชาวบ้านระบุว่า หลังจากเกิดเหตุปะทะกัน กัมพูชาได้จ้างทหารเวียดนาม เข้ามาช่วยและมาอยู่ในหมู่บ้านโกมุย ตั้งแต่เย็นวานนี้แล้วจำนวนหลายร้อยคน  จึงเชื่อว่าเขมรไม่จบง่าย ๆแน่  เพราะจากการที่ทหารพรานที่คุยกับทหารเขมรที่รู้จักคุ้นเคยกัน โดยระบุว่า ผู้ใหญ่ทางเขา (กัมพูชา)คงไม่จบเรื่องนี้ง่าย ๆเพราะคนของเขาเจ็บและตายเยอะ  ส่วนการเจรจาระหว่าง พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 กับ พล.ท.เจีย  มอน  ผู้บัญชาการภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา เป็นการเจรจาแค่ให้ผ่านๆไปเท่านั้น  ไม่ได้หวังผลการเจรจาอะไรมากนัก

ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคง ที่เฝ้าติดตามสถานการณ์บนเขาพระวิหารอย่างใกล้ชิด กล่าวถึงกรณีข่าวที่ว่าเขมรจ้างทหารเวียดนาม มาช่วยรบบนเขาพระวิหารนั้น  เรื่องนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าจะเป็นเรื่องจริง หรือเท็จ  เพราะต้องเข้าใจว่าที่ผ่านมาเขมร ไม่ได้ทำสงครามกับเราเพียงแค่การทหาร แต่เขาทำสงครามสื่อ กับเรามาโดยตลอด ข้อมูลความเคลื่อนไหวต่าง ๆจากการดักฟังวิทยุ เช่นเดียวกับที่เขาก็ดักฟังเรานั้น บางเรื่องก็เหมือนกับว่าเขาจงใจให้เรารู้เรื่อง แต่พอเป็นเรื่องของจำนวนกำลังพล หรือความลับอื่นที่เขาต้องการปิดเรานั้นเขาจะใช้รหัสที่ซับซ้อนมาก แต่บางเรื่องกลับไม่ใช้รหัส เหมือนเขาตั้งใจจะปล่อยข่าวลือให้เราสับสน

 "ข่าวเรื่องทหารเวียดนาม ยังไม่ระบุแน่ชัดว่าจะเป็นข่าวลวงหรือข่าวจริง  จากการดักฟังสัญญาณวิทยุ บางครั้งเราก็แยกไม่ออกระหว่างเสียงทหารเขมรกับเวียดนาม  บางทีอาจเป็นแค่ทหารเขมรลูกครึ่งเวียดนาม ที่พูดภาษาเวียดนามได้  แล้วมาสื่อสารผ่านวิทยุทำให้เราสับสนก็เป็นได้"แหล่งข่าวกล่าวและว่า

 อย่างไรก็ตามมีข่าวจากชาวบ้านโกมุย ที่รู้จักกันโทรมาบอกว่า มีทหารใส่ชุดสีกากี หมวกไบเล่แดง ประมาณ 14 นาย เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านตั้งแต่เมื่อวานนี้  ซึ่งชุดทหารดังกล่าว ไม่มีอยู่ในสาระบบของกองทัพกัมพูชาหน่วยใดเลย .

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก คมชัดลึก

โดย: Supawan
ตั้งเมื่อ: 17:07 น. 17 ต.ค. 2008




ความคิดเห็นที่ 1


"ฮุนเซน" เคาะกะลาทะเลาะไทยหาเหตุถอยขับไล่ J10?

 

 

ผู้จัดออนไลน์-- อาจจะมีหลายเหตุการณ์ ที่สามารถเชื่อมโยงเข้ากันได้และมีหลายเหตุผลที่สามารถใช้อธิบายการกล้าท้าทายอำนาจกองทัพไทยของผู้นำที่ทรงพลังแห่งกัมพูชาคือ สมเด็จฯ ฮุนซน ในวันจันทร์ (13 ต.ค.) ที่ผ่านมา
       
       แต่ไม่มีผู้ใดที่เชื่อว่า ความกล้าหาญยื่น “คำขาด" ให้ไทยถอนทหารออกจากเขตแดนที่ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวอ้างสิทธิ์นั้น จะไม่มีวาระซ่อนเร้นต่างๆ อยู่เบื้องหลัง
       
       และเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ผู้นำของกัมพูชากำลังใช้การเผชิญหน้ากับการปะทะด้วยอาวุธตามแนวชายแดนกับไทย อ้างความชอบธรรมในการสร้างเสริมความแข็งแกร่งของกองทัพ
       
       เป้าหมายการเสริมเขี้ยวเล็บของกัมพูชา ยังอาจจะรวมถึงเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบเฉิงตู J10 สักฝูงหนึ่งด้วย
       
       ตามตัวเลขปี 2544 กองทัพราชอาณาจักรกัมพูชาที่มีกำลังพลประจำการประมาณ 190,000 คน และยังคงพยายามลดลงเรื่อยเพื่อประหยัดงบประมาณรายจ่าย เทียบไม่ได้กับกองทัพไทยที่แข็งแกร่งมีกำลังพล 300,000 มีเครื่องบินรบทันสมัยเอฟ16
       
       กองทัพบกของไทยยังมีฝูงบินเฮลิคอปเตอร์จู่โจม มียานลำเลียงพลหุ้มเกราะทันสมัยที่ผลิตในสหรัฐฯ มีกองทัพรถถังทั้งที่ผลิตในจีนและจากโลกตะวันตก มีปืนใหญ่ขนาด 155 ม.ม. และราชนาวีไทยยังมีกองเรือรบใหญ่โตคุ้มกันน่านน้ำ
       
       ทั้งหมดนี้สำหรับผู้นำกัมพูชายังเป็นเพียงแค่ความฝัน
       
       ปัจจุบันกองทัพกัมพูชามีอาวุธปืนประจำกายหรืออาวุธเบาต่างๆ อย่างเหลือเฟือ แต่เกือบทั้งหมดเป็นของตกค้างจากยุคสงคราม 20-30 ปีก่อน และ อยู่ในสภาพขาดแคลนอย่างหนักอาวุธที่สามารถยิงทำลายหรือยิงสนับสนุนระยะปานกลางและระยะไหล
       
       เขี้ยวเล็บน่าเกรงขามของกองทัพกัมพูชาที่เหลืออยู่จึงมีเพียงขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานแบบ SAM7 แบบเล็งประทับบ่ายิงที่ผลิตในรัสเซียและยังไม่เคยได้ใช้การเลยในช่วง 30 ปีมานี้

 เชื่อว่าในกองทัพกัมพูชายังมีประจำการอยู่นับร้อยชุดแม้ว่าจะมีการทำลายไปแล้วกว่า 200 ชุดตั้งแต่ปี 2547 โดยการสนับสนุนของสหรัฐฯ ที่เกรงว่าอาวุธร้ายแรงนี้จะตกถึงมือกลุ่มก่อการร้าย และเป็นภัยข่มขู่ต่อการบินพลเรือน
       
       อาวุธทุกชนิดรวมทั้งอาวุธหนักเช่นปืนใหญ่ 120, 122 ม.ม. รถถังขนาดต่างๆ ที่ผลิตในรัสเซียล้วนเป็นของตกรุ่น เก่าแก่ ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพขึ้นสนิมเขรอะ
       
       เมื่อเกิดการเผชิญหน้าทางทหารกับไทยในเขตเขาพระวิหารในเดือน ก.ค.ปีนี้ ทั่วโลกได้เห็นภาพทหารกัมพูชานั่งขัดปืนอาก้า ซึ่งเป็นอาวุธประจำที่ถูกสนิมกัดกร่อนจนชิ้นส่วนต่างๆ กลายเป็นสีแดง ทหารอีกกลุ่มหนึ่งถอดปืนกลกับปืนไร้แรงสะท้อนออกเป็นชิ้นๆ เอาน้ำมันชโลม
       
       ทหารเหล่านั้นขัดถูสนิมและชโลมน้ำมันอย่างเร่งรีบ เพื่อให้ทันเวลาใช้งาน ขณะที่พลพรรคกว่า 1,000 คน กำลังเผชิญหน้ากับทหารไทยอีกราว 500 นายอย่างใกล้ชิดในเขตวัดแห่งหนึ่งใกล้กับปราสาทพระวิหาร
       
       แต่สภาพเช่นนี้กำลังค่อยๆ เปลี่ยนไป
       
       การออกทายท้าพลังอำนาจกองทัพไทยของสมเด็จฯ ฮุนเซน ยังมีขึ้นขณะที่ความสัมพันธ์กับจีนและสหรัฐฯ กำลังกระชับแนบแน่น ซึ่งรวมทั้งความร่วมมือด้านกลาโหมด้วย แม้สหรัฐฯ จะยังยืนว่าสองฝ่ายไม่มีการร่วมมือใดๆ อันเกี่ยวกับอาวุธก็ตาม
       
       ในวันที่สมเด็จฯ ฮุนเซน ยื่นคำขาดทหารไทยถอนไปจากดินแดนที่กล่าวอ้างว่าเป็นของกัมพูชานั้น เรือพิฆาตมัสติน (Mustin) ของกองทัพเรือแปซิฟิกสหรัฐฯ กำลังจอดทอดสมออยู่ที่ในทะเลนอกฐานทัพเรือเรียม (Ream) เมืองสีหนุวิลล์

 

ในเดือน ก.ค. ปีนี้ สหรัฐฯ ได้มอบรถบรรทุกทหารยีเอ็มซีที่ปลดประจำการแล้วกว่า 60 ลำให้แก่กัมพูชา
       
       ปีที่แล้วจีนได้มอบเรือลาดตระเวนชายฝั่งติดอาวุธให้กัมพูชาจำนวน 9 ลำจากทั้งหมด 19 ลำที่ซื้อในราคามิตรภาพ ก่อนหน้านั้นในปี 2549 เวียดนามได้มอบเรือตรวจการณ์ชายฝั่งที่ใหญ่กว่าจำนวน 2 ลำ โดยกล่าวว่าจะนำไปใช้ในภารกิจต่อต้านโจรสลัดและการก่อการร้ายข้ามชาติ
       
       อย่างไรก็ตามในช่วง 2-3 ปีมานี้ไม่เคยมีรายงานเกี่ยวกับปฏิบัติการของโจรสลัด หรือการสกัดกั้นการลักลอบขนอาวุธของกลุ่มก่อการร้ายในเขตน่านน้ำกัมพูชาแม้แต่ครั้งเดียว
       
       **จำเป็นต้องมีอาวุธทันสมัย**
       

       กัมพูชามีบทเรียนในอดีตในปี 2522 ที่กองทัพเวียดนามยาตราข้ามพรมแดน และสามารถเข้ายึดกรุงพนมเปญได้ในเวลาเพียงแต่ 7 วัน ในยุคนั้นฝ่ายเขมรมีแต่ความยะโสโอหัง แต่ไม่มีอาวุธที่ดีพอในการรบ ต้องใช้ปืนอาก้า (AK47) ยิงเครื่องบินรบเวียดนาม
       
       สงครามเย็นได้ผ่านพ้นไป สถานการณ์รอบบ้านก็เปลี่ยนไปมาก กัมพูชาที่ไร้หลังพิงกำลังเผชิญหน้ากับกองทัพที่ใหญ่โตกว่าทางด้านตะวันตก ขณะเดียวกันก็เผชิญกับกองทัพเวียดนามที่กำลังพัฒนาให้ทันสมัยควบคู่ไปกับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ
       
       ในสายตาของนักยุทธศาสตร์แล้ว กัมพูชาไม่ได้มีความสำคัญกับสหรัฐฯ มากมายนักในแง่การทหาร สหรัฐฯ กำลังเร่งเสริมสร้างสัมพันธ์กับเวียดนาม ให้ประเทศนี้แข็งแกร่ง สามารถต่อรองกับจีนที่พยายามคืบคลาน แผ่อิทธิพลเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้
       
       แต่เมื่อบริษัทเชฟรอน (Chevron Corp) จากสหรัฐฯ ประกาศการค้นพบน้ำมันดิบในแปลงสำรวจนอกชายฝั่งในต้นปี 2549 กัมพูชาได้ปรากฏตัวโดดเด่นขึ้นมาทันทีบนแผนที่โลก

นักวิเคราะห์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจอย่างชาญฉลาดในการเลือกบริษัทน้ำมันจากสหรัฐฯ เป็นรายแรกในการเข้าสำรวจขุดเจาะในเขตน่านน้ำอ่าวไทย ในขณะที่กรณีพิพาทเรื่องน่านน้ำและดินแดนกับไทยยังไม่ได้รับการแก้ไข
       
       อย่างไรก็ตามมหาอำนาจชาติใหม่ที่เริ่มเข้ามีอิทธิพลอย่างสูงในกัมพูชาในช่วงปีใกล้ๆ นี้กลับเป็นคอมมิวนิสต์จีน
       
       ประเทศนี้กำลังให้การสนับสนุนทุกๆ อย่างที่รัฐบาลกัมพูชาร้องขอ ขณะที่บริษัทจีนกำลังสำรวจน้ำมันดิบในเขตนอกฝั่งสีหนุวิลล์ และบริษัทผลิตไฟฟ้าจากจีนอีกหลายบริษัทกำลังสำรวจและก่อสร้างเขื่อน 3-4 แห่งในกัมพูชาขณะนี้
       
       บริษัทเหมืองแร่จากจีนกำลังเพ่งไปที่แหล่งแร่บอกไซต์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา บริษัทลงทุนอีกแหลายแห่งได้เข้าครอบครองพื้นที่ ลงทุนก่อสร้างเขตอุตสาหกรรมในสีหนุวิลล์
       
       ในวันเดียวกับที่ยื่นคำขาดให้ไทยถอนทหาร สมเด็จฯ ฮุนเซนได้ประกาศแผนการไปเยือนจีนในปลายเดือนนี้ ซึ่งจะได้เข้าพบหารือข้อราชการกับผู้นำของจีนหลายคน และกำลังจะขอความช่วยเหลือประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ สำหรับ "โครงการพัฒนา" ที่ไม่เปิดเผย
       
       อย่างไรก็ตามในช่วงวันสองวันหลังการปะทะกับไทยที่ชายแดนด้านภูมะเขือ ช่างภาพของสำนักข่าวต่างประเทศได้บันทึกภาพทหารกัมพูชาถือเครื่องยิงระเบิดอาร์พีจี “เบ41” (B41) ไม่ต่างกับปืนแรงสะท้อน 105 ม.ม.ในสภาพใหม่เอี่ยม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาวุธเหล่านี้ถูกนำเข้าประจำการในยุคหลังสงครามกลางเมือง
       
       นักการทูตในกรุงพนมเปญเคยบอกกับ "ผู้จัดการรายวัน" ในเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วว่า กัมพูชากำลังแสวงหา "อาวุธยุคใหม่" ซึ่งอาจจะรวมทั้งปืนกลสำหรับกำลังพล อาวุธยิงสนับสนุนระยะปานกลาง-ระยะไกล และอาจจะรวมถึงเครื่องบินขับไล่โจมตี J10 ซึ่งเป็นเครื่องบินรบรุ่นใหม่ที่กองทัพประชาชนจีนภาคภูมิใจด้วย
       
       **กองทัพยุคใหม่ต้องทันสมัย **
       

       นอกจากนั้นนักการทูตได้พูดถึงเสียงซุบซิบกันในหมู่ทูตทหารในกรุงพนมเปญที่ว่า กำลังจะมีอาวุธใหม่ทันสมัยจะไปถึงมือสมเด็จฯ ฮุนเซนในปีสองปีนี้ อาจจะรวมทั้ง"อากาศยาน" ที่ไม่มีการเปิดเผยเกี่ยวกับประเภทจากฝรั่งเศส และอาวุธรุ่นใหม่ๆ จากรัสเซียด้วย
       
       บางคนกล่าวว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกถ้าหากรัฐบาลสมเด็จฯ ฮุนเซน ได้ไปเซ็นความตกลงลับๆ ซื้อเฮลิคอปเตอร์จากฝรั่งเศสกับรัสเซีย โดยแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ด้านการสำรวจขุดเจาะน้ำมันในประเทศ
       
       กัมพูชามีเฮลิคอปเตอร์ 2-3 รุ่นที่ผลิตในสหภาพโซเวียตในอดีต แต่ก็มีไม่กี่ลำที่ยังพอขึ้นบินได้ นอกจากนั้นยังมีเฮลิคอปเตอร์ที่ผลิตในฝรั่งเศสอีกจำนวนหนึ่งที่ใช้งานมาตั้งแต่ยุคองค์การสหประชาชาติเข้าบริหารจัดการประเทศนี้ ก่อนจะมีการเลือกตั้งในปี 2536
       
       เฮลิคอปเตอร์เหล่านั้นสงวนเอาไว้ใช้งานสำหรับการเดินทางของผู้นำหรือบุคคลสำคัญเท่านั้น
       
       กองทัพกัมพูชามีเครื่องบินมิก 17 มิก 19 กับมิก 21ที่ผลิตในสหภาพโซเวียตหายสิบลำ ปัจจุบันมีกว่า 10 ลำจอดตายที่สนามบินทหาร ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของท่าอากาศยานโปเจินตง (Pochentong) เมื่อลงจากเครื่องบินที่สนามบินแห่งนี้ก็จะมองเห็นได้จากระยะไกล
       
       เชื่อกันว่ายังมีเครื่องบินมิกรุ่นเก่านี้อีกจำนวนหนึ่งที่สนามบินพระตะบอง แต่ก็มีสภาพไม่ต่างกัน

กองทัพกัมพูชาอยู่กับอาวุธที่ล้าหลังมานานกว่า 2 ทศวรรษ หลังจากสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลงและมีการทำลายอาวุธชนิดต่างๆ ไปแล้วหลายร้อยตัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าระบบป้องกันของประเทศนี้ไม่เคยมีความจำเป็นในช่วงที่ผ่านมา จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้
       
       เป็นที่ทราบกันดีว่า ในแต่ละปีกัมพูชาได้ส่งทหารจำนวนมากไปฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ ในจีน และในโซเวียต ขณะที่ความร่วมมือคล้ายๆ กันนี้กำลังจะเริ่มขึ้นกับกองทัพสหรัฐฯ ถึงแม้ว่าโอกาสที่จะได้อาวุธทันสมัยจากอภิมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวของโลกจะมีอยู่น้อยมากก็ตาม
       
       ระหว่างผู้บัญชาการกองเรือแปซิฟิกของสหรัฐฯ ไปเยือนในปี 2549 สมเด็จฯ ฮุนเซน ให้สัมภาษณ์ว่า กัมพูชามีอาวุธมากพอแล้ว และไม่ต้องการอาวุธใดๆ จากสหรัฐฯ แต่สิ่งที่ต้องการคือ อยากให้ช่วยฝึกคนที่ใช้อาวุธ
       
       ในวันนี้ผู้นำกัมพูชาอาจจะคิดอีกอย่างหนึ่ง
       
       **ซื้ออาวุธทันสมัยแพง-ไม่ง่าย**
       
       ถึงแม้ว่าพรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian Peoples Party) ของสมเด็จฮุนเซนจะครองเสียงข้างมากถึง 90% ในสภาผู้แทนราษฎร และเป็นยรัฐบาลที่มีอำนาจเบ็จเสร็จก็ตาม แต่การหาความชอบธรรมในการซื้ออาวุธทันสมัยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
       
       ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศนี้จะขยายตัวเฉลี่ยปีละกว่า 10% ในช่วงปีใกล้ๆ นี้ แต่สองในสามของประชาชน 14 ล้านคน ยังคงมีรายได้ต่ำกว่าวันละ 50 เซ็นต์ คือวันละ 10 กว่าบาทเท่านั้น

 

ถึงแม้ว่ากัมพูชาจะผลิตข้าวได้เหลือเฟือจนส่งออกได้ปีละ 2 ล้านตัน แต่เด็กอ่อนจนถึงวัยที่เข้าเรียนระดับประถมศึกษา นับแสนๆ คนทั่วประเทศยังต้องพึ่งพาอาหารกลางวันจากองค์การระหว่างประเทศ
       
       นอกจากนั้นในแต่ละปีกัมพูชายังต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากกลุ่มประเทศผู้บริจาคนับพันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงฐานะการเงินการคลังของประเทศ ขณะที่ยังต้องนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคเกือบทุกชนิด รวมทั้งนำเข้าไฟฟ้าจากไทยและนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปถึง 100%
       
       ประเทศผู้บริจาคเหล่านี้คงจะไม่มีความสุข ถ้าหากทราบความจริงว่า ประเทศยากจนที่ชาวโลกกำลังช่วยเหลืออยู่นี้กำลังจะใช้เงินงบประมาณมหาศาลไปในการซื้ออาวุธ
       
       ความชอบธรรมจึงเป็นสิ่งที่สมเด็จฯ ฮุนเซนกับรัฐบาลต้องการมาก ในการเสริมเขี้ยวเล็บของกองทัพ.
       
       

(ปรับปรุงเพิ่มเติมจากบทวิเคราะห์ที่ตีพิมพ์ใน "ผู้จัดการรายวัน" ฉบับวันศุกร์ที่ 17 ต.ค.2551)


 

โดยคุณ min_linkin เมื่อวันที่ 17/10/2008 21:54:10


ความคิดเห็นที่ 2


ใช้เอฟ 16 2 ฝูงทำ Air Strike รอบเดียวเลิก ใช้เอฟ 16 กับเอฟ 5 ที่เหลือทำหน้าบินคุ้มกัน

ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ แอล 39 และ A jet

ไม่ต้องส่งทหารราบไปลุยกันแล้ว หนเดียวเลิก

เป้าหมาย

กองทหาร คลังแสง เครื่องบินรบ เขื่อน ศูนย์สื่อสาร(รวมมือถือด้วย)

ตามด้วยปิดชายแดน ประกาศตั้งค่าหัว ฮุนเซ็น ทุกอย่างจบครับ

ปราสาทพระวิหาร ยิงขู่มันไปทุกวัน เอาแค่ลงรอบๆก็พอ ไม่ขอเลิกรบให้มันรู้ไป

โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 17/10/2008 22:19:54


ความคิดเห็นที่ 3


ตราบใดปัญหาเขตแดนยังไม่ยุติก็จะกระทบกันเรื่อยๆ ผมว่าเขมรมันคุยไม่รู้เรื่องหรอก ตอนนี้การฑูตเราแซงเขมรไปก้าวหนึ่งแล้วนานาชาติเริ่มเข้าใจ เราต้องรุกหนักทางการฑูตให้มากกว่านี้ครับถึงจะไปศาลโลกก็ไม่ต้องห่วงแต่ตามกรอบเราต้องให้ชาติสมาชิกอาเซียเข้าใจก่อนถึงจะไประดับระหว่างประเทศ
โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 18/10/2008 01:21:55


ความคิดเห็นที่ 4


อาวุธเก่าเก็บของเรา ลองได้มาเป็นการฝึกใช้ภาคสนามจริงๆก็ดีนะครับ...

ออกข่าวว่าเรากำลังจะโล๊ะของเก่าทิ้งบ้างก็ดีนะครับ..


..
โดยคุณ charchar เมื่อวันที่ 18/10/2008 01:39:33


ความคิดเห็นที่ 5


เห็นด้วยกับคุณ sam ครับ

โดยคุณ muto เมื่อวันที่ 18/10/2008 02:48:24


ความคิดเห็นที่ 6


เวียดนามไม่รบกับไทย และไทยก็ไม่รบกับเวียดนาม แน่นอน!!! ...... ผมดู NBT ออกข่าวออกสารคดีเกี่ยวกับเรื่องทหารเวียดนามแล้วไม่ชอบใจเลย พูดอย่างกะเวียดนามเป็นศัตรูเราอย่างงั้น ทั้ง ๆ ที่ความจริงความเป็นศัตรูระหว่างไทยกับเวียดนามมันหมดไปนานนนนนนนนนแล้ว ตอนนี้เราสิต้องบุก (ไปทำธุรกิจ) ที่เวียดนาม แล้วมาออกข่าวอย่างงี้คนทางโน้นเขาจะมองเรายังไง เหมือนมาเลเซียออกข่าวว่าไทยฆ่าล้างเชื้อชาติมาลายูเราก็โมโหจะแย่อยู่แล้ว ที่เวียดนามมันเงินทั้งนั้นนะนั่นน่ะ นักข่าวจะปลุกกระแสรักชาติอะไรก็ให้มันดูกาละเทศะบ้าง = =! ............... ไม่มีทางหรอกครับ ไอ้ที่ประมาณว่าถ้าไทยเปิดสงครามเต็มขั้นกับกัมพูชาแล้วเวียดนามจะมาช่วยกัมพูชารบน่ะครับ เป็นไม่ได้ได้เลย ไร้เหตุผลมาก ๆ ครับ เวียดนามเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติด้วยนะครับ จะให้เขามาแย้ว ๆ กับเรื่องของคนอื่นนั้นเป็นไปไม่ได้ ...... อีกอย่างตอนนี้มันหมดยุคทฤษฏีโดมิโน่กับยุคคอมมิวนิสต์-ประชาธิปไตยไปแล้ว ถ้าเวียดนามจะมาตีไทยก็คงเพียงแค่ส่งคลิปฉาวดารามาตีตลาดหนังแผ่นบ้านเราเท่านั้นแหละครับ ฮ่าฮ่าฮ่า ....... ลืมไปได้เลยครับเรื่องรบกับเวียดนาม ข่าวเรื่องนี้อย่าไปฟังข่าวของสื่อไทยมากฮะ ^ ^
โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 18/10/2008 03:21:40


ความคิดเห็นที่ 7


สื่อไทยถึงไม่เจริญซักทีก็เพราะยังงี้ไงครับ

ผมอ่านข่าวทุกสำนักเลยมีแต่อ้างข้อมูลหรือภาพจากรอยเตอร์

ทั้งๆที่เหตุการณ์เกิดขึ้นในไทยแท้ๆ

เหมือนที่อาจารย์ผมบอกไว้เลยว่าสื่อมวลชนของไทยเป็นได้แค่สื่อท้องถิ่นเท่านั้น

โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 18/10/2008 05:11:28


ความคิดเห็นที่ 8


ส่วนตัวแล้วไม่คิดว่าข่าวขะแมร์จ้างเวียดนามรบจะเป็นเรื่องจริง เนื่องจากเวียดนามก็ไม่ได้ลงสนามรบจริงมานานพอๆ กับขะแมร์ แล้วอีกอย่างตอนนี้เวียดนามมุ่งที่จะพัฒนาประเทศด้วยเศรษฐกิจมากกว่า แถมชายแดนเวียดนามกับขะแมร์ก็เคยมีการกระทบกระทั่งกันอยู่ คล้ายๆ กับไทยนี่แหละ
อีกประเด็นหนึ่งก็คือ ศักยภาพของประเทศไทย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครเหมือนกัน เวียดนามต้องคิดหนัก หากคิดจะเป็นศัตรูกับประเทศไทยอีกครั้ง
ผมคิดว่าเวียดนามฉลาดพอที่จะปล่อยให้ 2 ประเทศสู้รบปรบมือกันมากกว่าที่จะเข้ามายุ่งด้วยโดยไม่มีผลประโยชน์ เวียดนามแค่อยู่เฉยๆ ก็ได้ประโยชน์แล้วสามารถทุ่มงบประมาณเข้าพัฒนาประเทศได้โดยสะดวก ไม่ต้องพะวงเรื่องชายแดนที่ติดกับเขมร แค่ระวังชายแดนด้านจีนด้านเดียว

ไม่เข้าใจว่าเดี๋ยวนี้ทำไมชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยนกันจัง ชอบสร้างกระแส วิตกจริตโดยไม่ใช่วิจารณญาณ ข่าวทุกข่าวมีทั้งจริงและลวง จำเป็นต้องวิเคราะห์ก่อน


โดยคุณ monsoon เมื่อวันที่ 18/10/2008 13:18:08


ความคิดเห็นที่ 9


NO...ตะหลกคับ เขมรจ้างเวียดนามรบ เวียดนามเวลานี้เศรษฐกิจแซงหน้าไทยจนกู่ไม่กลับแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปรับจ้างใครตายดอกคับ เขมรเสียอีกมีปัญญาเอาอะไรไปจ้างเวียดนามมารบอ่ะคับ ตาหลก
โดยคุณ X-1 เมื่อวันที่ 19/10/2008 01:52:53


ความคิดเห็นที่ 10


ถ้าเขมรจะรับจ้างใครมาก่อกวนไทยนั่นเชื่อถือได้คับ ที่ว่านี่ไม่ใช่เขมรยากจนค่นแค้นอะไรนักหนา แต่จากการที่เขมรแบ่งฝ่ายฆ่ากันเองเป็นเวลานาน ทำให้ทรัพยากรส่วนใหญ่สูญเสียไปกับสงคราม ประชาชนเป็นคนพิการทุพพลภาพมากมาย ทำให้กำลังในการพัฒนาประเทศด้อยลง จนไม่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและไทย จึงน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่เขมรปล่อยกองทัพของตนเองโทรมจนแทบจะไม่เหลือสภาพกองทัพอย่างที่เห็น ซึ่งผิดวิสัยของรัฐบาลเผด็จการที่มักชอบปืนมากกว่าเรื่องอื่น ผมไม่ห่วงว่าเขมรจะเอาชนะทางทหารกับไทยซึ่งมันไม่มีทางและไม่มีวันเป็นไปได้ ต่อให้รัสเซียใจดียกสะกั๊ดมาให้เขมรด้วย...เอ้า กว่าจะยิงเป็น กองทัพไทยลุยไปยันชายแดนเวียดนามโน่นแล้ว พนมเปญน่ะ ไม่เกิน 2 ชั่วโมงทหารไทยไปนั่งกินข้าวได้แน่นอน ที่น่าห่วงคือไทยกำลังจะกลายเป็นเขมร จากการแบ่งพวกรบกันเองในบ้านนี่แหล่ะคับทั่น....
โดยคุณ X-1 เมื่อวันที่ 19/10/2008 02:03:11


ความคิดเห็นที่ 11


 ที่น่าห่วงคือไทยกำลังจะกลายเป็นเขมร จากการแบ่งพวกรบกันเองในบ้านนี่แหล่ะคับทั่น....

 

เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นด้วยกับท่านx-1 ครับ

ที่ท่านพูดนี่ ตรงใจผมมาก

แต่อย่าประมาททหารเขมรแล้วกันครับ .........  เค้าเกิดมาก็แทบจะอยู่กับปืนอาก้า รบในแบบอาจจะไม่แน่ แต่ถ้านอกแบบ ก็อย่าประมาทครับ ขนาดเล่นสกปรกวางกับระเบิด ก็ส่ออยู่แล้วว่า ...........เล่นไม่ซื่อครับ

 

 

โดยคุณ icy_CMU เมื่อวันที่ 19/10/2008 03:07:04


ความคิดเห็นที่ 12


คุณ X -1 ไม่เห็นหน้า ตั้ง นาน นะครับ
ติดงาน  หรือ ครับ
ไม่ ค่อย เข้ามา ตอบ เวป เลย ...
โดยคุณ wanwa เมื่อวันที่ 19/10/2008 22:50:52


ความคิดเห็นที่ 13


คับ...ขอบคุณสำหรับการทักทาย ก็เรื่อย ๆ คับ มาพักหลังชีพจรลงเท้า ต้องเคลื่อนย้ายไปเรื่อย ๆ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาเท่าไร

เรื่องเขมร บอกตรง ๆ คับว่าอย่ามาเป็นกองร้อย ให้มาเป็นกองทัพก็ไม่น่ากลัวอะไร เหตุผลคือ

1.เขมรมีแต่ประสบการณ์รบแบบกองโจร แต่เอาจริง ๆ ก็ไม่เก่งเหมือนเวียดกง ถนัดแต่รบกันเอง และลอบกัดคนที่ไม่มีทางสู้ รบกับเขมรเหนื่อยครับ อีตอนวิ่งไล่กวดยิงมันนี่แหล่ะ มันวิ่งเร็วดีจริง ๆ

2.ปืนอาก้า ว่าไปแล้วหากดูข้อมูลตัวเลขต่าง ๆ อาจใกล้เคียงกับ เอ็ม.16 แต่ความจริงแล้วผมให้คะแนนแค่สูสีกับ เอช.เค.33 ครับ คนที่เคยยิงมาแล้วบอกได้ทุกคนว่า อาก้า กับ เอช.เค.33 เหมือนกันหยั่งกะปืนฝาแฝด ก็มันพัฒนามาจากปืนเยอรมันเหมือนกันครับ อะไร ๆ ก็เลยคล้าย ๆ กัน ดีกว่าเอ็ม.16 อย่างเดียวตรงเหล็กน่ะคับ เหล็กรัสเซียเป็นสนิมมองไม่ค่อยออก เนื้อเหล็กเขียวปั๊ด ส่วนเหล็กอเมริกาสนิมขึ้นแดงเถือกเป็นขุยยังกะปืนผุ ดังนั้น เมื่ออาก้าคล้ายกับเอช.เค.33 คือทั้งหนัก ทั้งโดด แถมยังถีบหนัก เรื่องจะดาหน้ามาปะทะกับเอ็ม.16 ตรง ๆ ก็ต้องลงทุนแพงคับ พวกกองทัพที่ใช้อาก้าถึงถนัดรบแบบกองโจรมากกว่า เพราะถ้ายิงชุดแรกไม่โดนเขา โอกาสโดนสวนกลับตายคาปืนไม่ทันซ้ำชุดสองมีสูงคับ ไม่เหมือนเอ็ม.16 ปืนเบา ๆ ไม่ถีบ กระสุนสั่งตายได้ทุกนัด พลาดนัดแรก ยังซ้ำนัดต่อไปได้ติด ๆ กัน คนที่อยู่ในวงศูนย์ เอ็ม.16 รอดยากคับ

3.กองทัพไทยมีประสิทธิภาพทางบุคคลากรสูงมาก มีประสบการณ์การรบที่ต่อเนื่องทั้งในบ้านนอกบ้าน ทหารไทยมีสติปัญญาสูงกว่าทหารเพื่อนบ้านเยอะคับ ถึงอาวุธจะเก่าก็อย่าได้ดูถูก ปืนอะไรยิงโดนก็ตายได้ทั้งนั้น ขอให้คนยิงยิงเป็น และมีสติ+สมาธิที่ดีเท่านั้น รับรองโป้งทรุด ๆ

คับไว้ว่าง ๆ จะพยายามเข้ามาเรื่อย ๆ คับ

โดยคุณ X-1 เมื่อวันที่ 20/10/2008 23:52:35