ด้วยความเคารพ ....... อ่านแล้วเหนื่อย
คุณเบื่อแต่ผมไม่เบื่อน่ะ สันติวิธี ...... ก็เรียนด้วยความเคารพเหมือนเดิมนะครับ ถ้าอยากรบมากนัก ลองสมัครไปรบสักครั้งครับ
ถ้าจะพูดแบบนั้นก้อคงไม่ผิดหรอกครับ...
..ผมคิดว่าถ้ากลาโหมมีเงินมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆก้อคงจัดซื้ออะไรที่มากกว่านี้แหล่ะครับ
ลองดูในนี้ครับว่า http://www.jabchai.com/main/view_joke.php?id=9987
ทำไมถึงจัดซื้ออะไรที่พอเพียงต่อปัจจุบัน..โดยส่วนตัวแล้วผมก้ออยากให้มีอะไรๆที่ทัดเทียมกับนานาประเทศ..เช่นมีเครื่องบินรบยุคใหม่ๆสัก20ฝูง มีเรือดำน้ำ สัก 10 ลำ มีเรือบรรทุกเครื่องบินสัก 5ลำ มีฮ.โจมตีสัก 100ลำ เครื่องบินทิ้งละเบิดสัก 20 ลำ ...แต่ก้อแค่ฝันแหล่ะครับ..เพราะรู้ว่าศักยภาพของประเทศเราว่าอะไรได้อะไรไม่ได้..แบบนี้ก้อคงจะเพียงพอแล้ว..
..แต่อย่างไรก้ออย่าให้เกิดสงครามแล้วกันน่ะคร้าฟฟฟ
OK ครับ ผมยินดีกล่าวขออภัยและถอนคำพูดสำหรับประโยคหลังเรื่องรบครับ ขออภัยครับ ........ แต่ผมยังยืนยันว่าสันติวิธีเท่านั้นคือทางแก้ปัญหาทั้งหมด แต่การจะไปถึงสันติวิธีได้นั้นคุณต้องมีกองทัพที่ทำให้ผู้รุกรานเชื่อได้ว่าการจะรุกรานประเทศไทยเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งมันก้คือการชนะโดยไม่ต้องรบ และการสร้างกองทัพให้ได้ถึงจุดนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องวางยุทธศาสตร์เชิงรุกครับ ในพิชัยสงคราม ในสามก๊ก ในประวัติศาสตร์โลก มีหลายครั้งที่ฝ่ายหนึ่งหลีกเลี่ยงที่จะรบกับฝ่ายหนึ่งด้วยเหตุผลว่าฝ่ายนั้นตั้งรับได้อย่างเข้มแข็งจนไม่สามารถตีหักเอาได้ ..... สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์ชนะสงครามด้วยยุทธศาสตร์นี้มามากกว่า 50 ครั้ง เพราะประเมินตัวเองแล้วว่าด้วยศักยภาพที่มีอยู่เราไม่สามารถทำ Preemtive Strike ได้ ..... ครั้งที่แพ้ 2 ครั้งไม่ได้เกิดจากยุทธศาสตร์ไม่ดี แต่เกิดจากคนไม่ดีครับ .... โลกนี้มีประเทศมากมายที่มียุทธศาสตร์ตั้งรับ แต่ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขา .... ผมก็อยากได้ครับเครื่องบินดี ๆ อาวุธดี ๆ แต่เรามีความสามรถจัดหาได้แค่นี้ นี่คือความจริงที่ต้องยอมรับครับ
แต่คำว่า ... กองทัพก็อุ้ยอ้ายไม่คล่องตัวนี่ ...... เห็นด้วยอย่างที่สุดครับ
ในสงครามเกาหลีฝูงมิก15ของจีนแดงถูกเอฟ86สอยร่วงจำนวนมหาศาล เพราะค่ายคอมมิวนิสต์ฝึกนักบินได้ห่วยกว่าอเมริกา
เอฟ4เครื่องบินขับไล่ทันสมัยขนาดหนักสองที่นั่งถูกมิก17เรื่องบินขับไล่ขนาดเบาที่นั่งเดี่ยวล้าสมัยสอยร่วงมากมายเพราะอะไร??? นักบินเวียดนามเหนือมีจิตใจรักชาติและตั้งใจกว่าของนักบินไอ่กัน (ถ้าเปรียบเทียบเอฟ4ก็คือซู30 มิก17ก็คือกริฟเฟน)
การฝึกคนจำเป็นมากกว่าอาวุธทันสมัย เวียดกงและเวียดนามเหนือไม่มีชุดพราง ไม่มีอาหารเสบียง ไม่มีการสนับสนุน ไม่มีอาวุธไฮเทค แต่ยังต่อสู้กับทหารไอ่กันได้อย่างทรหด แม้ว่าเขมรพม่าเร่งสร้างกองทัพ แต่ถ้าไม่สร้างคนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ คนในประเทศขาดคุณภาพ เศรษฐกิจประเทศก็ล้มละลาย
ฉะนั้นกองทัพไทยก็ควรพัฒนาแบบจิ๋วแต่แจ๋ว ควรซื้อเท่าที่จำเป็นตามภาวะเศรษฐกิจ(เช่น มีกรณีเอฟ18ในสมัยไอ้เตี้ยเป็นบทเรียนมาแล้ว) และความมั่นคงของชาติ ถ้าสร้างเองได้ก็ควรทำเพื่อพัฒนาศักยภาพของกองทัพหรือซื้อแบบมาสร้างก้ไม่น่าอายเพราะที่ไหนก็ทำกัน(แต่ที่น่าอายคือกินค่าคออมีสชั่นมากกว่า) หรือไม่ใช่ตะบี้ตะบันซื้อแบบพม่า ซื้อมาไม่ได้ใช้เพราะผลิตคนที่ใช้ได้ไม่พอ
อิสราเอลชนะอาหรับได้เพราะกองทัพยิวสร้างและพัฒนาคนให้มีคุณภาพ สอนให้รักชาติ ใช้และพัฒนาอาวุธเก่าในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองจนมีส่วนชนะกองทัพอาหรับ ทำให้กองทัพอาหรับไม่กล้านำกองทัพเข้าปะทะกองทัพยิวจนถึงทุกวันนี้
อันนี้เป็นความเห็นของผมนะครับ...ด้วยความเคารพ ไม่ได้กระทบกระเทียบกองทัพ นะครับ...
ตราบใดที่ กองทัพไทย ยังมีการปฏิวัติ รัฐประหารอยู่...แม้ประเทศไทย จะมีเงินจัดหาอาวุธมาใช้ประจำการ...ก็ยังไม่ได้อาวุธในเชิงรุก อยู่ดีครับ...ยังไงก็ยังเป็นอาวุธในเชิงตั้งรับ...ปัจจุบัน สหรัฐ ยังไม่ได้มองประเทศไทย เหมือนสิงคโปร์ หรือ มาเลเซีย...(รัฐธรรมนูญ คือ กฎหมายสูงสุดของประเทศไทย ยังสามารถยกเลิกได้ด้วยกำลังของกองทัพไทยเอง...ซึ่งประเทศอื่น ๆ เขาไม่ทำกัน...ดังนั้น ความเชื่อมั่น ที่จะขายอาวุธที่มีประสิทธิภาพเชิงรุกให้กับประเทศไทย แล้วกองทัพไทยจะไม่ไปรุกล้ำ อธิปไตยหรือรัฐธรรมนูญของประเทศข้างเคียง จึงยังไม่เป็นที่น่าเชื่อถือครับ ในสังเกตุการจัดหาอาวุธในปัจจุบันของกองทัพเอง...ที่ยังต้องอิง ความขาดแคลน ความมั่นคงภายใน และการช่วยเหลือประชาชน ในการให้ประเทศคู่ค้าขายอาวุธให้...หรือกองทัพ ต้องหันไปจัดหาจากประเทศ ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญตรงนี้ เช่น รัสเซีย)
ผมกลับมองว่า ในอีก 10-15 ปี ข้างหน้านี้...กองทัพไทย อาจะต้องเลิกคิดการพัฒนาการใช้อาวุธเอง ถ้าไม่มีงบประมาณพัฒนาอาวุธที่เพียงพอ...ข้อแรก รัฐบาล และกองทัพ ยอมรับความสิ้นเปลืองงบประมาณ ในสร้างอาวุธสัก 1 ชนิด โดยมีราคาที่สูงกว่าการจัดซื้อจากภายนอกได้หรือไม่...ถ้ายอมรับได้ ก็ควรจัดหางบประมาณให้ทำการพัฒนาจะเสร็จสิ้น...แต่ถ้ายอมรับไม่ได้...ก็นำเงินที่จะพัฒนาอาวุธ มาทำการฝึกรบ หรือนำมาผลิตกระสุนปืน ปืนใหญ่ ปืนเรือ จรวด-ระเบิด อากาศ สู่ พื้น น่าจะเหมาะสมกว่า....
อาวุธชนิดหนึ่ง เช่น เครื่องบิน อาวุธนำวิถี หรือแม้แต่ รถถัง งบประมาณในเบื้องต้นในการพัฒนาและจัดสร้างเครื่องต้นแบบ ล้วนแต่แพงเป็น 10 - 100 เท่า แต่เมื่อพัฒนาเสร็จและสมความต้องการ สามารถผลิตนำเข้าประจำการได้...ต้นทุนพัฒนา ก็จะเฉลี่ยเป็นต้นทุนของ อาวุธที่เข้าประจำการไป...ต้นทุนตรงนั้น ถึงจะเป็นตัวตัดสินว่า การผลิตอาวุธใช้เอง กับ การจัดซื้อจากภายนอก อย่างไหนดูจะคุ้มค่า และมีความมั่นคงกว่ากัน ครับ....แต่ปัจจุบัน งบประมาณที่เห็นอยู่ ก็น้อยจนไม่สามารถจะพัฒนาให้ตรงความต้องการกับกองทัพได้ เป็นแค่ งบดัดแปลง เท่านั้น...
ตามความเห็นผม...
1. กองทัพไทย ต้องไม่มีปฏิวัติ รัฐประหาร อีกไม่น้อยกว่า 15 ปี
2. ช่วงระหว่าง 15 ปี ให้ความสำคัญการพัฒนาการฝึกรบ และยุทธวิธี
3. ช่วงระหว่าง 15 ปี จัดหาอาวุธให้ตรงตามความต้องการ และให้ครบจำนวนซะก่อน
4. จัดเตรียมแผนในการพัฒนาอาวุธ และสร้างอาวุธในอนาคต และจัดทำงบประมาณล่วงหน้า (คำนวน มูลค่าปัจจุบันของโครงการ ในอนาคต เช่น ปัจจุบันเงิน 1 บาท จะมีมูลค่าเป็น .20 สตางค์ในอีก 10 ปีข้างหน้า)
5. เรื่องอาวุธเชิงรุก ผมคิดว่า ไม่น่าจะเห็นในกองทัพไทยในอีก 5-10 ปี นี้ และถึงมี ก็จะเหมือนกับที่ เวียดนาม มี ซู-30 กับ อินโดนีเซีย มี ซู-30 แต่สิ่งที่มี ก็ไม่ได้หมายถึง มีอาวุธเชิงรุก ที่ดูจะมีประสิทธิภาพ หรือข่มขวัญ ได้เพียงพอ...ถ้าเทียบกับ ทอ.ไทย มี Jas-39 และ AEW&C และระบบภาคพื้นที่เชื่องข้อมูล ได้ครอบคลุมพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ กลับดูจะมีประสิทธิภาพในเชิงรับ และข่มขวัญ ในการที่ฝ่ายตรงข้ามจะรุกเข้าได้มากกว่า...
การพัฒนากองทัพไทยให้มีขีดความสามารถในการผลิตอาวุธนั้น มีอยู่ครับ แต่ติดที่หัวครับ เปลี่ยนหัว นโยบายเปลี่ยน (เหตุผลไม่ต้องอธิบาย เห็นๆกันอยู่)
กองทัพไทยไม่ควรต้องซื้อจรวด 2.75 นิ้ว จากแคนาดา เราทำได้ (เห่าฟ้า)
เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาดต่างๆ
ระเบิดขว้าง ทุ่นระเบิด กระสุนปืน แต่ไม่อยากทำ ทั้งที่ของพวกนี้ทำแล้วก็ขายได้ ขายแบบ จีทูจี
อยากให้ดูสิงคโปร์สิครับ เค้าออกแบบปืนใหญ 155 ม.ม.ใช้เอง แล้วคุณภาพติดระดับท๊อปของโลกซะด้วย
ทหารไทย หัวคิดห่วยกว่าทหารสิงคโปร์รึไงครับ ที่ทำไม่ได้ ผ่านศึกเหนือ ใต้ มาไม่รู้เท่าไหร่ สุดท้าย.... ทำอะไรไม่เป็นเลย
ส่วนนโยบายทางทหาร
ผมเห็นว่าเราต้องใช้ทั้ง แนวทางสันติและแนวทางเด็ดขาด ควบคู่ไปด้วยกัน โดยต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และถูกต้อง ควบคู่กันไปด้วย
ถ้าทหารเป็นผู้ที่ประกอบวิชาชีพโดยมุ่งมั่นที่รับใช้ประเทศชาติ และราชบัลลังก์อย่างแท้จริงแล้ว เราคงไม่ต้องเห็นเหตุการณ์ พม่า กัมพูชา ลาว มาเลเซีย กระทำกับราชอาณาจักรไทยแบบนี้แน่นอน
ปัญหาชายแดนใต้
หน่วยข่าวเราต้องปรับปรุงอย่างมากๆๆๆๆ
หน่วยงานที่ต้องปฏิบัติภาคสนาม ต้องได้รับอุปกรณ์ป้องกันอย่างครบถ้วนทุกคน ทุกหน่วย
หน่วยงานด้านนิติวิทยา ต้องให้พอเพียง ทั้งคน ทั้งอุปกรณ์
สุนัขดมกลิ่น ใช้ในการหาวัตถุระเบิด ต้องมีอย่างพอเพียง (ใช้ตรวจในตลาด สวนสาธารณะ ตามรถยนต์ และรถจักรยานยนต์)
การฝึกอบรม หน่วยงานที่จะไปปฏิบัติงานในเรื่อง
- ประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ
- ภาษาท้องถิ่น
- จิตวิทยา
- การปฏิบัติการทั้งรุก และรับ อย่างหนัก
เพราะผมยังเชื่อเสมอว่า "เสียเหงื่อเวลาฝึก ดีกว่าเสียเลือดเวลารบ"
การให้ผลตอบแทนแก่ผู้ปฏิบัติงานอย่างตรงไป ตรงมา ให้สมกับที่ต้องไปเสี่ยงภัย
บ้านหลังนี้ใหญ่โตจัง...
แต่มีสุนัขแค่ตัวเดียว...
น่าจะเอาได้ไม่ยาก(ฮุฮุ)..
งัดเลยนะ..
ผล
ทางที่1
เจ้าบ้านงัดปั๊ม 5 นัด
ทางที่2
ข่าวหน้า1 โจรโหด กะจะใช้ไม้ฟาดโจรแต่กลับโดนสวนด้วยสปาตาดับคาหน้าต่าง...
T.T
การรบที่ดีที่คือการรบบนแผ่นดินของศัตรูไม่ใช่รบใน
บ้านตัวเอง ... ECONOMIC
.อันนี้ทหารไทยโดนบ่อย โดนในเขตเราเอง
รอฟ้องชาวโลก.....!
ไม่รู้ว่าใครจะเข้าใจหรือไม่...
เอาเป็นว่าถ้าเราเป็นคน อิสราเอล
เราคงเป็นอย่างเขาไม่ได้......
เพราะอิสราเอลไม่เคยไว้วางใจสถานการณ์เลย.....
และที่เขาพัฒนาอาวุธเองก็เพราะ เวลา พายุเข้าบ้านเขา มัวแต่รอขออาวุธก็คงละลายไปหมดแล้ว....
อิสราเอล ยอมคุยเป็นบางเรื่อง (สันติวิธี) แต่ถ้าล้ำเข้ามา เขาไม่มีที่ถอยครับ....ใส่ลูกเดียว ผู้หญิงของเขาก็เอาด้วย เพราะใจไม่อยากถอยหนี สันติพูดได้ แต่ตอนถูกเขายิงใส่นี่บอกตรงๆๆครับ สาดเหมือนกันครับ โดนไม่โดนไม่รู้ ก่อนที่จะไม่ได้หายใจ ....อะไรก็แล้วแต่ ควรเดินเกมส์แบบคู่ขนานก็จะดีครับ ทูต+ทหาร เพราะโลกมันเปลี่ยนไป คนดีเราก็ใช้ทูตประสาน คนไม่ดีพูดไม่ฟังนิสัยยุแยง อันนี้ก็เชิญพระมาเทศน์ เผื่อเขาจะฟัง โครงการสันติค้ำจุนโลก ใช้ได้ครับ แต่อย่าใช้กับหมาบ้า ทหารชายแดนกดดันครับ....ขนาดชาวบ้านยังอยากหยิบจอบไปตีหัวมันเลยครับ....
หลักการข่มขวัญฆ่าศึก ข้าน้อยไม่ได้เรียน แต่ก็จะต้องเรียนรู้เมื่อสถานการณ์มาเยือน และต้องทำให้ได้...เพื่อคนข้างหลัง
ในความเห็นของผมนะปฏิวัติต้องไม่มีเลยและอีกอย่างต้องไม่มีการการประท้วงบ้าๆๆๆบ้อๆๆแบบที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ผมไม่ได้ว่าหรือกระทบใครนะแต่เบื่อการกับประท้วงที่น่าเบื่อพวกนี้จะชุมนุมอะไรหรือเรียกร้องอะไรจากรัฐบาลก็ขอให้คำนึงคนอื่นเขาบ้างว่าเขาเดือดร้อนมากแค่ไหนไม่ใช่เรื่องของตัวเองสำศัญแต่เพียงฝ่ายเดียวคนอื่นเขาก็สำศัญเหมือนกันทุกคนต้องกินต้องใช้เหมือนกันไม่ว่ารวยหรือจนถ้าการประท้วงกับปฏิวัติไม่เกิดขึ้นในประเทศนี้เมื่อไหร่ประเทศไทยคงจะเจริญไปไกลแล้วปฏิวัติทีประเทศก็ถอยหลังลงคลองไปอีก10ปี