ถ้าผมเป็นนายพลเขมรนะ ผมจะซื้อทีวีสักแปดเก้าเครื่องเปิดทีวีไทยเรียงช่องก็สบายแล้ว
โดยคุณ : ช้างอ้วน เมื่อวันที่ : 16/10/2008 20:41:56แต่ผมดูทีวีแล้วก็ไม่สบายใจกับการทำงานของสื่อมวลชนไทยเหลือเกิน อย่างเมื่อคืนดูข่าว 3 มิติ ของคุณกิติ สิงหาปัด
พี่ท่านรายงานพร้อมภาพหมดเลยว่า มีรถถังสกอร์เปี้ยนกี่คัน มีรถสายพานกี่คัน (แม้ในทางยุทธวิธีจะมีมากกว่าที่เห็นก็ตาม) ผมว่ามันดูไม่เหมาะถ้าอยากรายงานจริงๆ ก็บอกแค่ว่ามีรถถังแบบไหนก็พอ ไม่ต้องรายงานว่ามีกี่คันหรอก และบางช่องก็รายงานเสียละเอียดยิบว่าปืนใหญ่ตั้งที่ไหนบ้าง
ถ้าผมเป็นนายพลเขมรนะ ซื้อทีวีสักแปดเก้าเครื่องเปิดเรียงช่องเลย ก็หาข้อมูลคร่าวๆ ได้สบายแล้ว
แต่ขอชมเชยพิธีกรของรายการกรองสถานการณ์ช่อง NBT (ลืมชื่อ) เวลาสัมภาษณ์เกี่ยวกับแผนทางทหารแล้วจะถามดีมาก เช่น ตอนสัมภาษณ์แม่ทัพภาคที่ 2 ถึงแผนการณ์ต่างๆ ก็จะถามว่ากรณีแผนการณ์นี้ท่านพอจะเปิดเผยได้ไหม
ทุกๆ ท่านคิดว่าจะมีเหตุการณ์ปะทะกันแบบเมื่อวานอีกไหมครับ
ขอบคุณครับ
นี่แหละครับคือสาเหตุที่ทำให้ใครต่อใครสมน้ำหน้า
ไอ้นักข่าวช่องสาม ผมไม่สนใจจะจำชื่อมันอยู่แล้ว ที่โดนคุณชูวิทย์ต่อยเอา นักศึกษา ป.โท รุ่นพี่ผมและห้องเดียวกันกับผม ล้วนแล้วแต่สะใจกันทั้งสิ้น
เพระอะไรเหรอครับ
เพราะมันคิดว่ามันเป็นเทวดามั้งครับ อ้างแค่ว่ามีหน้าที่นำเสนอสิ่งที่ถูกต้องเป็นจริงต่อสังคม อเมริกาเองนักข่าวยังไม่ได้รับอิสระขนาดนี้นะครับ
ดูตัวอย่าง ผู้ใหญ่ทางการเมืองไปเยี่ยมทหารในอิรัค ไม่มีข่าวรั่วเลยสักนิด ทั้งที่ทีมงานของค่ายดังๆไปทำข่าวกันเยอะเลย
ข่าวออกก็เมื่อกลับมาบ้านกันแล้ว นี่ครับที่เรียกว่า จรรยาบรรณ ความถูกต้องเป็นจริง
แล้วของเมืองไทยล่ะครับ สมควรแล้วที่โดนกระทืบ ยังไม่รู้ตัวกันอีก เป็นผมนะ ไล่ให้มันทำข่าวฝั่งโน้นหมดแล้ว ไม่ให้ทำฝั่งเราหรอก พวกเหลือบของสังคมแบบนี้
เมื่อวันที่
16/10/2008 00:54:31 การที่เราทำบบนี้ ปากก็บอกว่า เพื่อแสดงศักยภาพของไทยเรา
แต่ในความจริง ก็คือ บอกพิกัดปืนใหญ่ให้มันดีๆ เองแหละครับ
ผมว่าที่บอกว่ามีไปกี่คันผมกับมองว่ามันก็ไม่น่าจะเป็นความลับอะไรมากมาย เพราะเรื่องจำนวนนี่สายลับคงสืบไม่ยาก แต่ผมกับมองว่าเป็นจิตวิทยาให้เขมรรู้ว่า เราพร้อมที่จะรบจริงๆ แต่ที่น่ากลัวที่ไม่ควรรายงานหรือออกข่าวก็คือ พิกัด หรือตำแหน่งมากกว่าครับ
เมื่อวันที่
16/10/2008 04:32:11 มีเจ้าหน้าที่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นทหารหรือตชด.ที่ปลอมตัวเป็นคนไข้แล้วพาหมอกับพยาบาล และคนป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองได้ออกมา ไอ้พวกนักข่าวโทรทัศน์มันไปสัมภาษร์พวกหมอว่าหนีได้ยังไง พอรู้เท่านั้นมันเอากล้อง+ไมค์ส่องหน้าเจ้าหน้าที่คนนั้น เป็นอันจบไม่สามารถเข้าไปช่วยใครได้อีกก็
เพราะไอ้พวกนักข่าวเฮงซวยที่ไม่รู้จักว่า อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ การกระทำของไอ้พวกนี้มันเป็นการขัดขวาง การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จริงๆเลย ไม่รู้ว่าสถาบันที่สอนมันมาไม่ได้สอนเรื่องจรรยาบรรณ กับจริยาธรรมของนักข่าวมามั่งหรือปล่าว หรือสอนแต่การจะทำข่าวให้ได้รางวัลกับการเสี้ยมให้คนเค้าทะเลาะกัน