......เป็นเรื่องน้อยใจในกฎหมายมากๆ จะเล่าสั้นๆว่าดังนี้
.....ราวๆ1เดือนก่อน ผมกับเพื่อนนั้น มีเรื่อง คือ มีปัญหากับอริข้างนอก แล้วมันตามมาทำร้าย( เอาคืน ) เพื่อนผมถึงบ้าน โดยบุกเข้ามาในบ้านแล้วทำร้ายแฟนเพื่อนผม กับเพื่อน โดยผมเองและพี่ชายเพื่อนอยู่บนบ้าน จึงได้เอา ท่อเหล็ก กับ มีดดาบ มาฟันมัน จนหมอบคาในบ้านเลย ไม่ตายก็สาหัสล่ะครับ และแล้วเรื่องก็ถึงตำรวจ
.....ผมกับเพื่อน พี่ชาย โดนจับข้อหาทำร้ายร่างกาย มีอาวุธอีก ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นอีก ประมาณเนี้ย ถึงขนาดจะล็อกกุญแจมือ ไปโรงพัก ไม่พอๆยังจะจับขังอีก จนต้องเรียกน้าชายมาประกันตัวไป ส่วนอริที่ทำร้ายมันไปนอนร.พ. ตำรวจบอกจะเรียกมารับข้อกล่าวหาที่หลัง
.....สิ่งที่อยากจะถามคือ
1. ผมกับเพื่อนผิด ด้วยรึครับ ที่ต่อสู้ในบ้านอ่ะ และไม่ได้เป็นฝ่ายทำร้ายและ ก่อเรื่องก่อน โดยให้เหตุผลว่าป้องกันตัว ตำรวจก็ยังจะจับให้ได้
2. หาก อริ มันตายขึ้นมา ในบ้านโดยที่พวกผมป้องกันตัวนั้น พวกผมก็โดนจับ ขึ้นศาล จำคุก ข้อหาฆ่าคนตายเหรอครับ
3.ผมต้องยืนมอง มันทำร้ายเพื่อนผม หรือหากเป็นญาติผมในบ้านตัวเองรึคับ ผมถึงจะไม่ผิด โดยให้ฝ่ายเราเจียนตายไปก่อนแล้วหนีไปได้ ต่อหน้าต่อตา
......ซึ่งมันก็ พอๆกับข่าว ที่ นักมวยไปช่วยผู้หญิงที่จะถูก ข่มขืน แต่ดันไปเตะ มันตายเลยโดนจับ ขึ้นศาลจำคุก
...ข่าววันนี้ก็ ที่ผู้ชายเขาเอามีดฟันคนที่กำลังจะข่มขืนแฟนตัวเองในห้อง แต่กลับโดนตำรวจจับข้อหาทำร้ายร่างกาย
.....เป็นคนดีช่วยผู้อื่น หรือ ปกป้องครอบครัว คนรัก ในบ้านตนเอง แต่กลับโดนจับ สั่งขัง จำคุกนี่มัน ใช่กฎหมายไทย หรือครับ
.....ขอโทษ วมต. ที่ตั้งกระทู้ระบายแบบนี้น่ะครับ จะลบก็ได้ แต่มันได้เจอกับตัวเองแล้วอ่านข่าวอีก มันเลยทำให้น่าสลดใจกับกฎหมายไทยมากๆ ครับ ทำดีไม่มีความหมาย
1. ผิดครับ คุยจะอ้างว่าป้องกันตัวไม่ได้ครับ การป้องกันตัว คือ การทำให้อริไม่สามารถเราได้เท่านั้นครับ ถ้าคุณซัดเค้าหมอบคาที่เเบบนี้ ก็ถือว่า ผิดถ้า ตายก็โดนข้อหา ทำร้ายร่างกายเเละฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนาครับ
2.ใช้ครับ เเต่ข้อนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลด้วยครับ
3.ขอยกตัวอย่างครับ ถ้าคุณจะอ้างว่าป้องกัน เช่น มีปืนอยู่ในมือจะป้องกันตัว คือ ยิงเเขนเเละขาหรือส่วนที่จะทำให้คู่ต่อสู้ทำร้ายเราไม่ได้ หรือ กรณีคุณ ก็ เอาไม้หรือมีด ตีฟัน ที่ขาหรือเเขน พอให้สลบหรือเจ็บจนลุกไม่ไหวครับ
ปล.ขอบอกว่ากฎหมายไทยเรามีช่องโหว่เยอะครับเเละคนไทยก็ค้อนข่างไม่เคารพกฎหมายครับ ตำรวจก็ไม่ทำตามหน้าที่ จริงครับที่ว่า โลกนี้มันไร้ความยุติธรรม
การป้องกันตนเอง หรือการช่วยผู้อื่นที่กำลังได้รับอันตราย ไม่ถือเป็นความผิดทางอาญาครับ ยิ่งในบางกรณีถ้าคุณ MIG31ละเว้นที่จะช่วย คุณ MIG31อาจจะโดนข้อหาละเว้นการช่วยเหลือก็ได้ครับ
การป้องกันตัวและป้องกันสิทธิของผู้อื่นไม่ให้ถูกละเมิด ถือเป็นสิทธิของบุคคลที่จะกระทำได้ครับ แต่ว่า การป้องกันตนเองนั้น ตามประมวลกฏหมายอาญามาตราที่ 68 บอกว่า การกระทำนั้นต้องสมควรแก่เหตุ เพราะถ้าไม่สมควรแก่เหตุ ศาลก็อาจจำเป็นต้องพิจารณาโทษ เช่น นาก ก กำลังจะชก นาย ข แต่นายขอใช้เท้าถีบนาย ก จนล้มลงแขนหักต้องเข้าเฝือก อย่างนี้ถือว่าสมควรแก่เหตุครับ แต่ถ้านาย ก กำลังจะชก นาย ข และนาย ข กลับเอา M16 ซัดนาย ก เสียหมดแม็ค อย่างนี้ไม่ถือว่าสมควรแก่เหตุแล้วครับ
ปัญหาข้อนี้มันอยู่ที่ว่า คนที่จะมาทำร้ายเพื่อนและแฟนเพื่อนคุณ MIG31นั้นมาแบบใดครับ ถ้ามามือเปล่า บุกเข้ามากะจะถืบให้หน่ำใจ แล้วคุณ MIG31 ฟันเขาซะเละ อันนี้ถือว่าเกินกว่าเหตุ ศาลต้องลงโทษครับ แต่ถ้าเขาถือปืน ถือดาบมา แล้วคุณ MIG31 กับพี่ชายเพื่อนถือมีดเข้าไปช่วยจนเกิดการต่อสู้กัน อันนี้ผมมองว่าไม่เกินกว่าเหตุแต่อย่างใด
แต่การลงโทษ กฏหมายก็มีข้อบัญญัติไว้ว่า ในกรณีที่ผู้กระทำได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ ศาลสามารถที่จะสั่งลงโทษน้อยกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้เท่าใดก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าโทษในการพยายามฆ่าแบบนี้ศาลจะสั่งลงโทษจำคุก 10 ปี แต่ในกรณีที่ผู้กระทำได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุเพื่อการป้องันตัว ศาลอาจจะสั่งลงโทษจำคุกแค่ 2 เดือนก็ได้ ยิ่งถ้าผู้กระทำกระทำไปด้วยความตื่นเต้น หรือตกใจกลัว หรือลน หรือเครียดจัด ศาลก็สามารถไม่ลงโทษเลยก็ได้ครับ
ฉะนั้นในกรณีนี้ เมื่อขึ้นศาล คุณ MIG31ต้องให้การว่า ในตอนนั้นที่อริเข้ามาทำร้ายเพื่อนและแฟนเพื่อน เขาเอาอะไรมาด้วย ต่อสู้กันยังไง และทำไมไอ้หมอนั่นมันถึงถูกฟันเสียปางตายขณะนี้ พยายามพูดว่าตอนนั้นตกใจมาก หรือกลัวว่าเพื่อนกับแฟนเพื่อนจะถูกทำร้ายจนเสียชีวิต หรืออะไรก็ตาม จึงต้องฟันมันซะเละ ...... ถ้าศาลเห็นว่าคุณ MIG31 ป้องกันตนเองสมควรแก่เหตุ ศาลก้อาจจะไม่ลงโทษ แต่ถ้าเห็นว่าเกินกว่าเหตุ ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าคุณ MIG31ทำให้ศาลเชื่อได้มากขนาดไหนว่าตนเองทำไปเพราะตกใจกลัว ถ้าศาลเชื่อศาลก้จะไม่ลงโทษครับ แต่ถ้าศาลไม่เชื่อ ก็อาจจะลงโทษ แต่ส่วนใหญ่ก้จะลงโทษน้อยกว่าปกติ
อ้อลืมไป ในกรณีนี้ถ้าคุณ MIG31 ให้การว่าตอนนั้นบันดาลโทษะ ก็จะช่วยให้น้ำหนักที่ศาลจะลงโทษคุณ MIG31 อ่อนลงได้อีกครับ
ลองคุยกับทนายดูครับ ถ้าคุณ MIG31 ให้การดี ๆ และสิ่งที่ทำไปนั้นไม่เกินขอบเขตนัก ..... รอบรองว่ารอดชัวร์ครับ
ปล. กรณีนักมวยกับแม่ค้าที่ถูกจำคุกคือกรณีศึกษาที่ดีครับ แม่ค้าคนนั้นกำลังจะถูกนาย ก ข่มขืน นักมวยเห็นเลยเข้ามาช่วย แต่เผอิญว่านักมวยแตะนาย ก นั่นซะยับ แถมแม่ค้าใช้มีดฟันนาย ก ไม่ต่ำกว่า 10 แผล ........... นี่ถือว่าเกินกว่าเหตแล้วครับ ศาลจำเป้นต้องลงโทษ
ปล.2 ตำรวจตั้งข้อหาอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจมากครับ ให้การไปตามจริง และไปสู้กันในชั้นศาลเอาครับ
อันนี้ ข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่พ้นมาตรา 4 มาตรานี้หรอกครับ ....... ยังไงเอาใจช่วยครับ
มาตรา 67 ผู้ใดกระทำความผิดด้วยความจำเป็น
(1) เพราะอยู่ในที่บังคับ หรือภายใต้อำนาจซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ หรือ
(2) เพราะเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้ เมื่อภยันตรายนั้นตนมิได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะความผิดของตน ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุแล้ว ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
มาตรา 68 ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด
มาตรา 69 ในกรณีที่บัญญัติไว้ในมาตรา 67 และมาตรา 68 นั้น ถ้าผู้กระทำได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ หรือเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็น หรือเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ แต่ถ้าการกระนั้นเกิดขึ้นจากความตื่นเต้น ความตกใจ หรือความกลัว ศาลจะไม่ลงโทษผู้กระทำก็ได้
มาตรา 72 ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
ก็มันอยู่ที่ผมถามไปน่ะครับ ....... พวกที่ยกมา มากันยังไง เอาอะไรไปบ้าง มีการต่อสู้กันมากน้อยขนาดไหน แล้วทำไมไอ้หมอนั่นมันถึงโดนฟันจนต้องไปนอนพะงาบ ๆ อยู่ในโรงพยาบาล ........ คงต้องทราบข้อมูลเหล่านี้ก่อนครับถึงจะพอพูดได้
แต่การป้องกันตัวไม่ถือเป็นความผิดทางอาญานะครับ
ต้องแยกประเด็นดังนี้ก่อนครับ
ตามป.วิ อาญา มาตรา 78วงเล็บ1 ตำรวจจับพวกคุณได้เนื่องจากเป็นการกระทำซึ่งหน้าตาม ป.วิอาญา มาตรา 80 วงเล็บ1และ2
ฉะนั้นเมื่อพวกคุณโดนจับ ประกันตัวออกมา มีหน้าที่อย่างเดียว คือ รอคดีขึ้นสู่ชั้นศาลครับ
เพราะฉะนั้น ต้องมาพิจารณาที่มาตรา 67 วงเล็บ2 กล่าวว่าผู้ใดต้องกระทำความผิดด้วยความจำเป็น แต่ในวรรค2นั้นกล่าวว่า ต้องไม่เกินกว่าเหตุ
มาตรา 68 กล่าวว่าถ้าไม่เกินกว่าเหตุ ไม่มีความผิด
แต่มาตรา69 กล่าวว่า ถ้าเกินกว่าเหตุ แล้วแต่ดุลพินิจศาล และเปิดช่องไว้ว่า ถ้าเกิดจากความตื่นเต้น ตกใจหรือกลัว อาจจะไม่ต้องลงโทษ (หรืออาจจะลงโทษ แล้วแต่ดุลพินิจของศาล) แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ผิดนะครับ (ไม่มีความผิด กับไม่มีการลงโทษ ต่างกันครับ)
กรณีนี้ ศาลต้องพิจารณาครับ
ถ้าศาลมีดุลพินิจจะลงโทษก็ใช้ตามมาตรา 297 เกี่ยวกับการทำร้ายร่างกาย (สาหัส) ลงโทษจำคุก6เดือน -10ปี
ทีนี้ ถ้าตายล่ะ
มาตรา288 จำคุก15-25 ปี หรือตลอดชีวิต หรือ ประหารชีวิต
ทีนี้ต้องมาพิจารณาว่าศาลจะลดโทษมั๊ย ..........เนื่องจากกรณีนี้ มีการพิจารณาได้2แง่คือ
1. เกินกว่าเหตุไหม
2.ถ้าเกินกว่าเหตุ ทำไปด้วยความตกใจหรือไม่
ถ้าออกมาในแง่เกินกว่าเหตุ และไม่ได้ตกใจ (งานนี้ทนายต้องเก่งพอที่จะชี้ให้ศาลเชื่อว่าคุณไม่ได้เตรียมอาวุธคอยท่า และ เป็นฝ่ายล่อลวงฝ่ายนั้นมาเอง ซึ่งฝ่ายตรงข้ามอาจะเอามาใช้สู้ )
งานนี้ ก็วกเข้า ม.297 หรือ 288(กรณีตาย)
ศาลพิจารณาจาก อายุ การกระทำความผิด และที่สำคัญ การรับสารภาพครับ
ขอให้โชคดีครับ ทางที่ดีลองไปปรึกษาสภาทนายความ 02 629 1430
ขอแยกประเด็นก่อน่ะครับผมว่า อย่างแรกคือป้องกันตัวหรือผู้อื่น กับตำรวจต้องจับน่ะครับเห็นเหมือนคุณมิกข้องใจว่าทำไมตัวเองถึงถูกใส่กุญแจมือกับให้อยู่ในห้องขัง� เหตุที่คุณมิก31 ก่อ ในฐานะตำรวจ ณ ขณะนั้นเมื่อเกิดเหตุในทางคดีอาญา ตำรวจต้องปฎิบัติไปตามหน้าที่น่ะครับ ตำรวจเค้าไม่มีอำนาจตัดสินเดี๋ยวนั้นว่าคุณมิก31กับเพื่อนผิดรึไม่ผิด แต่ซึ่งหน้าแล้วมีเหตุทำร้ายร่างกายฉะนั้นต้องทำไปตามกระบวนการน่ะครับ ขอให้เข้าใจเจ้าหน้าที่เค้าตรงนี้ด้วย�
นอกนั้นท่านอื่นอธิบายให้กระจ่างหมดแล้ว แล้วก็ขอทิ้งท้ายหน่อยน่ะครับถึงทุกท่านให้เข้าใจเกี่ยวกับกฎหมาย กฎหมายเป็นเพียงเครื่องมือไปสู่ความยุติธรรมน่ะครับมันไม่ใช่หลักที่ต้องปฎิบัติตามเสมอไป �อย่ายึดติดกับตัวบทกันจนเกินไปครับ ถูกต้องมันอาจไม่ถูกใจเสมอไปน่ะครับอย่าตัดสินว่าไม่ถูกใจฉันนั่นมันไม่ถูกต้อง ทุกอย่างอยู่ที่ความสำนึกได้ของมนุษย์ ครับ แล้วก็ขออภัยอีกอย่างอันนี้ความรู้สึกส่วนตัวถึงท่าน POOM 1.1 ขออย่าใช้คำว่าตำรวจก็ไม่ทำตามหน้าที่แล้วก็ โลกนี้มันไร้ความยุติธรรมเลยครับ ผมยืนอยู่ฝั่งด้านยุติธรรม ถึงแม้จะเป็นแค่นิสิตนิติศาสตร์ปีสี่ แต่ผมก็เคยฝึกงานมาบ้างแล้ว ขอเถอะครับ เจอใครหลายๆคนพูดแบบนี้มันแทบหมดกำลังใจน่ะครับ พี่ๆที่ทำงานด้านนี้หลายๆท่านพูดกัน คนดีๆที่ทำเพื่อบ้านเมืองยังมีอีกเยอะครับผมรับประกันได้ แม้กระทั่งตำรวจด้วยครับเพราะตำรวจส่วนใหญ่เป้นคนดีครับ อย่าเอาส่วนน้อยมาตัดสินคนส่วนใหญ่เลยครับ อยากให้ประชาชนเป็นกำลังใจให้พวกท่านบ้างครับ�
ที่ท่าน Skyman แนะนำว่าให้การว่าบันดาลโทสะเพื่อบรรเทาโทษนั้นสามารถอ้างได้ แต่ในแง่ของวิธีพิจารณาความอาญาแล้วลักษณะของการบันดาลโทสะอธิบายง่ายๆ คือ ถ้าคุณถือดาบแล้วฟันครั้งเดียว หรือคุณชกด้วยกำปั้นครั้งเดียว สามารถอ้างได้ว่าเป็นการบันดาลโทสะ แต่จากกรณีของท่าน MIG31 คงไม่ใช่กระทำแค่ครั้งเดียวแน่ๆ เล่นกระหน่ำเสีย ไม่ตายก็สาหัส ดังนั้นยังไงศาลก็ไม่พิจารณาว่าเป็นการบันดาลโทสะ
แต่มันก็เป็นสูตรสำเร็จในการว่าความคือให้การไว้ก่อน ประมาณว่ากั๊กเอาไว้ก่อน เพราะอ้างไปก็ไม่มีอะไรต้องเสีย
งานเข้าเเล้วครับพี่น้องค้าบบบบ
ใช่ครับอย่างที่ทุกๆท่านบอกมา ที่ว่าต้องขึ้นอยู่กับศาสตัดสิน
ผมอยากทราบว่า คนที่เข้ามาทำราย ท่านถึงในบ้านนั้นมีกี่คนล่ะครับ
เเละอีกอย่างหนึ่งคือพวกคนที่เข้ามา เขาพวกนั้นเป็นลูกตำรวจหรือคนที่เกี่ยวข้องกันทางนี้บ้างรึเปล่าครับ ถ้าเกี่ยว ข้องด้วยล่ะหนี้ก็เเย่เข้าไปอีกหล่ะครับ
ปล. ครับ คนดีผีคุ้ม ครับ ถ้าใจเราบริสุทธิ์ เราก็จะเป็นผู้บริสุทธ์เช่นกันครับผม
ใช่คับ ไปตัดสินกันในศาล
ทำศาลเห็นว่าแค่ป้องกันตัว อย่างเช่น ในมือคู่อริถืออะไรแล้วเราถืออะไรอาวุธนั้นหมาชีวิตหรือเปล่า และอื่นๆอีกมากมายแล้วแต่เราจะให้ข้อมูล
ถ้าที่ จขกท.ว่ามา ติตรงที่ การรุมคับ แต่ไม่รู้ว่า ที่หมอบนั้นมีอาการอย่างไรบ้าง ถ้าตอนนี้คู่อริ เลือดตกหรือตับแตกตาย คงมีงานเข้าแน่ๆคับ
ก็ต้องดูครับว่าทำเกินหว่าเหตุหรือไม่
.....ขอขอบพระคุณ พี่ๆหลายท่านที่มาให้ความกระจ่างครับ
....คือมันเป็นวัยรุ่น บุกเข้ามา 3คน มอไซ2คัน มีดดาบ 1เล่ม ปืนปากกา 1กระบอก ที่ตีมัน ก็ทำไปเพราะไม่คิดอะไรน่ะครับ นึกแต่ว่าป้องกันเพื่อน กับตัวเอง เพราะเราออกมาบวกตอนที่ได้ยินเสียงเพื่อนมันเรียกซึ่งเพื่อนก็โดนฟันไปบ้างแล้ว ครับ ส่วนมีดดาบ กับ ท่อ ก็หาไว้ตั้งแต่เรียนช่างใหม่ๆ แต่ก็เก็บไว้ที่บ้านน่ะครับ ไม่เคยนำออกไปวิวาทที่ไหน
.....แต่ยอมรับตามตรงว่าไม่ได้ จงใจ ที่ตีๆทุบๆไปเพราะป้องกัน เพราะ กลัวพวกมันที่อยู่ข้างนอกจอดรถรอ จะเข้ามาซ้ำ เพราะได้ยินมันเรียกเพื่อน และ พี่ชายเพื่อนโดนปืนปากกาเข้าที่ ต้นขา น่ะครับ
อันแรกคือเห็นใจ และขอเป็นกำลังใจครับ
ก่อนผมเกิด ที่บ้านเคยมีเรี่องคล้ายๆกัน ทุกวันนี้ก็ยังสั่งสอนกันในครอบครัว ว่าต้องทำอย่างไรบ้างในสถานการณ์อย่างนี้
ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ อย่างที่ต้องการ อันนั้นท่านคงต้องเป็นภาระไปหาทนายดีๆ คุยในรายละเอียดของข้อเท็จจริง ข้อมูลที่เพิ่มเติมในตอนหลังนี้ ก็ช่วยให้สบายใจหน่อย แต่ประมาทไม่ได้ อย่าให้ทนายฝึกหัดใช้ลองวิชา
เรื่องการป้องกันตัวในบ้าน/เคหสถาน อย่างนี้ไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นเรื่องยาก ประเทศเราแตกต่างกับบางประเทศ ที่นั่นเขาไม่คุ้มครอง โจร/ผู้บุกรุก เขาอยู่กันได้ถึงบ้านจะมีรั้วเตี้ยๆแค่เข่า หรือไม่มีรั้ว ลองเดินเข้าไปสิ บ้านเขาไม่ใช่ที่สาธารณะ เจ้าของบ้านมีสิทธิของเขา ไม่ใช่แค่การฆ่าเพื่อป้องกันชีวิต ทรัพย์สิน หรือสิทธิ แต่รวมถึงการฟ้องเรียกค่าล้าง รอยเลือดที่กองทิ้งไว้ด้วย
คดีจบตรง ผู้บุกรุกไม่มีสิทธิที่จะให้ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย
ลองศึกษาคดี เด็กญี่ปุ่นที่โดนยิงตายในคืนว้นฮาโลวีน คูครับเป็นกรณีศึกษาที่ดี
แต่บ้านเรา เราอยู่กันในบ้านที่ต้องมีกำแพงสูงๆ มีลวดหนาม หน้าต่างทุกบานก็ต้องมีเหล็กดัด เหมือนคุกหรือป้อม เชื่อมั๊ยว่า ในบ้าน ตอนกลางคืน โดยมีอาวุธ เออ ในเคหสถาน ในยามวิกาล โดยพกพาอาวุธ คนอื่นก็มีสิทธิตามกฏหมาย เท่าๆกับเจ้าของบ้าน และ กระบวนการยุติธรรมของเราก็คุ้มครองเขา ไม่ใช่แค่ตำรวจเท่านั้น
จำได้ว่าเคยมีคำพิพากษาฎีกาคดีหนึ่งที่ลงในหนังสือปืน
เจ้าของบ้านนอนอยู่ที่ชั้นสี่ของบ้านที่ชั้นล่างเป็นร้านค้า ตื่นมาตอนดึก
ได้ยินเสียงคล้ายมีการงัดแงะจึงถือปืนลงมา ก็เจอกับใครสักคนที่มีมีดอยู่ในมือ เจ้าของบ้านจึงยิงโจรตาย ศาลลงโทษเจ้าของบ้าน ป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ
คราวนี้ถ้า แปล เป็นวิธีปฏิบัติ หากเกิดอย่างเดียวกัน ในวันนี้ที่บ้านของเรา
ได้ยินเสียงผิดปกติ เจ้าของบ้านถือปืนลงไปดูได้
ถ้าผู้บุกรุกมือเปล่า เราก็ต้องไม่ใช้อาวุธ ควรเอาปืนไปเก็บด้วย ไม่งั้นกลายเป็นของแถม
คิดหรือว่า เราจะต่อยสู้โจรได้
ถ้าผู้บุกรุกมีมีด หรือไขขวง ต้องกลับมาเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่เท่าๆกัน
ถ้าเราบังเอิญคว้ามีดได้ ต้องกลับไปขอเปรียบก่อน มีดเรายาวกว่าหรือไม่
ถ้ายาวกว่า ต้องกลับไปเปลี่ยนเอาเถื่อนที่เท่าๆกัน แล้วเอามาแช๊งช้างกัน
ไปถามพี่ตำรวจว่าการป้องกันตัวในบ้านต้องทำอย่างนี้หรือไม่
แกบอก อยู่อย่างจำเลย ดีกว่าตายอย่างโจทก์
เรื่องของท่าน Mig ผมมองว่า สุจริตชนนอกจากต้องต่อสู้กับอาชญากรแล้ว ยังต้องต่อสู้กับ กลุ่มคนที่ทำงานตามขั้นตอนเพื่อความยุติธรรมในอุดมคติ
สำหรับอีกท่าน ที่มีความสงสัยเรื่องมีดดาบ ขอเรียนว่า ในบ้านไทยยุคก่อน ที่เป็นเรือนใต้ถุนสูง เท่าที่ผมได้ไปเยี่ยม ที่ขื่อมักมีหอก หลืบมีอีดาบ ส่วนมีดครัว ทำกับข้าว อยู่แต่ในครัว อีดาบเป็นของคู่บ้านคู่เรือนอย่างหนึ่งของคนไทยครับ
ท่านยะสู้ๆ หุหุ ผมว่านี่คงเป็นเหตุผลที่ท่านยะไม่ออนเอ็มนะ ครับ(ท่านแทนกับนู๋โอ๊ตก้อถามหา)เห็นแต่แฟนท่านออนบ่อยๆอ่ะ ผมเชื่อว่าท่านเป็นคนดีนะท่านยังงัยก็ขอเป็นกำลังใจให้ละกันนะ
ในความคิดเห็น(หางอึ่ง)ของผมนะครับ
จากข้อเท็จจริง(เบื้องต้น)ดังกล่าว การที่คุณMIG31เเละพวกมีเรื่องกับคู่อรินั้นถือว่าเป็นการสมัครใจเข้าวิวาทไม่ถือว่าเป็นผู้เสียหายตาม
ป.วิ.อ.มาตรา2(4)ซึ่งระบุว่า ผู้เสียหายหมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง...ดังนั้น
ทั้งฝ่ายคุณMIG31เเละฝ่ายตรงข้ามต่างก็มีส่วนในการกระทำผิดไม่สามารถอ้างเหตุป้องกันตามกฏหมายได้เพราะศาลถือหลักที่ว่าคนที่มาศาลนั้นต้องมือสะอาด(ไม่มีส่วนในการกระทำความผิด)
ส่วนกรณีที่ฝ่ายตรงข้ามตามมาทำร้ายภายหลังที่ฝ่ายคุณMIG31กลับเข้าไปในเคหะสถานเเล้วนั้นถือว่าการการสมัครใจเข้าวิวาทในตอนเเรกได้ขาดตอนไปเเล้ว การฝ่ายตรงข้ามเข้าไปในเคหะสถานโดยเป็นการรบกวนสิทธิในการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตาม มาตรา 362 ระบุว่า ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเข้าไป กระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ของเขาโดยปกติสุข....ดังนั้นฝ่ายตรงข้ามมีความผิดฐานบุกรุกเเละถ้าการบุรุกดังกล่าวเพื่อเข้าไปทำร้ายผู้ที่อยู่ในอสังหาริมทรพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 ระบุว่า ถ้าการกระทำความผิดตาม มาตรา 362...ได้กระทำ(1)โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย (2)โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคน ขึ้นไป ถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวได้กระทำในเวลากลางคืนก็เข้า(3)อีกอนุมาตราหนึ่งซึ่งโทษตาม มาตรา 365 นี้จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เเต่ในกรณีของคุณMIG31ผมไม่ทราบว่ากลางวันหรือกลางคืน ดังนั้น การที่ฝ่ายตรงข้ามบุกเข้ามา 3 คน มีดดาบ 1เล่ม ปืนปากกา 1กระบอก ก็เข้าองค์ประกอบตามมาตรา 365(1)(2)เเละถ้าเป็นกลางคืนก็จะเข้า(3)ด้วยครับ
ภายหลังที่ฝ่ายตรงข้ามได้บุกรุกเข้าไปในเคหะสถานดังกล่าวโดยมีอาวุธเพื่อที่จะทำร้ายคุณเเละเพื่อนก็มีสิทธิป้องกันตามกฎหมาย ถึงเเม้ว่าคุณเเละเพื่อนอาจจะหลบเลี่ยงหรือหลีกหนีได้ก็ตามเเต่คุณเเละเพื่อนไม่จำเป็นต้องทำเพราะที่ฝ่ายตรงข้ามกระทำนั้นเป็นการละเมิดต่อกฏหมาย ดังนั้นการที่ฝ่ายคุณMIG31ถูกฝ่ายตรงข้ามใช้กำลังประทุษร้ายก็มีสิทธิป้องกันตัวได้ตามกฏหมายตามมาตรา 68 ซึ่งระบุว่า ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อ กฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด
ซึ่งเเยกองค์ประกอบได้ดังนี้
1.มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย
2.ภยันตรายนั้นใกล้จะถึง เช่น กำลังยกปืนขึ้นเล็งมาที่ตัวเรา หรือกำลังเงื้อมมีดจะฟันในระยะประชิด
3.ผู้กระทำจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนเอง หรือของผู้อื่น(ซึ่งผู้อื่นในที่นี้ไม่จำเป็นต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรา) ให้พ้นจากภยันตรายนั้น
4.การกระทำโดยป้องกันสิทธินั้นไม่เกินขอบเขต
การป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ประกอบด้วยหลัก
1.ผู้ป้องกันได้กระทำการป้องกันสิทธิของตนเองหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายนั้นด้วยวิถีทางน้อยที่สุดเท่าที่จำต้องกระทำ
2.ผู้ป้องกันได้กระทำการป้องกันโดยได้สัดส่วนกับภยันตราย
ดังนั้นการที่ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาทำร้ายฝ่ายคุณMIG31โดยใช้มีดฟันเเละปืนยิงฝ่ายคุณMIG31 ซึ่งขณะที่ฝ่ายตรงข้ามใช้กำลังประทุษร้ายอยู่นั้น คุณได้เข้าไปช่วยนั้นถือว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเเต่การป้องกันนั้นต้องไม่เกินกว่าเหตุ กรณีนี้ผมว่าการที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ทั้งมีดเเละปืนปากกาส่วนฝ่ายคุณMIG31ใช้มีดดาบ กับ ท่อเข้าต่อสู้ป้องกัน ผมว่าไม่เกินกว่าเหตุ ซึ่งขอย้ำว่าถ้าการกระทำเพื่อให้ภยันตรายหมดไปเท่านั้นไม่ใช่ภยันตรายผ่านพ้นไปเเล้วคุณยังกระทำต่อฝ่ายตรงข้ามอีก เเม้ผลของการกระทำจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บสาหัสหรืออาจถึงตายเเต่ก็เป็นผลมาจากการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายก็ไม่มีความผิดครับ
ปล.ในเบื้องต้นคุณควรปรึกษากับทนายเล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้นให้ทนายฟัง เพื่อดำเนินการตามรูปคดีครับ