เป็นบทความของพี่โต สรศักดิ์ สุบงกช เขียนลงมติชนวันนี้
ผมในฐานะแฟนคลับ ขอนำมาโพสให้เพื่อน ๆ อ่านกันครับ
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act03131051§ionid=0130&day=2008-10-13
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11174 มติชนรายวัน
M47 แก๊สขว้างปราบจลาจล
โดย สรศักดิ์ สุบงกช rhine_gold@hotmail.com
เมื่อไม่กี่วันนี้ใครก็ตามที่ติดตามข่าวการประท้วงหน้ารัฐสภา จะทราบว่าเกิดการปะทะขึ้นระหว่างกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกับตำรวจปราบจลาจล
ตามข่าวที่ขานรับเป็นเสียงเดียวกันและรายงานข่าวให้คิดไปในทางเดียวกัน ก็คือเจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้พยายามบุกรุกรัฐสภาจน "ขาขาด"
ต่อมายังมีการลำดับเหตุการณ์ด้วยภาพทำนองเปรียบเทียบ เป็นภาพมือตำรวจถือวัตถุกลมขนาดใหญ่กว่ามะกรูดเล็กน้อย ตามด้วยภาพหนึ่งในผู้ชุมนุมนั่งจมกองเลือดในสภาพขาขาด ถ้าไม่คิดให้ดีจะเข้าใจตามลำดับรูปได้ว่าเพราะเจ้าลูกกลมในมือตำรวจนั่นเองที่ทำให้ขาขาด
สิ่งนี้ทำให้ต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจตามการชี้นำ ว่าด้วยสภาพการณ์เช่นนี้ที่ต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง ตำรวจที่ไหนจะขว้างระเบิดลูกเกลี้ยงใส่ฝูงชน เพราะลำพังแก๊สน้ำตาเพียงอย่างเดียวคงไม่ทำให้ขาขาดดังภาพ มันต้องเป็นระเบิดสังหารที่ส่งสะเก็ดคมๆ กระจายด้วยแรงอัดตัดอวัยวะสำคัญ อยู่ใกล้มากก็แรงถึงตัดเข้ากระดูกทำให้อวัยวะส่วนนั้นขาด
ถ้าเช่นนั้นเจ้าลูกกลมๆ ในมือตำรวจในภาพ และอีกลูกที่ผู้ชุมนุมชูให้ดูหลังจากถูกใช้งานแล้วคืออะไร?
คําตอบก็คือแก๊สขว้างปราบจลาจลแบบ M47 ผลิตในสหรัฐอเมริกา อีกรูปแบบของการใช้แก๊สปราบปรามจลาจล ถูกจัดอยู่ในประเภทอาวุธเพื่อปราบปราม (Non-Lethal Weapon) เพื่อหยุดยั้งการกระทำหรือเปลี่ยนพฤติกรรมของฝูงชนในขณะนั้น มิใช่เพื่อสังหาร แต่จะทำให้คนถูกขว้างถึงกับขาดขาดได้หรือไม่คงต้องมาดูรายละเอียดการทำงานกัน
เริ่มต้นที่ส่วนประกอบของ M47 ประกอบด้วยเปลือกภายนอกสุดเป็นยางแข็งรูปครึ่งวงกลมสองชิ้นเชื่อมประกบกัน ภายในบรรจุสารซีเอส ไพโรเทคนิค (CS pyrotechnic) ลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ อัดแน่น เมื่อดึงสลักนิรภัยออกจะมีชนวนหน่วงเวลาแบบ M227 ที่จะถ่วงเวลาไว้ 2.5-3.5 วินาที ให้ผู้ใช้งานมีเวลาเงื้อและขว้างระหว่างนั้นจะได้ไม่โดนแก๊สเล่นงาน
เมื่อหมดเวลาที่หน่วงไว้ลูกแก๊สจะทำงานตามขั้นตอน คือ จุดระเบิด เผาสารซีเอสข้างในให้ไหม้ปล่อยลำแก๊สซีเอสแรงดันสูงออกมาทางช่องเล็กด้านบน แรงดันแก๊สนี้จะผลักดันให้ตัวระเบิดกลมๆ หมุนไร้ทิศทางทันทีที่ถึงพื้น ยากแก้การวิ่งไล่จับแล้วขว้างกลับสู่คนขว้างแต่แรก
เมื่อทำงานแล้วมันจะไหม้ควันคลุ้งอยู่นาน 5-25 วินาที ก่อนจะออกฤทธิ์ตามมาในอีก 15 วินาทีหลัง และจะคงอำนาจการทำให้ระคายเคืองไว้ตั้งแต่ 30 นาทีถึงอีกหลายชั่วโมง
การทำงานของแก๊สน้ำตาขว้างจึงไม่ใช่ระเบิดส่งสะเก็ด แต่ปล่อยแค่ควันลอยเป็นม่านหนา การทำเป็นลูกบอลก็เพื่อให้ขว้างเข้าที่หมายได้ง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม เช่น ปืนยิง มันใช้ง่ายไม่ต้องเล็ง ถูกเป้าหมายก็ไม่บาดเจ็บนอกจากฟกช้ำเล็กน้อยถ้าถูกส่วนโลหะของลูกแก๊ส แต่หลังจากกลไกทำงานแล้วจะไม่ระเบิดแค่ "พ่นแก๊สน้ำตา" ออกมาเท่านั้น
ส่วนตัวแก๊สที่ใช้ก็คือแก๊ส CS มีชื่อเต็มๆ ยาวเหยียดว่า ทู-คลอโรเบนซาลมาโลโนไนไตรล์ (2-chlorobenzalmalononitrile) เป็นแก๊สพื้นฐานในอาวุธเพื่อควบคุมฝูงชนทั่วไป และเป็นที่ยอมรับในวงการผู้รักษากฎหมายทั่วโลกว่าไม่ทำอันตรายถึงตาย (non-lethal)
เดิมถูกพัฒนาและทดสอบลับๆ ตั้งแต่ทศวรรษ 1950-1960 โดยบริษัทพอร์ตัน ดาวน์ในเมืองวิลท์ไชร์อังกฤษ ใช้ได้ดีกับคน แต่ไม่ค่อยได้ผลกับสัตว์ขนหนา เพราะรูน้ำตาเล็กและมีขนหนาป้องกัน
ใครที่สูดดมแก๊ส CS เข้าไปจะมีอาการอย่างเดียวกันเช่นกับชื่อของมัน คือ เคืองตาจนน้ำตาไหลพร่างพรูถ้าถูกตา เมื่อสูดเข้าปอดจะระคายเคืองถึงขนาดอาเจียน ไม่เคยมีรายงานการทดลองใดแม้แต่ในสัตว์ว่าแก๊สนี้ทำให้ขา แขน หรืออวัยวะอื่นใดขาด
หลังจากสัมผัสแก๊สนี้แล้วผู้ป่วยจะระคายเคืองต่อมาอีกครึ่งชั่วโมงถ้าอยู่ปลายลม แต่จะร้องไห้กันนานแถมอาเจียนอีกตั้งแต่หนึ่งถึงสี่ชั่วโมงถ้าอยู่ในตำบลระเบิดตก
จากภาพที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์และในเว็บไซต์ ระเบิดที่ยังไม่ได้ใช้ในมือตำรวจและซากของมันที่ไม่ได้เสียรูปร่างในมือผู้ชุมนุมคนหนึ่ง ทำให้เข้าใจได้ว่าน่าจะเป็นระเบิดแก๊สน้ำตา M47 ไม่ใช่ระเบิดสังหารแบบ "ลูกเกลี้ยง" ตามที่กลุ่มผู้ชุมนุมและสื่ออีกหลายสำนักพยายามชี้นำให้เข้าใจ
ดูแค่สียังแตกต่างกันชัดเจนแล้ว ระหว่างสีขาวหม่นๆ ของ M47 กับสีเขียวขี้ม้าของระเบิดสังหารบุคคลลูกเกลี้ยง M67 นั้น มันต่างกันแบบดูอย่างไรก็ไม่มีทางเหมือน ในทางการทหารและตำรวจนั้นเขาแบ่งประเภทการใช้งานของอาวุธยิงและขว้างไว้ชัดเจนอยู่แล้วด้วยสี ไม่เว้นแม้แต่ระเบิดขว้างสังหารหรือแก๊สน้ำตาขว้าง
แม้แต่ขนาดและน้ำหนักก็ยังต่างกัน ระเบิดสังหาร M67 นั้นหนักและใหญ่กว่า M47 มันต้องใหญ่กว่าเพราะต้องบรรจุเนื้อโลหะให้มากเพื่อแตกออกทำลายเป้าหมายเป็นวงกว้าง ต้องหนักกว่าเพื่อให้ขว้างได้ไกลไม่เป็นอันตรายต่อคนขว้าง มีสีเขียวคาดเหลืองหรือเขียวล้วนๆ ไว้ เพื่อบอกให้ทราบว่าใช้งานเพื่อทำลาย แตกต่างจากลูกซ้อมที่เป็นสีฟ้าเข้มทั้งลูก และยิ่งแตกต่างจากแก๊สขว้าง M47 ตรงสีที่ชัดเจน ระหว่างเขียวและขาวหม่น
ที่สำคัญคือเมื่อทำงานแล้วจะระเบิดออกเป็นสะเก็ดเล็กๆ พุ่งด้วยความเร็วสูงเจาะเข้าเป้าไม่สามารถเก็บมาถ่ายรูปได้เป็นลูกๆ ตามภาพข่าว เว้นแต่ระเบิดด้านที่จะยังคงสภาพเดิม แต่ในภาพต่างๆ กลับไม่พบภาพใดเลยว่าเป็น M67
ไม่มีภาพตำรวจหรือผู้ชุมนุมคนใดเลยที่ถือ M67
เราจะไม่พูดถึงว่าตำรวจได้กระทำอย่างถูกขั้นตอนของการปราบจลาจลและควบคุมฝูงชนหรือไม่ แต่อยากเน้นที่วิธีการเสนอข่าวของสื่อซึ่งไม่ได้ทำหน้าที่เสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา จะด้วยความหวังเพื่อเพิ่มยอดขายหรือด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะไม่รู้จักก็ตาม พอเห็นลูกกลมๆ เกลี้ยงๆ ก็ทึกทักเอาว่าเป็นระเบิดสังหารลูกเกลี้ยง โดยมองข้ามหลักเหตุไปว่าในสถานการณ์เช่นนี้
เจ้าหน้าที่ถูกจับตามองจากหลายฝ่ายเรื่องการใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว ย่อมต้องระวัง ไม่นำอาวุธสังหารมาใช้เพื่อควบคุมฝูงชนเด็ดขาด เพราะจะเป็นความรุนแรงเข้าทางฝ่ายที่ยั่วยุต้องการให้เกิดอยู่แล้ว
เว้นแต่ความรุนแรงนั้นจะเกิดเองในหมู่ผู้ประท้วง ซึ่งเป็นไปได้ตั้งแต่ขว้างระเบิดใส่กันเองไปจนถึงนำระเบิดมาจะขว้างแล้วพลาด ทำตกพื้นใกล้ๆ จนขาขาดหรืออื่นๆ ที่ท่านอื่นๆ ตั้งสมมติฐานไว้แล้ว ซึ่งจะไม่ขอพูดถึงนอกจากเสนอรายละเอียดความแตกต่างไว้ เพื่อให้เข้าใจว่าแก๊สขว้างนั้นลำพังไม่สามารถตัดแขนขาขาดได้ และโดยสามัญสำนึกแล้วฝ่ายปราบปรามจะไม่ใช้เด็ดขาด
ส่วนที่เหลือขอให้ผู้อ่านมติชนทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณเอาเอง
หน้า 6
|