หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 15 ก.ค. รัฐบาลจะมีแพ็กเกจมาตรการบรรเทาและช่วยเหลือความทุกข์ยากของคนไทย จากปัญหาภาวะเศรษฐกิจที่บีบรัด โดยจะแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ในเวลา 13.30 น. ซึ่งเป็นมาตรการที่คิดขึ้นมาอย่างฉับพลัน และต้องการปูพรมเพื่อแก้ไขปัญหา รวมทั้งลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนทั้งประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือของ 4 กระทรวงได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย ออกมาทั้งหมด 6 เรื่อง แต่เป็นมาตรการชั่วคราวเพียงแค่ 6 เดือน และเป็นมาตรการที่รัฐบาลยอมลดรายได้ ที่เป็นส่วนของรัฐบาลเอง ซึ่งทั้งหมดเป็นมาตรการที่สร้างความ “เซอร์ไพรส์” ให้กับประชาชน เนื่องจากสามารถเข้าถึงผู้มีรายได้น้อยอย่างจริงจัง ครอบคลุมประชาชนจำนวน 9.8 ล้านครัวเรือน  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่เสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ในเวลา 13.30 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เปิดแถลงข่าวที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ร่วมแถลงด้วย 

“สมัคร” แถลงมาตรการประชานิยม 2

ทั้งนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้แถลงถึงมาตรการในการช่วยเหลือประชาชนในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันว่า รัฐบาลได้ออก 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน รัฐบาลนี้คิดว่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร ไม่ได้คิดทุกลมหายใจเข้าออก แต่คิดกันเสมอ ประชุม ครม.ทุกครั้งไม่ได้หยุดว่างเว้น วันนี้มีวาระการประชุม ครม. 24 วาระ ทำงานกันทุกคน ไม่ได้แบกเอาไว้คนเดียว ทุกคนใน ครม. ช่วยกันทำงาน และเมื่อถึงเวลาที่เราเห็นว่าใกล้ถึง 6 เดือน จึงได้กำหนดมาตรการ เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจของบ้านเมือง มันไม่ใช่ความโง่เง่า ไม่เข้าท่าของรัฐบาล มัน ไม่ใช่ความไม่รอบรู้ เพียงแต่มาตรการเศรษฐกิจทั่วไป ประมาณการว่าน้ำมันเป็นตัวกำหนด แต่ราคาน้ำมันขึ้นมาเร็วมาก การคาดการณ์ไม่มีใครคาดถึงเลย เดี๋ยวนี้คาดการณ์ก็เกินเหตุ แต่ที่คาดการณ์ไว้ใกล้ๆ บอกว่าสิ้นปีนี้จะถึง 150 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่นี่เลยกลางปีมาแล้ว ก็ถึง 140 เหรียญฯแล้ว น้ำมันเป็นตัวก่อเหตุ ใครมาเป็นรัฐบาลก็จะเจอสภาพการณ์นี้  

ลดภาษีน้ำมัน-ชะลอปรับราคาก๊าซ

นายสมัครกล่าวต่อว่า วันนี้ที่ประชุม ครม.ใช้เวลานานมาก เพราะใช้เวลาในการถกเถียงว่า จะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไร 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน หมายความว่า ถ้าเราจะเอาคูปองไปแจก แต่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนจน ในที่สุดก็คิดมาตรการช่วยได้ มาตรการแรกคือ การลดอัตราภาษีน้ำมัน แปลว่าราคาน้ำมันจะถูกลง ด้วยการยอมลดภาษีและยอมแบกรับภาษีไว้ เพื่อใช้เวลาประมาณ 6 เดือนระหว่างที่ตั้งตัวก่อนที่งานใหญ่เมกะโปรเจกต์จะเกิดทั้งหมดนี้ถูกต้องตามกฎหมาย มีการตรวจสอบและข้าราชการประจำต้องเห็นด้วยทั้งหมด มาตรการที่ 2 ชะลอการปรับก๊าซหุงต้มในภาคครัวเรือน ซึ่งราคาก๊าซหุงต้ม แอลพีจี แต่ก่อนราคาประมาณ 300 กว่าเหรียญสหรัฐฯต่อตัน เดี๋ยวนี้ขึ้นไป 900 กว่าเหรียญฯต่อตันแล้ว แต่จะขายอยู่ในราคา 300 เหรียญฯเป็นฐาน เพื่อรักษาสภาครัวที่ใช้เป็นมาตรฐาน อีก 6 เดือนข้างหน้ายังไม่ปรับ ถ้านำไปใช้ทางอื่น ก็จะปรับขึ้นแต่ไม่พรวดพราดทันที มาตรการที่ 3 ลดค่าใช้จ่ายด้านน้ำประปา ถ้าใช้ไม่เกิน 50 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน ไม่ต้องจ่ายค่าน้ำประปา ไม่ใช่ว่าฟรี แต่รัฐบาลจะเป็นคนออกให้แทน ยืนยันว่ารัฐบาลมีเงิน แต่จะเอาไปแจกจ่ายไปทำคูปองไม่ได้ 

ช่วยจ่ายค่าน้ำ-ไฟฟ้า-รถเมล์

นายสมัครกล่าวต่อว่า มาตรการที่ 4 ลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของครัวเรือน ถ้าภาคครัวเรือนใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 80 หน่วยต่อเดือน ไม่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้า แต่ถ้าใช้ไฟฟ้าเกิน 80 หน่วย โดยไม่เกิน 150 หน่วย จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่ง โดยภาครัฐจะรับภาระจ่ายให้อีกครึ่งหนึ่ง มาตรการที่ 5 ลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง คือรถเมล์ร้อนใน กทม. มีทั้งหมด 1,600 คัน โดย 800 คันใน 73 เส้นทางจะไม่เก็บเงินค่าโดยสาร โดยจะติดป้ายหน้ารถว่ารถคันนี้ไม่เก็บค่าโดยสาร จะปล่อยออกจากท่ารถคันเว้นคัน คือเก็บค่าโดยสารสลับกับไม่เก็บค่าโดยสาร เพื่อลดภาระของผู้มีรายได้น้อย มาตรการที่ 6 ลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น 3 ทั่วประเทศ ไม่ต้องจ่ายค่าโดยสาร มาตรการทั้งหมดมีระยะเวลาใช้ 6 เดือน มาตรการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าคนจนได้รับความอนุเคราะห์จากรัฐบาล

6 มาตรการช่วยเงินเฟ้ออยู่ในเป้าหมาย 

ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า แนวคิดของการออกมาตรการนี้ ทุกท่านคงทราบแล้วว่ามีปัญหาน้ำมันแพง ช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาและเงินเฟ้อสูงขึ้น ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้น โดยเฉพาะของผู้ยากไร้และยากจน ก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยมีแนวคิดให้คูปองผู้ยากจน แต่มีคำถามว่าผู้ยากจนเป็นใครและจะทำอย่างไรไม่ให้รั่วไหล ในอดีตงบช่วยเหลือคนยากจนมักจะมีปัญหาไม่โปร่งใส ในที่สุดจึงมีแนวคิดนี้ ซึ่งทั้ง 6 มาตรการ จะช่วยให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้น 0.3-0.5% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 5-5.5% คงเพิ่มขึ้นไปในระดับ 5.5-6% ได้ และจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั้งปีอยู่ในเป้าหมาย 6-7% จากนี้ไปแต่ละหน่วยงานต้องไปจัดทำระเบียบปฏิบัติออกมา เพื่อเริ่มดำเนินการได้ภายในวันที่ 1 ส.ค. 51 หรือมาตรการใดจะเริ่มก่อนก็ได้

ลดน้ำมันเริ่ม 25 ก.ค.เป็นต้นไป

นพ.สุรพงษ์กล่าวต่อว่า ทั้ง 6 มาตรการ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนทั้งสิ้นประมาณ 9.8 ล้านครัวเรือน คิดเป็นครัวเรือนละประมาณ 1,000 บาทต่อเดือน โดยมาตรการทั้งหมดนี้รัฐต้องสนับสนุนงบประมาณ 47,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นรายได้ที่จะหายไปจากการลดภาษีสรรพสามิตภาษีอื่นๆ และค่าการตลาดของน้ำมันลง 30,000 ล้านบาท โดยจะลดน้ำมันแก๊สโซฮอล์ลง 3.88 บาท/ลิตร ดีเซลหมุนเร็ว 2.71 บาท/ลิตร รวมทั้งลดภาษีไบโอดีเซลลง 2.47 บาท/ลิตร จากเดิมจะเริ่มในวันที่ 16 ก.ค. 51 แต่กระทรวงพลังงานชี้ว่าจำเป็นต้องใช้เวลา 9 วัน เพื่อตรวจสต็อกน้ำมันก่อนจึงจะเริ่มได้ในวันที่ 25 ก.ค. นี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะมีรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่นมาทดแทนรายได้ ที่หายไปได้ 

ตรึงราคาก๊าซหุงต้มถึง ม.ค.ปีหน้า

ขณะที่ พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า การออกมาตรการชะลอปรับราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ในภาคครัวเรือน เพื่อช่วยลดภาระให้กับทุกครัวเรือนในประเทศไทย โดยราคาที่จะจำหน่ายจะอยู่ที่ กก.ละ 18.13 บาท ไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค. 2552 หลัง

จากนั้นถึงจะพิจารณาการปรับราคาตามความเหมาะสมต่อไป ส่วนภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรม คณะกรรมการที่ศึกษาการปรับราคายังอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด เพราะต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยและใช้ก๊าซอย่างถูกวิธีไม่ให้ใช้ผิดประเภท คาดว่าอีก 2 สัปดาห์คงพิจารณาได้ ส่วนการเริ่มลดราคาน้ำมันที่เป็นผลจากการลดภาษีสรรพสามิตลงต้องใช้เวลา 7-9 วันในการตรวจสต็อกน้ำมันทั้งในส่วนของปั๊มและคลังน้ำมันเพื่อความถูกต้องและไม่ให้มีการกักตุนและหลังการใช้ 6 เดือน ก็ต้องตรวจสอบอีกครั้งเพื่อให้มีน้ำมันในสต๊อกตรงตามความเป็นจริง 

รถเมล์คันเว้นคันไม่เก็บเงิน

ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า รถเมล์ร้อนของ ขสมก.ที่มีอยู่ 1,600 คัน จะจัดให้ ประชาชนขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงิน ครึ่งหนึ่งคือ 800 คัน จะช่วยเหลือการเดินทางของประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ หมายความว่ารถเมล์ร้อนที่วิ่งในถนน จะมีคันเว้นคันที่ไม่เก็บเงิน ถ้าใครที่พอมีเงินจะรีบก็ขึ้นคันที่เสียเงินและนั่งหลวมๆไปก่อน ส่วนคนที่ไม่มีเงินก็รอคันถัดไป ทั้งหมดนี้ ขสมก.ไม่ได้ให้ฟรี แต่รัฐบาลจ่ายเงินให้ ขสมก.แทน ส่วนประชาชนที่อยู่ชานเมืองชนบทหรือต่างจังหวัด จะเปิดให้ใช้บริการรถไฟชั้น 3 เชิงสังคมได้ฟรีทั่วประเทศเช่นกัน โดยในส่วนภาระที่เกิดขึ้นทั้งค่ารถเมล์และค่ารถไฟชั้น 3 นั้น จะสูญเสียรายได้ 1,494 ล้านบาท 

ประปาชนบทก็ต้องได้ประโยชน์ด้วย 

ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย  กล่าวว่า  ประชาชนที่ใช้น้ำประปาไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการประปานครหลวง หรือการประปาส่วนภูมิภาค หากใช้ ไม่เกิน 50 ลบ.ม./เดือน และใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 80 หน่วยต่อเดือน ไม่ต้องเสียเงินทั้งหมด รัฐบาลจะจ่ายให้ แต่ถ้าใช้เกินกว่า 80 หน่วย/เดือนแต่ไม่เกิน 150 หน่วย/เดือนจะเสียครึ่งหนึ่งของค่าไฟฟ้าทั้งหมด อีกครึ่งหนึ่งรัฐบาลจะจ่ายแทนให้ ส่วนประชาชนในชนบทและใช้น้ำประปาชนบท ซึ่งเป็นการบริหารและผลิตขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาลขายให้กับประชาชน รัฐบาลก็อยากจะบริการให้แต่ในทันทีอาจทำไม่ได้ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงมอบให้ไปดำเนินการและเมื่อกลับไปกระทรวงมหาดไทย อาจจะเชิญอธิบดีกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น มาปรึกษาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในชนบทได้รับประโยชน์ร่วมกันเหมือนกับ กปน. และ กปภ. 

“สมัคร” ยืนกรานคิดดีแล้วรถเมล์ฟรี

หลังจากนั้นนายสมัครได้เปิดโอกาสให้มีการซักถาม โดยนายบรรยงค์ อัมพรตระกูล ประธานชมรมรถร่วม ขสมก. สอบถามว่า กรณีที่กระทรวงคมนาคมจะเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 6,000 คันนั้น ใช้หลักการพิจารณาอย่างไร นายสมัครตอบว่า ครม.ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ เมื่อนายบรรยงค์พยายามท้วงติงรัฐบาล ให้นำเงินที่จะนำมาทำโครงการรถเมล์ฟรี 1,400 ล้านบาท มาแจกประชาชนโดยตรง เพราะเสียงบประมาณน้อยกว่า และจะได้ประโยชน์ กับประชาชนทุกกลุ่ม นายสมัครย้อนตอบว่า แล้วคนที่เขาได้เงินแล้วไม่ขึ้นรถจะได้เปรียบกว่าหรือไม่ นายบรรยงค์ กล่าวแย้งว่า ทุกคนต้องรับผิดชอบตัวเองหากนายกฯทำโครงการเช่นนี้ อาจทำให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นการหาเสียง นายสมัครสวนทันทีว่า ไม่หาเสียงหรอก เพราะยังไม่ยุบสภา ยังไม่มีการเลือกตั้ง กรุณาถอนคำพูดด้วย ทำให้นายบรรยงค์รีบกล่าวถอนคำพูด ในตอนท้ายนายสมัครได้กล่าวขอบคุณนายบรรยงค์ที่เสนอความเห็น แต่ระบุว่าเป็นเรื่องยุ่งยากและทำไม่ได้ พร้อมย้อนถามด้วยว่า นำรถมาวิ่งฟรี 800 คัน จะทำให้คณะที่วิ่ง 3,500 คัน เดือดร้อนหรือ นายบรรยงค์จึงกล่าวยอมรับว่า เดือดร้อน เพราะค่าโดยสารถูกกดไว้ นายกฯระบุว่า ใครกดไว้ รัฐบาลไม่ได้กด ให้ขึ้นแล้ว 

ทุ่มกว่า 4 หมื่นล้านลดค่าใช้จ่ายทุกบ้าน  

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้ง 6 โครงการใช้งบประมาณทั้งหมดเท่าใด นายสมัครตอบว่า 46,000 ล้านบาท เริ่มดำเนินการ 1 ส.ค. ส่วนเรื่องน้ำมันเริ่ม 25 ก.ค. เมื่อถามว่าคาดหวังว่าโครงการจะส่งผลต่อเศรษฐกิจภาพรวมอย่างไร นายสมัครตอบว่า คนที่ไม่มีเงินจะจ่ายจะได้บรรเทา ครอบครัวหนึ่งก็ประมาณ 1,000 กว่าบาท คนที่ใช้น้ำไม่ถึง 50 ยูนิต คนใช้ไฟไม่ถึง 80 ยูนิต คนที่ไม่มีสตางค์โดยสารรถไฟหรือรถเมล์ แปลว่าเป็นคนจน ทั่วประเทศถึงกันหมด คนไปทำงานต้องจ่าย 17 บาท 34 บาทก็ไม่ต้องจ่าย รอคันหลังมา เป็นมาตรการ 6 เดือน หลังจากนั้นเมื่อโครงการเมกะโปรเจกต์ออกมา โครงการทุกอย่างทำงาน จะมีงานให้คนทำมากขึ้น เวลานี้ยังไม่ถึงตรงนั้น อีก 6 เดือนพอเริ่มโครงการได้ รถไฟรางคู่มาจากทางนู้น ถึงคุนหมิง ถึงทวาย คนก็จะมีงานทำตลอดเส้นทาง โครงการที่จะขุดบึง คลอง หนอง คู คนก็จะมีงานทำ คนในกรุงเทพฯรถไฟ 8-9 สาย คนก็จะมีงานทำ ฉะนั้นเราต้องถ่วงเวลาไว้ในระหว่างที่ยังตั้งตัวไม่ได้ เพื่อรอไว้ต้นปีหน้าก็จะมีงานทำ เมื่อถามว่า ประชาชนส่วนใหญ่ใน กทม.และปริมณฑลอาศัยอยู่ในคอนโดและหอพัก ต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้กับนิติบุคคล รัฐบาลจะมีโครงการช่วยเหลือส่วนนี้หรือไม่ นายสมัครตอบว่าเป็นเรื่องของนิติบุคคล ที่จะจัดการหนทางที่จะให้เรื่องนี้เดินไปได้ก่อน คือต้องไม่ไปยุ่งยากในรายละเอียด  

ยกเลิกคูปองคนจนชี้หาตัวตนไม่ได้

เมื่อถามถึงการให้ขึ้นรถไฟชั้น 3 ฟรี ในเชิงสังคมหมายความว่าอย่างไร นายสมัครตอบว่า ไม่มีแอร์ เมื่อถามว่า ชั้น 3 ของทุกคันที่ไม่มีแอร์ใช่หรือไม่ นายกฯตอบว่า ใช่ เมื่อถามว่ารถไฟเชิงพาณิชย์ไม่เกี่ยวข้องใช่หรือไม่ นายกฯย้อนถามว่า ก็เหมือนกันรถไฟชั้น 3 ที่ไม่มีแอร์ ก็ไม่เสียเงิน เมื่อถามถึงเรื่องคูปองคนจนเป็นอย่างไร นายสมัครตอบว่าตอนนี้ไม่ได้คิดแล้ว เพราะหาหนทางแล้วไม่รู้จะแจกใครอย่างไร หาคนจนไม่ได้  

ระบุได้ประโยชน์ 9.8 ล้านครัวเรือน 

เมื่อถามถึงมาตรการอุดหนุนน้ำมัน ที่หลายประเทศยกเลิกไปเนื่องจากไม่ประสบความสำเร็จ แต่รัฐบาลเลือกใช้การลดภาษี ถือว่าเป็นการอุดหนุนอย่างหนึ่งหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ตอบว่า ความหมายของการอุดหนุนราคาพลังงาน หมายความว่าถ้าหากต้นทุนพลังงานที่มีอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ว่าเพื่อที่ประชาชนจะได้ใช้ราคาถูก รัฐบาลก็ไปอุดหนุนโดยให้ต่ำกว่าต้นทุน ฉะนั้นที่เราทำไม่ใช่การอุดหนุนให้ต่ำกว่าทุน ต้นทุนยังมีอยู่บวกกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็ยังบวกอยู่ ที่เราไปลดคือในส่วนของภาษีสรรพสามิตเท่านั้น เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนช่วงหนึ่งเท่านั้น ที่สงสัยว่าผลดีกับประชาชนจะเป็นอย่างไรนั้น การปรับลดค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ประชาชนจะได้รับประโยชน์ประมาณ 9.8 ล้านครัวเรือน แต่ละครัวเรือนจะลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 300-400 บาท ในส่วนของค่าใช้จ่ายการเดินทาง จากเดิมที่เคยใช้เดือนละ 400-500 บาท เมื่อมาขึ้นรถเมล์ร้อนประมาณครึ่งหนึ่ง วัตถุประสงค์ก็คือผู้ที่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย คนยากจนก็สามารถขึ้นรถเมล์ได้

เผยโครงสร้างน้ำมันไม่เปลี่ยนแปลง

ขณะที่ พล.ท.หญิงพูนภิรมย์กล่าวเสริมว่า หากสังเกตดูจะพบว่าโครงสร้างของราคาน้ำมันไม่ได้เปลี่ยนไป เพียงแต่ว่ากระทรวงการคลังได้ลดภาษีสรรพสามิต ให้ตัวที่จะกระทบต่อมาคือภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีท้องถิ่นเท่านั้นเอง แต่โดยภาพรวมโครงสร้างน้ำมันไม่ได้เสียไป อีกเหตุผลหนึ่งที่กระทรวงการคลังพิจารณาลดให้ เพราะจะสนับสนุนภาษีสรรพามิตของกลุ่มแก๊สโซฮอล์และกลุ่มดีเซล ซึ่งดีเซลตอนนี้เรามีดี 2 เป็นไบโอดีเซลเป็นภาคบังคับ และมีดี 5 ซึ่งเราส่งเสริมพลังงานทดแทนประโยชน์ทางตรงของพี่น้องประชาชน คือลดค่าใช้จ่ายประโยชน์ทางอ้อม คือเพิ่มราคาผลผลิตพยุงช่วยเกษตรกร 

สูญรายได้นับหมื่นล้านแต่เศรษฐกิจเดินหน้า

เมื่อถามถึงการชดเชยภาษีสรรพสามิตน้ำมัน นพ.สุรพงษ์ตอบว่า ในส่วนของภาษีสรรพาสามิตน้ำมันที่จะเสียไปในช่วง 6 เดือน ประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาทนั้น เชื่อว่าการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มระบบเศรษฐกิจ ยังเดินหน้าไปได้ ประชาชนยังมีความหวังในชีวิตและมีการจับจ่ายใช้สอย สิ่งที่จำเป็นเมื่อเปรียบกับราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เราจึงเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้ เกินกว่าเป้าหมายเกือบ 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้น ถึงแม้จะเสียรายได้ไป 3.2 หมื่นล้านบาท แต่เศรษฐกิจก็ยังคงสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ไม่เกิดภาวะฟุบ ภาษีมูลค่าเพิ่มก็น่าจะเก็บได้เกินกว่าเป้าเงินที่สูญเสียไป ก็จะเท่ากับ 2 หมื่นล้านเศษ แต่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและการเติบโตของเศรษฐกิจภาคเอกชน 

เดินหน้านำน้ำมันรัสเซียมาใช้

นายสมัครยังได้กล่าวถึงเรื่องการนำน้ำมันคุณภาพต่ำจากรัสเซีย เข้ามาผ่อนคลายปัญหาน้ำมันแพงด้วยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการ สำหรับข้อเสนอการนำเข้าน้ำมันราคาพิเศษ จากประเทศรัสเซีย จำนวน 360 ล้านลิตรต่อเดือน เพราะราคาถูกกว่าราคาน้ำมันดีเซลที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน เพื่อนำมาจำหน่ายในชนบทผ่านระบบสหกรณ์ ได้แก่ สหกรณ์การประมง สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์รถบรรทุก ที่มีจุดจำหน่ายกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ  ทั้งนี้  โครงการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ที่เอกชนเสนอมานั้น ได้ตรวจสอบที่มาทั้งหมดแล้วพบว่า เป็นน้ำมันที่ใช้กันในเกาหลี จีน ฟิลิปปินส์ ลาว กัมพูชา เวียดนาม โดยรัสเซียเสนอขายให้ไทย ในราคาที่ต่ำกว่าราคาน้ำมันดีเซลในประเทศ ลิตรละ 3 บาท เมื่อนำมารวมกับการลดราคาน้ำมันม่วงที่ลดราคาอยู่แล้ว 5 บาท ทำให้ผู้ใช้น้ำมันจะได้ใช้น้ำมันดีเซลราคาถูก รวมลิตรละ 8 บาท และภายในเวลา 6 เดือน จะสามารถเริ่มขายน้ำมันได้ ระหว่างนี้หรือประมาณ 15 วัน ก็ต้องไปจัดทำเอกสารให้ถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้นจะมีการขนส่งอีก 45 วัน และมีการเสียภาษีอย่างถูกต้องครบถ้วน 

แนะผู้นำเข้าต้องทำตาม พ.ร.บ.ค้าน้ำมัน

พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า นายกฯได้สั่งให้กระทรวงพลังงานอย่างไม่เป็นทางการ ก่อนที่จะมีการประชุม ครม.ว่ากระทรวงพลังงานและบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีข้อเสนอแนะอย่างไรบ้าง กรณีการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ให้คำแนะนำว่า ผู้นำเข้าน้ำมันจะต้องเป็นผู้ค้าตามมาตรา 7 ขณะเดียวกันต้องสำรองน้ำมัน 10% ของปริมาณน้ำมันที่นำมาจำหน่าย และต้องทำตาม พ.ร.บ.ผู้ค้าน้ำมัน เช่นเดียวกับผู้ค้าน้ำมันหลายอื่นๆ  

ให้กระทรวงพลังงานตรวจสอบสเปก

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯได้มอบให้กระทรวงพลังงาน ไปตรวจสอบเรื่องคุณภาพน้ำมัน (สเปกน้ำมัน) รวมถึงการดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากมีปัญหาติดขั้นตอนให้สอบถามสำนักงานนายกรัฐมนตรี หรือให้สำนักนายกรัฐมนตรีส่งตัวแทนเข้าร่วมเป็นคณะทำงานด้วย การนำเข้าน้ำมันราคาพิเศษจากรัสเซียนั้น เป็นข้อเสนอของบริษัท ไซรัส ปิโตรเลียม จำกัด โดยมีนายเลิศชัย กำลังเอก ประธานบริษัทไซรัส เป็นผู้ยื่นข้อเสนอให้นายกฯพิจารณา เพื่อเป็นแนวทางในการช่วยเหลือคนไทยในภาวะน้ำมันแพง โดยจะขอนำเข้าน้ำมันดีเซลต่ำกว่ามาตรฐานของไทย ถ้าจะนำเข้าได้ต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เป็นกรณีพิเศษเท่านั้น

ต้องหารือกับโรงกลั่นให้ดีก่อนนำเข้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมธุรกิจพลังงานได้ทำข้อคิดเห็นเสนอต่อที่ประชุม ครม.ว่า การนำเข้าน้ำมันดีเซลจากรัสเซีย จำนวน 360 ล้านลิตรต่อเดือน หากจำหน่ายหมดภายใน 1 เดือน จะมีผลกระทบต่อโรงกลั่นน้ำมันในประเทศ ที่มีกำลังการผลิตเหลือ ต้องส่งออกแทน ดังนั้นควรหารือกับโรงกลั่นก่อนที่จะให้นำเข้า แต่ถ้าต้องนำเข้าจริงๆก็ให้ทยอยนำเข้า และเมื่อนำเข้าในจำนวนมาก ควรจะส่งเสริมให้ทุกรายนำเข้า เพราะคงไม่มีผู้ค้าน้ำมันรายใด รับจำหน่ายเพียงรายเดียว เพราะมีข้อจำกัดของการจัดเก็บน้ำมัน รัฐบาลต้องกำหนดเป็นการเฉพาะ โดยมีมติ ครม.รองรับและกำหนดรายละเอียด เช่นเดียวกับน้ำมันม่วงและน้ำมันเขียว อีกทั้งคุณภาพน้ำมันยังต่ำกว่ามาตรฐานของไทย อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือกระทบต่อเครื่องยนต์ของประชาชน ซึ่งจากข้อมูลมาตรฐานน้ำมัน ดีเซลที่ได้รับ พบว่ามีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานของไทยใน 3 ประเด็น คือ กำมะถันไม่สูงกว่า 0.05% ขณะที่มาตรฐานไม่สูงกว่า 0.035% โดยคุณสมบัตินี้เกี่ยวข้องกับท่อไอเสีย มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดัชนีซีเทนไม่ต่ำกว่า 45 ขณะที่ไทยไม่ต่ำกว่า 47 ซึ่งมีผลต่อการสตาร์ตเครื่องยนต์ ทำให้สตาร์ตติดยาก และอุณหภูมิการกลั่นที่ 90% ไม่สูงกว่า 360 องศาเซลเซียส ขณะที่มาตรฐานไทยไม่สูงกว่า 357 องศาเซลเซียส จะไม่ก่อให้เกิดควันดำ

ติงมาตรการอุ้มคนจนทำเงินเฟ้อพุ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการประชุม ครม.เพื่อพิจารณา 6 มาตรการรัฐบาลช่วยเหลือประชาชนนั้น ปรากฏว่ารัฐมนตรีส่วนใหญ่ได้แสดงความเห็นสนับสนุน มีเพียงนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรฯและรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ที่แสดงความเห็นท้วงติงสอบถามใน ครม. ว่า การไปลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน แต่ราคาสินค้ายังอยู่เท่าเดิมนั้น จะส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อหรือเปล่า ซึ่ง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯและ รมว.คลัง ได้ชี้แจงว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ เพราะได้มีการศึกษากันมาแล้ว ความจริงเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันยังไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นก็ยังไม่ปรากฏว่าจะมีผลกระทบเรื่องอัตราเงินเฟ้ออะไร แต่ถ้าหากราคาน้ำมันสูงขึ้นอีก เราต้องมาดูกันอีกครั้งเพราะเป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ ซึ่งนายสมศักดิ์ยังได้ซักถามอีกว่า มาตรการดังกล่าวที่ออกมา ทำไมต้องดำเนินการ 6 เดือน จะถือว่าแก้ปัญหาที่ตรงจุดหรือไม่ และถ้า 6 เดือนเอาไม่อยู่จะทำอย่างไร  

“เลี้ยบ” ทำแผนระยะยาวสร้างรายได้ 

นพ.สุรพงษ์ได้ตอบชี้แจงว่า มาตรการในช่วง 6 เดือน เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อบรรเทาลดค่าใช้จ่าย ให้พี่น้องประชาชนก่อน ขณะเดียวกันมาตรการสำหรับช่วงหลังจาก 6 เดือนนี้ รัฐต้องเร่งสร้างรายได้เพื่อให้ ประชาชนมีรายได้มากขึ้น ที่จะเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ซึ่งคิดเอาไว้แล้ว ตอนนี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสนับสนุน นพ.สุรพงษ์ และกล่าวย้ำว่าโครงการนี้ได้ช่วยกันคิดมาแล้วก็มาสรุปกันวันนี้ เพื่อจะช่วยแก้ปัญหาเบื้องต้นช่วยเหลือเยียวยาคนจนก่อน หลังเลิกประชุม ครม. ขอให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปร่วมกันแถลงข่าว ส่วนรัฐมนตรีท่านอื่น ถ้าไม่ติดภารกิจที่ใดก็ขอให้ไปนั่งร่วมเป็นกำลังใจกันด้วย 

“ป้าอุ” เตือนนายกฯใจเย็นๆ อย่าโมโห 

นอกจากนี้ในระหว่างการพิจารณาเรื่องการขออนุมัติ นำเข้าน้ำมันดีเซลราคาถูกจากรัสเซียมาจำหน่ายผ่านสหกรณ์ทั่วประเทศนั้น ปรากฏว่านายกรัฐมนตรีถึงกับหงุดหงิด กล่าวขึ้นใน ครม.ว่า เรื่องนี้ความจริงมันยังไม่ได้ ทำอะไรเลย ยังไม่ได้สรุป ถ้าอนุมัติในหลักการก็ไปตรวจสอบ และต้องไปตรวจสอบข้อกฎหมายและตรวจสอบคุณภาพน้ำมันก่อนก็มาว่ากัน แต่พอเริ่มพูดไป ก็มีนายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันออกมาวิพากษ์ วิจารณ์กันใหญ่ หาว่าทำไม่ได้ ถ้าเอาเข้ามาจะทำให้ โรงกลั่นในประเทศเจ๊ง ตนก็คันปากยิบๆ อยากจะต้องพูดให้เข้าใจกันบ้าง จนนางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน ได้กล่าวเตือนนายกฯ ด้วยสีหน้ายิ้มๆว่า ความจริงไม่ว่าใครจะเสนออะไร ท่านนายกฯก็อย่าไปดุเสียหมด อย่าไปขี้โมโห ขอให้ใจเย็นๆ เพราะบางทีมีเรื่องดีๆ ที่รัฐบาลจะทำ แต่ไปโมโหเสียหมด ก็จะเสียไปหมดเลย