เข้าทางไทยครับ เมื่อใดก็ตามที่ฝั่งกัมพูชาเปิดฉากระดมยิง จะทำให้นานาประเทศถือหางเราทันที ในเวลา 24 ชม. เราก็เตรียมทูตนานาประเทศมาดูฉากสู้รบด้วย เพื่อเป็นสักขีพยานว่า เขมรบุกโจมตีเราก่อน ...จากนั้นเชิญท่านทูตกลับบ้าน
ส่วนไทยก็โซ้ยให้หนัก ยึดพื้นที่ลึกเข้าไปฝั่งกัมพูชาอีกสัก 5-10กิโล ยกเว้นเขาพระวิหาร พอเรื่องพิพาทชายแดนให้เราหยิบยกดินแดน5-10กิโลมาต่อรองก่อน ดึงเรื่องให้นานเข้าไว้ อย่าให้เขมรมาหยิบยกเรื่องดินแดนปัจจุบันมาต่อรอง ถ้าทำจริงปลุกท่านทูตได้แล้วครับ
ปล..ความเห็นส่วนตัวเด้อ
ปัญหาก็คือ พื้นที่ทับซ้อน ที่เป็นกรณีพิพาทเราจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเป็นของไทย ปัญหาไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราถกกับเขมรอย่างไร ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าเราถกปัญหาชายแดนให้ประเทศที่3เข้าใจอย่างไรต่างหาก ??
หากเราพิสูจน์ให้ประเทศที่3ทราบแน่ชัดแล้วว่า พื้นที่ทับซ้อนที่เกิดการสู้รบอยู่ในพื้นที่เราจริง ก็ซัดให้หนักๆ ผมชอบสงคราม ชอบเห็นรถถัง ชอบดูเครื่องบิน ปฎิเสธไม่ได้ว่าผมชอบเทคโนโลยีทางทหาร แต่ผมไม่ชอบการสูญเสีย ....หากเกิดสงครามขอให้เกิดกับประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศไทยเถิด
ดูข่าวเหมือนกันครับเมื่อคืน .. โดยส่วนตัวคิดว่า ฮุนเซ็น กำลังเดินกลยุทธ ขอความเห็นใจจากชาวโลกเหมือน(เดิมครับ) โดยที่ผ่านมาเค้าก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้โลกมองว่า ไทย รังแก เขมร เพราะเมื่อคืนเค้าประกาศให้โลกรู้ว่า พื้นที่ ๆ ไทยบอกว่าทับซ้อนนั้น เป็นพื้นที่ของ เขมร และไทยต้องถอนทหารออกใน 24 Hr... ใครในโลกได้ฟังทีแรก ก็ต้องมีคำถามว่าชัดเจนว่า อ้าว ไทยส่งทหารเข้าไปในประเทศเขมรทำไม รุกราณนี่หว่า....ซึ่งเกมส์นี้ เขมร ถนัดและใช้หมากนี้อยู่อย่างต่อเนื่อง
......แต่ลึก ๆ ก็เชื่อนะครับว่า เขมร ไม่กล้ายิงกับเราในลักษณะ สงครามเต็มรูปแบบ หรอกครับ อาจมีบ้าง ยิงกันประปราย เพื่อให้มีข่าวออกไป จะได้ไม่ตกกระแสในระดับสากล อย่างที่เค้าต้องการ..
...... ซึ่ง ณ.วันนี้ก็คาดว่า ท่านเสธ ของกองทัพ เราก็คงจะอ่านเกมส์ ของเขมร ออกเหมือนกัน ... ก็กำลังนั่งดูอยู่ว่า กองทัพ และ กระทรวงการต่างประเทศ ของเราจะแก้เกมส์อย่างไร.....
ปล... ถ้าเราทะลึ่งถอนทหารใน 24 Hr อย่างที่เค้าขู่ล่ะก็ ......... No cmment ครับ
รมต.ต่างประเทศไทยบอกไว้ชัดเจนแล้วครับว่าไม่ถอน ........ ข้อสังเกตุที่น่าสนใจคือ ท่าทีของฝ่ายไทยและกัมพูชาหลังการประชุมต่างกันมาก คือรมต.ต่างประเทศไทยออกมาบอกว่าจะตั้งคณะกรรมการ JBC ขึ้นเจรจาทันทีและแม่ทัพภาคที่สองออกมาพูดว่าสถานการณ์ไม่มีอะไรแล้ว แต่กัมพูชากลับขีดเส้นตายและขู่ว่าอาจจะเกิดสงคราม ค่อนข้างแปลกใจทีเดียวที่ฮุนเซนออกมาเดินเกมส์ในทำนองนี้ .... ยอมรับตรง ๆ ว่ายังไม่แน่ใจมากนักว่าฮุนเซนต้องการอะไรจากการเล่นครั้งนี้
ผมเขียน Blog นี้เอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ขออนุญาตนำมาลงนะครับ ..... ตอนนี้คงมาหาทุกท่านที่ TFC บ่อย ๆ ครับหลังจากพักการเล่นที่อื่นไปแล้ว ^ ^
จับตาการขีดเส้นตายต่อไทยของกัมพูชา
ข่าวด่วน ๆ ตอนนี้ที่เพิ่งออกมา ซึ่งอ่านแล้วดูแล้วน่าตกอกตกใจเหมือนกันครับ เพราะสมเด็จฮุนเซนนายกรัฐมนตรีกัมพูชาออกมาขีดเส้นตายให้ไทยถอนทหารพ้นพื้นที่พิพาทภายในวันที่ 14 ต.ค. นี้ และกล่าวว่ากัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ทหารเหล่านั้นเข้ามาครอบครองดินแดนของกัมพูชา ส่วนโฆษกกองทัพบกของไทยปฏิเสธรายงานที่ว่า ทหารไทยล่วงละเมิดพรมแดนดังกล่าว
ผมยังยืนยันคำเดิมนะครับว่า ..... จุดมุ่งหมายสูงสุดของกัมพูชา คือการครอบครองแห่งน้ำมันดิบในพื้นที่ทับซ้อน "แต่เพียงผู้เดียวโดยชอบธรรม" .... ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้ "จำเป็นจำต้องเปลี่ยนเส้นเขตแดนบนพื้นดิน" เพื่อให้การลาดเส้นเขตแดนในอ่าวไทยผิดเพี้ยนไป ซึ่งการอ้างสิทธิ์เหนือปราสาทต่าง ๆ นั้นง่ายที่สุด "เพราะกัมพูชาสามารถปลุกระดมได้ง่ายว่าปราสาทเหล่านั้นคือศิลปะกัมพูชาและควรจะเป็นของกัมพูชา"
ผมยอมรับว่าเรื่องนี้ผิดความคาดหมายไปบ้าง เพราะตอนแรกผมคาดว่าการแถลงข่าวจากการประชุมจะเป็นในแนวทางคล้ายกับที่นายฮอง นัม ฮงและนายเตช บุญนาคเคยแถลงร่วมกันว่าทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันในการปรับลดกำลังและปักปันเขตแดนโดยเร็ว .... แต่จากการให้สัมภาษณ์สื่อ นายกรัฐมนตรีฮุนเซนกลับมีท่าทีแข็งกร้าวผิดปกติ .... ผิดปกติจนน่าสงสัยครับ
ผมคิดว่ามีอยู่สองสามประเด็นที่ทำให้ฮุนเซ็นออกมาพูดเช่นนี้
1. ฮุนเซนฉวยโอกาสจากความวุ่นวายทางการเมืองของไทยเพื่อเข้ายึดครองพื้นที่ทับซ้อนในเขาพระวิหารทั้งหมด เพราะฮุนเซนคาดว่าไทยคงจะวุ่นวายจนไม่สามารถมาจัดการปัญหาพื้นที่ทับซ้อนได้
2. ฮุนเซนคิดว่าตนเองได้เดินเกมส์มาพอสมควรแล้ว โดยการพยายามสร้างความชอบธรรมต่อนานาชาติว่าไทยรุกรานกัมพูชา
3. ฮุนเซนอาจจะคิดว่าตอนนี้คือเวลาเหมาะที่จะทำให้เกิดสงครามจนสามารถดึงสหประชาชาติเข้ามาแทรกแทรงและยืมมือสหประชาชาติยึดพื้นที่ทับซ้อนเหล่านั้นได้
ดังนั้นอย่าเพิ่งตกใจครับ .... การที่ฮุนเซนให้สัมภาษณ์อย่างรุนแรงแต่ละครั้ง ด้านหนึ่งล้วนเป็นสไตล์ของการเมืองกัมพูชา แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องการเล่นเกมส์จิตวิทยากับคนไทย
ในเมื่อเขารุกมาอย่างนี้ ทางแก้ปัญหาเรามีนะครับ .... ซึ่งแม้ผมยังประเมินว่ากัมพูชายังไม่กล้าที่จะเปิดสงครามกับไทย แต่เพื่อสร้างความชอบธรรมและป้องกันสงครามให้ถึงที่สุด ไทยควรจะปฏิบัติดังนี้
1. ปรับท่าทีในเจรจาการปรับลดกำลังทหารในพื้นที่พิพาททั้งหมด เพราะการดำรงค์อยู่ของทหารไทยคือการแสดงถึงการอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือดินแดนนั้น
2. กองทัพต้องเตรียมพร้อมทันที แผนการอพยพคนไทยออกจากกัมพูชาจะต้องถูกเตรียมการเพื่อที่จะสามารถดำเนินแผนได้ทันที และการจัดวางกำลังในการที่จะสนับสนุนกองกำลังของไทยได้ทุกเวลาถ้าเกิดการสู้รบขึ้น ทั้งนี้ตรงนี้เชื่อว่าทางรัฐบาลและกองทัพมีระดับการเตรียมพร้อม (DEFCON) ไว้อยู่แล้ว
3. การ Show of Force หรือการแสดงแสนนายุภาพทางทหาร .... ซึ่งห้ามทำแบบโจ่งแจ้งออกสื่อเด็ดขาด เพราะกัมพูชาจะสามารถเอาไปอ้างได้ว่าไทยเตรียมรุกราน แต่เราต้องทำอย่างเงียบ ๆ ให้กองทัพและรัฐบาลกัมพูชารู้ว่าเขาแย่แน่ถ้าเกิดสงคราม กองทัพมีวิธีการอยู่แล้ว คงไม่ต้องพูดอะไรมากครับ
4. ทางด้านการฑูต ไทยควรดำเนินการทางการฑูตทันที โดยออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนที่จะคลี่คลายปัญหานี้ด้วยสันติเหมือนที่ยืนยันเสมอมา นี่ก็จะเป็นเงื่อนปมหนึ่งที่จะช่วยเราให้พ้นจากการแทรกแทรงจากต่างชาติได้ถ้ามีสงครามเพราะเราแสดงท่าทีมาตลอดว่าเราต้องการการเจรจาแบบทวีภาคีเท่านั้น (ผมถึงย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้เรายึดสันติเป็นที่ตั้ง เพราะมันจะเป็นประโยชน์ในอนาคต)
5. ไทยควรส่งหนังสือแสดงจุดยืนของเราไปหาพันธมิตรที่ช่วยเหลือเราเมื่อครั้งเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ทั้งสหรัฐและจีน รวมถึงชาติสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคง และสมาชิกอาเซียนอีก 8 ประเทศ เพราะชาติเหล่านั้นส่วนใหญ่แสดงจุดยืนไปแล้วว่าต้องการเห็นการเจรจาแบบทวีภาคีมากกว่าการนำเรื่องนี้ไปสู่เวทีนานาชาติ นอกจากนั้นต้องย้ำถึงความตั้งใจและขอการสนับสนุนในเวทีนานาชาติเมื่อเราต้องการ
6. ไทยต้องมองหาลู่ในการจ้างทนายเพื่อเตรียมการต่อสู้ทางกฏหมายที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งนี้แม้ว่าผมจะย้ำว่าไม่มีใครสามารถลากคอเราขึ้นศาลโลกได้ถ้าเราไม่ยินยอม เพราะการพิจารณาคดีในศาลโลกนั้นคู่กรณีต้องยอมให้นำเรื่องขึ้นสู่ศาลโลกทั้งคู่ ถ้ากัมพูชาฟ้องศาลโลก แต่เราไม่ยอมให้ศาลโลกตัดสิน ศาลโลกก็ไม่สามารถดำเนินคดีได้ .... แต่ที่บอกให้เตรียมไว้ คือการเตรียมในกรณีที่อาจจะมีแรงกดดันให้ไทยและกัมพูชาให้สิทธิตีความคำตัดสินของศาลโลกที่ยกเขาพระวิหารให้กัมพูชาเมื่อกว่า 50 ปีก่อนว่า พื้นที่พิพาทโดยรอบเป็นของประเทศไทยหรือกัมพูชา (เพราะในคำตัดสินในเวลานั้นไม่ได้ระบุ) ซึ่งกรณีนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นได้มากกว่า .... แต่ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นไทยต้องดำเนินการทุกวิถีทางที่จะไม่ให้ข้อขัดแย้งใด ๆ ต้องขึ้นสู่ศาลโลก
7. เจ้าหน้าที่ของไทยและของกัมพูชาต้องสื่อสารกันทันที อาจจะอยู่ในรูปของการคุยโทรศัพท์เพิ่มเติม ไปจนถึงการเรียกฑูตกัมพูชามารับทราบจุดยืนของไทย เพื่อป้องกันสงครามซึ่งผมยังยืนยันว่าเราจะได้เปรียบมากกว่าถ้าไม่มีสงคราม
8. สุดท้าย ไม่ว่าอย่างไร ห้ามมีการปฏิวัติรัฐประหารเด็ดขาด มิฉะนั้นทุกอย่างจะยุ่งยากเป็นอย่างมาก
ขอให้ทุกท่านทำใจเย็น ๆ และทำใจร่ม ๆ ก่อนครับ ผมยังเชื่อว่าไม่น่าจะมีสงคราม รอดูสถานการณ์พรุ่งนี้และวันถัดไป เราจะเห็นภาพต่อของเกมส์นี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ
เขมรกร้าวขีดเส้นตายไทย ถอนทหารพ้นพท.พิพาท [13 ต.ค. 51 - 21:00]
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานวันนี้ (13 ต.ค.) ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซนของกัมพูชาขีดเส้นตายให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่ที่กำลังเป็นกรณีพิพาทภายใน 24 ชั่วโมง โดยนายกรัฐมนตรีฮุน เซนแถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการพบปะกับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่กรุงพนมเปญว่า ทหารไทยจะต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่ของกัมพูชาภายในวันพรุ่งนี้ (14 ต.ค.) เป็นอย่างช้า และว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ทหารเหล่านั้นเข้ามาครอบครองดินแดนของกัมพูชา
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่า ทหารไทย 84 นายเข้ามาตั้งค่ายในดินแดนของกัมพูชาห่างจากกองกำลังของกัมพูชาเพียง 30 เมตร ด้านพลเอกเนียง พาด รัฐมนตรีช่วยกลาโหมกัมพูชา กล่าวว่า กัมพูชาได้ส่งทหารไปประจำการที่บริเวณพรมแดน ซึ่งมีทหารไทย 500 นายล่วงล้ำเข้ามา อย่างไรก็ตาม โฆษกกองทัพบกของไทยปฏิเสธรายงานที่ว่า ทหารไทยล่วงละเมิดพรมแดนดังกล่าว
http://www.thairath.co.th/onlineheadnews.html?id=107567
มทภ.2 ย้ำชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่มีปัญหาแล้ว [13 ต.ค. 51 - 19:10]
วันนี้ (13 ต.ค.) พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า หลังมีเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด ความสัมพันธ์ทหารทั้งสองฝ่ายดีขึ้นและคืนสู่ปกติแล้ว มีการพูดคุยเข้าใจกันดี มั่นใจว่าไม่มีปัญหาแล้ว ที่ผ่านมา ทั้ง 2 ประเทศ เจรจาพูดคุยกันตลอด ผลการเจรจาเป็นไปในแนวทางที่ดี ทั้งสองฝ่ายเตรียมปรับลดกำลังทหาร ตามที่ได้ตกลงกันไว้ จากก่อนหน้านี้ปรับลดกำลังไปแล้วบางส่วน
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทหารไทยทุกนายมีขวัญกำลังใจดี ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยอย่างเต็มที่ สำหรับสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ยังมีปัญหาวุ่นวาย ขอให้ประชาชนร่วมมือกันทำให้ประเทศชาติอยู่ในความสงบเรียบร้อย เพื่อคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=107556
กัมพูชาเตือนไทยถอนกำลังพ้นชายแดน
วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551 20:36
รมว.ตปท.กัมพูชาเตือนไทยไม่ยอมถอนทหารจากชายแดนอาจจุดชนวนความขัดแย้ง
นายนอร์ นัมฮอง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาเตือนว่า อาจเกิดความขัดแย้งด้านการทหารหากไทยไม่ยอมถอนทหารออกจากพื้นที่ที่มีความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาโดยด่วน
นายนัมฮองกล่าวกับผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวเกียวโดว่า ในระหว่างการประชุมร่วมกับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ต่างประเทศของไทยที่กรุงพนมเปญ เขาก็ได้รับการยืนยันว่ากองกำลังทหารของไทยยังคงประจำการอยู่ในเขตแดนกัมพูชา สถานการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางการทหารระหว่างสองประเทศ ตราบใดที่ไทยยังไม่ถอนทหารออกจากชายแดนกัมพูชา
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหนึ่งของกัมพูชากล่าวกับเกียวโดว่า กองกำลังทหารของไทย 80-100 นายตั้งฐานอยู่ในพื้นที่ของกัมพูชาประมาณ 1 กิโลเมตร
http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=12045
"สมพงษ์"ถกปัญหาชายแดนกัมพูชายันไม่ถอนทหาร
22:00 น.
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกฯและรว.กระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์ภายหลัง การเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการเพื่อแนะนำตัวในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ โดยได้มีการหารือ กับนายฮงนัมฮง รองนายกนและรมว.ต่างประเทศกัมพูชา เกี่ยวกับปัญหาข้อพิพาท ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งทั้งสองประเทศมีความเป็นห่วงเรื่องนี้
โดยไทยขอความร่วมมือกับกัมพูชาซึ่งจะแก้ปัญหาแบบทวิภาคี อย่างเช่นที่มีมาและคาดว่า จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ในเร็ว ๆ นี้
ส่วนข่าวที่กัมพูชาต้องการให้ถอนทหารไทยออกจากพื้นที่บริเวณวัดแก้วสิขาคีรีสวาลานั้นนายสมพงษ์ กล่าวว่า ไทยเห็นว่าการถอนทหารต้องคำนึกว่าทหารไปไทยเองก็ลาดตะเวนในพื้นที่นาน 20-30 ปี ขณะที่กัมพูชามีความเห็นว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นของกัมพูชาเช่นกัน
ถามว่า มีรายงารนว่ารมต.ต่างประเทศกัมพูชาให้สัมภาษณ์ว่าขอให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าวให้เร็วที่สุดในคืนนี้หรือเช้าพรุ่งนี้มิฉะนั้นจะกลายเป็นพื้นที่นองเลือดได้ นายสมพงษ์กล่าวว่า ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน การหารือทั้งหมด จะนำไปรายงานนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯและรมว.กลาโหมในคืนนี้
ส่วนทีมีข่าวว่าหากไทยและกัมพูชาหาทางออกไม่ได้กัมพูชาจะนำเรื่องไปสู่ศาลโลกนายสมพงษ์กล่าวว่า เราคงไม่สามารถทัดทานได้ แต่ตนวิตกกังวลและต้องใช้ความอดทนในการเจรจา โดยไม่อยากให้เกิดการปะทะระหว่างกันเกิดขึ้นก็ยังเชื่อว่าพื้นที่ส่วนนั้นยังเป็นของไทยและต้องใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาถอนทหารออกจากดินแดนของเรา ซึ่งตรงนี้จะหมายความว่าอะไร
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=344114
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=13-10-2008&group=2&gblog=101
ผมแนะนำให้ทุก ๆ ท่านลองอ่านพนมเปญโพสบ่อย ๆ นะครับ จากข่าวที่ออก จากสำนวนที่ใช้ ล้วนสื่อถึงท่าทีของรัฐบาลกัมพูชาทั้งสิ้น (เช่น Bangkok post มักจะบอกว่าเกิด Standoff ระหว่างไทยและกัมพูชา แต่พนมเปญโพสมักใช้คำว่า hostility) ...... อ่านแล้วก็ใจเย็น ๆ นะครับ ท่องไว้ครับว่ามันก็แค่สื่อปลุกระดมล้างสมองของกัมพูชา
ปล. กลัวกระทู้จะร้อน ขอโพสรูปดับร้อนก่อนนะครับ ^ ^....... เอ หรือว่าจะร้อนขึ้น ^ ^
ผมชักเบื่อกับข่าวแนวนี้เข้าแล้ว
เอาไงครับ จะรบกับมันเลยไม๊
ทั้งที่ผมไม่ค่อยชอบการบริหารงานของ อดีตนายกชวน หลีกภัย แต่เรื่องนโยบายต่างประเทศนี่ผมยกนิ้วให้ ดูเรื่องที่ทหารพรานไทยตายที่ชายแดนด้านตะวันตก ท่านเซ็นคำสั่งเอาพื้นที่คืนทันที พม่าเจอศึกกระหนาบสองข้าง ด้านตะวันออกเจอไทย ด้านตะวันตกเจอชนกลุ่มน้อย สุดท้ายต้องยอมกลับไป สมัยที่ท่าน พลโทรัตนพันธ์ ฉายเหมือนวงศ์ (ยศในสมัยนั้น) เป็นแม่ทัพภาค 3
แล้วหลังจากที่เปลี่ยนนายก ขนาดพระฉายาลักษณ์องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดนย่ำยีในตอนเผาสถานฑูตซะขนาดนั้น ไม่เห็นนายกสมัยนั้น ทำ...อะไรเลย (เติมคำในช่องว่างเอาเอง)
ผมสงสัยนะว่าจริงๆแล้วพวกเรายังรักและเคารพในราชบัลลังก์กันแค่ไหน
พอเถอะครับข่าวแบบนี้เลิกโพสที่นี่ซะที มันเหมือนว่าทหารไทย เป็นแค่ขี้ข้านักการเมืองไปซะหมดแล้ว
*** ถ้าเราใช้นโยบายแบบ อิสราเอล กับปัญหาเรื่องชายแดน เราจะได้รับการดูหมิ่นเหยีดหยามถึงขนาดนี้หรือไม่
เสริมอีกประเด็นครับ
โดยส่วนตัวเชื่อว่า มีผล มาจาก การลาออก ของท่านอดีต รองนายกฯ ท่านหนึ่งครับ
แต่จะเป็นรูปแบบไหนผมไม่ขอบอกแล้วกันครับ แต่คิดว่า มีผลมาจากประเด็นนี้แน่ ๆ (โดยส่วนตัวเชื่อแบบนั้น)
คราวนี้ ความรู้สึกผมว่า คงเกิดสงครามแน่...และน่าจะยืดเยื้อ...
แต่สงครามคราวนี้ อีกสัก 10 ปีข้างหน้า....ประวัติศาสตร์ อาจจะออกมาว่า สงครามคราวนี้ เกิดขึ้นมาเพราะอะไร...และอาจจะเพื่อประเทศไทย...ไม่ใช่เขมร ก็ได้ครับ....
ความคิดเห็นผม หากเขมรลั่นกระสุนนัดแรกก่อน คงได้รบกันแน่
ดูจากคำที่ ฮุนเซนพูด ทหารไทยระวังจรวดหลายลำกล้องไว้ด้วยน่ะครับ
ดูเหมือน เขาจะถล่มด้วยอาวุธยาวประเภทนี้แน่
ผมว่ามาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของสงครามสั่งสอนเขมร (ล้อเลียนจีนกับเวียดนาม) กันดีกว่า หากรบกันจริง
ข้อดี
1. ข้อสำคัญ คนไทยไม่ฆ่ากันเอง
2. ทำให้เกิดกระแสรักชาติขึ้น ทำให้เกิดความสามัคคี กันมากขึ้นปัญาการเมืองในบ้าน อาจจะไม่ร้อนแรงขนาดนี้
3. หากเรารบชนะ ปัญหาชายแดนด้านนี้จะไม่มีอีกนาน และบางทีเราอาจจะได้ พื้นที่ ทับซ้อนเลย เพราะผู้แพ้สงคราม ต้องจ่ายค่าปรับ (น้ำมันไม่ต้องแบ่ง)
4. ประเทศเพื่อนบ้านด้านอื่นๆ จะได้เกรงใจเราบ้าง
ข้อเสีย
1. สูญเสียชีวิตของพี่น้องเหล่าทหารหาญ
2. อาจจะเกิดสงครามยืดเยื้อ หากรบไม่ชนะโดนเร็ว เราจะมีปัญหามากขึ้น ทั้งปัญหาการเมือง ภาคใต้ และ นานาชาติจะเริ่มแทรกแซง
ประสบการณ์จากรบกับลาว เรารบจนกระสุนปืนใหญ่เกือบหมด เพราะเราไม่ขยายพื้นที่รบ กลัวนานาชาติแทรกแซง หากรบกับเขมร แล้วเรายังเป็นสุภาพบุรุษเหมือนเดิม เราจะสูญเสียชีวิตมาก เพราะ เขมรได้เปรียบเราตรง เขาอยู่พื้นที่สูงกว่าเรา และพื้นที่โดยรอบ เขาชำนาญกว่า
ในอดีต ปัญหาชายแดน เรารบไม่ได้ชนะเด็ดขาดสักครั้ง รบกันจนต้องเจรจาหยุดยิงกันทั้งสองฝ่ายไปเอง เช่น ช่องโอบก, ร่มเกล้า
อ๋อ ยกเว้นตรงที่ด้านตะวันตกเราเคยชนะขาด ถล่มจนทหารยศนายพันของเขาเสียชีวิตมาแล้ว เพราะพื้นที่แถวนั้นเป็นเขาหัวโล้น ต่างจากแนวรบด้านตะวันออก
หมายเหตุ จริงๆ ผมก็เป็นคนไทย คนหนึ่งที่ไม่ได้อยากให้เกิดสงครามหรอก ความสูญเสียมากกว่าอยู่แล้ว แต่บางครั้งศักดิ์ศรีของชาติเรา ต้องแสดงให้เขาเห็นบ้าง
เดี่ยวมาต่อครับ
มองไปมองมา ผมยังคิดว่าอาจจะยังไม่มีอะไร ....... ตอนนี้ยังไม่เห็นด้วยสงคราม เราต้องไม่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ..... แต่ถ้าเกิดการรบเมื่อไหร่ ต้องเต็มที่ครับ เอาให้เขมรเสียหายให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นบทเรียนราคาแพงให้แก่เขมร เหมือนกับครั้งที่แล้วเราลงโทษเขาทางเศรษฐกิจ ครั้งนี้ลงโทษทางทหาร อะไรประมาณนั้น
quote คำพูดคนอื่นมา .......... หนูว่าเขมรไม่กล้ารบกับไทยหรอกอะ หรือมองในแง่ประชดชีวิตรบกับเขมรก็อาจจะดีกว่าคนไทยรบกันเองอะ
10.25 ทั้งผู้บัญชาการทหารบกและนายกรัฐมนตรีเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องด่วนแล้วครับ ทั้งนี้ยังคงยืนยันว่าไทยจะยังคงไม่ถอนทหารออกจากพื้นที่ครับ
Anupong, PM call urgent meetings on border row
(BangkokPost.com) - The Commander-in-Chief of the Royal Thai Army, Gen Anupong Paochinda, on Tuesday morning held an urgent meeting with relevant army officials to discuss the deepening border row between Thailand and Cambodia. The meeting was held at the Royal Thai Army Headquarters.
Prime Minister and Defence Minister Somchai Wongsawat, meanwhile, called another urgent meeting with armed force commanders and officials from the Ministry of Foreign Affairs to assess the situation after Cambodia told Thailand to withdraw troops from the disputed border area before noon Tuesday.
On Monday, the Cambodian authority said a "large-scale" armed conflict may happen, if the Thai troops fail to be withdrawn from the border area near the ancient temple of Preah Vihear immediately.
In the meantime at Khao Phra Wihan (Preah Vihear) National Park, many Cambodian soldiers with full arms were dispatched near the temple and most of them were former troops of Khmer Rouge who were very familiar with the border surroundings and environment.
Thai armed forces consequently had tightened security around the national park.
However, the Commander of the Second Army Region, Lt-Gen Wiboonsak Neeparn, on Tuesday morning claimed that the situation at Preah Vihear had returned to normal, as troops from both sides engaged in more talks and shared a better understanding.
The Thai soldiers will do their best to protect the countrys sovereignty, Lt-Gen Wiboonsak added.
http://www.bangkokpost.com/breaking_news/breakingnews.php?id=131405
11.05 หลังจากการประชุมของฝ่ายทหารและฝ่ายการเมือง วันนี้เวลา 14.00 ทั้งสองฝ่ายจะประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดท่าทีครับ
นายกฯถกผบ.เหล่าทัพบ่ายนี้ เขมรยื่นคำขาดถอนทหาร [14 ต.ค. 51 - 10:36]
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าววันนี้ (14 ต.ค.) กรณีรัฐบาลกัมพูชายื่นคำขาดให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่ทับซ้อนภายในเที่ยงวันนี้ ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดในส่วนของรัฐบาลกัมพูชา แต่เท่าที่รับทราบจาก นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อคืนที่ผ่านมา ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร
"ส่วนของไทยได้เสนอไปว่า ไม่ขัดข้อง หากมีการถอนกำลังทั้งสองฝ่าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดบรรยากาศของการเผชิญหน้า แต่ในรายละเอียดคณะกรรมการทั้งสองฝ่ายต้องหารือร่วมกันอีกครั้ง" นายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า เวลา 14.00 น.วันเดียวกันนี้ จะเชิญผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้เกี่ยวข้องเข้าหารือ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหานี้ ขณะนี้เหตุการณ์ตามแนวชายแดนยังเป็นปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เรียกประชุมด่วนนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ที่กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=107644
ไทยบอกว่าถ้าถอนตั้งถอนด้วยกัน ไทยจะไม่ถอนอยู่ฝ่ายเดียว ไม่งั้นก็ไม่ต้องถอนเลย
ถือเป็นการพูดทางการฑูตที่ดีครับ
ถือเราน่าจะถือโอกาศทดสอบกล้องของ THEOS นะครับตอนนี้เหมือนจะโครจรเข้ามาที่ทางทวีบเอเชียแล้วพอดี พอดี บังเอิญๆ
ผมไม่อยากให้รบนะครับ ภาคใต้เองก็เป็นที่ที่ทำให้เราต้องสูญเสียบุคลากรดีๆไปตั้งเยอะแล้ว ไม่อยากให้ต้องมีการสูญเสียมากกว่านี้ แต่ผมก็งงว่ากัมพูชาเขามั่นใจอะไรนักหนาว่าสามารถรบกับเราได้ หรืออาจจะอยากทำให้นานาชาติมองว่าเราที่มีกำลังทางทหารเหนือกว่าไปรังแกเขา ถ้าจำไม่ผิด mig21ของเขาบินได้แค่2-3เครื่องเองนี่ครับ จรวดต่อสู้อากาศยานผมไม่ทราบแต่ปตอ.มีแน่ เขามั่นใจเหรอครับว่าถ้าเราส่ง JET ขึ้นเขาสามารถตอบโต้ได้
How ever ...Love you Thailand.........
ตอนนี้ที่จังหวัดลพบุรียังเงียบๆอยู่ครับ
ยังไม่เห็นการเคลื่อนย้ายกำลังทหารออกมาเลยครับ
แต่ทุกหน่วยน่าจะออกคำสั่งเตรียมพร้อมแล้ว
ยังไง รัฐบาลก็อย่าลืมแผนการอพยพคนไทย ที่ทำธุรกิจใน กัมพูชา ด้วยนะครับ...ถ้าเกิดมีสงครามกันจริง ศึกครั้งนี้ ไทย น่าจะรับศึกหลายด้านอยู่...รวมถึง เกาะกง เกาะกูด ที่อาจจะมีปัญหาตามมา...
แต่ถ้า สงคราม จำกัด อยู่เฉพาะในบริเวณ เขาพระวิหาร ก็น่าจะเป็นสงครามยืดเยื้อ ทางไทย เอง...ก็ไม่น่าจะทำสงครามถึงขั้นแตกหัก...เพราะเป็นสงครามในเรื่องข้อพิพาท เฉพาะพื้นที่...เพราะถ้าทำอะไร รุนแรง มากขนาดนั้น...มันจะบานปลาย ถึง คนไทย ในกัมพูชา และเป็นเรื่องสงครามระหว่างประเทศ...ซึ่ง จีน คงต้องเข้ามา บทบาท....เป็น แบ็ค ให้กับ กัมพูชา....และ ไทย ก็คงต้องเข้าสู่การเจรจา...ซึ่งถ้าผลสุดท้าย ลงเอย ด้วยการเจรจา...ก็ไม่ควรจะต้องให้มีการสูญเสียชีวิต ทหารไทย เกินความจำเป็น....
ใจเย็น ๆ ครับ ผมว่ายังไม่รบกันหรอกครับ สถานะการณ์ยังไม่สุกงอมขนาดนั้น ถ้าแค่ขู่หละพอได้
กว่าจะรบกันจริง ๆ คงต้องมีการปฏิบัติการทางลับกันเยอะกว่านี้ครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่า ตัวเลือกที่ว่าจะต้องรบกันมันไม่มีสิทธิเป็นไปได้นะครับ
ถ้าอ่านหนังสือแนววิเคราะห์การเมืองช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมาจะเริ่มเข้าใจ ตัวต่อนี้ดีครับ ว่ามันเกิดจากอะไร แล้วมันมีแนวโน้มว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
จับตาดูดี ๆ ครับ อย่าเพิ่งเชื่อนักวิเคราะห์จอตู้มากนักครับ เพราะข้อมูลลึก ๆ เขาน่าจะรู้น้อยกว่า พวกที่ทำงานตามสายครับ
ข่าวล่าสุดตอนนี้
เขมรระดมทหารหลายร้อยนาย ปืนใหญ่ อาวุธหนัก เข้ามาเสริมจำนวนมากแล้วครับ เตรียมยึดปราสาทตาควายของเรา
แม่ทัพภาค2 กล่าวว่า ถ้าเขมรบุกเข้ามา ทางฝ่ายไทยก็พร้อมจะตอบโต้อย่างหนักหน่วงทันที
จากช่อง3ครับ
quote คำพูดมาจากคนที่มาโพสใน Blog ครับ ....
ที่บ้านได้ยินแต่เสียงคอร์ปเตอร์บินว่อนอยู่
อยู่ห่างจากเขาวิหาร 80 กม.ค่ะ
สมาชิกท่านใดอยู่ในพื้นที่ช่วย update ข่าว+รูปให้ด้วยนะครับขอบคุณล่วงหน้า
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า การประชุมด่วนครั้งนี้ได้มีการหารือถึงแนวทางการอพยพประชาชนและการประสานความร่วมมือจากทุกฝ่ายรับเหตุฉุกเฉิน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1223901845&grpid=00&catid=01
ดันรู้ทันเสี่ยอีก ....... จะเอามั๊ย Taurus KEPD 350 อ่ะ ....... ถ้าจะเอาก็เงียบ ๆ ให้เสี่ยงาบค่าคอมเสียโดยดี วะฮ่ะฮ่า
ปล. รอดูสถานการณ์ครับผม
ผมว่าจะได้ลองใช้ดาวเทียมดวงใหม่ก็คราวนี้ละครับ ดูแล้วยิ่งไกล อิอิ
ถ้าเรามีจรวดแบบโทมาฮอร์คนะ....แจ่มเลย ยืนยันเหมือนเดิมครับ
ไม่ดูถูกใคร ไม่ข่มเหงใคร แต่ไม่ยอมให้ใครข่มเหง.....ระวังไว้ก็ดีนะครับ อย่าประมาท
เขาแหย่ให้เราตายใจถ้าเผลอแล้วเขาเข้ายึดชัยภูมิดีๆได้
แม้อาวุธจะเหนือกว่าก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความเสียหาย
ส่วนเรื่องป้องกันตัวก็ทำได้เพียงผลักดันออกไปจากดินแดนเรา
เราไม่สามารถบุกไปยึดดินแดนเขาได้ไม่งั้นฝ่ายที่ผิดจะเป็นเราเสียเอง
แต่อาจเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายได้ถ้าเขาเริ่มก่อน แหย่ได้แหย่ไปครับแต่อย่าหลงไป
เล่นตามเกมของเขา ถ้าเราเริ่มก่อนเราจะเข้าทางเขาแน่นอน
เตรียมพร้อมในที่ตั้ง เสริมกำลังในแดนเรา เช็กความพร้อมอาวุธ เบิกแก็สน้ำตามาไว้
ถ้าเขาเหยียบดินแดนเราก็เอาแก็สน้ำตายิงให้ขาขาดเลย อิอิอิ
วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551 |
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเหนิด โฆษกกองทัพบก แถลงหลังการประชุมผบ.เหล่าทัพ กรณีสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ออกมายื่นคำขาดให้ทหารไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่ลาดตระเวนใกล้ปราสาทพระวิหาร ว่า กองทัพมีมติไม่ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่พิพาท และพร้อมเผชิญหน้ากับกองทัพของกัมพูชา หากถูกรุกรานพื้นที่ก่อน
วันนี้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ( ผบ.ทบ. ) ได้เชิญผู้บัญชาการเหล่าทัพต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมหารือ ณ กองบัญชาการกองทัพบก ประกอบด้วย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เพื่อหารือเรื่องดังกล่าว
ด้าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ยืนยันทหารไทยไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชา และจะไม่ให้ฝ่ายใดรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ แต่ก็จะไม่เป็นฝ่ายเปิดฉากใช้กำลังโจมตีใครก่อน ตนรู้สึกตกใจต่อท่าทีของนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวทหารไทยได้เข้าไปดูแลเป็นเวลา 20-30 ปีแล้ว แม้ตัวปราสาทเขาพระวิหารจะเป็นของกัมพูชา แต่พื้นที่โดยรอบยังเป็นดินแดนของไทย และกระทรวงการต่างประเทศได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะทูตานุทูตที่ประจำประเทศไทย และสหประชาชาติแล้ว
พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ปัญหาชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ยังไม่มีปัญหาอะไรรุนแรง ยังคงมีความสัมพันธ์อันดีตามแนวนโยบาย โดยเฉพาะในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 ในกองกำลังบูรพา ที่ดูแลเขตจังหวัดสระแก้ว ซึ่งหากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ทหารก็มีความพร้อมเตรียมการเรื่องของกองกำลังไว้ป้องกันอยู่แล้ว
นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า รู้สึกประหลาดใจกับถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพราะขัดต่อท่าทีกับการแก้ไขปัญหา ในดับทวิภาคี โดยใช้แนวทางสันติ ซึ่งมีการระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ หากฝ่ายกัมพูชาใช้กำลังในการแก้ปัญหาตามที่ได้มีการยื่นคำขาดไว้ ฝ่ายไทยก็จำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติเพื่อปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย
สรุปในเบื้องต้น
- กองทัพไม่ถอนทหาร
- พร้อมรับมือหากัมพูชาโจมตี
- แต่จะไม่เปิดฉากเริ่มการสู้รบก่อน
- รัฐบาลยืนยันไม่ถอนทหาร ยืนยันว่าไทยลาดตระเวนมาแล้ว 30 ปี
- ส่งหนังสือชี้แจงฑูตประจำประเทศไทยและสหประชาชาติ
- กระทรวงต่างประเทศอ้างสิทธิของไทยในการป้องกันตนเอง
- ประหลาดใจกับท่าทีของกัมพูชา
โหย ........ อยากกอดผู้เกี่ยวข้องจริง ๆ
แหม เฮงจริง เราแทงหวยถูกหลายตัว เอิ๊ก ๆ ๆ ๆ
เขมรเกรียนหน้าหงายครับท่าน!!!!
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 51 นายธฤต จรุงวัฒน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา | ||
นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวต่อถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2551 ว่า ประเทศไทยรู้สึกประหลาดใจที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ยื่นคำขาดต่อประเทศไทยให้ถอนกำลังทหารของไทยออกจากดินแดนที่ติดกับปราสาทพระวิหารและขู่จะใช้กำลังหากไม่ดำเนินการ ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าสวนทางกับการอยู่ร่วมกันฉันเพื่อนบ้านที่ดี และขัดต่อสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกัน นอกจากนี้ ยังขัดกับแนวทางสากลในการแก้ปัญหาในระดับทวิภาคีโดยใช้แนวทางสันติ ซึ่งระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ |
---|
ท่านskyman หากมีการรบเกิดขึ้น เราจะบุกเข้าไปสั่งสอนถึงเมืองหลวง
ของกัมพูชาไหมเหมือนกรณี รัสเซียกับจอเจียร์ เอาเอฟ-16 ไปบอม
เมืองมันเลย
**สั่งสอนสักหน่อยก็ดีคงไม่กล้าแหย่เสืออย่างเราอีกนาน**
หลักการป้องกันตัวตามกฎบัตร ต้องกระทำโดยมีการเตือนก่อนและไม่เป็นการลุกรานครับ
ขับไล่ให้ออกไปได้แต่ไม่ใช่ไปบุกรุก
ผมจำหลักการได้ว่า ( กฎบัตรสหประชาชาติ ) มี3 ข้อ
1 ต้องถูกรุกรานก่อน
2 ต้องแจ้งเตือน
3 การป้องกันสมเหตุ และต้องรีบนำเรื่องเสนอสหประชาชาติ
(อาจจะไม่ตรงตัวบทเปะๆนะครับ เอาแต่หลักการมา...เรียนผ่านมานานแล้ว)
กรณีรัสเซียเป็นการนำทหารเข้าไปโดยอ้างหลักสิทธิมนุษยชนว่าจอร์เจียกำลังจะฆ่าชาว
เชื้อชาติรัสเซียที่อยู่ใน2เมืองนั้น (แต่เดิมเป็นโซเวียด) เหมือนตอนที่เวียดนามบุกเขมร
แล้วขับไล่พวกเขมรที่ฆ่าล้างเผาพันธ์ เวียดนามก็อ้างหลักสิทธิมนุษยชนเช่นกัน
กรณีไทยจึงทำได้แค่ขับไล่ โดยยึดแผนที่ของเราเป็นแนวเขตแดน
งงข่าวนี้
ทหารพรานบ่นไม่พอใจหน่วยเหนือสั่งถอนกำลัง
ความคืบหน้าจากกรณีที่นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ได้ออกมาขู่ว่า หากไทยไม่รีบถอนกำลังทหารออกจากบริเวณพรมแดนที่เป็นข้อพิพาทกันอยู่โดยด่วน กัมพูชาก็พร้อมแล้วที่จะเปิดฉากทำสงครามเต็มรูปแบบกับไทย
โดยข่าวล่าสุดตามที่พลจัตวา ยิม พิน ของกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่า ไทยยอมถอนทหารทั้งหมดออกจากพื้นที่พิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนเที่ยงตรงวันนี้แล้ว ซึ่งเป็นเส้นตายที่นายกรัฐมนตรีฮุนเซนขีดไว้ โดยถอยออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งช่วยให้สถานการณ์ลดความตึงเครียดลงนั้น
ส่วนความเคลื่อนไหวในพื้นที่ทหารพรานนายหนึ่งที่ประจำการอยู่บริเวรเขาพระวิหาร กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่าทำไมไทย ถึงได้อ่อนข้อให้เขมรขนาดนั้น ทั้งที่พวกตนมีความพร้อมที่จะปะทะกับเขมรเต็มร้อยอยู่แล้ว เพื่อให้เรื่องราวมันชัดเจนขึ้นสักที หลังจากที่ต้องอยู่แบบอึมครึมมาหลายเดือน เพราะถ้ายิ่งอยู่ไป ยิ่งจะทำให้ทหารเสียสุขภาพจิตมากขึ้น
ทหารพรานนายหนึ่งกล่าวอีกว่า ในเมื่อแผ่นดินนี้เป็นของเรา ทหารทุกนายก็พร้อมจะปกป้องอธิปไตยเหนือแผ่นดินนี้ไว้ แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไมผู้บังคับบัญชามีแต่สั่งถอนกำลังทหารออก ในขณะที่เขมรต่างเสริมกำลังขึ้นมา ทั้งที่ตอนแรก ๆ ก็ทำท่าจะเข้ายึดเอามาได้แล้ว มาวันนี้กลับจะถอนกำลังออกมา มันทำให้ทหารเสียกำลังใจ และเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก รบ ๆกันไปเลยจะได้จบ ๆ ทหารที่สมัครมาตรงนี้แล้วไม่มีใครกลัวตายหรอก
ที่มา : http://www.komchadluek.net/2008/10/14/x_main_a001_225957.php?news_id=225957
นอกเรื่องนิดมาดูลักษณะบุคลิกของท่านนาย ก. ของเรากับรัสเซีย (ปูติน)
ตัวเล็ก --- ทำตัวขรึม---เงียบ---จบจากสถาบันชั้นสูงภายในประเทศ
-----ทำตามสายการบังคับบัญชา ---และ...เด็ดขาดพอควร
ถ้าท่าน นาย ก.ของไทยปัจจุบันเป็นแบบนี้ผมว่า ประหารเงียบครับ
กับประเทศเพื่อนบ้าน
แหม่พลาดข่าวนี้ยังไงเนี่ย
ถอนทหารพรานออก ? สงสัยจะเตรียมทำสงครามเต็มรูปแบบ? หน่วยทหารพราน ให้ออกจากพื้นที่ไปทำภารกิจจรยุทธ์รึเปล่าหว่า
ตาโย บริจาคค่าคอมมอสชั่นไปซื้อMLRSมาสักกองพันเร็ว
เพลง เราสู้
บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
ถึงขู่ฆ่าล้างโคตรก็ไม่หวั่น จะสู้กันไม่หลบหนีหาย
สู้ตรงนี้สู้ที่นี่สู้จนตาย ถึงเป็นคนสุดท้ายก็ลองดู
บ้านเมืองเราเราต้องรักษา อยากทำลายเชิญมาเราสู้
เกียรติศักดิ์ของเราเราเชิดชู เราสู้ไม่ถอยจนก้าวเดียว
http://www.krunong.com/songnation/raosoo.html
ฟังเพลงนี้แล้วจะเข้าใจว่าทำไมเราจึงไม่ควรถอย
อยากให้คนไทยที่ตอนนี้ยังทะเลาะกันหยุดก่อนได้ไหม
หยุดทะเลาะกันกันก่อนไปช่วยกันทะเลาะกะฮุนเซน
ขอแสดงความนับถือตั้งแต่ผู้บัญชาเหล่าทัพ
ตลอดจนแม่ทัพภาคที่2และทหารที่รักษาการที่ตามชายแดน
เพลงนี้บ่งบอกว่าหน้ามที่เราชาวไทย
ต้องช่วยกันรักษาอธิปไตยของชาติ
ไว้จนเลือดหยดสุดท้าย
ถ้ารบกันจริงภาคพื้นดินเราอาจสูญเสียเยอะเพราะด้วยเรื่องการชำนาญการรบของเขมร ฉะนั้นไม่เราควรที่จะใช้ทัพบกอย่างเดียวต้องใช้ทัพอากาศครับ เพราะทหารบกไม่ได้มีหน้าทีตาย ถ้าส่งเครื่องบินไปบอมได้ก็ควรจะทำอย่างนั้น ยกตัวอย่าง การรบที่ร่มเกล้านะครับ ให้ไปยึดเนิน 1482 ดันให้ทหารปีนเขาขึ้นไปรบกับลาวผลก็คืนโดนระเบิดมือตายกันเป็นกองร้อย เพราะการวางแผนแบบโง่ ๆทหารหลายคนเลยต้องตาย แค่ยึดเนินเอาเครื่องบินไปทิ้งระเบิดสักพักแล้วก็เอาฮอขนคนไปลงบนเขาและก็ให้ฮอยิงสนับสนุน ก็แค่นั้นเองจบ แต่ไม่รู้วางแผนการณ์รบกันยังไง เล่นเอาทหารไปตายทั้งห้องแถว ไปกัน10บ้าน 10 คน ตาย 8 ที่เหลืออีก2 กลับมาก็แขนขาขาด ผมอยู่ในเหตุการณ์เลยเอามาเล่าให้ฟังได้ ไม่รู้วางแผนกันยังไงเอาน้ำมันไปดับไฟ ปีนเขาก็แย่อยู่แล้วเจอลาวยิงแล้วก็ขว้างระเบิดลงมาอีก วางแผนอย่างนี้สิครับทหารตายฟรี ผมเลยอยากจะแนะนำแผนการณ์ถ้าเกิดจะรบกับเขมรจริง ๆ งานนี้ต้องให้ทัพฟ้าเป็นพระเอก อย่างแรกที่ต้องทำถ้าเกิดรบกันขึ้นมาจริง ๆ แผนการณ์รบไม่เกิน 7 วันเราชนะแน่นอน
1.ให้ทหารบกเตรียมตัวตรึงกำลังระมัดระวังการยิงด้วยปืนใหญ่ของเขมรก่อน หลบอยู่ในบังเกอร์ซะทำบังเกอร์หลบปืนใหญ่ให้เรียบร้อยว่องไว
2.ยิงปืนใหญ่สนับสนุนกองกำลังทางบก ประมาณว่ายิงยันไว้ให้หมดหน้าไหนเข้ามา ส่วนทหารราบรถถังก็อยู่ในบังเกอร์รอป้องกันไม่ให้มันบุกทั้งแนวชายแดน
3. ดาวเทียมทหาร(ถ้ามีนะ ถ้าไม่มีก็เป็นเครื่องบินหาข่าว)ส่องหาฐานปืนใหญ่ของเขมรและดูระบบป้องกันทางอากาศของมันก่อนว่ามันตั้งอยู่ตรงไหนบ้างที่แน่ ๆ มันคงมีจรวดยิงเครื่องบินอยู่ไม่มากถ้ามีก็ต้องจัดการด้วยการทิ้งระเบิดฐานจรวดหรือไม่ก็ปืนให้ก่อน ใช้ลูกยาวลูกได้เปรียบของเราให้มาก ๆ
4.ให้F-16 ทิ้งระเบิดฐานปืนใหญ่ให้หมดมีเท่าไรต้องระเบิดให้หมดเพื่อทหารบกจะได้บุกได้โดยไม่โดนปืนใหญ่มันถล่มเอา ไม่ต้องกลัวใครว่าๆเรามีเครื่องบินแล้วไปรังแกเขมร เพราะมีแล้วก็ต้องใช้ไม่ใช้ทหารตายกันฟรี คนสั่งก็คิดถึงหัวอกคนเป็นแม่ด้วยลูกเค้าต้องตายก็ขอให้ตายเพราะว่าสู้อย่างเต็มที่ไม่ใช่ตายเพราะความโง่ความเขลาของคนบางคน รัสเซียยังส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดอย่างเดียวเลยที่มันรบกับจอร์เจีย อยู่นะครับโดนเครื่องบินถล่มไปก็ช้ำหมดแล้วส่งทหารราบเข้าไป อย่าโง่ส่งทหารราบเข้าไปก่อนละตายกันหมดเพราะทหารเขมรมันอาวุธหนักกว่าเรา หมู่นึงมีจรวดสังหาร 2-3 คน ครั้งก่อนที่ยิงกันเจอมันยิงจรวดไส่เจ็บกันไปหลายคน ของเรามี M79 ยิงไปไม่ได้ใครเลย
5.เมื่อปืนใหญ่มันหมดแล้วเราก็ให้รบพิเศษโดดล่มลงหาข่าวหลังแนวมาร์คพิกัดเตรียมไว้เพื่อปืนใหญ่จะได้ยิงได้เมื่อมีการส่งกำลังบำรุงเข้ามา
6.ส่งทหารราบเข้ายึดพื้นที่ทันทีทั้งใช้ปืนใหญ่สนับสนุนการบุกเพื่อทหารเราจะได้ไม่ต้องสูญเสียเยอะ เก็บคนไว้ประเทศไทยไม่ต้องเสียคน เสียแต่เงินค่าลูกปืนใหญ่กับระเบิดจะดีกว่า
รายงานข่าวล่าสุดของทางช่อง 3 มีการยิงเกิดขึ้นแล้วครับที่บริเวณจุดเดิมที่ทหารไทยปะทะกับทหารเขมรเมื่อครั้งก่อน ตอนนี้ทหารได้เพิ่มกำลังพล และสับเปลี่ยนกำลังอยู่ครับ กำลังดูความคืบหน้าต่อไปครับ
โดยข่าวได้บอกว่าเขมรเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อนครับ ยังไม่ทราบจำนวนผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตครับ
Re Mr lasvegas เราเป็นช้างครับไม่ได้เป็นเสือ ^^
ถ้ารบกันจริงภาคพื้นดินเราอาจสูญเสียเยอะเพราะด้วยเรื่องการชำนาญการรบของเขมร |
|
โดยคุณ :
skanongna ผมว่า เขมร เคยชนะ อะเป็นสงคราม กองโจร ที่มีการสนับสนุน จาก หลายประเทศ แล้ว ไม่อยากจะเรียกว่าชำนาญ เพราะ เป็นการรบแบบกองโจร จะไม่ยึดพื้นที่ , กองโจรมีจุดอ่อน เรื่อง การปฏิบัติ จำนวนมาก การประสานงาน มีผลมากในการรบ ในลํกษณะ นี ทหาร เขมรเหยีบกับระเบิด ตัวเองบ่อยมาก , ไม่ค่อยทำแผนการวางระเบิด ส่วน ใครเป็นใครตาย ตอนนี้ เขมร ตายไปที่ยืนยันได้มี ๓ คน แล้ว ไทยยังไม่มีการเสียชีวิตครับ |
ลองคิดดูแล้วนะครับ ถ้าเกิดรบกันจริงผมเราจะสูยเสียมิใช่น้อยเลย เหมือนกับที่บ้านร่มเกล้าแหละครับ(ผมเป็นเด็กผมเกิดไม่ทันแต่ก็ศึกษามาเยอะพอสมควร) ถ้าเราใช้ปืนใหญ่ถล่มก็อาจจะเจอเนินที่เป็นจุดอับกระสุนเช่นเนิน1428 ยิงเท่าไหร่ก็ไม่โดนเต็ม ๆ แถมให้ทหารปีนเขาขึ้นไปอีก ที่อยากจะบอกก็คืออยากให้เรามีSpectre Ac-130จังครับผมชอบมากเลยเครื่องนี้ ใช้ปืนใหญ่อากาศยิงถล่มจากบนฟ้าDeath from Above น่าจะเวิร์คกว่านะครับ อิอิอิ ละก็สมัยนี้ใครครองฟากฟ้าได้ก่อนจะได้เปรียบมากเลยครับ
แต่ว่า .... ถ้าเกิดในขณะที่รบกับเขมรอยู่แล้วเกิดพวกโจรใต้ลุกหือขึ้นมาอีกละครับ รับศึกหลายด้านเลยนะ เราจะสูยเสียเพิ่มขึ้นอีก ต้องใช้ทหารเท่าไหร่มันถึงจะพอครับ ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยจริง ๆ ไม่รู้ว่าบ้านเรามีสปายสัญชาติเขมรกี่ร้อยคนแล้วด้วย อิอิอิ
น่าจะให้ส่งรบพิเศษเราไปตบเกรียนฮุนเซ็น ถึงที่เลยนะครับ