หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เมื่อไร.........นโยบายทางทหารเราจะเปลี่ยนสักที

โดยคุณ : economic เมื่อวันที่ : 14/10/2008 18:50:42

นโยบายในปัจจุบันเหมือนตั้งรับในกรุงศรี   รอวันแตก..อาวุธยุโธปกรต่างๆชื้อมาก็คำนึงถึงแค่พอใช้ได้ในปัจจุบันไม่คำนึงถึงอนาคต
ซื้อตลอดสกไม่คิดผลิตเองคิดถึงแต่เงินค่านายหน้า...นโยบายตั้งรับในประเทศมีแต่ทำให้
ประเทศมีแต่ทำให้ประเทศบอบช้ำ..การรบที่ดีที่คือการรบบนแผ่นดินของศัตรูไม่ใช่รบใน
บ้านตัวเอง...กองทัพก็อุ้ยอ้ายไม่คล่องตัว..พูดถึงกริฟเฟนก็ยินดีกับกองทัพอากาศด้วยแต่ก็
รู้สึกแย่เมื่อมาเจอกับซู-30.....ฟลายเวทกับเฮฟวี่เวทไม่รุมก็ไม่ชนะ...สงสารทหารไทยต้อง
ใช้ความสามารถเฉพาะตัวค่อนข้างสูงเพื่อใช้อาวุธที่เรามีอยู่เพราะหากลองศึกษาประวัติ
การรบที่ผ่านมาเราไม่เคยมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าข้าศึึกเลย..ยกตัวอย่างง่ายๆ
m16a1กับak47เทียบกันหมัดต่อหมัดm16a1มีดีแค่ในหนัง..ak47ทนกว่าแรงกว่าความแม่น
ขึ้นอยู่กับคนยิง




ความคิดเห็นที่ 1


อีกเรื่องที่อยากจะบอกกองทัพ 16a1&m-60 VS AK-47&RPG-4&RPG-7
ในป่า  เสียเปรียบเต็มๆและ150mmในป่าทึบสมรภูมิประจันบาญด้วยระบบ
การสื่อสารในปัจจุบันผมว่าได้ยิงกันเองแหง่มๆอีกอย่างปืนใหญ่ของ.....
พิสัยไกลกว่าเราและลูกใหญ่กว่าอำนาจการทำลายสูงกว่าเรา....เราประมาท
เกินไปคิดแต่ว่าไม่รบกันหรอก...ผมว่าได้นับศพกันเพลิน เอาF16ไปบินได้
หลบsamกันอุตหลุด....สงสารทหารไทย
ตราบใดที่มนุษย์มีกิเลศ....สันติวิธีไม่มีในโลก..
คุณกล้ารับประกันหรือไม่ว่าประเทศไทยจะไม่ประเชิญสงคราม
การเตรียมความพร้อมไม่ใช่เรื่องเสียหาย..การเป็นฝ่ายกระทำย่อมดีกว่า
ถูกกระทำ...รุกอย่าให้ข้าศึกได้ตั้งตัว..ประเทศของตัวเองไม่ใช่สนามรบ
สนามรบคือดินแดนของข้าศึก
เราน่าจะพูดถึงอาวุธพิสัยไกลได้แล้ว
เราน่าจะพูดถึงการส่งกำลังไปรบนอกดินแดนกันได้แล้ว
เบื่อเหลือเกินกับถ้อยคำอันสวยหรูแต่ไม่เคยใช้ได้จริงสักที"สันติวิธี"
โดยคุณ economic เมื่อวันที่ 11/10/2008 12:58:24


ความคิดเห็นที่ 2


ด้วยความเคารพ ....... อ่านแล้วเหนื่อย

คุณเบื่อแต่ผมไม่เบื่อน่ะ สันติวิธี ...... ก็เรียนด้วยความเคารพเหมือนเดิมนะครับ ถ้าอยากรบมากนัก ลองสมัครไปรบสักครั้งครับ

โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 11/10/2008 13:14:20


ความคิดเห็นที่ 3


ท่านskyคงเข้าใจผิด..ผมไม่ได้มีความคิดที่จะรบแต่อย่างใด..ผมเกิดแนวชายแดนอำเภอ
บ้านกรวดถ้าย้อนไม่เมื่อ25-30ปีก่อนเขมรแดงกำลังมันเลย
ญาติผมที่เป็นทหารพรานอาสาตายในสนามรบหลายคนผมเคยเป็นทหารเคยลงใต้เป็นไอ้เณรคับสมัครเอง...แต่กระทู้ที่ผมเสนอก็คือ
มีเจตนาที่จะรักษาที่ชีวิตของเพื่อนทหารและเกียติภูมิของประเทศใช่ว่าการเจรจาคือ
คือจุดจบของสงคราม แต่กว่าจะถึงจุดนั้นย่อมมีผ่ายหนึ่งผ่ายใดได้เปรียบ
และย่อมมีผ่ายหนึ่งฝ่ายใด
เสียเปรียบซึ่งเห็นได้ทุกความขัดแย้งหรือทุกที่ในสนามรบผมแค่อยากประเทศของเรา
อยู่ได้เปรียบทุกโต๊ะเจรจาไม่ว่าทางทหาร ทางการทูต ทางด้านต่างๆ
และอีกอย่างการที่ท่านไม่รู้ประวัติของใครกรุณาอย่าดูหมิ่นดูแคลนขอร้องมันเจ็บใจคับ
หากท่านเป็นผมท่านถูกถามว่า  มึงหนีโจรมาหรอ รู้สึกเหมือนสิ่งที่ท่านเขียนเลยครับ

แนวคิดไม่ตรงกันเถียงไปก็เท่านั้น
โดยคุณ economic เมื่อวันที่ 11/10/2008 13:55:49


ความคิดเห็นที่ 4


เดี๋ยวว่างๆจะเอารูปตอนลงใต้มาให้ดูครับ
โดยคุณ economic เมื่อวันที่ 11/10/2008 14:01:30


ความคิดเห็นที่ 5


ถ้าจะพูดแบบนั้นก้อคงไม่ผิดหรอกครับ...

 

..ผมคิดว่าถ้ากลาโหมมีเงินมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆก้อคงจัดซื้ออะไรที่มากกว่านี้แหล่ะครับ

ลองดูในนี้ครับว่า  http://www.jabchai.com/main/view_joke.php?id=9987

ทำไมถึงจัดซื้ออะไรที่พอเพียงต่อปัจจุบัน..โดยส่วนตัวแล้วผมก้ออยากให้มีอะไรๆที่ทัดเทียมกับนานาประเทศ..เช่นมีเครื่องบินรบยุคใหม่ๆสัก20ฝูง มีเรือดำน้ำ สัก 10 ลำ มีเรือบรรทุกเครื่องบินสัก 5ลำ มีฮ.โจมตีสัก 100ลำ  เครื่องบินทิ้งละเบิดสัก 20 ลำ ...แต่ก้อแค่ฝันแหล่ะครับ..เพราะรู้ว่าศักยภาพของประเทศเราว่าอะไรได้อะไรไม่ได้..แบบนี้ก้อคงจะเพียงพอแล้ว..

 

..แต่อย่างไรก้ออย่าให้เกิดสงครามแล้วกันน่ะคร้าฟฟฟ

 

โดยคุณ snake เมื่อวันที่ 11/10/2008 14:08:00


ความคิดเห็นที่ 6


OK ครับ ผมยินดีกล่าวขออภัยและถอนคำพูดสำหรับประโยคหลังเรื่องรบครับ ขออภัยครับ ........ แต่ผมยังยืนยันว่าสันติวิธีเท่านั้นคือทางแก้ปัญหาทั้งหมด แต่การจะไปถึงสันติวิธีได้นั้นคุณต้องมีกองทัพที่ทำให้ผู้รุกรานเชื่อได้ว่าการจะรุกรานประเทศไทยเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งมันก้คือการชนะโดยไม่ต้องรบ และการสร้างกองทัพให้ได้ถึงจุดนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องวางยุทธศาสตร์เชิงรุกครับ ในพิชัยสงคราม ในสามก๊ก ในประวัติศาสตร์โลก มีหลายครั้งที่ฝ่ายหนึ่งหลีกเลี่ยงที่จะรบกับฝ่ายหนึ่งด้วยเหตุผลว่าฝ่ายนั้นตั้งรับได้อย่างเข้มแข็งจนไม่สามารถตีหักเอาได้ ..... สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์ชนะสงครามด้วยยุทธศาสตร์นี้มามากกว่า 50 ครั้ง เพราะประเมินตัวเองแล้วว่าด้วยศักยภาพที่มีอยู่เราไม่สามารถทำ Preemtive Strike ได้ ..... ครั้งที่แพ้ 2 ครั้งไม่ได้เกิดจากยุทธศาสตร์ไม่ดี แต่เกิดจากคนไม่ดีครับ .... โลกนี้มีประเทศมากมายที่มียุทธศาสตร์ตั้งรับ แต่ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขา .... ผมก็อยากได้ครับเครื่องบินดี ๆ อาวุธดี ๆ แต่เรามีความสามรถจัดหาได้แค่นี้ นี่คือความจริงที่ต้องยอมรับครับ

แต่คำว่า ... กองทัพก็อุ้ยอ้ายไม่คล่องตัวนี่ ...... เห็นด้วยอย่างที่สุดครับ

โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 11/10/2008 14:49:40


ความคิดเห็นที่ 7


ขอบคุณครับท่านskymanที่ท่านมีน้ำใจ.....ที่ท่านยกตัวอย่างสันติวิธีนั้นถูกต้องผมไม่
เถียงครับ....แต่ประโยคที่ว่า
คุณต้องมีกองทัพที่ทำให้ผู้รุกรานเชื่อได้ว่าการจะรุกรานประเทศไทยเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย
ปัจจุบันกองทัพเราไม่ใช่อย่างนั้นครับ ไม่เข็มแข็งอย่าในประโยค
แล้วผมเห็นว่าขอบเขตของการรบในประเทศด้วยเทคโนโลยีทางทหารในปัจจุบัน
ไม่เพียงพอครับมันไม่สามารถแสดงให้รู้ว่าเราเข็มแข็ง
การรบมี 4 แบบ 1.อุบาย 2.การฑูต 3.การสับประยุธ(อันนี้มีหลายแบบ)
4.เลวที่สุดคือการเข้าตีเมืองและดีที่สุดชนะโดยไม่ต้องรบเห็นด้วยครับ
แต่..ถ้าการรบกันขึ้นมาเราตั้งรับในประเทศเป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้วหรือ
ประเทศของเราไม่ได้กว้างใหญ่ถึงขนาดสามารถถอยไปจัดรูปแบบแนวปะทะใหม่
ได้เหมือนรัสเชีย(ในสตาลินกราด)เรามีแนวปะทะที่เดียวคือแนวชายแดน
ถ้าแตกก็ต้องรบแบบกองโจร มันบอบชำครับและยากที่จะฟื้นฟู
สังเกต ุเขตตำบลประเทศที่เป็นสมรภูมิความเสียหายจะประเมิณค่าไม่ได้ครับ
และการฟื้นฟูลำบากครับต้องใช้งบสูง(ที่บ้านกว่าจะหากินในพื้นที่ได้หมดค่า
เคลียกับระเบิดหลายล้านบาทครับ) ผมก็ยังยึดหมั่นในวิธีของผมครับ
เป็นผู้กระทำดีกว่าถูกกระทำ
ส่วนงบประมาณเป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาล ส่วนมากค่าใช้จ่ายของรัฐ
(เงินภาษี)จะเป็นในแนวทางเอื้อประโยชน์ทางด้านที่ดีต่อคะแนนเสียของ
ตัวเองมากกว่าทางทหารยกเว้น รัฐบาล  ส.  ถ้าบริหารจัดการกันดีแล้ว
มันไม่ใช่ความฝันครับ(ตอนนี้เรียนเศษฯอยู่ครับตอนอยู่ม.เพื่อนไม่เชื่อว่า
เคยเป็นทหารมันบอกว่าหน้าอ่อน...อายุปูนนี้แล้วปลื้ม)
โดยคุณ economic เมื่อวันที่ 11/10/2008 16:19:06


ความคิดเห็นที่ 8


และอีกนิดหนึ่งในประวัติศาสตร์การเอาชนะข้าศึกด้วยสันตวิธีมีให้เห็นอยู่บ่อย
ครั้ง....แต่สุดท้ายก็เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ ผู้แกร่งกว่ายอมกลืนกินผู้ที่
อ่อนแอกว่า ยกตัวอย่าง ยุคชุนชิว แคว้นหยูหรือแคว้นนักปราชน์(เป็นแคว้นที่ขงจื้ออยู่)เป็นแคว้นที่เล็กและ
กำลังทหารน้อยอ่อนแอเพราะผู้ปกครองรัฐเชื่อในหลักของขงจื่อมากจึงไม่สน
ใจเรื่องการทหารเท่าที่ควรยึดมั่นในสันติวิธี แคว้นหยูรอดพ้นจากสงคราม
หลายครั้งโดยไม่ใช้กำลัง อุบายลูกโซ่ การทูต แสร้งว่ากอพทัพเข็มแข็ง
ฯลฯ แต่สุดท้ายก็ถูกกลืนอยูู่ดี ถามว่าสันติวิธีผิดมั้ย ตอบเลยว่าไม่เป็นวิธีที่ถูก
ต้องแต่การเลือกใช้ไม่เหมาะสม เพราะแคว้นรอบแคว้นหยูไม่มีความคิดว่า
จะอยู่ร่วมกันโดยสันติคิดจะกลืนกินอยู่ตลอดเวลาไม่คิดจะอยู่ร่วมกัน
แต่แคว้นหยูยึดมั่นในสันตวิธีอย่างเดียวไม่สนใจเรื่องการใช้ความรุนแรงเลย
เหมือนมีทางอยู่เส้นเดียวถ้าทางนั้นถูกตัดขาดก็ไม่มีทางไปพบกับความล่ม
สลาย
แข็งได้อ่อนได้บ้านเมืองรุ่งโรจน์


โดยคุณ economic เมื่อวันที่ 11/10/2008 17:39:58


ความคิดเห็นที่ 9


ในสงครามเกาหลีฝูงมิก15ของจีนแดงถูกเอฟ86สอยร่วงจำนวนมหาศาล เพราะค่ายคอมมิวนิสต์ฝึกนักบินได้ห่วยกว่าอเมริกา

เอฟ4เครื่องบินขับไล่ทันสมัยขนาดหนักสองที่นั่งถูกมิก17เรื่องบินขับไล่ขนาดเบาที่นั่งเดี่ยวล้าสมัยสอยร่วงมากมายเพราะอะไร??? นักบินเวียดนามเหนือมีจิตใจรักชาติและตั้งใจกว่าของนักบินไอ่กัน (ถ้าเปรียบเทียบเอฟ4ก็คือซู30 มิก17ก็คือกริฟเฟน)

การฝึกคนจำเป็นมากกว่าอาวุธทันสมัย  เวียดกงและเวียดนามเหนือไม่มีชุดพราง ไม่มีอาหารเสบียง ไม่มีการสนับสนุน ไม่มีอาวุธไฮเทค แต่ยังต่อสู้กับทหารไอ่กันได้อย่างทรหด แม้ว่าเขมรพม่าเร่งสร้างกองทัพ แต่ถ้าไม่สร้างคนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ คนในประเทศขาดคุณภาพ เศรษฐกิจประเทศก็ล้มละลาย

ฉะนั้นกองทัพไทยก็ควรพัฒนาแบบจิ๋วแต่แจ๋ว ควรซื้อเท่าที่จำเป็นตามภาวะเศรษฐกิจ(เช่น มีกรณีเอฟ18ในสมัยไอ้เตี้ยเป็นบทเรียนมาแล้ว) และความมั่นคงของชาติ ถ้าสร้างเองได้ก็ควรทำเพื่อพัฒนาศักยภาพของกองทัพหรือซื้อแบบมาสร้างก้ไม่น่าอายเพราะที่ไหนก็ทำกัน(แต่ที่น่าอายคือกินค่าคออมีสชั่นมากกว่า) หรือไม่ใช่ตะบี้ตะบันซื้อแบบพม่า ซื้อมาไม่ได้ใช้เพราะผลิตคนที่ใช้ได้ไม่พอ

อิสราเอลชนะอาหรับได้เพราะกองทัพยิวสร้างและพัฒนาคนให้มีคุณภาพ สอนให้รักชาติ ใช้และพัฒนาอาวุธเก่าในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองจนมีส่วนชนะกองทัพอาหรับ ทำให้กองทัพอาหรับไม่กล้านำกองทัพเข้าปะทะกองทัพยิวจนถึงทุกวันนี้

โดยคุณ sepia เมื่อวันที่ 11/10/2008 18:06:22


ความคิดเห็นที่ 10


สันติวิธีเกิดจากที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันพูดจากันรู้เรื่องและการต่อรอง แต่ใช่ว่าการพูดคุยจะสำเร็จทุกครั้งเสมอไปบางครั้งก็คุยกันด้วยลูกปืน สำหรับปัญหาชายแดนเขมรนั้นก็ขอให้ระวังตัวตระเวณเจอทหารเขมรก็ขอให้มีคนคอยระวังหลังให้เวลาเกิดการปะทะจะได้ถอยได้ทัน อยู่ในป่าไม่มีใครรู้ใครยิงใครก่อนมันจะพูดยังไงก็ได้ยกเว้นเราจะเอากล้องวีดีโอไปด้วย ปัญหาไทยเขมรทั่วโลกไม่สนใจหรอกครับตอนนี้ชาวโลกสนใจเศษฐกิจ
โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 11/10/2008 22:46:17


ความคิดเห็นที่ 11


อันนี้เป็นความเห็นของผมนะครับ...ด้วยความเคารพ ไม่ได้กระทบกระเทียบกองทัพ นะครับ...

ตราบใดที่ กองทัพไทย ยังมีการปฏิวัติ รัฐประหารอยู่...แม้ประเทศไทย จะมีเงินจัดหาอาวุธมาใช้ประจำการ...ก็ยังไม่ได้อาวุธในเชิงรุก อยู่ดีครับ...ยังไงก็ยังเป็นอาวุธในเชิงตั้งรับ...ปัจจุบัน สหรัฐ ยังไม่ได้มองประเทศไทย เหมือนสิงคโปร์ หรือ มาเลเซีย...(รัฐธรรมนูญ คือ กฎหมายสูงสุดของประเทศไทย ยังสามารถยกเลิกได้ด้วยกำลังของกองทัพไทยเอง...ซึ่งประเทศอื่น ๆ เขาไม่ทำกัน...ดังนั้น ความเชื่อมั่น ที่จะขายอาวุธที่มีประสิทธิภาพเชิงรุกให้กับประเทศไทย แล้วกองทัพไทยจะไม่ไปรุกล้ำ อธิปไตยหรือรัฐธรรมนูญของประเทศข้างเคียง จึงยังไม่เป็นที่น่าเชื่อถือครับ ในสังเกตุการจัดหาอาวุธในปัจจุบันของกองทัพเอง...ที่ยังต้องอิง ความขาดแคลน ความมั่นคงภายใน และการช่วยเหลือประชาชน ในการให้ประเทศคู่ค้าขายอาวุธให้...หรือกองทัพ ต้องหันไปจัดหาจากประเทศ ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญตรงนี้ เช่น รัสเซีย)

ผมกลับมองว่า ในอีก 10-15 ปี ข้างหน้านี้...กองทัพไทย อาจะต้องเลิกคิดการพัฒนาการใช้อาวุธเอง ถ้าไม่มีงบประมาณพัฒนาอาวุธที่เพียงพอ...ข้อแรก รัฐบาล และกองทัพ ยอมรับความสิ้นเปลืองงบประมาณ ในสร้างอาวุธสัก 1 ชนิด โดยมีราคาที่สูงกว่าการจัดซื้อจากภายนอกได้หรือไม่...ถ้ายอมรับได้ ก็ควรจัดหางบประมาณให้ทำการพัฒนาจะเสร็จสิ้น...แต่ถ้ายอมรับไม่ได้...ก็นำเงินที่จะพัฒนาอาวุธ มาทำการฝึกรบ หรือนำมาผลิตกระสุนปืน ปืนใหญ่ ปืนเรือ จรวด-ระเบิด อากาศ สู่ พื้น น่าจะเหมาะสมกว่า....

อาวุธชนิดหนึ่ง เช่น เครื่องบิน อาวุธนำวิถี หรือแม้แต่ รถถัง งบประมาณในเบื้องต้นในการพัฒนาและจัดสร้างเครื่องต้นแบบ ล้วนแต่แพงเป็น 10 - 100 เท่า แต่เมื่อพัฒนาเสร็จและสมความต้องการ สามารถผลิตนำเข้าประจำการได้...ต้นทุนพัฒนา ก็จะเฉลี่ยเป็นต้นทุนของ อาวุธที่เข้าประจำการไป...ต้นทุนตรงนั้น ถึงจะเป็นตัวตัดสินว่า การผลิตอาวุธใช้เอง กับ การจัดซื้อจากภายนอก อย่างไหนดูจะคุ้มค่า และมีความมั่นคงกว่ากัน ครับ....แต่ปัจจุบัน งบประมาณที่เห็นอยู่ ก็น้อยจนไม่สามารถจะพัฒนาให้ตรงความต้องการกับกองทัพได้ เป็นแค่ งบดัดแปลง เท่านั้น...

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 11/10/2008 23:10:53


ความคิดเห็นที่ 12


ในอเมริกาทหารผ่านศึกทุกนายกลับบ้านทีเหมือนฮีโร่ยกเว้นช่วงเวียดนามที่หลาย คนโดนตบหน้าหรือเจอขยะปาใส่ หดหู่มากครับ กองทัพรบนิวเคลียร์ส่งไปรบในป่า เกาหลีใต้ แอนแซคส์และไทยยังจะประสบความสำเร็จมากกว่า ทหารเจนศึกเหลือน้อยไม่เหมือนที่เกาหลีครับ

สันติและกำลังต้องไปด้วยกันครับขาดไม่ได้ เรื่องเสริมกำลังทหารและอาวุธทำได้ตามความเหมาะสม ไม่ใช่ถึงขนาดกะรบยัน แต่ถ้าต้องรบเพื่อป้องกันตัวเองก็สามารถทำได้ ไม่ใช่เปลี้ยเลยแบบคูเวตหรือแคว้นหยู ร. 6 และเวเกทิอุสเคยพูดเอาไว้แล้วครับ "Si vis pacem, para bellum" แค่นี้ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเราแล้วครับ

ปล. เสียดาย F/A-18 ถ้าฟองสบู่ไม่แตกก่อนคงมาแตะสนามบินดอนเมือง และผมก็คงตามไปถ่ายรูปแล้ว แงๆ
โดยคุณ Praetorians เมื่อวันที่ 11/10/2008 23:19:09


ความคิดเห็นที่ 13


ตามความเห็นผม...

1. กองทัพไทย ต้องไม่มีปฏิวัติ รัฐประหาร อีกไม่น้อยกว่า 15 ปี

2. ช่วงระหว่าง 15 ปี ให้ความสำคัญการพัฒนาการฝึกรบ และยุทธวิธี

3. ช่วงระหว่าง 15 ปี จัดหาอาวุธให้ตรงตามความต้องการ และให้ครบจำนวนซะก่อน

4. จัดเตรียมแผนในการพัฒนาอาวุธ และสร้างอาวุธในอนาคต และจัดทำงบประมาณล่วงหน้า (คำนวน มูลค่าปัจจุบันของโครงการ ในอนาคต เช่น ปัจจุบันเงิน 1 บาท จะมีมูลค่าเป็น .20 สตางค์ในอีก 10 ปีข้างหน้า)

5. เรื่องอาวุธเชิงรุก ผมคิดว่า ไม่น่าจะเห็นในกองทัพไทยในอีก 5-10 ปี นี้ และถึงมี ก็จะเหมือนกับที่ เวียดนาม มี ซู-30 กับ อินโดนีเซีย มี ซู-30 แต่สิ่งที่มี ก็ไม่ได้หมายถึง มีอาวุธเชิงรุก ที่ดูจะมีประสิทธิภาพ หรือข่มขวัญ ได้เพียงพอ...ถ้าเทียบกับ ทอ.ไทย มี Jas-39 และ AEW&C และระบบภาคพื้นที่เชื่องข้อมูล ได้ครอบคลุมพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ กลับดูจะมีประสิทธิภาพในเชิงรับ และข่มขวัญ ในการที่ฝ่ายตรงข้ามจะรุกเข้าได้มากกว่า...

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 11/10/2008 23:25:58


ความคิดเห็นที่ 14


ขออภัยครับ ด้วยความเคารพ ถ้าไม่เหมาะสมลบได้ ..... Coup is a major setback of Thai armed force and it should not happen again if you still want to see Thai armed force fully developed. ........ ที่สำคัญคือ เรายังไม่มีความสามารถที่จะดำเนินยุทธศาสตร์เชิงรุกได้ครับ เพราะการพัฒนากองทัพมันต้องเอื้อด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจ แต่เรายังไม่มีเศรษฐกิจที่ดีเพียงพอที่จะสร้างกองทัพเพื่อยุทธศาสตร์เชิงรุก สิ่งที่ผมกำลังพยายามบอกก็คือ ในเมื่อตอนนี้และอย่างน้อยในอีก 10 ปีข้างหน้ามันเป็นไปไม่ไ้ด้ที่จะมียุทธศาสตร์เชิงรุก การสร้างยุทธศาสตร์เชิงรับให้เข้มแข็งจะเป็นคำตอบเดียวของการชนะสงครามได้โดยไม่ต้องรบครับ
โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 12/10/2008 01:22:08


ความคิดเห็นที่ 15


นาน ๆ ที มีวิเคราะห์วิจารณ์ แบบนี้ซักที ทำใ้ห้เกิดรสชาติขึ้นเยอะเลยครับ
ในส่วนตัวแล้วนะครับ ผมก็เห็นด้วยกับคุณ economic และเสี่ยโย นะครับ เห็นด้วยบ้าง ไม่เ็ห็นด้วยบ้าง ที่คุณ economic เขียนไว้คงหมายถึง ปรับโครงสร้างหน่วยงานทหารให้มีประสิทธิภาพ และทันสมัย สามารถต่อกรและตอบโต้กับภัยจากชนกลุ่มน้อย หรือประเทศเพื่อนบ้าน โดยที่ทหารไทย รบได้อย่างได้เปรียบ สูญเสียน้อยที่สุด ผมชอบนะครับ
โดยคุณ tantongs เมื่อวันที่ 12/10/2008 01:24:35


ความคิดเห็นที่ 16


ขอแก้นิดนึกครับ..การเสนอนโยบายเชิงรุกของผมไม่ได้หมายความว่าให้
รบยันเตนะครับ...หมายความว่าต้องช่วงชิงความได้เปรียบทุกกรณีความ
ขัดแย้งไม่จำเป็นต้องรบก็ได้...แต่ที่ยกตัวอย่างคือถ้าเกิดการรบขึ้นมา
จริงๆๆจะลดการสูญเสียได้เยอะกว่าครับ
เพราะว่าผมเคยเป็นตอนที่ไอ้เณรอยู่ลงใต้ได้
6..เดือนถึงไม่คอยได้ปะทะกับโจรมากก็เถอะ(ยิงทั้งหมด15แม๊กใน 6 เดือน
บรรจุเว้นไว้1ลูก ค่ายผมลงไปหนึ่งกองร้อยรอดมาครึ่งเดียว..โชคดีชิบหาย)
สมัยที่่ท่านบิ๊กจิ๋วคุมอยู่...เราใช้ยุทธศาสตร์เชิงรับครับ..บอกได้คำเดียวครับ
ว่าเหนื่อยครับ..ผมแทบคลั่งทำอะไรก็ไม่ได้รอว่าเมื่อไรจะเจอแจ๊กผ็อต
(วันแรกที่ปะทะกลัวจนฉี่ราดทำอะไรไม่ถูกได้แต่หมอบ..หลังๆๆเริ่มชิน)
พวกนาย(สันยบัตร)ปรับขบวนท่ากันอุตลุด....รับอย่างเดียววางหมากไม่ได้
ต้องแก้อย่างเดียว...ต้องใช้สติปัญญาและความอดทนสูง...เรื่องขวัญกำลัง
ใจไม่ขอเอ่ย...ต่อมาเมื่อท่านพันลบเข้ามาริเริ่มมีการใช้นโยบายเชิงรุกบ้าง...
เริ่มมีการกดดันในรูปแบบต่างๆไม่ของลงลายละเอียด..พบว่าการสูญเสีย
น้อยลงกว่าเก่ามาก....สามารถตีกรอบความขัดแย้งได้..ปฎิบัติงานง่ายขึ้น
ครับ..นี่จากประสบการณ์ตรง
ปล.รูปที่บอกจะเอาลงตัดสินใจแล้วไม่เอาลงดีกว่าทุกรูปมันมีภาพที่ติด
เพื่อนที่ไม่ได้กลับบ้านมาด้วยไม่สบายใจหากนำมาโพสต้องขอโทษด้วย
จะว่าอะไรก็เชิญ
โดยคุณ economic เมื่อวันที่ 12/10/2008 04:51:23


ความคิดเห็นที่ 17


การพัฒนากองทัพไทยให้มีขีดความสามารถในการผลิตอาวุธนั้น มีอยู่ครับ แต่ติดที่หัวครับ เปลี่ยนหัว นโยบายเปลี่ยน (เหตุผลไม่ต้องอธิบาย เห็นๆกันอยู่)

กองทัพไทยไม่ควรต้องซื้อจรวด 2.75 นิ้ว จากแคนาดา เราทำได้ (เห่าฟ้า)

เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาดต่างๆ

ระเบิดขว้าง ทุ่นระเบิด กระสุนปืน แต่ไม่อยากทำ ทั้งที่ของพวกนี้ทำแล้วก็ขายได้ ขายแบบ จีทูจี

อยากให้ดูสิงคโปร์สิครับ เค้าออกแบบปืนใหญ 155 ม.ม.ใช้เอง แล้วคุณภาพติดระดับท๊อปของโลกซะด้วย

ทหารไทย หัวคิดห่วยกว่าทหารสิงคโปร์รึไงครับ ที่ทำไม่ได้ ผ่านศึกเหนือ ใต้ มาไม่รู้เท่าไหร่ สุดท้าย.... ทำอะไรไม่เป็นเลย

ส่วนนโยบายทางทหาร

ผมเห็นว่าเราต้องใช้ทั้ง แนวทางสันติและแนวทางเด็ดขาด ควบคู่ไปด้วยกัน โดยต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และถูกต้อง ควบคู่กันไปด้วย

ถ้าทหารเป็นผู้ที่ประกอบวิชาชีพโดยมุ่งมั่นที่รับใช้ประเทศชาติ และราชบัลลังก์อย่างแท้จริงแล้ว เราคงไม่ต้องเห็นเหตุการณ์ พม่า กัมพูชา ลาว มาเลเซีย กระทำกับราชอาณาจักรไทยแบบนี้แน่นอน


โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 12/10/2008 05:31:16


ความคิดเห็นที่ 18


ปัญหาชายแดนใต้

หน่วยข่าวเราต้องปรับปรุงอย่างมากๆๆๆๆ

หน่วยงานที่ต้องปฏิบัติภาคสนาม ต้องได้รับอุปกรณ์ป้องกันอย่างครบถ้วนทุกคน ทุกหน่วย

หน่วยงานด้านนิติวิทยา ต้องให้พอเพียง ทั้งคน ทั้งอุปกรณ์

สุนัขดมกลิ่น ใช้ในการหาวัตถุระเบิด ต้องมีอย่างพอเพียง (ใช้ตรวจในตลาด สวนสาธารณะ ตามรถยนต์ และรถจักรยานยนต์)

การฝึกอบรม หน่วยงานที่จะไปปฏิบัติงานในเรื่อง

- ประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ

- ภาษาท้องถิ่น

- จิตวิทยา

- การปฏิบัติการทั้งรุก และรับ อย่างหนัก

เพราะผมยังเชื่อเสมอว่า "เสียเหงื่อเวลาฝึก ดีกว่าเสียเลือดเวลารบ"

การให้ผลตอบแทนแก่ผู้ปฏิบัติงานอย่างตรงไป ตรงมา ให้สมกับที่ต้องไปเสี่ยงภัย


โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 12/10/2008 05:55:39


ความคิดเห็นที่ 19


บ้านหลังนี้ใหญ่โตจัง...

แต่มีสุนัขแค่ตัวเดียว...

น่าจะเอาได้ไม่ยาก(ฮุฮุ)..

งัดเลยนะ..

ผล

ทางที่1

เจ้าบ้านงัดปั๊ม 5 นัด

 

ทางที่2

ข่าวหน้า1 โจรโหด กะจะใช้ไม้ฟาดโจรแต่กลับโดนสวนด้วยสปาตาดับคาหน้าต่าง...

T.T

โดยคุณ PINJI เมื่อวันที่ 12/10/2008 23:33:08


ความคิดเห็นที่ 20


การรบที่ดีที่คือการรบบนแผ่นดินของศัตรูไม่ใช่รบใน
บ้านตัวเอง ... ECONOMIC

.อันนี้ทหารไทยโดนบ่อย โดนในเขตเราเอง

รอฟ้องชาวโลก.....!

ไม่รู้ว่าใครจะเข้าใจหรือไม่...

เอาเป็นว่าถ้าเราเป็นคน อิสราเอล

เราคงเป็นอย่างเขาไม่ได้......

เพราะอิสราเอลไม่เคยไว้วางใจสถานการณ์เลย.....

และที่เขาพัฒนาอาวุธเองก็เพราะ เวลา พายุเข้าบ้านเขา มัวแต่รอขออาวุธก็คงละลายไปหมดแล้ว....

อิสราเอล ยอมคุยเป็นบางเรื่อง (สันติวิธี) แต่ถ้าล้ำเข้ามา เขาไม่มีที่ถอยครับ....ใส่ลูกเดียว ผู้หญิงของเขาก็เอาด้วย เพราะใจไม่อยากถอยหนี สันติพูดได้ แต่ตอนถูกเขายิงใส่นี่บอกตรงๆๆครับ สาดเหมือนกันครับ โดนไม่โดนไม่รู้ ก่อนที่จะไม่ได้หายใจ ....อะไรก็แล้วแต่ ควรเดินเกมส์แบบคู่ขนานก็จะดีครับ ทูต+ทหาร เพราะโลกมันเปลี่ยนไป คนดีเราก็ใช้ทูตประสาน คนไม่ดีพูดไม่ฟังนิสัยยุแยง อันนี้ก็เชิญพระมาเทศน์ เผื่อเขาจะฟัง โครงการสันติค้ำจุนโลก ใช้ได้ครับ แต่อย่าใช้กับหมาบ้า ทหารชายแดนกดดันครับ....ขนาดชาวบ้านยังอยากหยิบจอบไปตีหัวมันเลยครับ....

หลักการข่มขวัญฆ่าศึก ข้าน้อยไม่ได้เรียน แต่ก็จะต้องเรียนรู้เมื่อสถานการณ์มาเยือน  และต้องทำให้ได้...เพื่อคนข้างหลัง

 

โดยคุณ tik เมื่อวันที่ 13/10/2008 06:58:01


ความคิดเห็นที่ 21


ในความเห็นของผมนะปฏิวัติต้องไม่มีเลยและอีกอย่างต้องไม่มีการการประท้วงบ้าๆๆๆบ้อๆๆแบบที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ผมไม่ได้ว่าหรือกระทบใครนะแต่เบื่อการกับประท้วงที่น่าเบื่อพวกนี้จะชุมนุมอะไรหรือเรียกร้องอะไรจากรัฐบาลก็ขอให้คำนึงคนอื่นเขาบ้างว่าเขาเดือดร้อนมากแค่ไหนไม่ใช่เรื่องของตัวเองสำศัญแต่เพียงฝ่ายเดียวคนอื่นเขาก็สำศัญเหมือนกันทุกคนต้องกินต้องใช้เหมือนกันไม่ว่ารวยหรือจนถ้าการประท้วงกับปฏิวัติไม่เกิดขึ้นในประเทศนี้เมื่อไหร่ประเทศไทยคงจะเจริญไปไกลแล้วปฏิวัติทีประเทศก็ถอยหลังลงคลองไปอีก10ปี

โดยคุณ ttrc เมื่อวันที่ 14/10/2008 07:50:44