ประเทศไทยมีเนื้อที่อยู่ 5 แสนตารางกิโลเมตร ซึ่งในส่วนของพื้นที่กองกองทัพนั้น ส่วนมากแทบไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์ถ้ากองทัพไม่มีการฝึก ครั้นจะขอคืนก็ยังทำได้ลำบาก จึงปรากฏว่ามีพื้นที่ค่ายทหารจำนวนมากที่ถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า ไม่ได้ถูกใช้ให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ และมีฐานทัพหลายแห่งที่เคยถูกสร้างขึ้นโดยทหารสหรัฐในช่วงสงครามเย็น แต่ไม่ได้ใช้งานในปัจจุบันเนื่องจากเกินความต้องการของกองทัพไทย
หันมามองในอีกแง่หนึ่ง มีหลายประเทศที่มีพื้นที่การฝึกน้อย เช่นสิงคโปร์ บรูไน อิสราเอล ฯลฯ หรือหลายประเทศแม้จะมีพื้นที่การฝึกมาก แต่ก็มีอุปกรณ์การฝึกที่ไม่ค่อยทันสมัยนัก เช่นฟิลิปปินส์ อินโดนิเซีย
และหันไปอีกด้านหนึ่ง ในยุโรปกลับพบว่ามีหลายประเทศที่เปิดพื้นที่ของตนให้เป็นพื้นที่ที่ให้กองทัพต่างประเทศเช่าใช้ในการฝึกหรือการทดสอบ เช่นในอังกฤษและสวีเดน โดยมีการดำเนินการเป็นระบบธุรกิจในรูปของบริษัท สร้างรายได้และกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้มาก
ดังนั้น กระทู้ชวนคิดวันนี้ จึงขอถามทุกท่านว่า ....
1. จะดีหรือไม่ ถ้าจะเปิดประเทศไทยให้เป็นฮับในการฝึกทางทหารสำหรับกองทัพต่างชาติ?
2. ถ้าไม่ดี อะไรคือเหตุผล?
3. ถ้าดี อะไรคือเหตุผล?
4. เราจะมีวิธีจัดหารบริหารพื้นที่การฝึกอย่างไร หน่วยงานใดควรจะรับผิดชอบในการหาผลประโยชน์?
5. เราควรจะมีหลักเกณฑ์อย่างคร่าว ๆ ในการดำเนินธุรกิจอย่างไร?
6. ถ้าให้ลองเลือกพื้นที่การฝึกสำหรับกองทัพบกและกองทัพอากาศต่างชาติ ท่านจะเลิกพื้นที่ใด?
ขอเชิญทุกท่านแสดงความคิดเห็นครับ ^ ^
ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะนำกองกำลังทหารของประเทศใดๆก็ตามเข้ามาฝึกในประเทศนอกจากจะเป็นการซ้อมร่วม
เหตุผล
๑. การที่เราเห็นผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยเรากำลังจะสร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว เพราะประเทศใดๆที่มีกำลังทหารย่อมมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ทางหนึ่งทางใดกับประเทศอีกประเทศหนึ่งแน่นอนเพื่อป้องกันการถูกรุกราน การที่เรารับเขาเข้ามาย่อมเป็นการเลือกฝ่าย และอาจโดนโจมตีหรือมาตราการใดๆจากประเทศคู่ขัดแย้งได้ ด้วยสภาวการณ์ต่างๆเช่น เศรษฐกิจ การเมือง การทหาร นโยบายทางการทหาร เป็นต้น ในปัจจุบันของประเทศไทยยังพ้อมที่จะเลือกฝ่ายเว้นแต่จะได้ผลประโยชน์อันคุ้มค่าเกินกว่าจะปฏิเสธได้ซึ่งมองยังไงก็ไม่คุ้มกับการเสี่ยงภัยต่อให้เป็นน้ำมันก็เถอะ
๒. ประเทศที่ท่านเอ่ยมานั้น......เอาอย่างคร่าวๆ ลอดช่องคงมองหน้าเสือเหลืองไม่ติดชายแดนใต้คงยุ่งยากขึ้นไปอีก ส่วนสุลต่านพี่เสือของเราก็จ้องจะกลืนอยู่ ส่วนอีกประเทศเราคงต้องทำสงครามคูเสดละทีนี้
๓. การที่มีกำลังทหารของต่างชาติเข้ามาอาจเป็นภัยคุกคามในพื้นที่เพราะเราไม่สามารถควบคุมได้เพราะไม่ใช่การฝึกร่วมประมาณว่า ข้าแค่ต้องการพื้นที่ไม่ต้องการให้เอ็งมาจุ้น มันลำบากครับในการควบคุม
๔. หากทหารที่มาฝึกละเมิดกฎหมายไทย ยากครับที่นำตัวมาลงโทษ
๕.จะเป็นการสืบสภาพภูมิประเทศของเราโดยอัตโนมัติไม่เป็นผลดี
ยังมีข้อเสียอีกเยอะครับข้อดีก็มีเหมือนกันครับท่านคงทราบแต่ไม่คุมค่ากับความเสี่ยงประเทศของเรายังไม่พร้อมที่จะแบกรับความเสี่ยง ส่วนประเทศทางยุโรปนั้นที่ท่านเอ่ยมานั้นเขามีมีความพร้อมครับ
จริงแล้วในพื่นที่กองทัพหากบริหารจัดการกันดีๆแล้วและมีงบประมาณเพียงพอแล้วแทบจะไม่พอครับ อย่างเช่น เสบียงอาหารหากกองทัพปลูกเอง เลี้ยงเอง กินเอง ที่เหลือขายหรือกักตุนในยามสงคราม ไหนจะต้องมีพื้นรองรับโรงงานอุตสาหกรรมอาวุธหากกองทัพผลิตเองได้อีกหละ ไหนแบ่งบันให้ประชากรที่เพิ่มขึ้นทุวันแต่ไร้ที่อยู่อีกหละ พื้นที่รองรับอุตสาหกรรมนิวเครียส์อีก
และอีกมากมายครับดีกว่าชักศึกเข้าบ้านเป็นไหนๆ
แค่ฝึกร่วมก็จะแย่แล้ว....โยม
ปล.เรื่องการต่างประเทศ การทหาร ซับซ้อน
เห็นด้วยครับในกรณี ที่จะให้มีการฝึกร่วมอย่างเดียวครับ
แต่มีข้อเสนอแนะ เพื่อให้พิจารณาดังนี้
1..ควรสงวนพื้นที่ฝึกจำนวนหนึ่งไว้เป็นความลับต่อไป ใช้เฉพาะหน่วยงานความมั่นคงในประเทศเท่านั้น
2..จะต้องมีกฏหมายมารองรับ การฝึกร่วมนี้ เพื่อในกรณีที่คุณ Economic ยกตัวอย่างมาประกอบด้วย เช่น การทำผิดกฏหมาย ฯลฯ
3..
1. ไม่เป็นอันดีเพราะจะเป็นการเปิดเผยสภาพทางภูมศาสตร์ให้กับต่างชาติซึ่งตอนนี้เขาอาจเป็นมิตรกับเราแต่ต่อไปไม่แน่อาจเป็นศัตรูกันเกิดขายข้อมูลให้ประเทศที่สามเราจะลำบาก
2. เหตุที่ไม่ดีก็คือได้กล่าวไปแล้วในข้อ1 และเป็นเหตุผลเกี่ยวกับความมั่นคงอะครับ จำกันได้รึป่าวที่เหตุการพายุนาร์กิสในพม่าทำไมพม่าไม่ยอมให้ต่างชาติเข้าช่วยเหลือก็เพราะเหตุนี้แหละเนื่อ่งจากพม่ากลัวว่าสักวันอเมกาจะบุกพม่าเพราะรู้จุดยุทธศาสตร์ในพม่าไง
3. ได้เงินก็จริงครับ แต่จะคุ้มเหรอถ้าแลกกับความมั่นคงทางการทหาร
4.ถ้าจะฝึกกันจริงๆก็ต้องสงวนพื้นที่บางส่วนเอาไว้อะครับ จุดยุทธศาสตร์บางแห่งไม่ควรเปิดเผย ผมว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าเมกามันล้วงตับไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่ก็เอาเถอะตอนนี้เรายังไม่ทะเลาะกับมันแต่ต่อไปต้องระวัง