วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551 |
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเหนิด โฆษกกองทัพบก แถลงหลังการประชุมผบ.เหล่าทัพ กรณีสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ออกมายื่นคำขาดให้ทหารไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่ลาดตระเวนใกล้ปราสาทพระวิหาร ว่า กองทัพมีมติไม่ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่พิพาท และพร้อมเผชิญหน้ากับกองทัพของกัมพูชา หากถูกรุกรานพื้นที่ก่อน
วันนี้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ( ผบ.ทบ. ) ได้เชิญผู้บัญชาการเหล่าทัพต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมหารือ ณ กองบัญชาการกองทัพบก ประกอบด้วย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เพื่อหารือเรื่องดังกล่าว
ด้าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ยืนยันทหารไทยไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชา และจะไม่ให้ฝ่ายใดรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ แต่ก็จะไม่เป็นฝ่ายเปิดฉากใช้กำลังโจมตีใครก่อน ตนรู้สึกตกใจต่อท่าทีของนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวทหารไทยได้เข้าไปดูแลเป็นเวลา 20-30 ปีแล้ว แม้ตัวปราสาทเขาพระวิหารจะเป็นของกัมพูชา แต่พื้นที่โดยรอบยังเป็นดินแดนของไทย และกระทรวงการต่างประเทศได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะทูตานุทูตที่ประจำประเทศไทย และสหประชาชาติแล้ว
พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ปัญหาชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ยังไม่มีปัญหาอะไรรุนแรง ยังคงมีความสัมพันธ์อันดีตามแนวนโยบาย โดยเฉพาะในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 ในกองกำลังบูรพา ที่ดูแลเขตจังหวัดสระแก้ว ซึ่งหากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ทหารก็มีความพร้อมเตรียมการเรื่องของกองกำลังไว้ป้องกันอยู่แล้ว
นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า รู้สึกประหลาดใจกับถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพราะขัดต่อท่าทีกับการแก้ไขปัญหา ในดับทวิภาคี โดยใช้แนวทางสันติ ซึ่งมีการระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ หากฝ่ายกัมพูชาใช้กำลังในการแก้ปัญหาตามที่ได้มีการยื่นคำขาดไว้ ฝ่ายไทยก็จำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติเพื่อปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย
สมเด็จ ฮุนเซน ร้ายจริงๆ ไปประกาศต่อชาวโลกว่าเรายอมถอยทหาร หลักความเป็นจริงหน่วยเหนือยังไม่สั่งถอย ไม่มีทางที่ทหารในพื้นที่จะถอยออกมาเอง ไทยพร้อมรบเสมอครับหากโดนรุกราน
t54 ,Cambodia ,
sorry krup.
เขมรใช้นิสัยเดิมครับ อ่านประวัติศาสตร์ดูได้ พอในเมืองไทยยุ่งๆขึ้นมา ก็ฉวยโอกาส ราคาโม้ของเขาครับที่ยื่นคำขาดให้ไทยถอนทหาร ภายในเที่ยง ได้ข่าวว่ามีการขยับตัวทั้งสองฝ่ายให้ห่างกันมากกว่าเดิมอาจจะไม่กี่สิบก้าว แต่เพื่อนออกข่าวหน้าตาเฉยว่าเราถอนทหาร(ฝ่ายเดียว)เรียบร้อย เล่ห์เหลี่ยมไม่ธรรมดาครับ แต่ก็เป็นแค่โฆษณาชวนเชื่อสำหรับคนเขมรเอง แต่ถ้าเกิดมาแหยมกับทหารไทย เจอดีแน่นอน ปกติเป็นธรรมดาของทหารครับ ถ้าเขาเกิดรุกมาแล้วเราต้องตอบโต้ เราจะไม่หยุดตรงที่เดิมก่อนการปะทะแน่นอน อย่างน้อยๆคงต้องตีกลับไปให้ลึกสักหน่อย แล้วค่อยมาเจรจากันใหม่ ความจริงน่าจะให้เขาลองบุกเข้ามาขับไล่เราดูนะครับ จะได้รู้ว่าซ่าเกินไปจะได้อะไรเป็นรางวัล
ไอ้ที่ว่าเขาขีดเส้นตายเที่ยง เราประชุมตอนบ่ายนั้น ผบ.ทั้งหลายเขาประชุม วางแผน สั่งการกันไปก่อนหน้านั้นแล้วครับ ตอนบ่ายแค่ประชุมกับฝ่ายการเมืองเท่านั้น
จรวด ปากปลาหมอ.....
ภาพนี้แถม .... หากเห็นว่า ล่อแหลมต่อการเกิดความแตกแยก กรุณาลบครับ.
ฝ่ายไทยได้ตอบโต้การกล่าวอ้างของสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่า ทหารไทยได้เฝ้าเขตแดนแห่งนั้นมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว เนื่องจากเป็นดินแดนในเขตสันปันน้ำของไทยอันเป็นเขตแดนธรรมชาติ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ **ทหารไทยแค่ไปตรวจกับระเบิด** สำนักข่าวรอยเตอร์และสำนักข่าวอื่นๆ ยังได้อ้างคำแถลงของ แม่ทัพภาค 2 พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล กับ นายสมพงษ์ ที่ระบุว่าทหารไทยราว 80 นาย ถูกส่งเข้าไปในพื้นที่ชายแดนรวมทั้งในเขตพิพาทมากขึ้น เพื่อตรวจกับระเบิดหลังจากมีทหารไทยสองนายได้รับบาดเจ็บสาหัสสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตามสำนักข่าวรอยเตอร์ได้อ้างคำพูดของ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ ในวันอังคารว่า ทหารของทั้งสองฝ่ายได้ยอมถอยออกจากกัน ไปอยู่ห่างกันราว 100 เมตร แม่ทัพภาค 2 ยืนยันว่าทหารไม่ได้ถอนออกจากเขตแดนพิพาทตามที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวอ้าง และพร้อมจะตอบโต้ด้วยอาวุธถ้าหากเป็นฝ่ายถูกยิงก่อน "สถานการณ์ค่อนข้างจะตึงเครียดที่แนวหน้า" แม่ทัพภาคสองของไทยให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งในวันเดียวกัน และ ยังเปิดเผยด้วยว่าไทยได้เสริมทหารกับปืนใหญ่เข้าสู่ชายแดน แต่เพียงเพื่อป้องกันและตอบโต้ในกรณีที่ถูกยิงก่อนเท่านั้น ฝ่ายทหารของกัมพูชากล่าวในเช้าวันเดียวกันว่า ทหารไทยราว 80 นายที่ "ล้ำแดน" กัมพูชาได้ถอนออกไปทั้งหมด ทั้งยังอ้างว่าทหารเขมรได้เข้ายึดครองพื้นที่แทนทหารไทยแล้วและสถานการณ์ ทั่วไปกลับสู่ภาวะปกติ |
||||
เจ้าหน้าที่ของไทยอีกหลายนายกล่าวว่าฝ่ายไทยกำลังเร่งตรวจดูกับ ระเบิดที่ถูกวางเอาไว้ตามแนวชายแดนของสองประเทศ หลังจากทหารไทยสองนายได้รับบาดเจ็บสาหัสสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถ้าหากเป็นกับระเบิดที่ถูกลักลอบนำเข้าไปวางใหม่ก็เป็นเรื่องที่ผิด กฎหมายระหว่างประเทศ **ฮุนเซน ทำเสียบรรยากาศ** สื่อต่างประเทศยังได้อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยอีกหลาย คน รวมทั้งอ้างคำแถลงของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศที่ว่า ฝ่ายไทยต้องการแก้ไขปัญหาและข้อพิพาทกับกัมพูชาด้วยการเจรจา คำแถลงของนายธฤต จรุงวัฒน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่ออกในวันอังคาร ระบุในตอนหนึ่งว่า "ประเทศไทยรู้สึกประหลาดใจที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ยื่นคำขาดต่อประเทศไทย ให้ถอนกำลังทหารของไทยออกจากดินแดนที่ติดกับปราสาทพระวิหารและขู่จะใช้กำลัง หากไม่ดำเนินการ.. สิ่งนี้ถือว่าสวนทางกับการอยู่ร่วมกันฉันเพื่อนบ้านที่ดี และขัดต่อสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกัน นอกจากนี้ยังขัดกับแนวทางสากลในการแก้ปัญหาในระดับทวิภาคีโดยใช้แนวทางสันติ ซึ่งระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศไทยกล่าว **เป็นดินแดนในเขตสันปันน้ำ ** สื่อต่างชาติยังอ้างคำกล่าวของ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบกไทย ซึ่งเป็นบุคคลแรกที่ได้ออกตอบโต้คำขู่ของสมเด็จฯ ฮุนเซน ที่กล่าวหาว่าทหารไทยล้ำแดนกัมพูชา "จะเป็นการรุกรานได้อย่างไร" พ.อ.สรรเสริญ กล่าวโดยอธิบายว่าที่นั่นเป็นดินแดนพิพาทที่ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวอ้างสิทธิ์ ภาพและข่าวเกี่ยวกับกรณีล่าสุดระหว่างไทยกับกัมพูชาถูกนำไปตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์หลายฉบับ ทั้งในออสเตรเลีย อังกฤษและสหรัฐฯ รวมทั้งสื่อออนไลน์ทั่วโลก สำนักข่าวต่างประเทศต่างก็รายงานว่า สถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาเริ่มทวีความตึงเครียดขึ้นในเดือน ก.ค. หลังจากกัมพูชานำเอาปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนส โกแต่เพียงฝ่ายเดียว |
||||
แต่กัมพูชาระบุว่าพื้นที่บนสันเขาหลังสันปันน้ำเกือบทั้งหมดถูกผนวก เอาไว้ในแผนที่ที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้นเมื่อกว่า 100 ปีก่อน และเป็นดินแดนของกัมพูชา **เส้นตาย เป็นเพียงมุขฝืดๆ** รมว.ต่างประเทศของไทยไปเยือนกัมพูชาในวันจันทร์ (13 ต.ค.) ที่ผ่านมา ได้พบหารือข้อราชการกับนายฮอร์นัมฮอง และเข้าเยี่ยมคำนับสมเด็จฯ ฮุนเซน ซึ่งผู้นำกัมพูชาได้ยื่น คำขาด ให้ไทยต้อง ถอนทหาร ออกจากดินแดนกัมพูชา ในวันนี้พรุ่งนี้ ต่อมาได้มีการเปิดเผยว่า เส้นตาย ที่ผู้นำกัมพูชากำหนดนั้นคือ เวลาเที่ยงวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความสับสนไปทั่ว ที่ผ่านมาผู้ที่ออกให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสิ่งที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวอ้าง ว่า ฝ่ายไทยได้ถอนทหารนั้น มีเพียงนายทหารไม่กี่คน โดยที่โฆษกคณะรัฐมนตรีอย่างนายฟายสีฟาน (Phay Si Phan) หรือ รัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าวคือ นายเขียวกัญฤทธ์ ที่เคยมีบทบาทอย่างสูงในการแถลงข่าวมาตลอด คราวนี้ไม่มีไม่มีส่วนร่วมใดๆ ข่าวของสำนักข่าวต่างๆ และ ข่าวที่ตีพิมพ์ผ่านเว็บไซต์หลายแห่งในวันพุธ (15 ต.ค.) นี้ พาดหัวข่าวเป็นทำนองว่า "กัมพูชาประกาศไทยถอนทหาร แต่ฝ่ายไทยปฏิเสธ". |