หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เมื่อไหร่คนไทยจะรักและสามัคคีกัน

โดยคุณ : sk03 เมื่อวันที่ : 10/08/2008 22:49:26

วันนี้ผมไม่ได้มีความตั้งใจที่จะมาตั้งประเด็นเพื่อให้ถกกันเรื่องการเมืองนะครับ เพียงแต่ต้องการที่จะระบายความรู้สึกอึดอัดเกี่ยวกับปัญหาบ้านเมืองทุกวันนี้...พร้อมกับหวังว่าเมื่อไหร่คนไทยจะรักสามัคคีกันเสียที

ทุกวันนี้ผมบอกตามตรงว่า ปัญหาบ้านเมืองทุกวันนี้ทำให้ผมเครียดมาก และผมก็เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็เครียดเหมือนกัน...เพราะดูเหมือนแต่ละฝ่ายจะห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย...ผมมองไม่ออกว่าปัญหาของบ้านเมืองจะคลี่คลายไปในทางใด...และทุกวันนี้ผมจะหวังพึ่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำพาประเทศไม่ได้เลย...

ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง...ผมอยู่ตรงกลางครับ...และผมอยู่ฝ่ายที่ยึดประโยชน์ชาติเป็นสำคัญเท่านั้น...ผมอยากจะเรียกร้องให้คนไทยทุกฝ่ายที่กำลังขัดแย้งกันอยู่ หรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันก็แล้วแต่...อยากให้มีสติ...หยุดและตั้งสติกันสักนิด...อยากให้ทบทวนสิ่งต่างๆ ที่ได้ทำกันลงไป...และสิ่งต่างๆ ที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้...ถ้าในเมื่อต่างฝ่ายต่างอ้างว่ารักชาติ รักแผ่นดิน ทำเพื่อชาติ ทำเพื่อแผ่นดิน...ในเมื่อมีจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน ทำไมไม่หันกลับมาคุยกัน มาหาทางออกร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง...ซึ่งที่เป็นไปอยู่ทุกวันนี้ก็รังแต่จะทำให้ประเทศชาติเสียหาย จากที่ทุกฝ่ายอ้างว่าทำเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน จะกลับกลายเป็นทำลายชาติ ทำลายแผ่นดินโดยไม่รู้ตัวนะครับ

เท่านี้แหละครับที่ผมอยากจะพูด ผมหวังว่า Webmaster จะไม่ลบกระทู้นี้นะครับ ผมมีเจตนาเพียงแค่อยากจะเตือนสติคนไทยด้วยกัน...และถ้าเพื่อนสมาชิกท่านใดอยากจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ขอความกรุณาแสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานของความบริสุทธิ์ใจ ด้วยใจเป็นกลาง และไม่มีอคติ เมื่อตั้งอยู่บนกรอบพื้นฐานดังกล่าว ผมก็คิดว่าความคิดเห็นต่างๆ ก็น่าจะสร้างสรรค์ และเกิดประโยชน์ได้





ความคิดเห็นที่ 1


เป็นวัฎจักรของชีวิตแหล่ะท่าน...นึกถึงรูปกราฟ จากจุดต่ำสุด ก็จะขึ้นไปสู่จุดสูงสุด และเส้นมันก็จะลากลงมาสู่จุดต่ำสุดอีกที...เพราะประเทศเรา ยังไม่มีเสถียรภาพ ทุก ๆ เรื่อง....มันจะสวิง สูง ต่ำ ไปอย่างนี้แหล่ะครับ...ซึ่งผมว่าเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเราจะมองโลกในแง่ดี ที่เราจะได้รู้ตัวว่า ประเทศเรา ไม่มีเสถียรภาพจริง ๆ....แล้วเวลามันจะแก้ไข ไปด้วยตัวของมันเอง....เพราะชีวิตมนุษย์แต่ละรุ่น ก็จะมีอายุอยู่ระหว่าง 80-100 ปี ตอนนี้คงไม่สามารถไปแก้ไขแนวความคิดของมนุษย์รุ่นก่อนหน้านี้ได้ คงต้องรอให้หายไปตามกาลเวลา แต่สิ่งที่เราควรจะคำนึงถึงมากที่สุด คือ มนุษย์รุ่นลูก กับ รุ่นหลาน เรามากกว่าครับ...เพราะเดี๋ยวนี้ ผมรู้สึกว่า บอบบางเกินไป...

ตอนนี้ผมว่า ทุกฝ่ายกำลังล่อให้ หนองมันออกมา เพื่อจะได้จบปัญหาไปอีก 10 - 15 ปี...อยู่ที่ว่า ใครจะอึด กว่ากัน...ผมเลิกซีเรียส แต่ติดตามข่าวบางเล็กน้อยเท่านั้น...เพื่อจะได้มีสติ ไม่หลงอารมณ์ไปกับฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง จนเกินไป...ซึ่งข่าวสารปัจจุบันนี้ เชื่อถือไม่ได้ โดยส่วนใหญ่...

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 29/07/2008 21:16:40


ความคิดเห็นที่ 2


ผมว่าสิ่งที่เจ้าของกระทุ้กำลังเรียกร้องนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรือที่ฝรั่งพูดว่า อิมพ้อสซิเบิ้ล คำตอบไม่ต่างกันเลยกับคำถามว่า เมื่อไหร่คนไทยทุกๆคนจะเป็นคนดี

ใครๆก็ต้องอ้างว่าเพื่อชาติอยู่แล้วล่ะครับ แต่จุดมุ่งหมายจริงๆคงไม่ได้เหมือนกันหรอก เพราะฉะนั้นก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าคนที่คนละจุดมุ่งหมายคนละฝ่ายจะให้มาจับเข่านั่งคุยร่วมมือกันมันจะเป็นไปได้ไง

เจ้าของกระทู้กำลังแยกแยะไม่ออกระหว่างภาคทฤษฎีกับปฎิบัติ ระหว่างคำจากหนังสือกับความเป็นจริง แล้วก็เอาตัวตนของตนไปผูกกับชาติด้วยมายาคติชาตินิยมที่ถูกหล่อหลอมมา เมื่อพบกับทางตันก็เลยเกิดความวิตกต่อมาก็กลายเป็นความเครียด การระบายความเครียดก็ทำได้โดยการกล่าวโทษพวกที่ทะเลาะกัน ไม่รู้จักรักชาติ(อย่างเรา)กันเลย

ขอแนะนำให้ไปหาอะไรทำ เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ดูหนังสนุกๆจะได้รู้สึกดีขั้นนะครับ

 

 

โดยคุณ naive เมื่อวันที่ 30/07/2008 06:42:31


ความคิดเห็นที่ 3


แม้...ขอบคุณมากเลยครับคุณ naive ที่แนะนำ...ปัญหามันอยู่ที่คนนี่แหละครับ...ก็อย่างที่คุณว่าคนหล่อหลอมกันมาอย่างไร ปลูกฝังกันมาอย่างไร เรียนรู้กันมาอย่างไร จนเป็นตัวเป็นตนของแต่ละคน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีสองด้านครับ มันไม่มีอะไรถูกทั้งหมด หรือ ผิดทั้งหมด...แนวคิดของผมก็คือว่าทำไมเราไม่หาจุดพอดีๆ สำหรับทางออกของปัญหาที่มันเกิด...เพราะอย่างไรผมคิดว่าคนแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน...ปัญหานี้มันเป็นเรื่องของคนที่คิดไม่เหมือนกันสองกลุ่ม ซึ่งเป็นจำนวนคนที่ไม่มากนัก...แต่จำนวนคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ในสองกลุ่มนี้ (รวมผมด้วย) กลับทำอะไรได้ไม่มากนัก เสียงไม่ดัง (นั่งทำตาปริบๆ) ได้แต่ออกมาพูดว่าอย่าทะเลาะกันเลย.....

โดยคุณ sk03 เมื่อวันที่ 30/07/2008 07:36:17


ความคิดเห็นที่ 4


ถ้าความเป็นกลางหมายถึงการวางเฉยไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่ง ก็น่าจะหมายความว่าขออยู่เฉยๆใครจะทำอะไรก็ทำไปขอเพียงไม่ส่งผลกระทบถึงตัวเราเป็นพอ แล้วภาวนาว่าเมื่อไหร่ผู้คนในบ้านเมืองจะรักใคร่สามัคคีกันเสียที 

สำหรับผมไม่วางตัวเป็นกลางครับ ผมได้เลือกข้างแล้ว ผมคิดว่าการอยู่เฉยแล้วภาวนาให้ผู้คนรักใคร่สามัคคีกันนั้น มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย

ผมทนอยู่เฉยไม่ได้ครับ ใครจะอยู่เฉยก็แล้วแต่ นั่นเป็นเรื่องของความคิดและความเชื่อที่แตกต่าง ว่ากันไม่ได้ คุณแสดงความคิดเห็นของคุณ ผมก็แสดงความคิดเห็นของผม ก็เท่านั้นเอง    

โดยคุณ chaisoi3 เมื่อวันที่ 04/08/2008 23:48:11