หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


อุปกรณ์ประจำตัวของทหารทางยุทธวิธี

โดยคุณ : dboy เมื่อวันที่ : 10/09/2008 23:53:18

http://www.thaiairsoftgun.com/index.php?name=knowledge&file=readknowledge&id=66




ความคิดเห็นที่ 1


สวัสดีครับคุณ dboy ขอบคุณที่ที่แนะนำลิงค์ให้ครับ

ว่าแต่เข้าไม่ถูกครับ ลองไปตามลิงค์หน้าเวปมันแปลกๆ ยังไงอยู่ หาข้อมูลไม่เจอด้วยครับ

 

โดยคุณ เสือใหญ่ เมื่อวันที่ 10/09/2008 12:18:06


ความคิดเห็นที่ 2


Ground Troop Conner  มุมทหารเดินดิน

          การเข้าทำการรบไม่ว่าจะที่ใด สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ กำลังพลที่เดินดินเข้าปฏิบัติการ ในบทความทางทหารที่ผ่านมาส่วนมากมักจะกล่าวถึง ยุทโธปกรณ์ ทางยุทธการ และ ยุทธศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน ,เรือรบ หรือ รถรบแบบต่างๆ ส่วนอุปกรณ์สำหรับช่วยให้ กำลังรบเดินดิน ทำงานได้คล่องแคล่ว ปลอดภัยมากขึ้นมักจะค่อยจะมีมากเท่าใดนัก  คอลัมน์นี้จะเป็นหน้าต่าง,มุมมองของผู้ปฏิบัติการที่ต้องใช้ร่างกาย,จิตใจและไหวพริบปฏิภาณ เป็นหลักในการปฏิบัติการ โดยทั่วไปเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการมักจะไม่มีโอกาสที่จะได้แสดงความคิดเห็นมากนัก ได้แต่บ่นไปวันๆในวงรับประทานอาหาร หรือวงเหล้า  ส่วนที่พอมีฐานะก็ไปจัดซื้อกันมาเอง ด้วยเงินสด , ถ้าไม่มีฐานะก็ใช้การผ่อนชำระไปตามระเบียบ หรือ ดัดแปลงตามมีตามมีตามเกิด  ทั้งนี้เพื่อสวัสดิภาพในการทำงานและภารกิจที่อยู่เหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งสิ่งที่เขียนต่อไปนี้อาจจะค้านกับความคิดของหลายๆท่านที่เคยปฏิบัติงานในยุคสงครามเย็น ซึ่งมักจะมีคำพูดว่า “สมัยก่อนไม่เห็นมีเขาก็รบกันได้” หรือ “ใส่ทำไมให้รุงรัง มันจะรบได้หรือหว่า”แล้วแต่จะสรรหา ขอให้ลองพิสูจน์ด้วยตนเองก่อน ในสถานการณ์ปัจจุบันชีวิตของทหารแต่ละคนเมื่อถึงเวลาวิกฤติที่มีแต่ตัวของเขาเอง, เพื่อนร่วมรบในทีมและข้าศึก

สิ่งอุปกรณ์เสริมสำหรับทหารเดินดิน

        เครื่องมือหรือสิ่งอุปกรณ์เสริมในการรบต่างมีส่วนช่วยให้การรบปะทะในแต่ละครั้งประสพความสำเร็จโดยมีการสูญเสียน้อยที่สุด ในระบบปฏิบัติการในสนามรบที่ทำให้ทหาร ตำรวจมีความได้เปรียบ คือ  ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ Mobility, ความอยู่รอดในสนามรบ Survivability อุปกรณ์หลักที่จะช่วยให้ศักยภาพทั้งสองหัวข้อ ของผู้ปฏิบัติจัดแบ่งได้มีดังนี้

เครื่องป้องกันส่วนบุคคล เช่น หมวก , แว่นตา,เสื้อเกราะ, แผ่นรองเข่า ,รองศอก , ถุงมือ ฯลฯ

อุปกรณ์ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการใช้อาวุธ เช่น สายสะพายปืน , เสื้อกระสุน , ห่วงช่วยจับซองกระสุน ,  ไฟฉายทางยุทธวิธี , เครื่องช่วยในการเล็งประกอบอาวุธ ต่างๆ

อุปกรณ์เพิ่มความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ และการเคลื่อนย้าย เช่น ถุงเท้า ,  รองเท้าปฏิบัติการ ,  เป้ขนาดเล็กสำหรับการปฏิบัติการ ๓ วัน , กระเป๋าหรือกล่องใส่อุปกรณ์ทางยุทธวิธีประจำบุคคล  ปืนเล็กสั้น เสื้อเกราะหมวก , คีมตัดกิ่งไม้ , ชุดปากพูดหูฟังประกอบศรีษะ ฯลฯ

อุปกรณ์ปฐมพยาบาลประจำบุคคล ทูนิเก้ , ผงห้ามเลือด , ผ้าก๊อส, เทปปิดแผล ฯลฯ

 

๑. เครื่องป้องกันส่วนบุคคล Personal Protective Equipment

        สิ่งที่สำคัญที่สุดในสนามรบ คือ การรักษาชีวิตของตนเองเพื่อให้รอดไปปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ ดังนั้นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญที่สุดคือ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล Personal Protective Equipment เป็นอุปกรณ์ที่ สร้างความมั่นใจในการทำงานของกำลังพลและส่งผลถึง ความคล่องแคล่วว่องไวในการเคลื่อนที่, การใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น  ในบ้านเรา ในภาคพลเรือน เริ่มมีกำหนดมาตรฐานการป้องกันส่วนบุคคลให้กับแรงงานภาคอุตสหกรรม ในโรงานอุตสหกรรมที่ มีความเสี่ยงต่อ เสียงดังเกินขนาด , สะเก็ดโลหะจากการผลิต , การทำงานในพื้นที่ที่มีความร้อนสูง มีกฏหมายคุ้มครอง โรงงานเหล่านั้น ต้องมีเครื่องป้องกันส่วนบุคคลให้กับ ผู้ที่ทำงาน ตามกฏหมายแรงงานแต่ในกองทัพไทยยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวนอกจากการจัดหากันเอง หรือจัดหาพิเศษ

        เครื่องป้องกันส่วนบุคคล ดังเดิมในสังคมไทยคงหนีไม่พ้นเครื่องรางของตามความเชื่อส่วนบุคคล และคงจะไม่เอยถึงในบทความนี้ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นบทความในหนังสือพวกเครื่องรางของขลังไป การให้วัตถุมงคลกับผู้ปฏิบัติงานเป็นเรื่องที่ดีครับ แต่หากจะต้องนำเงินบริจาคไปเช่าวัตถุมงคลด้วยราคาแพง จัดงานใหญ่โต ใช้ทุนในการจัดงานมากกว่าสิ่งที่ผู้รับบริจาคจะได้ หาวัตถุมงคลเป็นจำนวนมากๆ โดยเอาเงินไปให้กลุ่มผู้ทำธุรกิจด้านสร้างวัตถุมงคล ผมไม่เห็นด้วยด้วยประการทั้งปวงครับเพราะเป็นการทำธุรกิจหรือการหาชื่อเสียงมากกว่าช่วยเหลือที่บริสุทธิ์ใจ  เครื่องป้องกันที่จะแนะนำเริ่มจากอุปกรณ์ป้องกัน อวัยวะที่สำคัญที่สุดนั่นคือ ศรีษะ

                ๑.๑ หมวกนิรภัยป้องกันกระสุน Helmet

         ใช้เพื่อป้องกันศรีษะของทหารในระหว่างปฏิบัติการ ทหารไทยเรียกตามวัสดุที่ผลิตหมวก  แปลคำ Helmet ว่า “ หมวกเหล็ก ” ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ ๑ ก็เริ่มมีเข้ามาประจำการในประเทศไทยแล้ว และที่คุ้นเคยกันมากในสมัยยุคสงครามเวียดนาม หมวกเหล็กในยุคสงครามเวียดนาม มีชื่อแบบว่า M1 หมวกนี้คิดค้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1942 จะประกอบด้วย หมวก ๒ ใบได้แก่ หมวกรองใน ซึ่งทำด้วยไฟเบอร์กลาส  และ หมวกเหล็กที่สวมทับหมวกรองในอีกชั้นเพื่อการป้องกันสะเก็ดของอาวุธ ต่อมามีการพัฒนาวัสดุที่ทำขึ้นพร้อมกับปรับให้เกิดความสบายกับผู้ใช้งานมากขึ้น จากเดิมต้องใช้สองใบลดเหลือเพียงใบเดียว และ เปลี่ยนวัสดุจากเหล็กเป็นวัสดุสังเคราะห์ ที่มีชื่อทางการค้าว่า Kevlar® เป็นวัสดุที่คิดค้นโดยบริษัท ดูปอง DuPont  ในปี ค.ศ. 1965   มีน้ำหนักเบากว่าเหล็ก และมีคุณสมบัติที่แข็งแกร่งกว่าเหล็กหลายเท่า นอกจากนี้ยังได้มีการคำนึงถึงหลักการของ Ergonomic เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับ การออกแบบเครื่องใช้ต่างที่เกี่ยวกับมนุษย์โดยคำนึงถึงสรีระการเคลื่อนไหวของมนุษย์ เช่น การออกแบบรูปทรงให้กระจายน้ำหนัก ,เพิ่มการตรวจการณ์ให้ผู้สวมใส่ , ไม่กดคอเมื่ออยู่ในทางนอนตรวจการณ์  ส่วนภายในได้มีการปรับให้ เกิดความกระชับใส่สบายไม่สร้างแรงกดทับเป็นจุด ส่งผลต่อปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้นมีส่วนทำให้การตัดสินใจดีขึ้นกว่าการใช้หมวกเหล็ก  ผู้ที่เคยใส่หมวกเหล็กคงจะรู้ดี  หมวกที่คิดมาใหม่นำมาใช้ในปีค.ศ.1975 นี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Personnel Armor System for Ground Troops Helmet ซึ่ง โครงการ PASGT ประกอบด้วยอุปกรณ์ ๒ อย่าง คือ หมวกเหล็ก PASGT Helmet  กับ ชุดเสื้อเกราะ PASGT VEST  ล่าสุดกองทัพสหรัฐได้ ปรับปรุงหมวกขึ้นใหม่มีชื่อว่า Modular Integrated Communications Helmet (MICH),หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Advanced Combat Helmet (ACH)การพัฒนาในการปรับปรุง ชุดรองภายในหมวก ,สายรัดเพิ่มความกระชับและความสบาย , การออกแบบให้เกิดการไหลเวียนของอากาศ โดยเฉพาะได้พิจารณาถึงองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการรบนั่นคือการควบคุมบังคับบัญชาและการติดต่อสื่อสารระดับบุคคล ทำให้หมวกเคฟล่าร์มี คุณลักษณะที่เอื้ออำนวยการการปฏิบัติการของผู้ใช้มากขึ้นกว่าหมวกเหล็กที่ทหารไทยส่วนมากกำลังใช้อยู่

        ในตลาดอุปกรณ์ทางทหารนานาชาติ มีหลายบริษัท ที่ทำการผลิต ให้กับทหาร ที่กำลังปฏิบัติการอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยสรุป ข้อพิจารณาการเลือกหมวกนิรภัยของทหารประกอบด้วย ๓ ข้อ ได้แก่ ความแข็งแรงทนทานต่ออาวุธ , ความกระชับในการสวมใส่ , ความสามารถในการประกอบกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ

ผลของหมวกเหล็กยุคสงครามเวียดนาม( แบบ M1 ) ของ กองทัพไทยที่มีต่อผู้ใส่

        ๑.ความทนทานต่อกระสุนน้อยกว่า, น้ำหนักมากกว่า เคฟลาร์

        ๒.ต้องใช้ถึงสองชิ้นในการใส่เพื่อปฏิบัติงาน

        ๓.มุมในการตรวจการลดลง, เกิดการกดทับต้นคอเมื่อต้องตรวจการณ์ในมุมสูง

        ๔.ชุดรองในและสายรัด ส่วนมากชำรุดและผู้ใช้มักใช้งบประมาณส่วนตัวในการซ่อม นอกจากนี้ สายรัดคาง ไม่มีความกระชับเท่า สานรัดที่ออกแบบมาใหม่

        ๕.ไม่สามารถใช้ร่วมกับ Head set ของชุดวิทยุสื่อสารได้ Head set หรือ ชุดปากพูดหูฟังประกอบศรีษะมีความสำคัญต่อ เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการมากเพราะ การติดต่อสื่อสารระหว่าง ชุด หรือ บุคคลในการรบที่ ผู้ที่ถือวิทยุจะต้องพร้อมใช้อาวุธป้องกันตน ในขณะที่ต้องรายงานข้อมูลผ่านทางวิทยุ ,ให้คำสั่งกับผู้ใต้บังคับบัญชาภายในชุด จากบทเรียนจากการรบใน โซมาเลีย การปะทะหลายครั้ง หน่วยรองไม่สามารถรับคำสั่งใดๆจากหน่วยเหนือเป็นชั่วโมงเนื่องจากผู้ปฏิบัติไม่สามารถละมือจากอาวุธมาจับถือวิทยุหรือจับชุดปากพูดหูฟังมารับฟังการติอต่อสื่อสารได้ ทำให้หลังจากครั้งนั้น ชุดปากพูดหูฟังประกอบศรีษะเป็นชุดอุปกรณ์มาตรฐานของหน่วยจู่โจมสหรัฐ

บทเรียนจากภาคใต้

        การใช้หมวกมีความจำเป็นอย่างมากในการลาดตระเวณด้วยยานพาหนะ ในพื้นที่ที่มีระดับภัยคุกคามสูง หลายเหตุการ ทหารไทยรอดจากจากซุ่มโจมตีจากการใช้หมวก หลายนาย , หลายนายที่เสียชีวิตจากการที่ศรีษะไปชนกับโครงรถ โดยที่ไม่ได้รับอันตรายจากกระสุนหรือสะเก็ดระเบิด แต่เกิดจาก การกระทบกระแทกที่ศรีษะอย่างแรง

          หลายครั้งที่มีการตำหนิกำลังพลในเรื่องการที่ไม่ใส่หมวกในการปฏิบัติการซึ่งในความเป็นจริง บางหน่วยไม่มีหมวกในอัตรา หรือ ถึงมีอยู่ก็ไม่ได้รับการแจกจ่าย , บางหน่วยหมวกอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนักโดยเฉพาะส่วนรองในความไม่พอดีของ หมวกกับศรีษะ ถึงแม้ว่าทหารจะไม่ได้ใส่เพื่อความสวยงามหรือไปเดินแบบความพอดีของหมวกกับผู้ใช้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการตรวจการณ์ , การใช้อาวุธถ้าใครเคยลองใส่หมวกเหล็กที่ไม่พอดีกับศรีษะแล้วต้องไปนอนยิง คงทราบดีว่าหมวกจะลงมาปิดหน้าและไม่สามารถตรวจการณ์ได้

        ( ภาพ )20 ก.ย. 48 ชุด ลาดตระเวนด้วยจักรยานยนต์   กำลังพลทั้งหมด จำนวน ๖นาย  ของ ร.๖ พัน ๑ ถูกซุ่มโจมตี บาดเจ็บ ๔ นาย โดย ๑ ในนั้น มีร่อยรอยของกระสุน บนหมวกเหล็ก หากทหารท่านนั้นไม่ได้สวมหมวก อาจเสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสกว่าที่เป็นอยู่

                ๑.๒ แว่นตากันสะเก็ด Goggle

        แว่นตากับทหารในสมัยก่อน โดยเฉพาะทหารบก หากไม่ใช่พลประจำรถแล้ว ก็จะไม่มีไว้ในอัตราการจัดยุทโธปกรณ์ จากการปฏิบัติในหลายทศวรรษที่ผ่านมาพบว่าแว่นตามีความสำคัญในการปฏิบัติการเป็นอย่างมาก สถิติในสงครามยุค ศตวรรษที่ 20 พบว่าร้อยละ 16 ของการบาดเจ็บในสนามรบ เกิดกับลูกนัยตา  ซึ่งร้อยละ 90 เป็นสาเหตุที่ป้องกันได้ ด้วยการใช้แว่นตา นอกจากนี้การปกป้องดวงตาในยามปกติเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน การที่ปล่อยให้สายตากระทบกับแสงแดดโดยตรงส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพโดยเฉพาะรังสีอุลตร้าไวโอเลต ค่านิยมของการมองคนที่ใส่แว่นดำเป็นคนไม่สุภาพน่าจะหมดไป  เพราะการใส่นั่นจุดมุ่งหมายคือเพื่อการปกป้องดวงตา สิ่งสำคัญที่จะต้องถนอมไว้ใช้ในการปฏิบัติการทางยุทธวิธี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนกิจการเตรียมกำลังของกองทัพ   

         การปฏิบัติการร่วมกับอากาศยานในการคุ้มกันสนามเฮลิคอปเตอร์ ภาพที่เห็นจนชินตา ขณะเฮลิคอปเตอร์ขึ้นลง ทหารหลายคนก้มหน้าหลบและหลับตาเพื่อไม่ให้ฝุ่นเข้าตา ถามว่า “จะรักษาความปลอดภัยสนามเฮลิคอเตอร์ได้อย่างไรถ้าหลับตาแบบนั้น  ”, นอกจากนี้ การฝึกลงทางดิ่งจากอากาศยาน หรือ Rappelling ต้องมีแว่นเพื่อป้องกันเศษฝุ่นเข้าตาเพราะหากมีฝุ่นเข้าจะทำให้ผู้ที่จับเชือกในการป้องกันอันตรายจากความผิดพลาดในการฝึกไม่สามารถจับเชือกได้,

         การปฏิบัติการรบประชิด CQC: Close Quarter Combat ที่ต้องเข้าไปใช้อาวุธในอาคาร วิถีของกระสุนอาจจะไปกระทบกับวัสดุที่แข็งเกิดการสะท้อนกลับ(Ricochet), เศษวัสดุผงที่เกิดจากการใช้ระเบิดประตู ,ระเบิดมือ ถ้าสะเก็ดเข้าที่เสื้อเกราะก็ดีไป แต่ถ้าเข้าที่นัยตาคงลำบากหน่อย , หรือ การเข้ากวาดล้างคูติดต่อเมื่อขว้างระเบิดลงไปในคูติดต่อ การระเบิดจะทำให้เกิดกลุ่มฝุ่นดินลอยคลุ้งอยู่ทั่วไปและผู้ที่ขว้างต้องลงไปเคลียร์ที่หมายในทันทีเมื่อสิ้นเสียงระเบิด หากไม่มีแว่นตามีโอกาสที่จะมีเศษวัสดุเข้าตา และเมื่อตาไม่สามารถตรวจการณ์ได้อย่างเต็มที่แล้ว สิ่งที่ตามมาอาจจะเป็นการเสียชีวิต จากการปฏิบัติของ ฝ่ายตรงข้าม

         การใช้ยานพาหนะในการลาดตระเวนทางยุทธวิธี  ถ้าใครขับจักรยานยนต์ กลางคืน คงเคยเจอปัญหา แมลงเข้าตา , เศษผงเข้าตาขณะขับรถ เป็นเหตุการณ์ที่ทรมานพอสมควร และถ้าเป็นทหารที่กำลังลาดตระเวน แล้วต้อเจอเหตุการณ์แบบนี้คงไม่มีใครอยากขับต่ออาจจะต้องหยุด ยังไม่นับรวมเหตุการณ์ที่ต้องที่ร้ายแรงกว่านั้นในเรื่องของวัตถุระเบิดแสวงเครื่องข้างทาง ถ้าโชคดีโดนกลางลำคงไม่ทรมานมาก แต่ถ้าเป็นแบบ เฉียดๆ หรือ เป็นระเบิดแบบวางระดับสูงให้สาดเข้ากระจก เศษโลหะชิ้นเล็กสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตทหารที่รุ่งโรจน์ มีประสบการณ์การรบพร้อมทำการรบต่อไปเป็นเพียงผู้พิการทางสายตาตลอดชีวิต รอให้ท่านทั้งหลายไปเยี่ยม  ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นตัวอย่างของความจำเป็นของแว่นตาในการปฏิบัติการทางทหาร  ซึ่งมาหลักฐานที่ชัดเจน คือผู้พิการทางสายตาจากการปฏิบัติงานในภาคใต้

          ในพื้นที่ภาคใต้ของไทย แว่นยอดนิยม ของทหาร คือ แว่น ยี่ห้อ King ซึ่งทำจากโพลี่คาร์บอนเนต ราคา อยู่ที่ประมาณ 300-500  บาท มีคำถามว่า ดีไหม แต่เมื่อเทียบ กับ ยี่ห้อ Okley , Wiley , ESS: Eye Safety Systems , Revision eyewear  ทั้งสองยี่ห้อนี้ผ่านมาตรฐานขั้นต่ำของ กองทัพสหรัฐ   ราคาโดยเฉลี่ยอย่างต่ำ อยู่ที่ประมาณ ๒,๕๐๐ บาทขึ้นไป  ถ้าคิดว่าจะลองเสี่ยงดูและไม่อยากเสียเงินมาก แว่น King ยังดีกว่า ไม่มีอะไรปกป้องดวงตาที่บอบบางเลยแต่ถ้าเห็นความสำคัญ และต้องการลดความเสี่ยงลง แว่นทั้งสองยี่ห้อนี้สามารถให้การป้องกันได้มากกว่าแน่นอน แต่ที่ดูน่าอนาถมากกว่านั้นในสมรภูมิภาคใต้ คือ การใช้แว่น พลาสติกโค้งๆ ราคาอันละประมาณ ๓๕ บาท ถ้าใส่ขี่มอเตอร์ไซด์ไปจ่ายตลาดกันแมงเข้าตาก็พอได้ แต่ถ้าใช้เพื่อปกป้องดวงตาในการรบคงไม่ได้ แต่ทำอย่างไรได้ทหารของเราไม่ได้มีรายได้มาก หลายคนต้องเจียดเงินที่มีน้อยอยู่แล้วซื้อเอง หรือ ไม่ก็เอางบบริหารหน่วยนั้นมาซื้อ น่าสงสารมาก

        มาตรฐานของแว่นตานิรภัย

                เนื่องจากแว่นนิรภัยมีความสำคัญในการปกป้องดวงตาของผู้ใช้งาน หน่วยงานด้านมาตรฐานคุณภาพผลิตภันฑ์ ของสหรัฐ ทั้งภาคพลเรือน และ ทหารต่างก็กำหนดมาตรฐานตามความจำเป็นของการใช้งานต่าง หากต้องการใช้แค่ป้องกันฝุ่นสะเก็ดที่มีความเร็วไม่สูงนักก็ใช้ระดับการป้องกันที่ต่ำได้เพื่อประหยัดงบประมาณในการจัดหา แต่ถ้าต้องใช้ในการป้องกันสะเก็ดที่มีความเร็วสูง ก็ต้องใช้แว่นที่ระดับการป้องกันสูง

        มาตรฐานของแว่นตาตามสถาบันกำหนดมาตรฐานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ( AMERICAN NATIONAL STANDARDS INSTITUTE - ANSI) เป็นศูนย์ประสานงานของภาคเอกชนในการกำหนดมาตรฐานทั้งมาตรฐานสากลและมาตรฐานกลางของสหรัฐอเมริกาเป็นความตกลงร่วมกันขององค์กร ,  มาตรฐานของแว่นนิรภัยทั่วไปมีสองระดับ คือ ระดับ ต่ำ และระดับสูง

ระดับต่ำ ต้องผ่านการทดสอบด้วยการใช้ลูกเหล็ก ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง  1 นิ้วจากความสูง 50  นิ้ว ทิ้งลงตรงๆบนเลนส์ ที่จะทดสอบ

ระดับสูง ANSI Z87.1-2003ต้องใช้การยิงลูกเหล็ก ด้วยความเร็วต่างๆกันดังนี้ สำหรับแว่นทั่วไปต้องทนลูกเหล็กขนาด 6.35 มม. ที่ยิงด้วยความเร็ว150ฟุต ต่อวินาที แว่นมีสายรัดGoggleต้องทนลูกเหล็กที่ยิงด้วยความเร็ว 250 ฟุตต่อวินาที

        มาตรฐานแว่นกันสะเก็ดของกองทัพสหรัฐ

                   มาตรฐานของสหรัฐเลนส์แว่นกันสะเก็ดทางทหาร(Military Goggle Standard: MIL-STD- 43511C ) ต้องทนกระสุนขนาด caliber.๒๒ นิ้ว น้ำหนัก 17 เกรน ที่ความเร็ว  560 ฟุตต่อวินาที ( หมายเหตุ 1 grain = 64.79891 mg  )  , คุณลักษณะเฉพาะของแว่นทางทหาร ตาม Military Performance Specification 31013 : MIL-PRF-31013  ต้องทนกระสุนขนาด caliber .15 นิ้ว ที่ความเร็ว  250 เมตร ต่อ วินาที  

 

 

        ปัจจุบันกองทัพบกไทยที่มีกำลังพลปฏิบัติการเดินดินมากที่สุด กลับให้ความสำคัญของแว่นนิรภัยน้อยมาก  สิ่งอุปกรณ์ที่มีความใกล้เคียงแว่นนิรภัยคือ  คือสิ่งอุปกรณ์ที่ชื่อว่า “แว่นตากันฝุ่นลมและกันแดด” ซึ่งล่าสุด มีการจัดหากันให้กับหน่วยทหารของกองทัพบกในภาคใต้ กรมพลาธิการกองทัพบก ได้กำหนดคุณลักษณะเฉพาะ ซึ่งระบุแต่ลักษณะภายนอกเท่านั้นไม่ได้ระบุระดับความทนของเลนส์ต่อการกระแทกของสะเก็ด โดยมีคุณลักษณะเฉพาะโดยสรุปดังนี้  ” ตัวกรอบแว่นทำด้วยยางแท้ หรือ ยางสังเคราะห์นุ่มสีดำ แนบกับใบหน้าเมื่อสวม ตัวเลนส์ทำด้วยพลาสติกสีโปร่งใสมีสามแผ่นสับเปลี่ยนกันได้  ,สีเหลืองอ่อน ,สีเท่าอ่อน สายรัดทำด้วยยางยืดสีกากีแกมเขียว  ปรับสั้นยาวได้ การประกอบประณีต เรียบร้อย ทุกชิ้นต้องแน่นพอเหมาะ ”

          สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของ ทหารไทยคือการใช้ราคาเป็นเครื่องตัดสินในการซื้อของ ตามมาตรฐานของประเทศไทยกำหนดค่อนข้างต่ำ และที่สำคัญของที่ทำเลียนแบบหรือของที่ทำโดยไม่มีกระบวนการตรวจสอบมาตรฐาน บางครั้งอย่างได้มาตรฐานอะไรก็เพียงพิมพ์ลงในใบโฆษณาสินค้าเคราะห์กรรมตกกับผู้ใช้เสมอมา

        ข้อบกพร่องของ คุณลักษณะเฉพาะของแว่นกันฝุ่นลมและกันแดด นี้คือ

                ๑. ไม่ได้คำนึงถึงการปกป้องดวงตาของผู้ปฏิบัติจากสะเก็ดที่มีความเร็วมากว่าฝุ่นหรือลม

                ๒. การระบุเพียงสีของเลนส์การระบุเช่นนี้จะไม่ได้คุณลักษณะของการป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเลต ซึ่ง ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ แว่นตากันแดดราคาถูกที่เป็นเพียงพลาสติกเกรดต่ำใส่สี เป็นการผลิตที่

ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ปวดตาและอาจทำให้สายตาเสียได้

                ๓.ไม่ได้ระบุถึงความทนทานต่อการกระแทกของเลนส์

        ทั้งสามข้อนี้ แสดงถึงสายวิทยาการกองทัพไม่ได้สนใจความรู้ทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อสวัสดิภาพของกำลังพลแม้แต่น้อยพลทหารจนๆ ทั้งหลาย จะไปฟ้องกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมก็หรือ ศาลปกครองคงไม่ได้ ยังคงต้องรออีกนานกว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ที่รับผิดชอบ

                ๑.๓ ถุงมือปฏิบัติการ

        ผู้ที่เคยผ่านการเดินป่าภูเขาที่ต้นไม้มีหนามแหลมคม คงทราบดีว่า การที่ไม่มีถุงมือในการช่วยจับยึดเป็นอย่างไร ถุงมือเป็นเครื่องมือช่วยในการปฏิบัติการที่ยังไม่ได้รับการบรรจุอยู่ในการแจกจ่ายของกองทัพ  ถุงมือเป็นสิ่งอุปกรณ์พิเศษที่ ต้องเบิกเป็นครั้งคราว แต่กำลังพลทั่วไปที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับตัวเอง ต้องซื้อหามาใช้ตามอัตภาพ จนเป็นเรื่องปกติ ยกเว้น กำลังพลที่เป็นนักบิน ที่ หลวงท่านเมตาจัดหาให้ ( ทั้งๆที่นักบินท่านมีเงินเดือนเยอะกว่าทหารทั่วไปมากๆ )  โดยทั่วไป ช่วงยุคต้นๆ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ใช้ถุงมือ Normex® ของนักบิน มาใช้ให้ความกระชับ แต่ความทนทานต่อการเสียดสีไม่ดีนัก โดยเฉพาะเมื่อต้องลง Fast Rope การปฏิบัติการยุคแรกเลยต้องใช้ถุงมือสองคู่ พอลงมาต้องถอดถุงมือก่อนถึงจะยิงปืนได้ บริษัทผลิตถุงมือในต่างประเทศได้คิดค้นผลิตถุงมือ ที่กระชับและมีความทนทานสูงขึ้นมา เช่น

Camelbak Friction Fighter Glove , Camelbak Combat Gloves , Maxpro Gloves , S.O.L.A.G. Full Finger Gloves , Hatch Operator HK Tactical Glove 

        ความจำเป็นของถุงมือในการปฏิบัติการ มีดังต่อไปนี้

                        ๑.๓.๑ การให้การป้องกันผิวหนังจากเศษวัสดุของมีคมและความร้อน

        กรณีของการเคลื่อนที่ในพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง การบุกเข้าไปในอาคารที่มีการระเบิด ,การยิง เศษกระจก , เศษปูน , เศษโลหะเล็กจากระเบิดแสวงเครื่องที่ เกลื่อนกราด บนพื้น ถ้ามีเสียงกระสุนปืน แหวกอากาศดัง เปรี๊ย , เปรี๊ย ทุกคนวิ่ง หมอบโผเข้าที่กำบัง เท่าที่จะหาได้ คนที่คลาน ที่กำบังอาจจะสูงแค่ ไม่กี่ เซ็นติเมตร ทุกคนคลานต่ำโดยธรรมชาติเกิดขึ้น หลังมือ,แขน อาจจะต้องสัมผัสกับพื้น  เลือดออกแน่ๆครับสำหรับใครที่ไม่มีถุงมือ  หรือการตีกระจกเพื่อเข้าไปโจมตีภายในห้องด้วยเครื่องมือตีกระจกในการเข้าสู่ที่หมายของการรบในเมืองซึ่งหากไม่มีถุงมือ มืออาจจะได้รับบาดเจ็บ ซึ่งส่งผลต่อการใช้อาวุธอย่างแน่นอน

          ในการเคลื่อนที่ในป่าภูเขา โดยเฉพาะบางที่ที่ต้นไม้มีหนามแหลมคม การลื่นเกิดขึ้นได้ มือเป็นอวัยวะที่ช่วยในการทรงตัว หากไม่มีถุงมือช่วย ความเจ็บปวดจากการต้องจับต้นไม้ที่มีหนามทั้งต้นตอนที่จะล้ม คงไม่ต้องจิตนาการความรู้สึกว่าเจ็บปวดเท่าใด  ทหารทนได้อยู่แล้วเพราะทุกวันนี้ก็ทนเอา แต่หลายครั้งเป็นการเคลื่อนที่ในการฝึก ลงไปเจอกับข้าศึกสมมติ แต่ถ้าต้องลงเขาไปเจอกับฝ่ายตรงข้าม ที่มีอาวุธ,มีปืน และความผิดพลาดของการใช้อาวุธของแต่ละบุคคลที่ต้องใช้มือที่มีบาดแผลจากหนามจับปืน,เหนี่ยวไก เป็นเดิมพันที่ต้องแลกด้วยชีวิต

                        ๑.๓.๒การเพิ่มความกระชับการจับอาวุธ,ยุทโธปกรณ์ในสภาพการปฏิบัติงานที่ต้องเดินเท้า,สภาพความกดดันความร้อนหลีกเลี่ยงไม่ได้กับเหงื่อที่ออกบริเวณฝ่ามือ โดยเฉพาะการใช้อาวุธสำรองประเภทปืนพก เมื่อปืนหลักหรือปืนเล็กยาวติดขัด , การจับซองกระสุนในการเปลี่ยนซองกระสุนใหม่ระหว่างการปะทะ  , การเปลี่ยนลำกล้องของปืนกลขนาด๗.๖๒ มม.เป็นต้น

                        ๑.๓.๓ การใช้ในการกระโดดร่มแบบกระตุกเอง

        การกระโดดร่มแบบกระตุกเอง ในความสูง ที่มากกว่า ๘๐๐๐ ฟุต อากาศ เริ่มเย็นลง การให้ความอบอุ่นกับมือมีความสำคัญในการที่จะรักษาการไหลเวียนของเลือดบนฝ่ามือให้ทำงานเป็นปกติ ถุงมือจะช่วยให้ความอบอุนและความกระชับในการที่จะใช้มือในการดึงห่วงดึง , แก้ไขเหตุติดขัด ด้วยการดึง หมอนแดง(สายตัดร่มหลัก) ก่อนที่จะดึงร่มช่วยหรือร่มสำรอง

                        ๑.๓.๔ การลดการการเพิ่มรอยนิ้วมือแฝงบนสถานที่เกิดเหตุ หรือวัตถุพยาน

          ในการปฏิบัติการในปัจจุบัน หลักฐานจากที่เกิดเหตุมีความสำคัญ มากในการขยายผลจากเพื่อทำลายเครือข่ายของผู้ก่อความไม่สงบการปฏิบัติสืบสวนสอบสวน  ทุกรอยนิ้วมือที่เพิ่มขึ้น เพิ่มความยุ่งยากให้กับ เจ้าหน้าที่ในการสืบสวน อย่างมาก หากมีถุงมือในการปฏิบัติการ จะช่วยในการลด การเพิ่มรอยนิ้วมือในสถานที่เกิดเหตุ หรือวัตถุพยาน ช่วยให้การสืบสวนกระทำได้สะดวกขึ้น

                             ๑.๓.๕การลดโอกาสในการติดเชื้อจากเลือดของผู้บาดเจ็บในที่เกิดเหตุทั้งฝ่ายเดียวกัน,ฝ่ายตรงข้าม การต่อสู้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดอาการบาดเจ็บ การเข้าไปสัมผัสผู้บาดเจ็บ โดยเฉพาะเพื่อนร่วมตายในสนามรบในขั้นตอนของ การดูแลผู้บาดเจ็บในสนาม หรือ การดูและระหว่างการปะทะ คงไม่มีเวลามาใส่ถุงมือยางแบบในโรงพยาบาล ถุงมือปฏิบัติการอาจจะป้องกันไม่ได้เต็มที่แต่ก็ลดโอกาสในการติดเชื้อของผู้ช่วยเหลือได้ในระดับหนึ่ง  

                        ๑.๓.๖การลดการบาดเจ็บการต่อสู้ระยะประชิด ถุงมือ จะช่วยลดการบาดเจ็บจากการชกไปโดนฟันของคู่ต่อสู้ ,การกัดของฝ่ายตรงข้าม ,ลดอันตรายจากการจับของที่มีคมได้ในระดับหนึ่ง

        นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อีกมากมายซึ่ง หากผู้ที่ไม่ค่อยได้ปฏิบัติงานอาจจะไม่ทราบถึงประโยชน์ของสิ่งเหล่านี้เท่าที่ควร อาจจะเกิดจากสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง แต่จาก การปฏิบัติงานในหลายพื้นที่ ถุงมือปฏิบัติการยังเป็นสิ่งที่กำลังพลเดินดิน ต้องการ ในระดับต้นๆของการสนับสนุน สิ่งอุปกรณ์

                ๑.๔ สนับเข่า และ ศอก

                          สนับเข่าและศอก อาจจะดูไม่จำเป็นนักในสายตาของผู้ที่ยังไม่เคยลงFast rope หรือ การเดินป่าภูเขาแล้วล้มเข่ากระแทกพื้นแล้วต้องเดินเพื่อไปปฏิบัติภารกิจต่อ การบาดเจ็บตั้งแต่ยังไม่เข้าทำการรบ  ความอดทนคือคำตอบ สำหรับ ทหารยุคสงครามเย็นก่อนที่จะมี ผลิตเครื่องป้องกัน เข่าและศอก

        สนับเข่า  มีความจำเป็นมากโดยเฉพาะการรบในพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง , การใช้จักรยานยนต์ทางยุทธวิธี การที่รถต้องล้มด้วยความจงใจหรือจากการโจมตีฝ่ายตรงข้าม ถ้ายังไม่ตายการลดการบาดเจ็บการการกระแทกของเข่าและศอกอันเป็น อวัยวะสำคัญในการ เคลื่อนที่ดำเนินกลยุทธ และการใช้อาวุธในการตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม  เป็นสิ่งสำคัญในการต่อความอยู่รอด หลังการโจมตีระลอกแรกในการซุ่มโจมตี

๒. อุปกรณ์ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการใช้อาวุธ

        อุปกรณ์เสริมประสิทธิภาพในการใช้อาวุธ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ทหาร สามารถใช้อาวุธได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ นอกจากความรวดเร็วในการยิงอย่างแม่ยำแล้ว การเปลี่ยนซองกระสุน , การชักปืนพกอย่างรวดเร็ว เพื่อยิงเมื่อปืนเล็กยาวหรือปืนหลักของตนเองติดขัด   เวลาเพียงเสี้ยววินาทีของการทำให้ปืนพร้อมใช้งาน , หมายถึงชีวิต ดังนั้น ผู้ที่เป็นทหารตำรวจอาชีพจะให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มากที่สุด

        ๒.๑ ชุดนำพากระสุนและอุปกรณ์ประจำกาย

        ในอดีตทหารจะมีการใช้ สายโยงบ่า หรือ LBE Load Baring Equipment ซึ่งจะใช้ประกอบกับ ที่ใส่กระสุนติดเอว , ซองเข็มทิศ , ซองใส่กระติกน้ำ , กระเป้าเป้เล็ก BUTT Pack ที่ทหารไทยบางท่านเรียกว่า “กระเพาะหมา”  ต่อมา จึงมีการพัฒนา เสื้อกั๊กกระสุนทางยุทธวิธี Assault  Vest  ซึ่งจะลดภาระของ ที่อยู่ที่เอวลง แต่แนวความคิดนี้ จีน และรัสเซียใช้มานานแล้ว ดูจาก แบบของเสื้อใส่ซองกระสุนของ

โดยคุณ dboy เมื่อวันที่ 10/09/2008 12:53:20