คมชัดลึก 5 ตุลาคม 2550 17:24 น.
คงไม่เก่าไปนะครับ
ขอโทษสำหรับคนที่อ่านแล้วครับ
ความคิดเห็นที่ 1
ยง นนท์โสภา เจ้าของอู่เรือมาร์ซัน ผู้ต่อเรือ ต.992-993 เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาในหลวง ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ระบุ เป็นจุดสูงสุดในชีวิตแล้ว เผยต้องดั้นด้นไปเรียนต่อเรือที่เมืองจีนนานถึง 18 ปี ก่อนจะประสบผลสำเร็จในวันนี้
"พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานคำแนะนำว่าข้างหลังควรลบมุมให้มากกว่านี้หน่อย แล้วทางกรมอู่ทหารเรือก็ทำตามพระบรมราชวินิจฉัยไปลบท้ายให้มนขึ้น ตามหลักทฤษฎีก็คือ ถ้ามนขึ้นแล้ว ความต้านทานจะลดน้อยลง"
เบื้องหลังความสำเร็จของการต่อเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งเฉลิมพระเกียรติ80 พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชุด ต.992-ต.993 มาจากฝีมือการต่อเรือของทีมวิศวกร และช่างเทคนิคชั้นยอดของอู่เรือมาร์ซัน ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
หากเปรียบอู่เรือแห่งนี้เป็นนาวาลำหนึ่งยงนนท์โสภา ผู้ก่อตั้งอู่เรือมาร์ซันในวัย 67 ปีก็ไม่ต่างจาก "กัปตัน" หรือ "ผู้บังคับการเรือ" ผู้ถือหางเสือนำพานาวาลำนี้ฝ่าคลื่นลมและมรสุมที่โหมกระหน่ำมาตลอด 27 ปีจนเป็นอู่ต่อเรือแถวหน้าของประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ชีวิตของกัปตันยงก้าวมาถึง "จุดสูงสุดของชีวิต" เมื่อได้รับเกียรติจากกองทัพเรือให้ต่อเรือเฉลิมพระเกียรติในปีมหามงคลยิ่งนี้
แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเจ้าของอู่ต่อเรือพันล้านผู้นี้เคยกระเสือกกระสนหนีความแร้นแค้น ดั้นด้นไปเรียนวิชาการต่อเรือที่เมืองจีนนานถึง 18 ปีเต็ม และเคยตกระกำลำบากถึงขนาดกินแป้งคลุกใบไม้เพื่อประทังชีวิตเป็นแรมเดือนมาแล้ว...
@ วันที่มีพระราชพิธีปล่อยเรือลงน้ำ มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง
ในวันนั้น(6 ก.ย.2550) ผมรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างมาก วันนั้นผมขับรถออกจากบ้านไปอู่ตั้งแต่ 8 โมงเช้า โดยพระราชพิธีจะมีขึ้นตอน 5 โมงเย็น แต่คุณเชื่อไหมว่าตั้งแต่ก่อน 8 โมงเช้า ทั้งสองข้างทางมีคนเต็มไปหมด มีย่ายายแก่ๆ ไปนั่งกางร่มรออยู่แล้ว ตอนหลังก็ได้รับรู้ว่า วันนั้นตั้งแต่ แม็คโคร ศรีนครินทร์ เรื่อยมาตามถนนศรีนครินทร์ ถนนสุขุมวิท ไปเข้าถนนสายลวด มาจนถึงบริษัทเต็มไปด้วยผู้คนทั้งสองข้างทางเลย เรารู้สึกซาบซึ้งใจมากๆ เลย คนเขาอยากดูพระบารมี อุตส่าห์ตากแดดมารอ แต่ผมมีโอกาสทูลเกล้าฯ ถวายของที่ระลึกแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทั้งที่ผมก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง มาจากครอบครัวที่ยากจน ผมรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างมาก มันเป็นจุดสูงสุดในชีวิตแล้ว
@ได้รับเกียรติให้มาต่อเรือเฉลิมพระเกียรติชุดนี้ได้อย่างไร
เรือต.991 ต.992 ต.993 เป็นเรือที่กองทัพเรือสร้างขึ้นมาถวายพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษาในปีนี้
กรมอู่ทหารเรือต้องจัดหาอู่ที่มีประสบการณ์และได้รับความไว้วางใจมาสร้างเรือลำนี้ เพราะที่ผ่านมามีหลายอู่ที่เคยสร้างเรือให้กองทัพเรือ และไม่สามารถเสร็จตามเวลา คุณภาพก็มีปัญหา ในคราวนี้ทางทหารเรือเขาก็ตั้งกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ทั้งหมด 17 คน เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค ไม่ว่าจะทางด้านตัวเรือ ด้านเอ็นจิเนียริ่ง ด้านเครื่องไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และระบบอะไรต่างๆ ทั้งหมด จัดตั้งขึ้น 17 คน ส่วนใหญ่เป็นนาวาเอกขึ้นไป มาตรวจสอบประสิทธิภาพ ความสามารถของแต่ละอู่ในเมืองไทย ซึ่งทั้งหมดมีอยู่ 5 อู่
ทุกๆอู่ไปสำรวจขีดความสามารถที่จะสร้างเรือลำนี้มั้ย การควบคุมคุณภาพที่ผ่านมาเป็นยังไง มีบุคลากรมีความสามารถสร้างเรือชุดนี้มั้ย ทั้งหมดให้เป็นข้อๆ แล้วให้ 17 คนที่ไปดูทุกๆ อู่มาให้คะแนน ในที่สุดเราได้รับการยอมรับ ได้รับคะแนนมาเป็นอันดับ 1
หลังจากรับงานชุดนี้มาเซ็นสัญญาเรียบร้อย เราก็ดำเนินการไปเรื่อยๆ ทุกอย่างเป็นไปตามตารางเวลา เราเซ็นสัญญาปีที่แล้ว (2549) เรือลำนี้ใช้เวลา 18 เดือน แต่จริงๆ เราใช้ประมาณ 16 เดือนก็เสร็จ ซึ่งเมื่อออกไปทดลองแล้วทุกอย่างก็ตรงตามที่เราคาดหมาย
@ ทราบว่าในเชิงเทคนิคของการออกแบบเรือบางประการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยด้วย
เรือลำนี้ก่อนที่จะมาออกแบบคอมพลีต(สมบูรณ์) ทางกองทัพเรือได้ส่งบุคลากรไปเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ก็รับสั่งให้ปรับปรุงทางส่วนท้ายเรือ
เดิมท้ายเรือค่อนข้างจะชันมุมค่อนข้างจะมาก พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานคำแนะนำว่า ข้างหลังควรลบมุมให้มากกว่านี้หน่อย แล้วกรมอู่ทหารเรือก็ทำตามพระบรมราชวินิจฉัยไปลบท้ายให้มนขึ้น ตามหลักทฤษฎีก็คือ ถ้ามนขึ้นแล้ว ความต้านทานจะลดน้อยลง จะทำให้เรือวิ่งได้ดีขึ้น ไปทดสอบแล้วได้ความเร็วมากกว่าที่เราเซตไว้ประมาณ 1-2 นอต
@ มีความคิดที่จะต่อเรือรบที่มีขนาดใหญ่กว่านี้เพื่อช่วยประหยัดงบประมาณ และเสริมศักยภาพให้กองทัพเรือหรือไม่
อู่ของเรามีขีดความสามารถที่จะพัฒนาให้สามารถต่อเรือที่ใหญ่ขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรือฟริเกต หรือเรือโอพีวี แต่เนื่องจากการขยายงาน ขยายโรงงานมันต้องใช้งบสูง ถ้าเราไม่มีงานเข้ามาแล้วเราไปขยาย ไปรอ เราคงทำไม่ได้ ถ้ามีงานเมื่อไร เราก็พร้อมจะอัพเกรดไปถึงตรงนั้น
@ เส้นทางของบริษัทเป็นอย่างไร ทำอะไรมาบ้างจึงทำให้หน่วยงานราชการ หรือกระทั่งเอกชนในต่างประเทศให้การยอมรับ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ27 ปีก่อน ผมทำงานอยู่ที่บริษัทอิตัลไทย มารีน พอดีมีลูกค้าคนหนึ่งมาหาเรา คือ บริษัทอาหลี แอนด์ ซัน บริษัทนี้ตั้งอยู่ที่ศรีราชา จ.ชลบุรี เดิมมีเรืออยู่ 20 ลำ แต่ส่วนใหญ่เป็นเรือไม้ วิ่งได้ประมาณ 8-9 นอต งานของเขา คือ ส่งเสบียง ผู้โดยสารให้กับเรือต่างประเทศที่มาจอดรอหน้าเกาะสีชังจำนวนมาก เพราะสมัยนั้นท่าเรือแหลมฉบังยังไม่มี ท่าเรือคลองเตยก็ไม่พร้อมจะรับ
แต่อยู่มาวันหนึ่งมีบริษัทชิปปิ้งของต่างประเทศ ประกาศว่า อีก 5 เดือนข้างหน้าจะมีเรือ 2 ลำใหม่ออกมา จะได้ความเร็ว 20 นอต มาแข่งเรืออาหลี
เจ้าของอาหลีก็มาหาเราให้เราช่วย เงื่อนไข คือ 1.อยากได้ราคาที่พอสมควร 2.สปีดต้องไม่น้อยกว่า 20 นอต 3.อยากให้เราทำก่อนที่เรืออีกเจ้าจะออกมา
ตอนนั้นบริษัทอิตัลไทยมารีน งานก็กำลังยุ่งอยู่ จึงบอกว่าเรือแบบนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 7-8 เดือน ราคาก็ประมาณ 2 ล้านเศษๆ
ทีนี้เจ้าของอาหลีเขาก็มาคุยกับผมส่วนตัวว่าให้ผมช่วยเขาหน่อยได้มั้ย ตอนนั้นเราในฐานะที่เป็นวิศวกร ทำงานมาหลายปีแล้ว เราก็มีความคิดที่ว่าอยากจะมาทำธุรกิจส่วนตัวของเราบ้าง หลังจากศึกษาเรียบร้อยแล้ว ผมก็รับปากเขา
@ ตอนนั้นก็ยังไม่มีอะไรเลย ไปรับปากเขาแล้วมั่นใจได้อย่างไรว่าตัวเองจะทำได้
ผมไม่มีเงินไม่มีอู่ ไม่มีอะไรเลย แต่ผมก็เป็นคนแบบนี้นะ รับปากแล้วต้องทำให้ได้ ตอนนั้นเรือลำหนึ่งผมบอกเขาค่าต่อเรือลำหนึ่ง 1 ล้าน แล้วเรื่องเครื่องให้เขาช่วยซัพพลายให้
ผมมีเงินแค่5 หมื่นบาทเพื่อที่จะมาสร้างเรือลำนี้ และฟอร์มทีมงาน ไอ้ที่ดินจะไปซื้อ ไม่มีทาง ไปเช่าก็ยังเช่าไม่ได้เลย
บังเอิญในซอยวัดสวนส้มอยู่ที่ปู่เจ้าสมิงพรายมีโรงงานร้างอยู่ มีคนแนะนำให้ไปดู ผมก็ไปดูเลย แต่ว่ากำนัน ผู้ใหญ่บ้านเขาบอกว่า คุณไม่ต้องมาหรอก คุณกลับไปเถอะ เพราะโรงงานชุดนี้ เถ้าแก่เขาก็ไม่ร้อนเงิน เขาเคยให้คนเช่าแล้ว แล้วเกิดปัญหา
ผมบอกว่าขอลองดูหน่อยได้ไหม ขอให้ผู้ใหญ่พาไปหาเจ้าของ เจ้าของเขาอยู่แถวหัวลำโพง ผมไปหาเขาแล้วก็เล่าความเป็นมาของเราให้เขาฟังอย่างละเอียด
ไม่น่าเชื่อไปครั้งเดียวเขารับปากให้เลย ผู้ใหญ่คนนี้บอก เอาไปทำเลย เอาไปแล้วเรื่องค่าเช่าหมื่นเศษๆ ถ้าคุณมีเมื่อไรค่อยเอามาให้
ตอนนั้นผมก็ทำงานประจำไปด้วยเลิกจากงานผมก็มาต่อเรือ ก็พยายามหมุนเงินจนงานเสร็จตามกำหนดจนได้
เถ้าแก่ของอาหลีเขาก็แฮปปี้มากเมื่อก่อนจากท่าเรือศรีราชาไปขึ้นเรือต้องใช้เวลา 50 นาทีถึง 1 ชั่วโมง แต่พอเขาใช้เรือของเราแค่ 10 นาที ลูกค้าแฮปปี้มากๆ ทุกคนอยากนั่งเรือลำนี้หมด
@ มาต่อเรือให้ราชการได้อย่างไร
อาหลีเขาก็สั่งต่อเพิ่มรวมแล้วเป็น12 ลำ บริษัทก็ค่อยๆ เติบโตเรื่อยมา ก็เริ่มไปประมูลเรือของราชการ เริ่มจากเรือศุลกากร ของกรมประมง ตำรวจน้ำ ฯลฯ ทุกวันนี้ก็ต่อไปแล้วประมาณ 180 กว่าลำ
ความจริงเรามีเรืออีกหลายลำที่เราภูมิใจมากเช่น เรือศุลการกร 802 ที่เราออกแบบให้กรมศุลกากร เรือลำนี้สามารถวิ่งได้ 38 นอต ขนาด 80 ฟุต ถึงทุกวันนี้เรือลำนี้ก็ยังใช้ได้ดี
อีกลำเมื่อ 10 กว่าปีก่อนเราต่อเรือโดยสารให้ฮ่องกง เรือลำนี้เขาใช้ระหว่างฮ่องกง กับเจียงเหมิน ตอนที่ไปส่งมอบ นักข่าวมาลงกันเต็มเลย เขาเซอร์ไพรส์มากๆ เลยว่า เมืองไทยทำไมต่อเรือประเภทนี้ได้ ความเร็วก็ดี คุณภาพทุกอย่างก็ดี
แล้วก็มีเรือที่ต่อให้ปากีฯเรือจู่โจมพิเศษ (แอสซอลท์ โบ๊ต) ซึ่งเรือลำนี้วิ่งไปปุ๊บ สามารถหยุดกะทันหันได้ เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา อยู่ตรงกับที่ได้ เราก็ต่อให้เขา 4 ลำ
@ คุณยง ไปเรียนวิชาการต่อเรือมาจากไหน เพราะสมัยก่อน ทางเมืองไทยก็ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านนี้สักเท่าไร
ต้องถามก่อนว่าทำไมผมถึงได้เรียนหนังสือ ผมเป็นคนบางบ่อ (จ.สมุทรปราการ) ที่บ้านค่อนข้างจะยากจน ตอนนั้นเรียน ร.ร.ไทยกับจีนผสมกันจนจบ ป.4
พอจบแล้วเราไม่มีเงินเรียนต่อพ่อแม่ก็ส่งมาที่กรุงเทพฯ ที่ตลาดเก่าเยาวราช มาช่วยทำงานที่บ้านญาติห่างๆ ตอนนั้นผมเพิ่งอายุได้ 13 ปีเอง กลางวันผมทำงาน กลางคืนผมไปเรียนต่อ ทีแรกไปเรียนลัด ม.3 แต่เรียนไปเรียนมาไปเจอเพื่อน เพื่อนก็บอกไปเรียนไนท์สกูลที่มีภาษาจีนดีกว่า เพราะเรามีพื้นภาษาจีน
สมัยนู้นเนี่ยทางจีนเพิ่งปลดปล่อยไม่นานปี1949 ผมมาทำงานกรุงเทพฯ ปี 1953 แล้วได้ข่าวมีเด็กนักเรียนไปเรียนที่เมืองจีนเยอะเพราะไม่ต้องเสียตังค์ ค่าใช้จ่ายในการเรียน ค่าอะไรเนี่ย เขาสนับสนุนเราด้วย อันนี้เป็นการดึงดูดใจมากๆ เลย
ผมนี่กลางวันต้องทำงานกลางคืนต้องเรียนหนังสือ แล้วกลับมาถ้าไม่ถึงเที่ยงคืนผมไม่เคยนอนเลย จนกระทั่งตาผมเมื่ออ่านหนังสือมากๆ เข้าจนสายตาผมตอนนั้นอายุ 13 สายตาซ้ายสั้น 1,000 กว่า ข้างขวาประมาณ 700-800 ทรมานมากๆ แต่มันจำเป็น
ผมตั้งหน้าตั้งตาจะไปเมืองจีนหลังจากเรียนที่กรุงเทพฯ อยู่ 2 ปีกว่า เรียนได้เกรดดี ก็อยากจะไป
@ ไปถึงเมืองจีนได้ยังไง
สมัยนู้นยังแอนตี้คอมมิวนิสต์อยู่เขาก็จับคอมมิวนิสต์อยู่ตลอด ตอนนั้นมีคนจีนโพ้นทะเลที่อยู่เมืองไทยก็ต้องเสียต่างด้าว ปีละ 300-400 บาท พอดีปี 1955 จะมีเนรเทศหลายร้อยคนออกนอกประเทศ เพราะเขาไม่มีตังค์เสีย พวกเนรเทศนี้ไปฟรีอยู่แล้ว ใครอยากจะไปเสียตังค์นิดหน่อยก็ออกไปได้อยู่แล้ว ผมไม่มีตังค์ แต่ก็มีพรรคพวกช่วย
เรือเขามาเทียบแถวแม่น้ำตรงท่าแถวเยาวราชคนเยอะ เบียดๆ กัน ผมถูกเบียดไปช่องเล็กๆ ตรงพอร์ทไลต์ (ช่องกระจกเล็กๆ ในเรือ) เพราะตอนนั้นผมตัวเล็ก เข้าไปข้างใน ซ่อนตัวในกระเป๋า ผมก็แอบอยู่ในนั้น ถึงจะได้ไป
@ ไปถึงเมืองจีน แล้วทำยังไงถึงได้เข้าเรียนที่โรงเรียนต่อเรือ
สมัยนั้นเรือช้าวิ่งตั้ง 6-7 วันไปถึงทางใต้ของจีน คือ ซัวเถา ตอนนั้นผมอายุประมาณ 15 แล้ว ผมไปดูเป็นเมืองเล็กๆ ไม่ค่อยสนใจ ไม่ค่อยชอบ ผมกับเพื่อนๆ นั่งรถเมล์จากซัวเถาไปที่กวางเจา ตอนนั้น 300 กว่ากิโล ต้องวิ่ง 2 วัน
กวางเจาก็ไม่ค่อยพอใจเห็นว่าเมืองยังเล็กอยู่ เราก็ซื้อตั๋วขึ้นไปปักกิ่งเลย เขาก็ให้ไปเรียนศูนย์ สักประมาณ 2-3 เดือนแล้วก็ให้สอบเข้าโรงเรียนประจำของแต่ละหน่วย ผมโชคดี ไปเข้าโรงเรียนมัธยมที่ค่อนข้างมีคุณภาพ เป็น 1 ใน 10 ของปักกิ่งในสมัยนั้น ก็เรียนได้เหรียญเงิน เหรียญทองมาโดยตลอด
ตอนเรียนมัธยมชีวิตผมได้กินเนื้อหมูแค่ 1 ครั้ง 5 ปีที่อยู่ปักกิ่ง ข้าวสารที่ขาวๆ สวยๆ บ้านเราเนี่ย ปีหนึ่งได้กิน 1 ครั้ง กินพวกแป้งข้าวโพด แป้งสาลี ซึ่งไม่ใช่แป้งขาวๆ ที่เรากินนะ แดงๆ เพราะประเทศเขายากจน
อยู่ปักกิ่ง5 ปี พอจะสอบเอนท์มันมีปัญหา มหาวิทยาลัยพอจบแล้วรัฐบาลเป็นคนให้งานหมดเลย ส่งไปทำงานที่หน่วยงานต่างๆ มันไม่มีการแอพพลายด้วยตัวเอง
ผมคิดว่าผมจะเรียนอะไรดีถ้าจะไปเรียนเอ็นจิเนียร์ธรรมดา เรียนหมอ อาจจะต้องส่งไปทั่วประเทศเลย ส่งไปที่ทุรกันดาร ผมไม่อยากไป ผมเลยมีความคิดแบบว่าถ้าเรียนต่อเรือท่าจะดี
แต่สมัยนั้นในเมืองจีนมีโรงเรียนต่อเรือที่สามารถสมัครได้แค่2 โรงเรียนเอง ที่หนึ่งก็คือที่เซี่ยงไฮ้ แต่ผมอยู่ปักกิ่ง เขตปักกิ่งไม่สามารถสมัครที่เซี่ยงไฮ้ได้ เขาแบ่งเขตใต้กับเหนือ มีอีกที่ก็คือต้าเหลียน
ตอนที่จะเอนท์มีครูประจำชั้นแนะนำว่าต้าเหลียนคุณอย่าไปสอบเลย ไม่มีโอกาสหรอก เขาต้องรู้ประวัติของคุณ ไปมาเป็นยังไง สอง คือ คะแนนต้องเยี่ยมมากๆ ถึงจะไปได้ คะแนนคุณไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่คุณมาจากเมืองนอก พ่อแม่ทำอะไรก็ไม่รู้ คุณไปสอบยูนิเวอร์ซิตี้ชิงหัว ยูปักกิ่งดีกว่า (เทียบเท่าจุฬาฯ กับธรรมศาตร์) แต่ผมเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ ผมบอกไม่เอา ผมต้องเอาโรงเรียนนี้ให้ได้
ในที่สุดผมได้รับเข้าไปเรียนที่ต้าเหลียน เพราะว่าคะแนนเอนท์ของเราเกือบเต็มเลย เขาเห็นว่าคะแนนเราดี ประวัติอะไรต่างๆ เขาเลยไม่เน้นจนมากเกินไป
@เรียนเสร็จแล้วกลับเมืองไทยเลยหรือ
ผมเรียนอยู่5 ปี ตอนอยู่ต้าเหลียนปีแรก ประเทศจีนประสบอุทกภัย ลำบากมากๆ เลย คนอดตายเยอะเลย ให้เราขึ้นภูเขาไปเก็บใบไม้ชนิดหนึ่งมาเก็บไว้ในห้องกีฬาหมดเลย เอามาปนกับแป้งข้าวโพด มาทำเป็นของกิน ผมกินอยู่เป็นเดือน
หลังจากที่จบแล้วผมก็ถูกส่งมาที่กวางเจา เป็นเซอร์เวเยอร์ ผมจากเมืองไทยตั้งแต่ปี 1955 กลับมาอีกที 1973 เพราะมันออกมาไม่ได้
ผมอยู่เมืองจีนได้18 ปีเต็ม คิดถึงบ้านมาก คิดว่ายังไงถึงจะได้กลับ เลยหาทางมาฮ่องกง เพราะตอนนั้นเริ่มมีการปฏิวัติวัฒนธรรมในจีนแล้ว
ออกไปฮ่องกงยังไม่รู้จะทำอะไรก็ไปทำบริษัทที่ทอกระสอบทรายก่อน ทำได้ครึ่งปีไปเจอเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเรียนต่อเรือด้วยกันเลยชวนผมไปอู่ต่อเรือ ทำงานอู่ต่อเรือที่นู่นประมาณ 2 ปี ก็กลับเมืองไทยง่ายแล้ว
กลับมาเมืองไทยเราก็คิดว่ามีอู่ต่อเรือผมเลยเขียนประวัติของผมส่งไป 4-5 บริษัทส่งไปตามที่อยู่ในเยลโลเพจเจส (สมุดหน้าเหลือง)
พอผมกลับไปฮ่องกงปุ๊บได้รับจดหมายแล้วชื่อบริษัทโอเรียนตัล มารีน มีผู้จัดการชื่อ "แองเจโล" เขาบอกคุณมาเมืองไทย มาสัมภาษณ์ ถ้าคุณสัมภาษณ์ผ่าน ผมรับคุณ และก็ค่าใช้จ่ายจะออกให้ แต่ถ้าสัมภาษณ์ไม่ผ่าน คุณออกค่าใช้จ่ายเองนะ
ผมก็โอเคเลยบินกลับมาสัมภาษณ์ ผมโชคดีมาก เขาเป็นคนอเมริกัน เขาต้องพูดอเมริกันอยู่แล้ว แต่ตอนที่ผมอยู่เมืองจีนภาษาอังกฤษแย่มาก อาทิตย์เรียน 1-2 ชั่วโมง
ยังดีที่ตอนผมออกมาอยู่ฮ่องกงผมรู้แล้วภาษาอังกฤษสำหรับต่อเรือถือว่าสำคัญมากๆ เวลาว่างผมไม่ทำอย่างอื่นเลย ท่องจำศัพท์อังกฤษตลอด มีเรคคอร์เดอร์เล็กๆ อันหนึ่ง ฟังภาษาอังกฤษไปตลอด 2 ปีกว่า กลับมาเมืองไทยถึงจะคุยกับเขารู้เรื่อง
พอมาปุ๊บเขาก็สัมภาษณ์เราสัมภาษณ์ทางเทคนิค เอาแบบเรือมาให้เราดู ให้เราชี้แจงว่าเป็นยังไงๆ พอทำไปทำมา เขาบอกว่าโอเค และก็ทำมาได้ 2-3 ปีจนได้มาเริ่มเปิดอู่ต่อเรือเอง
โดยคุณ
น่าคิด เมื่อวันที่
04/09/2008 21:44:44
ความคิดเห็นที่ 2
ก๊อป บทความด้วย IE7 เลยทำให้มีบางคำเกินมาบ้าง ต้องขออภัยที่ไม่ได้ตรวจก่อน
เซ็งตัวเองเล็กน้อย
โดยคุณ
น่าคิด เมื่อวันที่
04/09/2008 21:47:37
ความคิดเห็นที่ 3
โดยคุณ suraparp เมื่อวันที่
04/09/2008 23:14:46
ความคิดเห็นที่ 4
โดยคุณ log เมื่อวันที่
05/09/2008 14:33:31