จาก หนังสือ สมรภูมิ ฉบับที่ 557 วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2536

และในปีเดียวนั้นเอง.....

จากหนังสือ Military Technology ฉบับที่ 9/1991

คำว่า "Black List" ก็ยากที่จะสลัดพ้น จาก กองทัพไทย....จนถึง ปัจจุบัน

เรือรบไทย...ก็คงไม่ต่างจาก เครื่องบินรบไทย...

ตราบใดที่ยังไม่วางกระดูกงู...ก็มีโอกาสพลิกผันได้เช่นกัน...

ระวังไว้นะ ต๊ะเองงงง....เรือ เอ็นดูแรนซ์ อ่ะ....

ดูจากแบบจำลองเรือของ Breman Vulkan แล้วนั้นนอกจากพื้นที่ดาดฟ้าบินที่ใช้รองรับบการปฏิบัติการขึ้นลงของ ฮ.แล้ว เรือชั้นนี้ติดอาวุธในระดับคล้ายกับเรือCorvetteหรือเรือฟริเกต ที่ไทยมีอย่าง ชุด ร.ล.รัตนโกสินทร์ หรือครับ เช่น ปืนใหญ่ 127mm, ปืนใหญ่กล 30mm และ แท่นยิง Mk29 สำหรับ SeaSparrow 8ท่อยิงเป็นต้น (ซึ่งทำให้นึกถึงเรือชั้น Kiev ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินทางดิ่งที่ติดอาวุธหลายแบบเต็ฒเรือ)

ซึ่งตามความเห็นส่วนตัวนี้ รูปแบบการติดตั้งอาวุธประจำเรือของ ร.ล.จักรีนฤเบศร นั้นดูเหมาะกว่าครับ

แบบเรือแรกของ 911 ของอู่เรือ เบร์แมน วุลแคน...ผมว่า ตรงสเปค ที่สุดของความต้องการ ทร.  สมรรถนะใกล้เคียงกับ SAN GIORGIO...

โดยความต้องการ บ.ข. บน 911 ยังไม่กำหนดความต้องการในขณะนั้น...เพียงแต่เตรียมรองรับไว้เท่านั้น...ซึ่งถ้า ทร. ได้ 911 แบบแรกมา...ค่าใช้จ่ายในการจัดหา บ.ข. คงไม่ต้องใช้แน่นอน...และเมื่อเทียบประสิทธิภาพ กับ 911 ปัจจุบันแล้ว

911 แบบแรก แม้จะไม่ได้ติด ซี สแปรโร่ แต่ก็สามารถนำ เอสปิเด้ มาติดทดแทนได้....

การป้องกันภัยตนเอง โดยมีระยะป้องกันภัยทางอากาศ จะเป็น 15 ก.ม. รวมถึงปืน ขนาด 127 ก.ม. ด้วย โดยยังไม่มี บข. ป้องกันภัยทางอากาศ รวมถึง สามารถติดตั้งเรือระบายพลขนาดเล็ก ได้ด้วย...

911 ในแบบปัจจุบัน ของ บาซาน ข้อได้เปรียบในตอนแรก...คือ มี บข. มาพร้อมกับเรือ ทำให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศ จะครอบคลุมไกลกว่า แบบแรกมาก....โดยมีระวางขับน้ำเพียง 5,000 ตัน...ในระดับปกติความสิ้นเปลือง ผมว่าจะต่ำกว่า 911 ในแบบปัจจุบัน

แต่เมื่อ 911 ในแบบปัจจุบัน ไม่มี บข. ประจำการแล้ว...ทำให้ 911 ในแบบปัจจุบัน ด้อยลงไปกว่าแบบแรกมาก....

การป้องกันภัยตนเอง มีระยะป้องกันภัยทางอากาศ เพียงแค่ 5 ก.ม. เท่านั้น...และไม่ได้ติดตั้งเรือระบายพลขนาดเล็ก ด้วย...และมีระวางขับน้ำ ประมาณ 10,000 ตัน ในระดับปกติ...ความสิ้นเปลือง ผมว่ามากกว่าแบบแรก...

ในความเห็นผม...เมื่อเทียบกับภาระกิจ ในช่วยเหลือผู้ประสบภัย...911 แบบแรก ดูจะมีประสิทธิภาพมากกว่า ในแบบปัจจุบัน...

และผลสืบเนื่องจากที่กองทัพไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง...ทำให้เหตุ ผล ของเยอรมัน ในส่งมอบเรือในลักษณะ เรือคุ้มกันชายฝั่งพลเรือน ที่มีลานบินจอด ฮ.  มากกว่า การส่งมอบเรือ เป็นเรือรบบรรทุกเฮลิคอปเตอร์...ก็เพื่อทำให้ภาพดูดีขึ้น ในแง่การเมืองของเขา...

อุ๊ย เขียนขาดตกบกพร่อง....

911 ในแบบปัจจุบัน ของ บาซาน ข้อได้เปรียบในตอนแรก...คือ มี บข. มาพร้อมกับเรือ ทำให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศ จะครอบคลุมไกลกว่า แบบแรกมาก....โดยมีระวางขับน้ำเพียง 5,000 ตัน...ในระดับปกติความสิ้นเปลือง ผมว่าจะต่ำกว่า 911 ในแบบปัจจุบัน

แก้ไขเป็น

911 ในแบบปัจจุบัน ของ บาซาน ข้อได้เปรียบในตอนแรก...คือ มี บข. มาพร้อมกับเรือ ทำให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศ จะครอบคลุมไกลกว่า แบบแรกมาก....

911 ในแบบแรกมีระวางขับน้ำเพียง 5,000 ตัน...ในระดับปกติ...ดูแล้วความสิ้นเปลือง ผมว่าจะต่ำกว่า 911 ในแบบปัจจุบัน

ความเห็นส่วนตัวครับ...ท่าน Skyman

ในแง่กฎหมาย เราอาจจะใช่...Black List

ในแง่พฤตินัย เราอาจจะไม่ใช่....

ผมว่า มันเป็นวิธีทางการฑูต รักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการรักษาเศรษฐกิจ การค้า น่ะครับ...

ประเทศไทย ถึงจะมีรัฐประหาร แต่ก็เป็นระบอบประชาธิปไตย ที่มีการเลือกตั้ง 100% ในระยะ 1-2 ปี หลังการรัฐประหาร....ไม่ได้เป็นแบบ เผด็จการ 100%...ในแง่การค้า เขาก็รู้ว่า สามารถทำการค้า - ขาย ไทย ได้ ในระดับที่น่าพอใจ แต่ไม่สามารถเต็ม 100% ในแง่ กฎหมายของประเทศเขา...มีช่องว่างในการต่อต้านการขายอาวุธได้พอสมควร....การเมืองของเราในขณะนั้น คงยังไม่เข้าข่ายของเขา 100% หรอกครับ...

ดังนั้น เขาถึงต้องเอ่ยคำนำว่า..."ส่งมอบเรือในลักษณะ เรือคุ้มกันชายฝั่งพลเรือน ที่มีลานบินจอด ฮ." ซึ่งในการค้าปกติ...ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่มีความหมายของประโยคนี้ออกมา ครับ...

จะว่ามาวกเรื่องการเมือง...แต่มันก็หลีกไม่พ้นครับว่า...ถ้าการเมืองไทย โดยระบบการเมือง ไม่ได้มาจากการลงประชามติในการออกเสียงของประชาชน 100% เหมือนทุกครั้งหลังการเปลี่ยนแปลงอำนาจการปกครองของประเทศไทยทีผ่านมา.....

ความมั่นคงของประเทศไทย และการจัดหา จัดซื้ออาวุธจากกลุ่มประเทศ ที่มีกฎหมายที่ให้ความสำคัญ ทางการเมือง การปกครองของประเทศคู่ค้า....ประเทศไทย จะต้องปรับเปลี่ยนระบบอาวุธ และปรับเปลี่ยนการป้องกันประเทศ อย่างไรบ้างครับ...มันกระทบแน่นอน....

อยากทราบนาม ฮ.ท่านนั้น