อยากไปเที่ยวแบบ Backpacker อย่างฝรั่งบ้าง เลยถือโอกาส เลือกไป หลวงพระบาง ที่แรก เนื่องจากชอบบ้านเมืองเขาและไม่ไกลจากเมืองไทยมาก
เริ่มเดินทางจาก กทม สู่หนองคาย วันที่ 7 สิงหาคม 2551
ถึง บขส. หนองคาย ต่อรถทัวร์ไป เวียงจันทร์เลย
เหมารถสกายแลบ์ไป ท่ารถ สายเหนือของลาว
โดยต้องต่อรถไป หลวงพระบาง
ค่ารถไปหลวงพระบาง 120,000 กีบ ห้องน้ำตามธรรมชาติ โชเฟอร์จะจอดทุกชั่วโมง
ตอนแรกๆ ก็งง เพราะคนรีบวิ่งลงไป และรีบขึ้นมา พอส่งดูหน้สต่างถึงบางอ้อ บางทีผู้ ญ ผู้ ชาย ทำธุระใกล้กัน เรายังเขิน เลย
ต้องดูว่าที่ไหนมาสุขา ถึงลง
ตลอดทิปนี้ เจอฝนตกตลอด มองไปไหนก็มีอากาศแบบนี้
ระยะทาง 400 กม. รถเดินทางเกือบ 9 ชั่วโมง สองข้างทางมีแต่เขา ป่า และเหว
เหวน่ากลัวกว่าบ้านเรา เพราะไม่มีต้นไม้บังเลย หากรถตกก็คงไม่ต้องเก็บ
รถมาถึงหลวงพระบางสัก 4 ทุ่ม ลงมายืนงง รถรับจ้างก็ไม่มี
เดินออกมาเห็นพี่คนหนึ่งยืนยิงกระต่าย เลยไปสะกิดพี่เขา
คุยไปคุยมา ใจดีพาเราไปหาเฮือนพัก แถมใจดีพามากินข้าวด้วย สั่ง เฝอ คนละชาม กับ เบยลาว 1 แก้ว (เบียร์ลาว 1 ขวด )
เราก็ช่วยค่าน้ำมันไป 15,000 กีบ
ที่นี่น้ำมันลิตรละ 15,000 กีบ (60 บาท)
เฮือนพัก น่านี้ คืนล่ะ 300 บาท หากมาหน้าหนาว 4-500 บาท
สภาพโอเค เจ้าของใจดี ผมชอบยืมโทรศัพท์โทรฟรี 555
เช้าวันที่ 9 สิงหาคม 2551
ตื่นมาฝนก็ตก ตื่น 6 โมงเช้า ไปทำงานยังไม่ตื่นเลย พอไปเที่ยว ดันขยัน 555
เห็นว่ากาแฟตรงตลาดเช้า อร่อย เลยเดินลุยฝนไปกิน พร้อมทั้งเดินเล่นในเมืองสักหน่อย
พระราชวังเดิม ปัจจุบันเป็นหอพิพิธภัณฑ์
ภาพไม่ค่อยสวยเพราะฝนตกตลอด และไม่มีแดด ตลอดที่อยู่ 4 วันเลย
อนุสาวรีย์พระเจ้าศรีสว่างวงค์
ผู้ราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรก
บริเวณ ตลาดจีน ปัจจุบัน เหมือน ถนนข้าวสาร บ้านเรา แถวนี้นักท่องเที่ยวแยอะมาก ตอนเย็นๆ หรือ ดึก ๆมานั่งกันมาก
ตึกสวยดี ผมถ่ายมาหลายตึกมาก เพราะชอบที่ทรง และสีสรร
คนอื่นๆไม่ค่อยมีใครสนใจ
ชอบตึกกับรถ คันนี้ เลยถ่ายรูปมาให้ดู
เดินไปสุดถนนสักกะลิน จนไปเจอปากแม่น้ำที่ แม่น้ำคาน กับ แม่น้ำโขงมาบรรจบกัน
ทำให้แม่น้ำโขง กว้างขึ้นและปีนี้น่าทางน้ำมาก
เช้าๆ จะเห็นชาวบ้านพายเรือไปเก็บไม้ซุง ไม่เว้นพระ หรือ เณร
คึดฮอด นครพนมบ้าน ข้อยเด้.... เพิ่งจากมาสองเดือน แหะๆ
ยืมโทรศัพท์โทรฟรี โทรไปหาใครเหรอค่ะ เอิ๊กกก
รูปตึกเก่าสีน้ำเงิน - รถเต่า เหมือนย้อนยุคสมัยม๊ากับป๊า จีบกันใหม่ๆ แฮะ..