คือ มันมีข้อแตกต่างจากทหารม้าทั่วไปยังไงครับ ผมเข้าใจว่าคือเข้าชาร์จได้ เคลื่อนที่ได้รวดเร็วกว่าทหารราบเพราะขี่ม้า ถึงพื้นที่แล้วลงรบ ประมาณนี้รึเปล่าครับ
แล้วเวลาทหารม้าเข้าชาร์จจะใช้วิธีการไหนหรือครับ หากทหารราบตั้งแถวรออยู่
รึว่าไม่มีโอกาสเลยต้องรอช่วงแถวแตก หรือกำลังบรรจุกระสุนเท่านั้น หรือว่าชาร์จมันซึ่งๆหน้าเลยครับ
สุดท้ายเพลง นี้ http://www.youtube.com/watch?v=OPq_ZKT1vyQ ชื่อเพลงอะไรหรือครับ
ทหารม้าดรากูน (Dragoon Cavalry) ของกองทัพฝรั่งเศสในยุคพระเจ้านโปเลียน จัดอยู่ในประเภททหารม้าธรรมดา ทหารม้าชนิดนี้จริงๆ แล้วก็คือ ทหารราบขี่ม้า โดยมีขีดความสามารถในการรุกที่รวดเร็วและมีอำนาจการชนที่รุนแรงแบบทหารม้า และยังสามารถลงจากหลังม้ามารบแบบทหารราบได้ อาวุธประจำกายของทหารม้าดรากูนจะประกอบด้วย ปืนคาบศิลา ดาบปลายปืน ปืนพก และดาบทหารม้า มีการใช้ทหารม้าดรากูนในหลายบทบาท ตั้งแต่เป็นฉากกำบังและป้องกันปีกของกองทัพขณะเคลื่อนที่ บางครั้งก็ใช้รักษาเส้นทางส่งกำลังบำรุง และ อาจจะใช้ในการโจมตีโฉบฉวยบ้างเป็นครั้งคราว
ภาพทหารม้าดรากูน ขณะเข้าตีเป็นรูปขบวนแบบทหารม้า
ลักษณะคราวๆของทหารม้าDragoon ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17-19 นั้นหน่วยนี้จะเป็นทหารที่ขี่ม้าเข้าไปยังพื้นที่ทำการรบครับ แต่เวลาจะเข้าปะทะกับข้าศึกจะลงจากหลังม้าแล้วใช้ปืนคาบศิลาเข้าต่อสู้
การ Charge ของทหารม้าเข้าโจมตีแนวตั้งรับของทหารราบฝ่ายตรงข้ามที่เตรียมการมาอย่างดีตรงๆนั้นเป็นเรื่องฆ่าตัวตายดีๆนี้เอง(เช่นใช้หอกตั้งสกัดหรือตั้งแนวยิงปืนระดมใส่อย่างหนาแน่นจากระยะไกล) โดยมากทหารม้าจะบุกทะลวงแนวของทหารราบข้าศึกเมื่อปืนใหญ่ฝ่ายเดียวกันสามารถยิงทะลวงแนวของทหารราบฝ่ายตรงข้ามจนรูปขบวนเสีย หรือทหารราบฝ่ายเดียวกันกำลังดำเนินกลยุทธ์อยู่กับทหารราบฝ่ายตรงข้ามด้านหน้าแล้วจึงให้ทหารม้าตีโอบขนาบข้างหรือตีตลบหลังเป็นต้นครับ เพราะความเร็วในการเคลื่อนที่เป็นคุณสมบัติของทหารม้า
ทหารม้าดรากูนของฝรั่งเศส
ทหารม้าในยุคของพระเจ้านโปเลียน จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ คือ
ยุทธวิธีของทหารม้าในยุคนโปเลียน หลักใหญ่อยู่ที่การใช้กำลังเข้าชนด้วยการขี่ม้าเข้าตะลุมบอน การปฏิบัติเช่นนี้มีการปฏิบัติเป็นขั้นๆ อย่างระมัดระวัง หน่วนทหารม้าจะเคลื่อนที่ด้วยการขี่ม้าเดินไปจนถึงระยะทาง 3 ใน 4 ขอระยะที่หมาย แล้วจึงจะเริ่มวิ่งโขยก ซึ่งจะกลายเป็นควบเข้าหาเป้าหมาย ณ ระยะ 150 หลา แต่จะควบม้าเต็มฝีเท้าเข้าหาเป้าหมายเมื่ออยู่ในระยะ 50 หลาสุดท้าย การควบม้าเข้าตะลุมบอนนั้น จะต้องมีการคำนวณอย่างดี ต้องมีผู้นำที่ฉลาด กล้าหาญ และรักษาวินัยอย่างเคร่งครัด ถ้าหมายควบเข้าไปเร็วเกินไป ก็อาจจะเข้าไปถูกข้าศึกยิงตายหมด และถ้ากระทำด้วยความตื่นเต้นมากก็อาจจะรั้งไม่อยู่ควบม้าเลยเป้าหมายไปจนไม่สามารถจัดรูปขบวนหันกลับมาได้ทัน ซึ่งเป็นเวลาที่หน่วยตกเป็นเป้าหมายได้ง่ายที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นสำคัญที่สุดก็คือ จะต้องแน่ใจว่าการเข้าตะลุมบอนของตนนั้น ได้รับการสนับสนุนจากทาหรราบและปืนใหญ่เป็นอย่างดี เพราะสำหรับทหารม้านั้นถ้าเข้าปฏิบัติการตามลำพังแล้ว จะเสียเปรียบมาก เมื่อปะทะกับทหารราบที่เหนี่ยวแน่นและมีรูปขบวนที่เป็นปึกแผ่น
ปล. ผมจะพยายามรวบรวมข้อมูลของทหารม้าที่ยูคนั้นมานำเสนอในโอกาสต่อไป
ขอบคุณมากครับ�
ถ้าจะบอกว่า Dragoon บ่ แม่น Cavalry คงได้งงกัน คงต้องขอบอกว่าAll Horse Soldiers are not Cavalry สั้นๆก็คงไม่ได้อีก ขออภัยที่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้า
เดิม Dragoon หมายถึงปืน หรือคนที่มีปืน(เพราะสมัยนั้น คนส่วนใหญ่ใช้แต่ดาบ) Dragoon ยุคแรกๆเป็นกลุ่มคนขี่ม้า ที่มีปืน มีหน้าที่รักษาความสงบในท้องที่ สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่ การรบเปลี่ยนจาก สงครามแบบปิดล้อม(เมือง) Seige Warfare มาเป็นสงครามแบบดำเนินกลยุทธ(เคลื่อนที่) หรือManeuver Warfare ในยุคนั้น มีนักคิดทางทหารที่Invent ทหารใหม่สองแบบ คือ
๑ ทหารปืนใหญ่ ที่ใช้ปืนใหญ่ขนาดกลางจัดเป็นชุด เทียมรถม้า มีลังลูกปืน ดินปืน คนพร้อมทำหน้าที่เป็นชุดปืนใหญ่เคลื่อนที่เร็ว เรียกว่า Horse Artillery นโปเลียน โป เป็นทหารปืนใหญ่แบบนี้ ไม่ใช่ทหารปืนใหญ่แบบติดกับตึก
๒ ทหารราบ ที่ขี่ม้าเดินทางไปเข้าสนามรบหรือ จุดที่ต้องการ แล้วลงจัดแถวรบอย่างทหารราบ เป็น Mount Infantry ทหารราบขี่ม้า เรียกว่า Dragoon
คราวนี้ทหารม้ากับทหารราบ
ทหารม้า สมัยก่อนโดยทั่วไปคือคนที่มีฐานะ เพียงพอที่จะซื้อม้า ขี่มารบ ทหารราบ คือคนธรรมดาๆ มามือเปล่า ต้องจัดชุด จัดอาวุธให้
ในยุคกลาง พวกอัศวินขี่ม้า Knight, Chivalryมีจารีต ธรรมเนียม Code ของตัวด้วย ต่างกับทหารอื่นๆ ทหารม้าCalvary ยุคต่อๆมา (Calvary มาจาคำว่า Chivalry) จึงมีเป้นหน่วยทหารที่มีแต่ พวกเจ้า คนมีฐานะ และคนธรรมดาที่มีความสามารถจนถูกเลือกให้ได้รับแจกม้า ที่เป็นของแพง คนที่ได้เป็นทหารม้าจึง คล้ายๆกับว่าต่าง ฐานันดร ชนชั้น กับทหารราบหรือทหารเดินเท้าธรรมดาๆ
ถ้าค้นคำว่า Cavalry ในเน็ต หรือหนังสือ ทางภาคพื้นยุโรป บางแหล่งจะไม่จัด Dragoon เป็น Cavalry
ถามว่ารบอย่างไร ก็ต้องดูว่าสมัยนั้นรบกันอย่างไรก่อน
การรบสมัยนโปเลียน Napolionic Warfare นั้น ทหารราบแต่งตัวสวยๆ เข้าแถวถือปืน ตั้งแถวเป็นชั้นๆ แถวแรกนั่งแถวสองยืน เล็ง ยิง ตามคำสั่ง การยิงเป็นแถวที่เรียกว่า Volley ยิงเสร็จ แถวที่ยิงแล้วถอยอย่างเป็นระเบียบมาต่อแถว แล้วบรรจุลูกปืน ส่วนอีกชุดก็เข้าไปตั้งแถวยิง แทนชุดแรก ทหารทั้งหน่วย ยิงเป็นชุดๆ เพื่อให้เกิดอำนาจการยิง ถามว่า ทำไมไม่ให้ทหารต่างคนต่างเล็งยิงเองอย่างเดี๋ยวนี้ คำตอบคือ ปืนไม่แม่นพอ และควบคุมทหารที่ยิงยาก ต้องจับให้ทหารตั้งแถวยิงเป็นชุดพร้อมๆกัน ถึงจะโดน(ใครก็ไม่รู้) เพราะปืนทหารสมัยนั้นลำกล้องเกลี้ยง คือไม่มี Rifling การทำเกลียวลำกล้อง ประโยชน์ของปืนลำกล้องเกลี้ยง คือบรรจุลูกได้เร็ว ทำให้ยิงเร็วได้ แต่ข้อเสียคือไม่แม่น ยิงไกลไม่ได้
การเล็งยิงในแถว สมัยนั้น ไม่ใช่การจัดศูนย์ หน้าหลัง ทาบที่เป้าที่ต้องการจะยิง แต่เป็นการจัดปากกระบอกปืนให้อยู่ในระดับ และขนานกัน(รักษาช่องไฟ)ทั้งหน่วยเมื่อนายสั่งก็เหนี่ยวไก ยิงในโซนของตัว จะมีอะไรหรือไม่มี ก็ต้องเหนี่ยวไกยิงการเล็งปืนสมัยนั้น ไม่ได้เล็งที่คน แต่เอาทหารข้าศึกทั้งหน่วยเป็นเป้าเหมือนยิงบ้านทั้งหลัง จากระยะไม่เกินสองร้อยเมตร
ระยะยิงสมัยนั้น ง่ายๆ พอที่จะยิงคนระยะตำกว่าสองข่วงเสาไฟฟ้า
เกินนี้ลูกปืนหมดความแม่นยำ ปลิว คุมไม่อยู่ แต่ถ้าโดนใครก็เจ็บ ตาย ได้ ลูกปืนหมดแรง มุดดินที่ ห้าช่วงเสาไฟฟ้าหรือประมาณ ใกล้ๆสองร้อยเมตร
กองทหารราบ สมัยNapolionic Warfare จึงเป็นเหมือนวงโยธวาธิตที่ตั้งแถวหน้ากระดาน จัดจำนวนชั้นตามชุดยิงแปรขบวนสลับกันมายืนแถวหน้าเพื่อยิงข้าศึก อำนาจการยิงอยู่ที่ด้านหน้า ด้านเดียว ทหาร Dragoon ถูกฝึกให้รบเป็นแถวอย่างทหารราบ แต่ก็ให้รบอย่างทหารม้าเบาได้ด้วย
คราวนี้ทหารม้ารบอย่างไร ทหารม้ามี ทหารม้าหนัก ทหารม้าเบา
ทหารม้าหนัก ม้าพันธุ์ตัวใหญ่ คนตัวโต มักสวมเกราะ ใช้เข้าตีตรงหน้า เอาพลังเสียงการควบของม้าและการพุ่งชนเป็นหลัก ทหารม้าหนัก ใช้เข้าตีกองทหารที่ตั้งแถวเตรียมรบ เรียกว่าหักเข้าไปตรงๆ คนที่อยู่แถวหน้าแล้วรอดชีวิตถือว่า กล้าสุดๆ
ทหารม้าเบา ม้าพันธุ์ตัวย่อมลงมา คนไม่ต้องสูงใหญ่ ไม่สวมเกราะให้หนักใช้ในการตีโอบ การลาดตระเวณทหารม้าเบา ใช้ความคล่องตัวเข้าตี กองทหารที่ตั้งแถวรบจากทางด้านข้าง หรือโจมตีหน่วยทหารม้าที่ป้องกันด้านข้างของข้าศึก
ส่วนDragoon ขณะที่กองทหารราบตั้งแถวเตรียมรับการโจมตีด้านหน้าจากทหารม้าหนัก หรือทหารราบจะขี่ม้าเข้าทางข้าง /ปีก ลงม้ามาตั้งแถว แล้วรุกใส่กองทหารข้าศึกจากด้านข้าง
การเข้าตีของทหารม้า สมัยนโปเลียน เน้นที่เสียงการควบม้าเข้าหาข้าศึก
ข่มให้ทหารราบข้าศึกกลัว Shock ตระหนกตกใจ Panic แตกแถว วิ่งหนี Flee ไม่สู้มากกว่าอำนาจที่จะไปก่อความเสียหายจริงจัง ถ้าทหารราบข้าศึกฝึกมาดี ไม่ทิ้งปืนวิ่งหนี การควบคุมบังคับบัญชาดี คุมอยู่
ทหารม้ามักทำอะไรไม่ค่อยได้
แต่ทางเกาะ อังกฤษ การจัดทหารม้าของอังกฤษ จะไม่ใช้ในความหมายเดียวกับทางยุโรปยกเว้น Hussar ทหารม้าสวมเกราะ ของอังกฤษมีสองหน่วย The Life Guard กับ The Blue and Royal แต่อังกฤษไม่ถือเป็น ทหารม้าหนัก แบบทางภาคพื้นยุโรป
ส่วนของทางสหรัฐ ตอนแรกๆทหารม้าตั้งแต่หน่วย Dragoon เป็น US 1st Dragoon และ US 2nd Dragoon ต่อมาตั้ง US 1st Cavalry แต่หน่วยยุบไปร่วมกับฝ่ายใต้ตอนสงครามกลางเมือง จึงเปลี่ยนUS 1st Dragoon เป็น US 1st Cavalry แทน
Dragoon อเมริกันรบหลายครั้งแต่ลงดินรบหมดไม่เคยรบบนหลังม้า
สปาฮี ถ้าจำไม่ผิด เป็นทหารม้ามอรอคโคหรือตูนีเซีย ฝรั่งเศสสมัยเป็นใหญ่ที่นั่นใช้พวก สปาฮี คล้ายๆกับ ทหารม้ามัมลุค สมัยนโปเลียน หรืออังกฤษใช้พวก Bangal Lancer
พวกทวนทหารม้า ตอนแรกๆก็ถือว่าไม่ใช่อาวุธของผู้ดี ทหารใช้ทวนจึงมักเป็นทหารม้ารับจ้างต่างชาติ ฝรั่งเศสใช้ Polish Lancer กับ Dutch Lancer รัสเซียก็ใช้พวก Cossack จนตอนหลังก็ยอมรับให้ทหารม้าใช้ทวนได้ ยุคถัดมา ทหารม้ามักใช้ทวน / Lance
เพื่อไม่ให้หลงศตวรรษ Dragoon สมัยใหม่เป็นอย่างไร ก็พวก Panzer Granadier, ทหารที่ถือAK ขึ้นลงจาก BMP หรือ BTRหรือ ถือ M16/M4 วิ่งขึ้นลง Bradley หรือ Stryker ไปเตะประตูบ้านของชาวบ้าน
ทหารราบ หรือทหารม้า ยานเกราะเหล่านี้เป็นลูกหลานพวก Dragoon
ส่วนพวก Tankman ทั้งหลายก็เป็นลูกหลานพวก Cavalry
ทั้งหมดนี้ผมอาจรู้มาผิดๆ ขอคำแนะนำด้วยครับ