เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2008 กองทัพเรือสหรัฐได้ประจำการเรือพิฆาตลำใหม่ (Guided-Missile Destroyer) ชื่อเรือ USS Sterett (DDG-104) เป็นเรือในชั้น Arleigh Burke class
Displacement: | 6,600 tons light, 9,200 tons full, 2,600 tons dead |
Length: | 509 ft 6 in (155.3 m) overall, 471 ft (143.6 m) waterline |
Beam: | 66 ft (20.1 m) extreme, 59 ft (18 m) waterline |
Draft: | 31 ft (9.4 m) maximum, 22 ft (6.7 m) limit |
Propulsion: | 4 × General Electric LM2500-30 gas turbines, 2 shafts, 100,000 shp (75 MW) |
Speed: | 30+ knots (55+ km/h) designed |
Complement: | 32 officers, 348 enlisted |
Armament: | 1 × 32 cell, 1 × 64 cell Mk 41 vertical launch systems, 96 × RIM-66 SM-2, BGM-109 Tomahawk or RUM-139 VL-Asroc, missiles 1 × 5/62 in (127/62 mm), 2 × 25 mm, 4 × 12.7 mm guns 2 × Mk 46 triple torpedo tubes |
Aircraft carried: | 2 × SH-60 Sea Hawk helicopters |
ปืนอมตะสำหรับเรือรบทุกประเภทและทุกขนาด
ปืนกล 0.5 นิ้ว
ปืน 5"/62(12.7 cm.) Mark 45 Mod 4
ดูบั้นท้ายเธอกันหน่อย
" ปืนอมตะสำหรับเรือรบทุกประเภทและทุกขนาด
ปืนกล 0.5 นิ้ว "
ผมว่าไม่เฉพาะสำหรับเรือนะครับ ตั้งแต่บนพื้น ลงน้ำ ออกทะเล หรือแม้บนฟ้า ตอนนี้ก็ยังก็ยังใช้มันอยู่ ไม่รู้ว่าออกแบบปีไหน แต่ใกล่ๆ ร้อยปีแน่ๆ เป็นหนึ่งในห้าของปืนอมตะตลอดกาลของสุดยอดนักออกแบบ จอห์น โมเสช บราวนิง น่าดีใจแทนแก่จริงๆ ที่ปืนแก่หลายแบบผ่านร้อน ผ่านหนาวมาได้เกือบร้อยปี และยังขายดีอยู่ในปัจจุบัน
ช่วยต่อยอดเรื่องปืนกลหนักบราวนิ่ง 0.5 นิ้ว
ปืนนี้ถือกำเนิดจากความต้องการของนายพลเพอชิ้ง( Gen. Pershing) ผบ.กองกำลังสหรัฐในยุโรปสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อปี ค.ศ.1918 ท่านต้องการปืนกลหนักที่สามารถยิงทำลายเครื่องบินทหารและเป้าหมายบนพื้นดิน เช่น รถถัง และยานหุ้มเกราะ หน่วยงานพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ได้ส่งเรื่องตัวปืนให้กับ นาย จอห์น โมเซส บราวนิ่ง (หรือ John M. Browning หรือ John Browning) ซึ่งขณะนั้นทำงานให้กับบ. Colt) และส่งเรื่องกระสุนให้กับบ. วินเชสเตอร์ อาร์ม
นาย John Browing ได้พัฒนาปืนตามความต้องการของกองทัพ โดยขยายแบบจากปืนขนาด 0.3 นิ้วที่เขาออกแบบไว้ในปื 1917 ซึ่งปืนที่พัฒนาเสร็จแล้วได้เข้าประจำการในปี 1921 ในนาม ปืนกลขนาด 0.5 นิ้ว M1921 (แต่จากเวปปืนของรัสเซียให้ข้อมูลว่าแบบพื้นฐานของปืนกลหนักได้รับการอนุมัติในปี ค.ศ.1921 และรับปืนอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1923)
John Browning ทดสอบปืนขนาด 0.5 นิ้วต้นแบบ ในปี ค.ศ.1919
ปืนในรุ่นแรกใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ต่อไปปี ค.ศ.1932 ปืนได้ถูกออกแบบใหม่โดย ดร. แซมมวล จี กรีน (Dr. Samuel G. Green) ทำให้ปืนสามารถระบายความร้อนได้ทั้งด้วยระบบน้ำ หรือระบบอากาศ และสามารถเปลี่ยนการป้อนกระสุนได้ทั้งซ้ายและขวา
กองทัพบกสหรัฐได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นปืนกล M2 และให้ปืนรุ่นต่อต้านอากาศยานใช้ระบบน้ำระบายความร้อน
และรุ่นระบายความร้อนด้วยอากาศจะติดตั้งฐานตั้งปืน
แต่เนื่องจากลำกล้องปืนของรุ่นระบายความร้อนด้วยอากาศมีขนาดบางเกินไปต่อมาจึงได้เปลี่ยนเป็นลำกล้องหนาขึ้น(heavier barrels) ปืนแบบระบายความร้อนด้วยอากาศจึงได้ชื่อว่า M2 Heavy Barrel หรือ M2HB
คุณลักษณ์และคุณสมบัติ
ขนาด : 0.5.BMG (12.7x99mm)
น้ำหนักปืน : 38 ก.ก. (58 ก.ก.พร้อมขาตั้ง 3 ขา แบบ M3)
ความยาวลำกล้อง : 1140 มม.
ระบบป้อนกระสุน : เข็มขัด
อัตราการยิง : 450-600 นัดต่อนาที
แก้ไขข้อความนิดหนึ่งครับ
"...กองทัพบกสหรัฐได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นปืนกล M2 ให้ทั้งปืนรุ่นต่อต้านอากาศยานที่ใช้ระบบน้ำระบายความร้อนและรุ่นระบายความร้อนด้วยอากาศที่ติดตั้งฐานตั้งปืน..."
ขออภัยในความผิดพลาด