หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ยานใต้น้ำไร้คนขับ ทร.ใช้ฝึกปราบเรือดำน้ำ

โดยคุณ : Ronin เมื่อวันที่ : 26/08/2008 17:49:08

"ยานใต้น้ำไร้คนขับ"ทร.ใช้ฝึกปราบเรือดำน้ำ


ความฝันของกองทัพเรือที่ต้องการจะมี "เรือดำน้ำ" เข้าประจำการในกองทัพเพื่อหลักประกันทางยุทธศาตร์ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ดูจะไกลเกินฝัน เนื่องจากเรือดำน้ำแต่ละลำมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท และการจัดซื้อจะต้องซื้อหลายลำเพื่อนำมาประกอบเป็นกำลังรบ

 แม้ความฝันในการมีกองเรือดำน้ำจะยากที่จะเป็นจริงแค่ไหน แต่กองทัพเรือไทยก็มุ่งมั่นที่จะไล่ตาม และพัฒนาเทคโนโลยีเรือดำน้ำขึ้นมาเองให้ได้ โดยได้พัฒนาโครงการ "ยานใต้น้ำ" ขึ้นมาเพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีเบื้องต้นของเรือดำน้ำเพื่อต่อยอดขึ้นสู่ระดับสูงในอนาคต

 เมื่อเร็วๆ นี้ พล.ร.อ.ศาสตราจารย์เกียรติคุณ วีรวัฒน์ วงษ์ดนตรี หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ปฏิบัติหน้าที่นายทหารโครงการวิจัย และพัฒนา ยานใต้น้ำไร้คนขับสำหรับฝึกปราบเรือดำน้ำ พร้อมนักวิจัยจากกองทัพเรือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และบริษัทนนทรี จำกัด ได้ร่วมทดสอบยานใต้น้ำไร้คนขับ บริเวณอ่าวสัตหีบ ระหว่าง เกาะตอม่อ กับ เกาะพระ



 การทดสอบยานใต้น้ำครั้งนี้นับเป็นความก้าวหน้าของโครงการใน "ระยะสุดท้าย" ก่อนจะปิดโครงการภายในวันที่ 30 กันยายน เพื่อส่งมอบยานใต้น้ำไร้คนขับ จำนวน 3 ลำ ให้กองทัพเรือไว้ใช้ในราชการต่อไป

 พล.ร.อ.ศาสตราจารย์เกียรติคุณ วีรวัฒน์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการนี้ว่า ยานใต้น้ำไร้คนขับที่จัดสร้างขึ้นจะมีคุณลักษณะเหมือนเรือดำน้ำที่ใช้ในแวดวงการทหาร แต่มีขนาดเล็กกว่า

 กองทัพเรือ ตั้งเป้าจะใช้ยานใต้น้ำในโครงการนี้เพื่อ "ฝึกปราบเรือดำน้ำ" เนื่องจากปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่มีเรือดำน้ำประจำการ แม้โครงการเรือดำน้ำจะมีการริเริ่มมานานกว่า 60 ปี ตามพระดำริของ จอมพลเรือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ครั้งยังทรงรับราชการอยู่ในกองทัพเรือ แต่หลังจากนั้นก็มิได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง



 พล.ร.อ.ศาสตราจารย์เกียรติคุณ วีรวัฒน์ กล่าวย้ำว่า เรือดำน้ำของข้าศึกเป็นภัยคุกคามสำคัญสำหรับเรือรบของกองทัพเรือ เนื่องจากการตรวจพบเรือดำน้ำทำได้ยาก แม้ว่าจะมีเครื่องมือที่ทันสมัยก็ตาม

 ดังนั้น กำลังพลประจำเรือผิวน้ำ จึงต้องฝึกฝนอย่างหนักถึงจะมีขีดความสามารถในการ "ปราบเรือดำน้ำ" ของข้าศึกได้

 การฝึกปราบเรือดำน้ำที่ดีที่สุด คือ การฝึกค้นหา และปราบเรือดำน้ำจริงๆ แต่เนื่องจากกองทัพเรือไม่มีเรือดำน้ำประจำการ จึงต้องรอคอยโอกาสที่เรือดำน้ำจากมิตรประเทศเดินทางมายังน่านน้ำไทย และอาศัยห้วงดังกล่าวทำการฝึกเป็นครั้งคราว



 ด้วยอุปสรรคประการสำคัญนี้ทำให้คณะวิจัยของกองทัพไทย นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร และช่างเทคนิค จากทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ร่วมกันพัฒนายานใต้น้ำไร้คนขับเพื่อใช้เป็น "เป้าฝึกปราบเรือดำน้ำ" ตามนโยบายการพึ่งพาตนเองของกระทรวงกลาโหม

 ระยะแรก เริ่มขึ้นเมื่อปี 2543 โดยสามารถพัฒนายานใต้น้ำที่ขับเคลื่อนใต้น้ำได้จริง เป็นยานรูปร่างคล้ายตอร์ปิโด ความยาว 3 เมตร น้ำหนัก 300 กก. ดำน้ำลึกสุด 30 เมตร ใช้กำลังแบตเตอรี่ขับใบจักร อยู่ใต้น้ำติดต่อกันได้นาน 2 ชั่วโมง แล่นด้วยตัวเองในลักษณะอิสระ และจะลอยขึ้นเมื่อหมดพลังงานทำให้มีปัญหาในการเก็บกู้ และไฮโดรโฟน (เครื่องส่งสัญญานเสียงใต้น้ำ) ของยานก็ยังทำงานได้ไม่ดีพอ

 แต่มีข้อดี คือ ใช้งบประมาณการผลิตเพียง 3 แสนบาท...ขณะที่ต่างประเทศตั้งราคาขายตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป



 ส่วนยานใต้น้ำลำปัจจุบันได้รับการปรับปรุงจนมีขีดความสามารถสูงกว่ารุ่นแรกมาก โดยสามารถอยู่ใต้น้ำได้นานต่อเนื่อง 4 ชั่วโมง ความเร็วสูงสุด 5 น็อต มีระบบหาตำแหน่งด้วยสัญญาณดาวเทียม (GPS) และสามารถส่งคลื่นวิทยุบอกตำแหน่งไปยังเรือใหญ่ทำให้สามารถตามเก็บยานขึ้นจากน้ำได้ง่าย มีระบบส่งสัญญาณเสียงใต้น้ำ ทำให้เกิดสัญญาณปรากฏบนจอโซนาร์ของเรือผิวน้ำได้เหมือนสถานการณ์จริง ทั้งยังสามารถกำหนดรูปแบบการเคลื่อนที่ใต้น้ำ เพื่อประโยชน์สำหรับการฝึกพนักงานโซนาร์ให้ค้นหาเรือด้วยสัญญาณวิทยุได้ถึง 10 รูปแบบ

 ยานใต้น้ำในปัจจุบันใช้งบประมาณราว 9 แสนบาท...ถูกกว่าของต่างประเทศ 5 เท่าในยานที่มีประสิทธิภาพพอๆ กัน

 ผลการทดสอบเป็นที่น่าพอใจ เพราะทุกระบบสามารถทำงานได้ถูกต้องเที่ยงตรงตามที่ตั้งโปรแกรมไว้ ไม่มีปัญหาการรั่วซึม สามารถเคลื่อนที่ท่ามกลางกระแสน้ำ และสภาวะแวดล้อมจริงได้ดี

 ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพกับหน่วยงานพลเรือน และภาคเอกชนต่างๆ ประกอบด้วย กรมอู่ทหารเรือ กรมอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือ ภาควิชาวิศวกรรมการบิน และอากาศยาน ม.เกษตรศาสตร์ และบริษัท นนทรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านการสร้างเครื่องจักรสำหรับงานอุตสาหกรรม

 "เราทำงานร่วมกันมายาวนานหลายปีด้วยความวิริยะอุตสาหะ ซึ่งนอกเหนือจากจะได้มาซึ่งยานใต้น้ำอันเป็นเป้าหมายแล้ว การแสดงบทบาทนักวิจัยไทยบนพื้นฐานการพึ่งพาตนเองยังเป็นอีกตัวอย่างที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้มีความรู้ความสามารถในสาขาอื่นหันมาใช้ศักยภาพของตนริเริ่มพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่จะยังประโยชน์แก่ประเทศชาติในอนาคตต่อไป"

เรื่อง/ภาพ : กอบภัค พรหมเรขา

ที่มา : http://www.komchadluek.net/2008/08/25/x_mili_u001_217552.php?news_id=217552





ความคิดเห็นที่ 1


สักวัน ถ้ายานลำนี้โตขึ้น ไม่อยากคิดเลยว่ามันจะน่ากลัวขนาดไหน

มีระบบหาตำแหน่งด้วยสัญญาณดาวเทียม (GPS)

อย่างนี้เวลาโตขึ้นมันก็จมเรือใหญ่ได้นะเนี่ย....
และสุดท้าย ถ้ามันมีความสามารถสูง ถึงขั้น หาเรือดำน้ำฆ่าศึก ได้ด้วยตัวมันเองละก็...ใครจะกล้าเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้าหว่า.. ดันไปจับสัญญาณเรือฆ่าศึกได้  แล้วทำให้นึกถึง การพัฒนาอาวุธยิงใต้น้ำ ต่อเนื่องขึ้นมาอีกหนึ่งโครงการ...
นำร่องอาวุธ ด้วยสัญญาณจาก THEOS & THAICOM ก็อืมส์ส์ส์..
ไปบรรจบกับโครงการของหน่วยจำลองยุทธกองทัพเรือ เข้าก็อึยส์ส์ น่ากลัวจัง  กองทัพเรือรวยแน่ๆ 1000 เปอร์เซ็นต์ ทำขายทั่วโลกเลย.....

ขอบคุณ ท่าน RONIN มากๆครับ
ขอแสดงความยินดีกับหน่วยงานที่พยายามทำจนเกิดประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองครับ

ขอคารวะ หนึ่งจอก...
โดยคุณ tik เมื่อวันที่ 25/08/2008 07:50:33


ความคิดเห็นที่ 2


นี่แหละ ความสามารถคนไทย มหาวิทยาลัยที่มีประสิทธิภาพ ความรู้ ความสามารถ คนไทยไม่ด้อยกว่าใคร ถ้ากองทัพฯ ใ้ห้โอกาสและสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โครงการเรือดำน้ำ เมื่อ 60 ปีก่อน คงเป็นจริงได้ไม่อยากหรอกครับ (กองทัพบก น่าจะทำตามบ้างนะครับ ประเภท ยานเกราะล้อยาง ยานเกราะเบาทั้งหลายเท่าทำเองได้แน่ ๆ )
โดยคุณ tantongs เมื่อวันที่ 25/08/2008 11:33:27


ความคิดเห็นที่ 3


ขอบคุณท่าน Ronin ที่ช่วยเผยแพร่ข่าวดีๆ ของกองทัพ
นี่ก็เป็นมิติที่ดีสำหรับประเทศไทย ในการที่กองทัพมีการประสานความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในการวิจัยพัฒนายุทโธปกรณ์ นับเป็นการดำเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง

สำหรับด้านกองทัพอากาศ นอกจากเครื่องทอ.6 แล้วก็น่าจะมีการสัมมนากับภาคสถาบันการศึกษาเพื่อ brain storm ให้เกิดนวัตกรรมใหม่


โดยคุณ monsoon เมื่อวันที่ 26/08/2008 01:17:02


ความคิดเห็นที่ 4


เพิ่งสังเกตุจากภาพว่ายานใต้น้ำลำนี้มีชื่อว่าไกรทองครับ(ไม่ทราบว่าจะอีกลำ2ที่เหลือนี้มีการตั้งชื่อให้หรือไม่ครับ เช่น สุดสาคร เป็นต้น)

อย่างไรก็ตามยานใต้น้ำก็คือยานใต้น้ำครับ ก็เคยให้เหตุผลคล้ายกันในหัวข้อเกี่ยวกับโครงการพัฒนายานใต้น้ำขนาดเล็กประมาณ20ตันที่บรรทุกลูกเรือได้3นายก่อนหน้านี้ครับว่า ยานกลุ่มนี้นั้นมีขีดความสามารถจำกัดซึ่งอย่างไรก็ไม่สามารถใช้งานได้แทนเรือดำน้ำจริงๆได้ครับ

แต่โครงการนี้ก็มีประโยชน์อย่างมากต่อการวิจัยและการนำไปใช้ในการฝึกครับ (แต่การนำไปใช้ทางด้านยุทธวิธีนั้นคงมีข้อจำกัดอยู่ดีครับ ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป)

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 26/08/2008 02:33:58


ความคิดเห็นที่ 5


ชื่อ ไกรทอง เป็นไปตามการตั้งชื่อ เรื่อดำน้ำหรือ ยานใต้น้ำ ที่จะใช้ชื่อตัวละครในวรรณคดีไทย

โดยคุณ Darksquadron เมื่อวันที่ 26/08/2008 06:49:10