โดย มติชน วัน เสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2551 09:35 น.
การซื้อรถหุ้มเกราะล้อยาง ของกองทัพบก ถูกตั้งคำถามถึง ความเหมาะสม พอๆ กับการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพน ของกองทัพอากาศ
เป็นคำถามที่ถูกตั้งข้อสงสัย ซึ่งพยายามโยงใยว่า อาจจะ มีนอกมีใน ในการจัดซื้อ
นอกจาก ข้อมูล การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ของกองทัพบกและกองทัพอากาศ ที่ถูกตั้งข้อสงสัยแล้ว ยังมีอีก หน่วยงานหนึ่ง ที่กำลังถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์
นั่นคือ ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล กองบัญชาการทหารสูงสุด (ศตก.บก.สส.)
เป็นข้อสงสัยที่อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ที่เวลานี้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กลุ่มหนึ่งกำลังเดินย้อนรอยไปหาต้นตอ ก่อนนำความกระจ่างมาเปิดเผย
ศตก.บก.สส. ถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธในราคาที่ แพงเกินจริง
ตามที่ปรากฏเป็น เอกสาร มีการแยกแยะรายละเอียดของอาวุธ ที่จะทำการจัดซื้อ เปรียบเทียบราคาจริงที่ขายตามท้องตลาด กับราคาที่รัฐจัดซื้อ พบว่า ราคาต่างกันลิบ อาทิ
ชุดนิรภัยเก็บกู้วัตถุระเบิดยี่ห้อ SDMS รุ่น MK5A ในสัญญาซื้อ-ขายของ ศตก.บก.สส. ราคาชุดละ 998,000 บาท ขณะที่ตรวจสอบราคาจาก บริษัท แอปเปิ้ล ไซแอนทิฟิค จำกัด ผู้นำเข้าสินค้าดังกล่าว ทำสัญญาขายกับบริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด ในราคา 650,000 บาท เมื่อเดือนมิถุนายน 2551 ราคาต่างกัน 348,000 บาท
ต่อมา ชุดเชือกและตะขอยี่ห้อ SDMS รุ่น SE232 ในสัญญาซื้อ-ขายของ ศตก.บก.สส. ราคาชุดละ 423,000 บาท ตรวจสอบราคาจากบริษัทเดียวกันอยู่ที่ราคาชุดละ 164,000 บาท ราคาต่างกัน 259,000 บาท
นอกจากนั้น ยังมีปืนไรเฟิล HK G-36 จัดซื้อในราคากระบอกละ 544,800 บาท มีการเปรียบเทียบราคาในต่างประเทศ เป็นปืนชนิดเดียวและรุ่นเดียวกันราคาอยู่ที่ 36,000 บาท ราคาต่างกัน 508,800 บาท
เป็นราคาที่สูงเกินจริงถึง 15 เท่าตัว...?
นี่เป็นเพียงตัวอย่าง เพราะการจัดซื้อยังมีอีกหลายรายการ อาทิ เครื่องทวนสัญญาณ ขนาด 100 วัตต์ ระบบ UHF/FM 1 ชุด และขนาด 100 วัตต์ VHF/FM 1 ชุด ราคาชุดละ 1,600,000 บาท หรือชุดบันไดชนิดต่อกันหรือปรับเลื่อนใช้กับอากาศยาน ราคาชุดละ 5,200,000 บาท เครื่องตรวจจับระเบิดด้วยระบบเอ็กซเรย์วงจรปิด ราคาชุดละ 2,500,000 บาท เครื่องพ่นหมอกควัน ราคาชุดละ 1,400,000 บาท ฯลฯ
เหล่านี้คือ ข้อมูล ที่กำลังมีการตรวจสอบ และจะได้รู้ว่า ข้อมูลที่ปรากฏพร้อมหลักฐานเหล่านี้ จะจับมือ ใครดม ได้บ้างหรือไม่...??
แม้โผ ครม. สมัคร 4จะถูกจัดสรรลงตัวหมดแล้ว แต่พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) ยังระส่ำไม่เลิก หลัง สุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะหัวหน้าพรรค ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลแบบ คนเดียวหัวหาย
ขณะที่ สองคนเพื่อนตาย นั่นคือ พินิจ จารุสมบัติ-ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ แกนนำกลุ่มพญานาค เดินหน้าจัดโผ ครม.ต่อไป โดยยึดเก้าอี้รัฐมนตรีคืนจาก เด็กในคาถา เพื่อจัดสรรต่อให้ 2 นายทุนคนสำคัญของพรรค (ไม่นับรวมถึงโควต้าของกลุ่มปากน้ำ และกลุ่มบ้านริมน้ำ กลุ่มโคราช)
ทำให้เกิดเสียงสาปส่งจาก คนใน ที่ตกอยู่ในอารมณ์ อกหักซ้ำซาก
สำหรับ 2 นายทุนที่มีโอกาสขึ้นแท่นเสนาบดีในรัฐบาล สมัคร 4 คือ
1.ประสงค์ โฆษิตานนท์ อดีต ส.ว.เพชรบูรณ์ เจ้าของบริษัท สุโขทัยหินอ่อน ที่เข้ายึดครองเก้าอี้ รมช.มหาดไทย แทนมือขวา ปรีชา ที่ชื่อ สิทธิชัย โควสุรัตน์
2.พิชัย นริพทะพันธุ์ นักธุรกิจด้านอัญมณีและการส่งออก ได้รั้งเก้าอี้ รมช.คลัง แทน ร.ต.(หญิง) ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ศรีภริยา ว่าที่ ร.ท.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี หัวหน้ากลุ่มโคราช ซึ่งมีการเจรจาแลกเก้าอี้ระหว่างก๊ก
กล่าวสำหรับ พิชัย หรือ เสี่ยแดง ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีชื่อปรากฏในโผ ครม. ในส่วนของ พผ. แต่มีชื่อติดทีมชาติตั้งแต่เมื่อครั้งฟอร์มรัฐบาล สมัคร 1 แต่จนแล้วจนรอดก็เป็นได้แค่ ตัวสำรองอันดับ 1 เพราะไม่อาจเบียด สายแข็ง ในพรรคได้
ว่ากันว่านอกจาก เสี่ยแดง จะ มือเติบ-ใจใหญ่ แล้ว เขายังมีบทบาทสำคัญในการทำให้ กบฏไทยรักไทย มีโอกาสเจอ นายเก่า ณ ต่างแดนด้วย
เนื่องจากลูกค้าจิวเวลรี่คนสำคัญของ เสี่ยแดง ชื่อ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
ดังนั้น อย่าได้แปลกใจหากชื่อ พิชัย จะกลับมาคั่วเก้าอี้ รมต. ทันทีที่มีโอกาส!!!
ว่ากันว่าการจัดโผ ครม.สมัคร 4 อยู่ในกำมือของ แก๊งออฟโฟร์ ที่ประกอบด้วย สมัคร สุนทรเวช, ธีรพล นพรัมภา, สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และเนวิน ชิดชอบ ที่สุมหัวจับสลับโยกคนโน้นคนนี้ ให้มาอยู่ในที่ที่ตัวเองต้องการ
โดยใช้ห้องหรูของ โรงแรมพูลแมน โรงแรมดังย่านถนนรางน้ำ เป็นวอร์รูม ในการประชุมสุมหัวระหว่างดำเนินการทุกอย่าง
ซึ่งจะมี เนวิน ชิดชอบ นั่งอยู่ประจำทุกวันและแทบทั้งวัน พร้อมด้วย ส.ส.พรรคพลังประชาชน กลุ่มเพื่อนเนวิน ที่จะแวะเวียนกันเข้ามาหารือกับลูกพี่
เนวิน นั้น บารมีในพรรคพลังประชาชนล้นเหลือ ด้วยเพราะ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ในมือกว่า 100 คน ที่ค่อนข้างจะลงรักภักดี และที่สำคัญ เนวิน ยังเข้ากันได้ดีกับ หมอเลี้ยบ แบบเป็นปี่เป็นขลุ่ย
โดยมี แขกประจำ ประเภทมาโรงแรมหรูแห่งนี้ทุกวันก็คือ 4 รัฐมนตรีในโควต้าเพื่อนเนวิน ประกอบด้วย ทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม สุพล ฟองงาม รมช.มหาดไทย พงศกร อรรณนพพร รมช.ศึกษาธิการ และ ธีระชัย แสนแก้ว
ว่ากันว่า มาร่วมรับประทานอาหารเป็น เพื่อนเนวิน
แต่เวลานี้ มี แขกคนสำคัญ ที่มาแทบทุกวันเช่นกันก็คือ ธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ไม่รู้ว่าไปเข้าขา ถูกคอกันกับ เพื่อนเนวิน มาแต่หนไหน
แต่ก็เป็นอีกคนที่เดินเข้าไปแล้ว บรรดา ส.ส.เพื่อนเนวิน จะให้ความเคารพนบนอบอย่างน่าแปลกใจ เพราะลึกๆ ในใจ เชื่อกันว่า เป็นผู้จัดการงานแทน สมัคร ทุกอย่าง
และหากมีโอกาสผ่านไปผ่านมาช่วงปรับ ครม. สมัคร 4 จะเห็น รัฐมนตรี ที่มีชื่อออกมาว่าจะถูกเด้งพ้นจาก เก้าอี้ แวะเวียนกันเข้ามาคารวะ สมาชิก แก๊ง ออฟ โฟร์ นี้อยู่เป็นระยะๆ
อย่างน้อยคนที่มีปัญหา วุฒิการศึกษา ที่ว่าจะถูกเด้งออกจากเก้าอี้ ก็วิ่งเข้ามาหาทางแก้ปัญหากับ แก๊งออฟโฟร์ จนอยู่รอดในตำแหน่งมาแล้ว
ไม่เชื่อจะลองไปถาม เสนาบดีกระทรวงหูกวาง ดูก็ได้
ที่มาhttp://news.sanook.com/politic/politic_292866.php
รบกวนท่านทั่งหลายช่วยเช็คข่าวกันหน่อยครับ มันจะแพงขนาดนี้เลยหลอครับผมว่าไม่น่าเป็นไปได้นะครับ
เอาหัวข้อการซื้ออาวุธมาพาดหัวแต่ตอนท้ายที่กินเนื้อที่ไปมากกว่าครึ่ง ก็วกกลับมาหาเรื่องการเมื่องจนได้
เห็นเขียนไว้ว่า ข้อมูลที่ปรากฎพร้อมหลักฐานเหล่านี้ จะจับมือใครดมได้บ้างหรือไม่
เช่นกันถ้าปรากฎว่าไม่เป็นความจริงตามข้อกล่าวอ้างของข่าว จะจับมือนักข่าวหรือผู้ให้ข้อมูลเหล่านี้มาดมได้หรือปล่าว อยากเห็นแบบจริงจังครับ วงการข่าวอาจต้องเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
เห็นมาตลอดว่านักข่าวมักจับโน้นจับนี้มารวมกันใส่นั้นเพิ่มเข้าไปนิดเติมนี้ลงไปหน่อย (จะทำกับข้าวกันเหรอ) จนออกมาอย่างที่เห็น จะพบได้บ่อยในกรณีการจัดซื้ออาวุธ (เรียกได้ว่าทุกครั้งที่ซื้อ) กับเรื่องดารา (อันนี้เฉพาะคนดังไม่ดังขายไม่ออก) คุณธรรมของนักข่าวไทยตั้งอยู่ไม้บรรทัดที่ไม่คอยจะตรง
$$$$ แอบมาบ่น แล้วจากไป ไวปานตอนล๊อกอิน $$$$
ไม่แปลกนิครับ ราคาปืนบ้านเราแพงโหดจะตาย อย่าง ปืนพก โดนภาษี โน่นนี่ จากราคา หลักหมื่นเป็น หลักแสน เลย
อย่างปืนซุ่มยิงดรากูนอฟ ที่เมืองนอก ขาย หลักหมื่น แต่ ถ้าขายในไทย คงเป็นแสน
รัฐซี้อเอง ต้องเสียภาษีเยอะขนาดนั้นด้วยเหรอ?
หรือต้องเสียภาษีด้วยหรือ แบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นยุทธภัณฑ์ใดๆ ก็ต้องเสีย
ภาษีด้วยใช่มั้ยครับ?
เอาจริงๆนะครับ หากว่ามันมีภาษีอะไรมากมายก่ายกองอย่างนั้น
ผมว่าตอนนี้คือโอกาสที่ดีภายใต้วิกฤต
นักข่าวหากว่าขี้โม้นักหรืออะไรก็แล้วแต่ตามที่กล่าวอ้าง ผมว่าเป็นการดีนะครับ ที่กองทัพและรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะออกมาทำการชี้แจง แจกแจงรายละเอียดอย่างโปร่งใสให้เห็นให้ชัดๆไปเลย
ผมว่าจะเป็นการดีมากครับ
ดีกว่าให้ประชาชนหาข้อมูลกันเองแล้วก็ถกเถียงกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดหรือยากจะสิ้นสุด
ผมว่าทักท้วง หรือขุดคุ้ยเยอะๆน่ะดีแล้วครับ จะได้ชี้แจงให้เต็มที่ให้สื่อหงายไปเลย
แต่ไม่ใช่ว่า ชี้แจงครึ่งๆกลางๆ จากนั้นบอกว่า เคลียร์กระจ่างอย่างหมดจด แบบในบางกรณีที่ ชี้แจงแล้ว ตอบไม่ได้โดยเป็นคำถามสำคัญๆทั้งสิ้นแล้วตอนจบมาบอกว่า ผมชี้แจงอย่างโปร่งใสหมดแล้วนะครับ ซึ่งเกิดขึ้นเองบ่อยๆ
จนทำให้เกิดภาพลักษณ์จะจริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ อาศัยแค่เหตุผลคาดเดามันก็ได้แค่นั้น แต่ภาพลักษณ์ที่ปรากฎคือ กองทัพซื้ออาวุธทีไร มันมีทุจริตกันทุกที ซึ่งประชาชนลองสอบถามกันทั่วไปก็จะคิดเช่นนี้ครับ
ฉะนั้นทางที่จะแก้คือที่ผมกล่าวไว้ด้านบนแล้ว
และที่สำคัญ อย่าเล่นพูดขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว อ้างว่าคนอื่นเขาทำกัน หากว่าเขาทำผิดแล้วเลียนแบบ มันก็ไม่ต่างกันคือผิดนั่นแหละ และชี้แจงให้เคลียร์ให้หมดไม่ใช่หมกเม็ดไม่ตอบแล้วบอกว่า เคลียร์แล้วนะคร้าบ~ ชี้แจงแล้วนะคร้าบ ~ อ้างลอยๆแบบนี้
รบกวนท่านทั่งหลายช่วยเช็คข่าวกันหน่อยครับ มันจะแพงขนาดนี้เลยหลอครับผมว่าไม่น่าเป็นไปได้นะครับ
ยังไม่มีใครมาตอบข้อนี้สักคน
เรื่องรัฐซื้อมาแพงเกินไปหรือปล่าวผมไม่ขอพูดครับ ไม่มีข้อมูล ไม่อยากคิดไปเอง ไม่อยากตัดสินอะไรใรเรื่องที่เราไม่รู้ความจริง
อย่างที่คุณ u3616234 บอกไว้ปืนบ้านเราแพงจริงครับ แต่ปืนขายชาวบ้านทั้วไปนะครับ ปืนรัฐซื้อถูกกว่าแน่นอน หรือปืนสวัดิการ(ปืนโครงการที่ข้าราชการที่เกียวข้อง) ก็ยังถูกกว่าครึ่งต่อครึ่ง ปืนชาวบ้านแพงกว่าราคาตั้งเมืองนอกเท่าไรก็คิดเอาเองว่า ตอนไปเรียนต่อที่โน่นผมจะซื้อรถจักรยานเสือภูเขาราคาคันละ 899 $ ไว้ไปขี่ที่มหาลัย ไปเห็นปืนขายที่เดียวกัน (เป็นร้านขายอุปกรณ์กลางแจ้งขนาดใหญ่) เป็นปืนในฝันของผมคือ HK P7M13 ราคาแค่ 700-800$ เองมาบ้านเราจักรยานคันที่ว่าบ้านเรา สามหมื่นกลางๆ ลดได้อีก แต่ปืนกระบอกนั้นสองแสนกว่า
ป.ล.ปืนดรากูนอฟขายบ้านเราไม่ได้นะครับผิดกฎหมาย เป็นปืนยาวกึ่งอัตโนมัต (บรรจุเอง) ชนวนกลาง ลำกล้องยาวเกินกฎหมายกำหนด บางคนแย้งว่าปืนพกกึ่งออโตก็เข้าข่ายทำไหม่ไม่ผิด กฎหมายกำหนดที่ความยาวลำกล้องครับ (จำไม่ได้ว่ายาวเกินเท่าไรผิด) ดังนั้นปืนพวกที่มีรูปร่างคล้ายๆ M-16 ที่มีลำกล้องสั้น และยิงได้แบบกึ่งอัตโนมัตโดยหลักไมผิดกฎหมายไทย แต่ก็ไม่ผ่านดุลพินิจนายทะเบียนครับทั่งๆ ปืนถูกกฎหมายเต็มๆ
พึ่งรู้ว่า กฏหมายกำหนดความยาวลำกล้อง
แต่ผมว่า
ผมว่าไม่ใช่การกำหนดความยาวลำกล้องมั่งคับ
ลองไปอ่านหนังสือ อวป.403 ที่ทดสอบปืนสไนเปอร์คับ ลำกล้องยาวกว่า m16 ทุกอันเลย ทุกอันตอกทะเบียนและมีเจ้าของกันหมดเลยนะคับ อ้อ ไม่ใช่ลูกกรดด้วย
รู้สึกว่าจะดูที่ ขนาด ระบบ(ฟูลออโต้) อะไรอีกจำไม่ได้ แต่ที่สำคัญอยู่ที่ดุลยพินิจของนายทะเบียนเป็นสำคัญ
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กฏหมาย แต่อยู่ที่คนใช้กฏหมายคับ
คับ ที่ทดสอบคือ ลูกเลื่อนทั้งหมด
ไม่ว่า ขนาดเท่าไรเหรอคับ
แล้ว 10/22 นี่ก็ผิดด้วยเหรอคับ
ไม่ผิดครับ เพราะกระสุนที่ 10/22 ใช้ เป็นกระสุนชนวนริมครับ
เรียนเรียนท่านพี่ดิ่งนรกภาคสอง กฎหมายไทยไม่ได้ระบุว่ากระสุนขนาดไหนเป็นกระสุนธรรมดาหรือไรเฟิลครับ รวมทั้งไม่ได้ระบุว่าอะไรคือปืนสั้นหรือยาวด้วยมีแต่ ปืนลำกล้องมีเกลียว กับไม่มี สำหรับปืนที่มีเกลียวลำกล้องห้ามมีขนาดลำกล้องเกิน 11.45 มม. ไว้(ถ้าได้มากกว่านี้หน่อยก็ขอปืนบาร์เร็ต .50 ได้แล้ว) ถ้ามีกลไกบรรจุเองให้สามารถยิงซ้ำได้ (กึ่งออโตนะครับไม่ใช่ปืนกล)กำหนดห้ามความยาวลำกล้องเกิน 160 มม. ปืนลูกซอง หรือลูกกรดที่มีขนาดลำกล้องเกิน 5.7 มม. ครับ ดังนั้นปืนจำพวก AR-15 (M-16 ที่ยิงได้แต่แบบกึ่งอัตโนมัติ) ลำกล้องสั้นที่มีความยาวไม่เกิน 160 มม.(เห็นหลายบริษัตทำขายอย่างเช่นบุซมาสเตอร์ โอลิมปิกอาร์ม เป็นต้น) สามารถจดทะเบียนเป็นปืนถูกกฎหมายได้ครับในทางเทคนิกและกฎหมาย แต่มักจะไม่ได้ด้วยเหตุที่นายทะเบียนครับ (เส้นต้องใหญ่) สมัยก่อนยังเห็นปืนรูปร่างเหมือนปืนกลมือแบบ สไตเออร์ UMPมาขายแต่เป็นกึ่งออโต หรือมีปืนรูปร่างแบบปืนกลอูซี่แต่ยิงได่แค่กึ่งออโต ก็เห็นมีทะเบียนมาแล้วครับ ปืนดังที่ได้กล่าวมานี้ยังไม่เห็นขนาด .223 เข้ามาขาย คาดว่าน่าจะมาจากร้านปืนไม่แน่ใจว่าลูกค้าจะขอได้หรือปล่าว
แต่กฎหมายไทยนี่ก็แปลกๆ หลายอย่างนะครับ ตั้งแต่ไม่ระบุชนิดกระสุนแยกกระสุนไรเฟิลออกไป หมายความว่าตังแต่ .25ACP ที่ได้ยินมาว่าถ้าใส่เสื่อหนาหน่อย โดนเข้าก็แค่เคาะเอาหัวออก รวมไปถึงขั้นไรเฟิลที่ยิงช้างหรือไดโนเสาร์ได้ในนัดเดียวนี่เป็นกระสุนชนวนกลางแบบเดียวกัน หรือซองกระสุนห้ามเกินสิบนัดนี้ ผมถือซองสิบห้านัด ไปขึ้นทะเบียนก็ยังได้ แต่ถ้าตำรวจเจอก็โดนยึด งงกับกฎหมายไทย
เอาราคาปืนเล็กยาวติดอุปกรณ์ซุ่มยิงไปเทียบราคากับปืนเล็กยาวจู่โจมเท่าไปมันก็ได้ส่วนต่างอย่างนี้ล่ะครับ
เหมือนเอา VIOS รุ่น J ไปเทียบกับรุ่น S รถยนต์เหมือนกันแต่ราคาต่างกันเยอะ
ไม่อยากพูดมากครับ เดี๋ยวถูกข้อหาคุกคามสื่อ
เพิ่มอีกนิด สำหรับราคา ปืนเล็กยาวจู่โจมที่เราซื้อจริงๆ นั้นราคาประมาณหกหมื่นครับ
คำว่า ไรเฟิล ที่กล่าวมา ผมหมายถึงปืนยาวที่มีเกลียวในลำกล้องครับ ตามความหมายมันเลย ไม่ได้หมายความว่ากระสุนแต่อย่างใด ขออภัยที่ทำให้เข้าใจผิดครับ