ข้าพเจ้าเพิ่งได้รับเอกสารชุดนี้ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2549 พยายามสืบหาที่ไปที่มาของเอกสารชุดนี้อยู่นานเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าจะให้ ทุกคนไดรับรู้และตระหนักถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าทั้งในเรื่อง ของภัยธรรมชาติเอง และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกเราชาวไทยที่รักแผ่นดินยิ่ง นั่นคือ เรื่องราวบางส่วนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงของเรา ทำให้พวกเราได้เห็นในอีกมุมมองหนึ่งของพระราชกรณียกิจของท่าน พระ ปรีชาสามารถทั้งทางด้านการเมืองการปกครอง และทางธรรม สมควรยิ่ง ที่พวกเราควรเจริญรอบตามพระยุคคลบาทด้วยการศึกษาและปฏิบัติ สมาธิกันอย่างจริงจัง และนำสมาธิมาประยุกต์ในการดำเนินชีวิตเช่นเดียวกับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา เพราะเมื่อถึงเวลาที่ภัยพิบัติมาถึงตัวเรา จะสามารถดำรงตนอยู่ได้อย่างมีสติ
สารบัญ
1.พุทธพยากรณ์
2.การเตรียมตัวรับมือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่
3.ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
4.การเตรียมตัว
5.การดูแลตัวเองในช่วงวิกฤติ
6.การเตรียมจิตวิญญาณ
7.การดูแลแก่นแท้ยามมีภัย
8.ลางบอกเหตุก่อนเกดภัยธรรมชาติ
9.รายละเอียดของมหันตภัยที่จะเกิดขึ้น
10.คัมภีร์ใบลานอักขระธรรม
11.พระเจ้าอยู่หัวในหลวงเพื่อปวงชนชาวไทย
คำพยากรณ์ ขององค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้า
อานันทะ ดูก่อนอานนท์ก่อนถึงพุทธกาล 15 ปี จะเกิดการณ์ ร้ายแรง จะมีการรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกันฝนเหล็กจะตกจากอากาศ ไฟจะลง มาจากอากาศ จะเผาผลาญประชาชนให้พินาศ จะมีการล้มตายซึ่งกันและกัน เป็นอันมาก แต่ว่า ดูก่อนอานนท์ก่อนถึงพุทธกาล 15ปี จะถือว่าเป็นการณ์ ร้ายแรงหาได้ไม่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าลังกึ่งพุทธกาลไปแล้ว
อานันทะ ดูก่อนอานนท์ จะมีความร้ายแรงมากกว่าก่อนกึ่งพุทธกาล มาก ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตายกัน ฝ่ายละมากๆ สมณะ ชี พราหมณ์ จะล้มตาย จะตายฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรา กัน สำหรับประเทศที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก พระพุทธเจ้าบอกว่า ค.ศ.2000 โลกจะไม่สลาย... พระพุทธศาสนา จะทรงอยู่ได้ตลอด 5,000 ปี ทรงตรัสชี้ว่า เขตประเทศต่อไปนี้ จะเป็นประเทศที่มีความ เจริญรุ่งเรืองมากจะสามารถทรงพระพุทธศาสนาครบ 5,000 ปี นี่หมายถึง ประเทศไทย.. ถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้น คนไทย จะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามาก ขึ้น ในเมื่อเห็นการสูญเสีย ความตายเกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้น จิตใจก็เริ่ม
เป็นกุศล เวลานั้นบรรดาพุทธศาสนิกชนก็จะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามาก ขึ้น เพราะกลัวตาย... สำหรับท่านนักปฏิบัติที่เจริญสมาธิจิตก็จะเร่งรัดตัวเองกำลังใจก็จะมี
สมาธิ ในที่สุดอภิญญาก็จะเกิด ในเมื่ออภิญญาเกิดก็จะใช้ผลของอภิญญาและ ญาณต่างๆที่ได้จากสมาธิและวิปัสสนาญาณเอามาช่วยบรรดาพุทธบริษัท ทั้งหลาย ให้มีความสุขปลอดภัย ขอให้ทุกท่านยอมรับนับถือความดีของ พระพุทธเจ้าที่ให้ไว้ คือ
1.สังคหวัตถุ 4ได้แก่
1.1 ทาน การให้ ให้มีการสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน สร้างความ รักเข้าไว้ อย่างสร้างศัตรู
1.2 ปิยวาจา พูดดี พูดให้คนที่รับฟังมีความสุขเขาจะรักเรา เราก็ มีความสุข
1.3 อัตถจริยา ช่วยเหลือการงานซึ่งกันและกัน
1.4 สมานัตตตา ไม่ถือตัวไม่ถือตน
2.พรหมวิหาร 4 ได้แก่
2.1 เมตตา ความรัก
2.2 กรุณา ความสงสาร
2.3 มุทิตา มีจิตอ่อนโยน เห็นใคร ได้ก็ยินดีด้วย
2.4 อุเบกขา วางเฉยเมื่อเหตุร้ายเกิดขึ้น ไม่ดิ้นรนยอมรับตาม ความเป็นจริง
จงอย่าประมาทในชีวิต จงทรงจิตของท่านให้มีความมั่นคงในคุณพระ รัตรตรับ 3 ประการ คือ คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยเฉพาอย่งยิ่ง ให้มีจิตยึด พระพุทธคุณ ให้ภาวนาว่า พุทธโธ ก่อนจะหลับให้กำหนดการเข้าออกของลมหายใจ หายใจเข้านึกว่า พุทธ หายใจออกนึกว่า โธ และเวลาตื่นนอนใหม่ๆทำแบบนี้เป็นปกติ เวลาที่ยังตื่นอยู่ ถ้าคิดขึ้นมาได้เมื่อไหร่ก็ทำใจให่นึกถึงความดีขององค์พระ สัมมาสัมพุทธเจ้า ภาวนาว่า พุทโธ เป็นปกติอย่างนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้เข้าถึงไตร สรณคมน์ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ ทั้ง 3 ประการ จิตของท่าน จะทรงสมาธิ อำนาจบารมีของพระพุทธเจ้าจะทำจิตใจของท่านให้เยือกเย็นมี ความสุข อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับท่านทั้งหลายก็จะพ้นภัยด้วย อำนาจของ พุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ ถ้าจิตของเราไม่นิยมในขันธ์ 5 หรือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา จิตเราเกาะองค์พระสัมมาพุทธเจ้าว่า พระองค์อยู่ที่ไหนเราจะไปที่นั่น ท่านจะพนจากกิเลส จะเข้าถึงพระนิพพาน ได้...
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3จบ)
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถือพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งระลึก
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถือพระธรรมเป็นที่พึ่งระลึก
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถือพระสงฆ์เป็นที่พึ่งระลึก
การเตรียมตัวรับมือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่
1.ก่อนการเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ 15 วัน โลกจะเอียงก้มหัวให้ ดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้น้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือละลายจะนำไปสู่ คลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู่แผ่นดิน (ปัจจุบันเกิดขึ้นแล้ว )
2.เกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่เป็นเวลา 49 วันในระหว่างเดือน ตุลาคม พฤศจิกายน
3.ฝนตกครั้งใหญ่ทั่วโลก ( ระยะชำระล้างเป็นเวลา 7 วัน )
ระยะเวลาเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงของโลกรวมแล้วมีระยะเวลา ทั้งสิ้น 56 วัน
ใน 3 วันแรก จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ที่ทวิปเอเชีย ในประเทศที่เป็น อริต่อกัน ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
1. เกิดน้ำท่วมครั้งใหม่
2. พายุถล่ม
3. แผ่นดินแยกและแผ่นดินไหว
4. ภูเขาไฟระเบิด ( จังหวัดทางภาคกลาง 2 ลูก,ภาคเหนือตอนล่าง
3 ลูก อีกทั้งที่จังหวัดราชบุรี น่าน แพร่ อ.ร้อยกวาง
5.คลื่นยักษ์จากทะเล
6.โรคระบาดที่สุดจะเยียวยา ได้แก่ VIRUSTERIA,อหิวาตกโรคสาย พันธ์ใหม่ ผู้ได้รับเชื้อจะเสียชีวิตทันทีภายใน 6 วัน
7.คลื่นเสียงที่รุนแรง ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตยังไม่เคยได้ยินเสียงที่ดัง ขนาดนั้นมาก่อน
8.อดยากขาดแคลนอาหาร
การเตรียมปัจจัยเพื่อตนเองและสมาชิกในครอบครัว
1.เตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้ที่บ้านอย่างน้อย 3-6 เดือน
2.เครื่องนุ่งห่มเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋าน้ำ
ร้อน ผ้าห่มฯลฯเพราะในช่วงเวลานั้นอากาศจะหนาวเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ
3.เครื่องใช้ที่จำเป็น
4.ที่อยู่อาศัย
5.ยารักษาโรค
6.ด่างทับทิมและคาราไมล์ (จำเป็นมาก)ห้ามกินอาหารที่ไม่ได้ล้าง ด้วยด่างทับทิม เพราะจะมีทั้งเชื้อโรคและสารกัมมันตรังสี ส่วนคาราไมล์จะมีไว้ รักษาโรคทางผิวหนังที่ดูเหมือนจะยากต่อการรักษา แต่เมื่อทาคาราไมล์แล้ว จะ หายได้อย่างอัศจรรย์
7.ยานพาหนะ เช่น เรือ เสื้อชูชีพ
8.เครื่องช่วยชีวิต
9.แสงสว่าง เช่น เทียน ตะเกียงพายุ(เวลานั้นท้องฟ้าจะมืดมิด 7 วัน เท่ากับ 1 ราตรี และจะมืดมิดรวม 7 ราตรี หรือ 49 วัน ไฟฟ้าจะดับทั่วโลก)
10.เตรียมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
การดูแลตัวเองในช่วงเวลาวิกฤติ
1.ห้ามออกนอกบ้านโดยเด็จขาด ใครมาเคาะประตูบ้านก็ห้าเปิดไม่
ว่าคนนั้นจะเป็นญาติสนิทหรือคนที่เรารู้จักก็ตาม
2.ห้ามตากฝน เพราะในฝนจะมีพิษ ทั้งเชื้อโรคและสารเคมีที่มนุษย์สร้าง ขึ้น
3.ห้ามลุยน้ำหรือแช่น้ำนานๆแต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องใช้ด่างทับทิมล้าง ทุกครั้ง
4.ห้ามเปิดประตูต้อนรับผู้อื่น เพราะช่วงเวลานั้นประตูมิติของโลกทั้ง สามจะถูกเปิดเป็นครั้งแรก ผู้ไม่เชื่อเรื่องผีสาง จิตวิญญาณ ก็จะได้เห็น คน ที่มาเยือนอาจเป็นผีเปรต ผีโขมด ที่เจ้ากรรมนายเวรของเราจำแลงมาก็ เป็นได้และห้ามอยากรู้อยากเห็นโดยเด็จขาด
5.ห้ามกินเนื้อ!ทุกชนิด
6.ห้ามกินผักที่ยังไม่ได้แช่ด่างทับทิม
7.ฝึกการกินน้อย ถ่ายน้อย
8.ระวังอากาศที่หนาวเย็น
9.ระวัง!ร้าย !มีพิษ เช่น งูพิษ จระเข้
10.ห้ามอยู่ตึกสูงเกิน 3 ชั้น เพราะตึกสูงเกิน 3 ชั้น จะพังทลายราบ เป็นหน้ากลอง
การเตรียมจิตวิญญาณ
1.ชำระกรรมให้บางเบาโดย หยุดโลภ โกรธหลง ทำจิตใจให้สงบเบิก บานเพราะวันนั้นจะมีผู้ที่เส้นโลหิตในสมองแตก เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เพราะเสียงที่ดังกึกก้องไปกระตุ้นเส้นเลือดในสมองให้แตก ดังนั้นต้องปล่อย วาง ทำจิตให้เป็นบอก จะช่วยได้มาก
2.สำนึกทางจิตวิญญาณ
3.ฝึกการละวาง
4.มีสติรู้ตัวตลอดเวลา
5.ฝึกการทำโฆษกรรม ขออภัยต่อเจ้ากรรมนายเวร หรือผู้ที่เราล่วง ละเมิด
การดูแลแก่นแท้ยามมีภัย
1.ได้ยินเสียงใด ให้ละวางเสียงนั้น รู้เห็นสิ่งใด ให้ละวางสิ่งนั้น ต้อง ไม่รับรู้ ไม่รับเห็น ไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่ว่าจะได้ยินเสียงคนข้างบ้านร้องเพราะกำลัง จะตาย หรือ ได้ยินเสียงใดที่น่าหวาดกลัวต้องได้ยินแล้วผ่านเลยไป หากละ วางไม่ได้จะเกิดอาการ ตายก่อนตาย (ว่าตนเองจะต้องตายแน่ๆ หรือการ ตายทั้งเป็น)
2.ยอมรับให้ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องมีสติตลอดเวลา
3.อย่าอยู่นิ่งเฉย เพราะจะทำให้กลัวมากขึ้น ควรหากิจกรรมทำเช่น อ่านหนังสือธรรมะ เพื่อให้จิตเป็นบวกเกิดการอิ่มเอิบ
4.สังเกตธรรมชาติก่อนนาทีวิกฤติจะเกิดขึ้น ลางบอกเหตุก่อนเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่(ระยะ2) ท้องฟ้ามืดผิดปกติ ใบไม้จะพลิกคว่ำพลิกหงาย แลดูหดหู่ ! สัตว์ทั้งหลายจะไม่ปรากฏกายให้เห็น แต่ถ้ามี!เลี้ยงอยู่ในบ้านจะเห็นมันวิ่ง ลุกลี้ลุกลนผิดปกติ หรือบางตัวจะนอนนิ่งน้ำตาซึม เรื่องเวลาที่แน่นอนนั้น ขอบอกตามตรงว่าไม่ทราบ เพราะจริงๆแล้ว
น่าจะเกิดตั้งแต่ ค.ศ.1999 ตามที่นอสตราดามุสทำนายเอาไว้ แต่เมื่อดู จากเหตุการณ์ในปัจจุบันแล้ว ภัยธรรมชาติที่รุนแรงอย่างไม่เคยพบเห็นมา ก่อนในชีวิตนี้ และจากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ต่างๆคิดว่าจะเกิดภายใน 1-3 ปีนี้... เป็นกรรมของ!โลกนะ ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกว่าระบบ จะเริ่มล้างมนุษย์ปลายปี 47 (ทีแรกคิดว่าไม่มีอะไรเกิดแล้ว จิตเกือบเผลอ แล้วจะมีเหตุอื่นมาล้างเรื่อยๆ ด้วยระบบภัยพิบัติทาง ดิน น้ำ ลม ไฟ โรคระบาดและอุบัติภัยสงคราม และจะหนักขึ้นเรื่อยๆจนพระ จักรพรรดิ์ลงมา ภัยพิบัติจึงจะสงบ ต่อไปที่จะวิบัติหนักๆก็คือ ใต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อเมริกา ฯลฯ เคย ถามครูบาอาจารย์ว่าไม่เคยมีใครเปลี่ยนได้เลยหรือ ท่านบอกว่า ไม่ได้ ท่าน ว่า ปูยีเว้าก็ปานพระเจ้าเว้านั่นแหละ ในโลกนี้ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้เพราะ กรรมของมนุษย์เป็นแบบนั้น สำหรับเมืองไทย ต่อไปกรุงเทพฯ ก็มิใช่จะปลอดภัยเพราะฝ่ายรักษา ภายในของ กทม.เริ่มถอนระบบออกไปมากแล้ว และ ต่อไป ภาคใต้แทบจะไม่เหลือ จะเป็นเกาะ เป็นแก่งทั้งหมด เราเข้าใจว่าภัย พิบัติในภาคใต้เป็นสัญญาณของยุคจักรพรรดิที่กำลังจะเริ่มต้น ที่จริงมี
สัญญาณอย่างอื่นด้วยแต่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เช่น เรื่อง ธาตุแก้วเจ็ด ประการที่เริ่มเข้ามาสู่ระบบแล้ว และมีสิ่งของอื่นๆอีกหลายอย่างที่กระจัด กระจายกันอยู่ในหลายประเทศเป็นต้น ผู้ที่ไม่มีหน้าที่และเข้าไม่ถึงระบบธาตุเหล่านี้ก็จะไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้าใครมีจิตที่เอ็กซเรย์ธาตุได้ ก็จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร อย่างแก้วมังกรและ แก้ววิเศษของเทวดาก็อาจเป็นของไร้ค่าในโลกมนุษย์เพราะความไม่รู้ ครูบาอาจารย์เคยเล่าว่า แค่นาคโก่งหลังขึ้นมามนุษย์ก็ตายเป็นเบือแล้ว ต่อไปบางทีก็จะหายไปทั้งเกาะ นี่ยังไม่นับภัยพิบัติจากท้าวกกนาค แถวลพบุรีที่ในไม่ช้า (ช่วงท้ายๆของภัยพิบัติ) จะลุกขึ้นมา (ภายใน) เพื่อ ไปรอรับพระจักรพรรดิ์ ขณะที่ทหารลิง 18 กองพล ที่เคยเฝ้ายักษ์ตนนี้อยู่ที่ อื่น ครูบาอาจารย์ท่านว่ายักษ์กกนาคตนนี้มีพิษมาก แค่พลิกตัวพิษของยักษ์ก็ จะทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงได้ มนุษย์จะตายไปครึ่งโลก แต่คนที่มีศีลก็ไม่ เป็นไร เราค่อนข้างมั่นใจว่า ภายในปี 2560 ประเทศไทยจะได้เป็น มหาอำนาจ และไทยกับลาวจะรวมกันเป็นหนึ่ง(ประเทศเดียวกัน)ท่านไหน ขยันหมั่นเพียร รักษาศีลภาวนาก็จะได้มีโอกาสอยู่ในยุคใหม่ต่อไป ส่วน
ท่านที่ยังไม่มีศีลธรรมพอ ก็คงจะต้องไปตามวิถีกรรมของตนเอง ศาสนาอื่นนั้นไม่เหลือ เมื่อถึงเวลาแล้วจะหนีตายมาพึ่งศาสนาพุทธ กันหมด เท่าที่ทราบต่อไป มหาอำนาจอย่างเช่น อเมริกา อังกฤษ ฯลฯ จะต้อง มาพึ่งไทย ศูนย์กลางโลก ศูนย์กลางศาสนา อยู่ในประเทศไทย ซึ่งต่อไป ที่ แห่งหนึ่งในประเทศไทย จะเป็นใจกลางโลก ใจกลางศาสนา
ในยุคจักรพรรดิ์ ทั้งโลกจะถูกปกครองโดย 3 ร่มโพธิ์ศรีอัญญาสิทธิ์ และอัญญาธรรม พระจักรพรรดิ์จะเป็นพระมหากษัตริย์ของโลก อย่างที่ พวกยิวเขาคิดจะครองโลกกันนั้นไปไม่ถึงดวงดาวหรอกเพราะวิทยาศาสตร์ ถึงทางตันแล้ว เหตุที่เกิดในภาคใต้ซึ่งเป็นเขตพระพุทธศาสนายังรุนแรงขนาดนี้ ต่อไปเหตุที่เกิดในเขตศาสนาอื่นๆนั้นจะรุนแรงกว่านี้มาก และความหายนะที่ จะเกิดขึ้นนั้นก็จะมากด้วย ถ้าหากศึกษาถึงเชื้อของจิตวิญญาณเดิมของการมาเกิดก็จะเข้าใจว่าอย่าง อิสลามและคริสต์นั้นเชื้อจิตวิญญาณเดิมหรือต้นธาตุของจิตวิญญาณของพวกนี้ เป็นพวกยักษ์ ตระผมลต่างๆ ดังนั้น ที่ครูบาอาจารย์ท่านว่าพวกยักษ์นอกศาสนา เขาตีกันนั้นก็พวกยักษ์เหล่านี้แหละที่มีปัญหาและพวกยักษ์เหล่านี้ก็มาเกิด
มากในยุคนี้ส่วนใหญ่ในเขตประเทศไทยและประเทศไกล้เคียงจะเป็น เชื้อนาค เชื้อเทวดา เชื้อครุฑ คนในเขตประเทศไทย ส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับ การเกิดเป็นเชื้อต่างๆเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับชาติที่ทำบารมีมาเด่นๆว่าเคยทำบารมีใน ภพภูมิไหนมามาก ก็จะมีความเกี่ยวพันกันกับภพภูมิเหล่านั้นและเมื่อถึงเวลาก็ จะเป็นการทำบารมีร่วมกันระหว่างภพภูมิ และบางครั้งการทำงานจากภายนอกก็ จะส่งผลออกมาสู่ภายนอก แต่คนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน ที่เห็นก็คือผล ที่แสดงออกมาภายนอก และพยายามอธิบายกันด้วยเหตุและผลทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการรู้นอกแต่ไม่รู้ใน คลายๆกับวิทยาศาสตร์พยายามอธิบายเหตุผล แจ้งในเรื่องนั้นๆก็เลยเกิดความ ประมาท ต่อไปจะมีจักรพรรดิเป็น
ผู้ปกครองโลก พระยาธรรมมิกราชจะคล้ายพระสังฆราช และจะมีพระโพธิ! ที่ลงมาทำหน้าที่ ดูแลพระพุทธศาสตร์นานั้นเอง และก็มีเหล่าอัญญาสิทธิ์ อาจยังไม่รู้ตัวเอง ถึงเวลาแล้วก็คงจะได้เห็นว่าของจริงนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งบาง ท่านจะมีชื่อเสียงในหมู่เทพ เทวดา นาค ครุฑ กุมภัณฑ์ ฤาษี มุนี ดาบส ฯลฯ พวกเขาเหล่านั้นก็รอยุคพระยาธรรมิกราช แต่พวกมนุษยืไม่รู้จัก เพราะท่าน เหล่านี้จะอยู่อย่างเงียบๆและลี้ลับ ครูบาอาจารย์ท่านเคยเปรยๆให้ฟังว่า สำหรับ ผู้ทำบารมีเข้มข้นแล้วนั้น ดังบ่ดี ดีบ่ดัง จากที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าสู่กันฟัง สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อันใกล้นี้ ไม่มีใครที่จะสามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะกรรม เป็นตัวกำหนด และยุคพระยาธรรมิกราช ก็เป็นพุทธประเพณี เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นใน กึ่งกลางพระพุทธศาสนา ในยุคของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์อย่างในยุคพระ เวสสันดร (ซึ่งเป็นช่วงประมาณกึ่งกลางศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์ หนึ่ง) หลังจากพระเวสสันดร ได้พรแปดประการจากพระอินทร์แล้ว หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดยุคพระยาธรรมิกราชหรือยุคพระจักรพรรดิ์ขึ้น ถ้า จำไม่ผิดรู้สึกว่าลูกชายพระเวสสันดรจะเป็นพระจักรพรรดิ์ในสมัยนั้นในยุค ร่วม สมัยในปัจจุบันนี้ มีบุคคลผู้หนึ่ง ทำทานบารมีจนได้พรแปดประการจาก พระอินทร์แล้วเช่นกัน ก็พอจะอนุมานได้ว่า ยุคพระยาธรรมิกราชนั้น เข้ามา ใกล้ถึงปลายจมูกแล้ว ใครที่คิดทำบุญกุศลอะไร ก็ให้รีบเร่งทำ หากเมื่อใดผู้ที่เข้าได้พร พระอินทร์เข้าทำอธิษฐานบารมีเพื่อดูแลพระศาสนา ( ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ การปรารถนาพุทธภูมิ ) ระบบที่เขาทำหน้าที่ภายในเขาก็จะทำงานตามลำดับ เมื่อถึงตอนนั้นจะเห็นคุณค่าของศีลธรรม ของศีลห้า ศีลแปดของบุญบารมีที่ แต่ละท่านบำเพ็ญเพียร สั่งสมมา ให้ลองนึกถึงเหตุการณ์คลื่นยักษ์ในภาคใต้ดูว่า คลื่นยักษ์ขนาดไหนที่ทำ ให้ด้ามขวานไทยเหลือเป็นเกาะเป็นแก่ง และคลื่นยักษ์ขนาดไหนที่จะ สามารถทำให้เกาะประเทศไต้หวันหายวับไปได้ในพริบตา เมื่อไหร่ก็ตามที่ นาคใหญ่ทำงาน จะสั่นสะเทือนไปทั้งโลก หากจะเทียบเหตุการณ์ในภาคใต้ที่ ผ่านมาเป็นแค่นาคใหญ่โก่งหลังหรือสะดุ้งเพียงเล็กน้อย ลองจินตนาการดูว่า หากพวกนาคบางพวกมีหน้าที่ทำฤทธิ์เพื่อล้างพวกผู้มีศีลธรรมไม่เพียงพอ สำหรับอยู่ในยุคพระธรรมบนโลกนี้ก็จะเหลือคนไม่มากอย่างที่พระสูตรบอก
ไว้ รายละเอียดของมหันตภัยที่จะเกิดขึ้น สถานที่แห่งแรกในประเทศไทยที่จะได้เผชิญกับลาวาร้อนจากไฟใต้ โลกจะเกิดขึ้นจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดแรกในภาคอีสานตาม รอยต่อของจังหวัดที่ติดกันเป็นแนวยาวเริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นแนวแยกของ แผ่นดินคนเคี้ยวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ธารโลหะร้อนจะไหลลามแผ่ ออกไปเป็นบริเวณกว้างข้ามวันข้ามคืนติดต่อกัน จากนั้นพายุที่รุนแรงจะนำน้ำ มาดับไฟก่อให้เกิดน้ำท่วมและโรคร้ายแรงที่จะระบาดอย่างรุนแรงจนสุดที่จะ เยียวยาได้โดยเฉพาะอหิวาตกโรคสายพันธ์ใหม่ที่มนุษย์เชื่อว่าได้กำจัดจนหมด ไปจากโลกนี้แล้ว แต่หารู้ไม่ว่ามันกำลังฟักตัวและจะมีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าเดิม ซึ่ง สามารถคร่าชีวิตผู้รับเชื้อไดในเวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น ท้องฟ้ามืดมิด ฝนจะตกหนักทั่วโลกอย่างไม่หยุดยั้ง น้ำจะเอ่อขึ้น เรื่อยๆจนเข้าท่วมแผ่นดินในหลายๆพื้นที่ พายุไซโคลน จะพัดกระหน่ำและ จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 160 กม/ชั่วโมง พัดผ่านกรุงเทพผ่าน แม่น้ำเจ้าพระยา ตึกแห่งหนึ่งริมน้ำเจ้าพระยาที่อยู่ใกล้กับสะพานกลางเก่า กลางใหม่ย่านฝั่งธนบุรีจะพังทลายลงมาจากการโหมกระหน่ำและความบ้า คลั่งของลมพายุ มีผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 600 คน ในเวลาหลัง จากนั้นไม่นานนัก ตึกสีขาวที่อยู่ริมน้ำฝั่งตรงข้ามจะพังทลายตามลงมา
ยอดตึกที่พังทลายจะแลเห็นโผล่เหนือน้ำให้เห็นเป็นอนุสรณ์ของคราบน้ำตา หลังคาบ้านเรือนบริเวณใกล้เคียงจะปลิวว่อนเสาไฟฟ้าจะล้มระเนระนาด ด้วยความรนแรงของลมพายุผนังตึกส่วนหนึ่งจะรูดลงมากองกับพื้น ลมพายุ ที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงจะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนในบริเวณ ใกล้เคียงอย่างเหลือคณานับ เทือกเข้าตะนาวศรีในจังหวัดราชบุรี จะพังทลายลงมาเนื่องจาก แผ่นดินไหวที่รุนแรงซึ่งจะเปิดเผยให้เห็นถึงภูเขาไฟที่ซุกซ่อนอยู่ หลังจาก นั้นไม่นานภูเขาไฟลูกแรกในประเทศไทยจะระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงเสียงดัง กึกก้องกัมปนาทดังมาถึงกรุงเทพ ธารลาวาจะไหลลงไปยังฝั่งพม่า ไม่นาน นัก ระเบิดลูกที่สองและลูกที่สามก็ตามมา ลูกที่สี่จะมีความรุนแรงอย่างถึง ที่สุด ซึ่งจะสร้างความอำมหิตให้กับภาคเหนือและภาคอีสานต่อไป ทุกจังหวัดในประเทศไทยต่างก็ได้รับความบอบช้ำด้วยกันทั้งสิ้นจะ มากน้อยต่างกันไป บริเวณใดที่มีผู้คนที่มีศีลธรรมอาศัยอยู่อาจได้รับการ ปกป้อง บรรเทาภัยพิบัติให้เบาบางลงไปได้บ้าง... ข้อมูลทุกอย่างที่กล่าวมานี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ระดับความรุนแรง จะไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน ดังเช่นภูเขาไฟที่กล่าวว่าจะเกิดในสถานที่หลาย แห่งนั้น อาจเกิดระเบิดกึกก้อง กัมปนาทรวมกัน ในสถานที่แห่งเดียวกันแต่จะมีความรุนแรงมากกว่าปกติ กล่าวคือ อาจมีลาวาจะพุ่งสู่ท้องฟ้าสูงเป็นพิเศษถึง 6 กิโลเมตร เป็นต้น เหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมานั้นจะมีอยู่วันหนึ่งที่เหตุการณ์รุนแรงที่สุด คลื่นพลังมหาศาลจากจักรวาลจะกระแทกลงมายังโลกเป็นพลังงานที่เกิดจาก ลมพายุสุริยะอันเนื่องมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์จุดที่11 มนุษย์ทุกคนบน โลก จะได้พบกับเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว บรรยากาศช่วงแรกๆจะรู้สึกหด หู่เวิ้งว้าง ท้องฟ้าจะวังเวงพิกลหลังจากนั้นไม่นานนัก ลมจะแรงขึ้น แรงขึ้น เสียงฟ้าเสียงลมจะแผดเสียงกึกก้องดังที่สุด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ยินเสียงที่ดัง ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เป็นเสียงของพญามัจจุราชที่พิพากษาโลกในด้าน ความเป็นมนุษย์คนชั่วทุกคนจะถูกประหารชีวิตและจะตายอย่างทรมาน ไม่ เว้นแม้แต่ผู้นำสังคม ผู้นำเศรษฐกิจ ผู้นำลัทธิ ฯลฯ ส่วนคนดีจะได้รับการ ยกเว้นเอาไว้ให้ได้ทำความดีโดยไม่มีอุปสรรคต่อไป ปลายปีพ.ศ.2548 นี้ จะเริ่มเกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งจะ ส่งผลให้มีคนตายมหาศาล ส่วนผู้ที่รักษาศีล5ขึ้นไปจะรอดและอีก 5ปีต่อไปนี้น้ำจะท่วมภาคใต้ และจะร้ายแรงกว่าสึนามิหลายเท่า ผู้คนที่รอด ชีวิตจำต้องเดินทางขึ้นเหนือเพื่อให้พ้นภัยโดยระหว่างทางจะพบกับคนนอน
ตายเกลื่อนกลาดจำนวนมาก คนที่ไม่เคยเข้าวัดก็รีบเข้าวัดซะ ตอนนี้ก็ยังทัน รีบหาของดี วัตถุมงคล ติดตัวไว้ แต่ถ้าเป็นคนดีมีศีลอยู่แล้วก็ยิ่งดีและสุดท้ายก็ให้นั่งสมาธิ เพราะไม่
มีสิ่งใดจะช่วยเราได้นอกจากสมาธิ และผู้ปฏิบัติสมาธิที่ได้อภิญญา เรียกว่า ให้อยู่ใกล้คนดีเข้าไว้ และปีหน้า (พ.ศ.2549)พระศรีอาจารย์ ซึ่งเป็นพระ โพธิ!อยู่สวรรค์ชั้นดุสิตในตอนนี้ จะลงมาเกิดเป็นมนุษย์ (ท่านลงมาเกิด ในคราวนี้ไม่ใช่จะมาเป็นพระพุทธเจ้า แต่เพื่อช่วยให้ผู้คนรอดพ้นจาก เหตุการณ์อันเหลือที่มนุษย์จะรับมือได้ไหวครั้งนี้ เพื่อช่วยให้พ้นจากภัย สงครามครั้งมหึมาที่จะทำให้มีคนตายมหาศาลที่กำลังจะเกิดขึ้น ท่านอาจจะ เกิดเป็นมนุษย์แล้วก็ได้แต่ยังไม่แสดงตัวเท่านั้น) หากท่านไม่แน่ใจว่าตัวท่านมีความดีพอที่จะรอดพ้นจากมหาภัยพิบัติ ครั้งนี้ล่ะก็ ขอให้หาของติดตัวไว้เป็นอย่างดี หรือถ้าหาของดีไม่ได้จริงๆก็ จงทำตัวของท่านให้เป็นคนดีเพื่อความดีจะรักษาตัวของท่านเอง หากท่านไม่ เชื่อก็จงอย่างพึ่งปฏิเสธ เช่น เชื่อโรคที่ตาเปล่าของเรามองไม่เห็น แต่เราก็ไม่ อาจปฏิเสธได้ว่ามันไม่มี เพราะเรามีเครื่องมือคือกล้องจุลทรรศน์ที่จะส่อง เห็นแล้ว ส่วนเรื่องอย่างอื่นเช่นที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้า เครื่องมือที่จะเห็นก็มี แล้วคือการปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ แต่อยู่ที่ท่านจะใช้เครื่องมือ หรือรู้วิธีใช้ เครื่องมือนั้นอย่างถูกต้องหรือไม่เท่านั้นเอง
ผู้เขียนเคยอ่านหนังสือที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเขียนไว้ว่า อีกไม่กี่ร้อยปี จะมีพระมหากษัตริย์ท่านหนึ่งเดินทางจากทางเหนือมาบูรณะวัดท่าซุง ขณะนี้ วัดท่าซุงก็ยังคงเป็นปกติดี แสดงว่าหลังจากนี้ไม่นานนักคงต้องมีเหตุการณ์ที่ ทำให้วัดท่าซุงร้าง ซึ่งปัจจุบันวัดท่าซุงยังมีคนไปทำบุญถือศีล ปฏิบัติธรรม อย่างไม่ขาดสาย แต่จะมีเหตุใดเล่าที่ทำให้วัดร้างได้นอกจาก...( อาจเกิด สงครามนิวเคลียร์ระหว่างชาติอาหรับและอเมริกา ซึ่งเป็นชนวนให้เกิด อภิ มหาสงครามครั้งใหญ่ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศไทยก็เป็นได้ ) ไม่เชื่อย่าลบหลู่ จงหมั่นทำดีเพื่อรักษาชีวิตรอดเทอญ ประเทศไทยเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะได้รับการปกป้อง คุ้มครอง รักษาไว้ ซึ่งจะได้รับความบอบช้ำจากมหันตภัยธรรมชาติน้อยที่สุดในโลกและ จะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำซึ่งมีความเจริญเป็นศูนย์กลางของโลกต่อไป วิกฤตการณ์เลวรายหน้าหวาดหวั่นจะบังเกิดขึ้นทั่วโลกความ หวาดกลัวไม่จำเป็นต้องรับรู้ผ่านหน้าจอทีวี เพราะมนุษย์ทุกคนบนโลก จะ ได้รับรู้รสชาติแห่งความกลัวตายกันทุกคน มนุษย์ที่รอดชีวิตไปได้ จะเข้าสู่ยุคใหม่ จะมีจิตใจที่ดีงามและมีอายุขัย ที่ยาวจนหน้าประหลาดใจ มีอารบธรรมเจริญก้าวหน้า โดยที่ไม่ได้สร้างเทค โนโลยีที่ก่อปัญหาให้กับโลกมากมาย เช่นปัจจุบัน นอกจากนี้ยังสามารถ ติดต่อสื่อสารกับเพื่อนมนุษย์ต่างดาวได้ ซึ่งแม้ปัจจุบันบางคนก็ไม่เชื่อว่า สิ่งเหล่านี้มีอยู่จริงก็ตาม ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของโลกและเป็น ประเทศแรกที่มีผู้สร้างยานอวกาศไปท่องจักรวาล ได้เป็นแห่งเดียวของโลก โดยใช้พลังจิตในการขับเคลื่อนโดยไม่ใช้เชื้อเพลงในการเผาไหม้ให้เกิด พลังงานที่ทำลายสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติของโลกให้เสียหาย เหมือนอย่างเช่นปัจจุบัน นอกจากนี้ต่อมไพนิลหรือตาที่ 3 ของมนุษย์ จะถูกฟื้นฟูขึ้นมาให้มี ประสิทธิภพมากยิ่งขึ้น จนสามารถเข้าถึงสภาวะนิพพานได้ง่ายขึ้นกว่าใน อดีตในระยะเวลาไม่นานนัก (ภายใน6ปี ) พระศรีอริยะเมตไตร จะเปิดเผยพระองค์ เพื่อปลอบประโลมสร้าง ขวัญกำลังใจให้กับมวลมนุษย์ชาติ ที่มีความบอบช้ำทางจิตใจซึ่งในขณะนี้ พระองค์ท่านได้เสด็จลงมาบนโลกมนุษย์แล้ว กำลังเป็นสามเณีในพุทธ ศาสนา และพระองค์ได้มาปรากฏที่ประเทศไทยนี่เอง ดังเช่นหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านบอกว่า ใครบ้ามาลองภูมิท่าน ท่านก็ แกล้งทำตัวเป็นคนบ้าตอบเสียเลย เพราะหากมาลองของกับหลวงพ่อพวกนี้ พอพูดความจริงไม่ค่อยเชื่อ แต่พอโกหกคิดว่าเป็นเรื่องจริง ขอตัดตอนบางส่วนจาก คัมภีร์ใบลานอักขระธรรมซึ่งได้ ทำนายภัยพิบัติโลกไว้ดังนี้
พระอินทร์ พรหม ยมราช ได้สั่งไว้ว่า ถ้าบุคคลใดรู้แล้ว จงรีบร้อน บอกเล่าสู้กันฟัง หรือพิมพ์แจกจ่ายตามกำลังศรัทธา จะเกิดมหากุศลช่วย ท่านให้หลุดพ้นจากภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง ถ้าบุคคลใดไม่เชื่อมั่นตามคำ สอนของพระพุทธเจ้าจะเดือดร้อนในปีจอนี้ ขึ้น 4 ค่ำ ผู้มีบุญจะลงมาเกิด พร้อมหนังสือใบลานฉบับนี้ ถ้าไม่มีอยู่ในบ้านเรือนบ้านช่องของผู้ใด จะมี พวกผีปีศาจร้ายเข้าทำลายอย่างแน่แท้ ในปีจอต่อปีกุลยามเดือนหงาย จะเกิด มีงูพิษอยู่บนหัวกัดฉกให้ตาย และฝูงชนทั้งหลายจะเกิดเดือดร้อนหลาย ประการ เช่น
- ทุกข์ยากเดือดร้อน เพราะศึกสงครามบ่แล้ว ทุกข์ยากร้อน เพราะมีคนตาย ตามทุ่งไร่ ทุ่งนา
- ทุกข์ยากร้อน เพราะน้ำและไฟ ทุกข์ยากร้อนเพราะไม่มีผู้เฒ่า
- ทุกข์ยากร้อน เพราะไม่มีใครจะดูใคร ทุกข์ยากร้อน เพราะไป ต่างประเทศไม่สะดวก
- ทุกข์ยากร้อน เพราะอดข้างปลาอาหาร
- ทุกข์ยากร้อนเพราะนอนไม่หลับ
- ทุกข์ยากร้อน เพราะผัวเมียไม่เห็นหน้ากัน
ในปีจอนี้เมืองเวียงจันทร์ จะมีองค์ฤาษีทองคำสิกขาลาบวชออกมา เป็นพ่อค้า ในปีจอ ขึ้น 8ค่ำ ห้ามไม่ให้ใครตักน้ำ อาบน้ำ กินน้ำ ตามห้วย หนองคลองบึง หลังพระอาทิตย์ตกดิน (ก่อนมืดค่ำ)พญายมราชจะนำเอายา พิษมาพ่นมาใส่โลกมนุษย์ ในปีจอ เมืองกรุงเทพฯ จะแตกพังทลายตอนเวลาไก่ขัน พระแก้ว มรกตหัวเมืองเชียงใหม่เม็ดข้าวใหญ่ จะได้กลับคืนสู่เมืองเวียงจันทร์ นี่คือพระคาถาขององค์อินทร์ พรหม ยมราช ได้เขียนลงในใบลาน จงรักษาเก็บไว้ให้ดีเพื่อช่วยให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ ในยามเกิดเหตุการณ์ มหันตภัย พระคาถาได้เขียนไว้ดังนี้
ปะโต เมตัง ปะละชิมินัง สุขะโต จุติ
เมตตะ นินะนัง สุขะโต จุติ
พระคาถาข้อนี้จะเขียนลงใส่ใบลานแผ่นทอง หรือแผ่นผ้าก็ดีให้ติดไว้ บนประตูห้องเรียนหนือรถราพาหนะ หรือพันหัวไว้ในยามเกิดเหตุการณ์จะ ช่วยให้รอดพ้นภัยอันตราย ในกาละเวลานี้เทพเจ้าเหล่าเทวดาผู้ที่คุ้มครอง รักษาเหล่ามนุษย์โลก ได้ไปกราบทูลต่อพระอินทร์ว่า มนุษย์โลกทำกุศลผล บุญ (ความดี) เพียง 3 ส่วน และทำบาปกรรม (ความชั่วร้าย) ถึง 10 ส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้พระอินทร์จะได้ลงโทษกับมนุษย์โลกถึง 9 ข้อ นับตั้งแต่ปีจอ ถึงปีกุน คือ
- จะให้เกิดพายุลงแรง
- จะให้เกิดสารพิษต่างๆ (อากาศ อาหารเป็นพิษ)
- จะให้เกิดไฟไหม้ (อัคคีภัย)
- จะให้เกิดกาฬโรคต่างๆ (พยาธิร้าย)
- จะให้เกิดน้ำท่วม (อุทกภัย)
- จะให้เกิดอดข้าว ปลา อาหาร
- จะให้เกิดฟ้าผ่า
- จะให้เกิดอาฆาตฆ่าฟันกันเอง สำหรับคนใจบาป
- จะให้เกิดร้อนมากหนาวมาก
มหันตภัยทั้ง 9 อย่างนี้ จะรอดพ้นเฉพาะคนใจบุญ คนที่ปฏิบัติตามคำ พร้อมสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น รู้แล้วจกบอกต่อกันไปให้รีบเร่งทำแต่ ความดีมากกว่าทำบาปกรรมชั่วร้าย ถ้าผ่านปีจอ ปีกุลไปแล้ว ทุกคน ลูกหลาน เหลน จะได้รับความสุขสบายกันทั่วหน้า (เวลาเหลือน้อย) ให้ ทุกคนเคร่งครัดถือศีล 5 ข้อ ให้ขยันไหว้พระ ภาวนา ให้ทาน เพื่อการกุศล อย่างต่อเนื่อง
ศีล 5 ข้อ ได้แก่
1.ห้ามเบียดเบียนสิ่งมีชีวิต(ทุกชีวิตใครก็รัก)
2.ห้ามลักหรือขโมยเอาสิ่งของผู้อื่นมาเป็นของตน
3.ห้ามล่วงเกิน เป็นชู้ผู้อื่น เมีย ผัว คนที่มีเจ้าของ
4.ห้ามพูดปดหลอกลวงคนอื่นในทางที่ไม่ดีซึ่งเป็นเหตุให้เกิด
ความแตกแยกสามัคคีหรือสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง
5.ห้ามดื่มหรือเสพของมึนเมาทั้งหลายทั้งปวง
นอกจากหนังสืออินทร์ตกที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีพระผู้ทรงศีลองค์ หนึ่ง ได้เห็นเนื้อในอักษรธรรม เขียนจารึกไว้บนก้อนหินศิลาที่พึ่งพ้น จากพื้นดิน ในภูผาดงแห่งหนึ่งที่พระรูปนี้ได้เดินธุดงค์ วิปัสนากรรมฐาน ผ่านไป ไม่ขอบอกนามพระและกำหนดสถานที่อย่างแจ้งได้ เพราะได้สอบ หาข้อมูลละเอียดแล้ว พระผู้ทรงศีลกล่าวว่า โยมเอ๋ย...ถ้าไม่เชื่อก็สุด
แล้วแต่ดวงจิต เพราะถึงเวลาแล้วที่สวรรค์จะไม่มีความลับ ถ้าโยมเชื่อก็เป็น กุศล ถ้าไม่เชื่อก็เป็นอกุศล รู้เพียงเท่านั้น จึงขอบอกเล่าสู่ท่านฟังตามคำ กล่าวของ พระผู้ทรงศีลรูปนี้ว่าในปีระกา ปีจอและกุล เดือน 7-8 จะเกิดเหตุร้ายแรงตามถนนหนทาง เดือน 9-10 คนใจบาปหยาบช้าจะถูกล้างผลาญให้หมด
- มีบ้านก็ไม่มีคนอยู่
- มีข้าวก็ไม่มีคนกิน
- มีทาง ก็ไม่มีคนเดิน
สุดท้ายพระผู้ทรงศีลยังได้กล่าวเน้นมาถึงความศักดิ์สิทธิ์ดังหนังสือ
อินทร์ตก อินทร์ตื่น
ถ้าท่านผู้ใดเชื่อ ศรัทธา บูชา เคารพกราบไหว้หรือบนบานว่าจะ บอกเล่าถึงผู้อื่นหรือลงพิมพ์แจกให้สาธุชน คนทั้งหลายรับรู้ด้วยแล้ว ท่าน จะปราถนาสิ่งใดจะได้ดังใจนึก พยาธิที่เบียดเบียนก็จะหายขาด...
ความคิดเห็นที่ 1
พุทธทำนาย: ถอดความจากศิลาจารึก เชตมหาวิหาร สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย
สาธุอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นพระสัพพัญญูรู้แจ้งโลกทั้งในอดีตและอนาคต ทรงทีเมตตากรุณาแก่สัตว์โลกเป็นล้นพ้น เมื่อครั้งพระองค์ดำรงพระชนมายุอยู่ได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า
ดูก่อนอานนท์ เมื่อศาสนาตถาคตล่วงเลยไปถึงกึ่งพุทธกาล สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดในยุคนั้นจะพบความลำบากทุกชาติทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนไปใกล้ความแตกทำลาย แผ่นดินแผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทิศ
คนในสมัยนั้น ( คือปัจจุบัน ) จะมีวิสัยโหดดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต จะรบราฆ่าฟันกันถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วนเวไนยสัตว์ผู้ขวนขวายในกุศลตามวัจนะของตถาคต ก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัยและคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจักเบาบาง แต่ก็จะหนีกฏธรรมชาติไม่พ้น
เริ่มแต่พระพุทธศาสนาล่วงเลย 2,500 ปีเป็นต้นไป ไฟจะลุกลามทางทิศตะวันออก(เอเชีย) ไหม้วัดวาอารามสมณะชีพราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ(ไหม้จริงที่ภาคใต้พระไปบิณทบาตรยังไม่ได้เลยแล้วจะกินอะไรละโยม) ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ (เรือดำน้ำ)มหาสมุทรจะชอกช้ำ สงครามจะทั่วทิศ ศึกจะติดเมือง ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมืองพระทรงเมืองจะหนีเข้าไพร ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจจะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว(เครื่องบินงัย) มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ(ลูกระเบิด) ยักษ์หินที่ถูกสาบ(ภูเขาไฟ)มาเป็นเวลานาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ
ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม เชื่อคำของคนโกง กล่าวคำเท็จไม่เคารพหลักธรรมนิยม คนประจบสอพลอได้รับการเชื่อถือในสังคม ผู้มีศีลธรรมประพฤติชอบกลับไม่มีใครเคารพยำเกรง
พระธรรมจะเริ่มเปล่งแสงรัศมีฉายส่องโลกอีกวาระหนึ่งก็ต่อเมื่อมีธรรมิราชโพธิญาณบังเกิดขึ้นอยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องตะวันออกของมัชฌิมประเทศ(ชนบท) จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคตให้รุ่งเรืองสืบไปถึง 5.000 พระวรรษา
ดูก่อนอานนท์ เวลานั้นพลโลกเหลือน้อย คำทำนายของตถาคตนี้ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับว่าเป็นกรรมของสัตว์โลกที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน
ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติให้รักษาศีลห้าประการ เจริญเมตตากรุณา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดษ รู้จักพอ ไม่หลงมัวเมาอำนาจและลาภยศ ตั้งใจประพฤติตนตามคำสอนของตถาคตให้มั่นคงจึงจะพ้นอันตรายในยุคกึ่งพุทธกาล
โดยคุณ sascommando เมื่อวันที่
09/07/2008 03:40:20
ความคิดเห็นที่ 2
สงครามโลกครั้งที่ 3 หายนะล้างโลก ด้วยน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเอง เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 3 นี้ได้มาจาการที่ผมได้เคยพูดคุยกับหลายท่านมาในระดับหนึ่ง และเล็งเห็นว่าสงครามเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อต้องการอำนาจ เงินตรา ทัพยากรทางธรรมชาติในส่วนที่ตนไม่มี ในส่วนที่เอามาลงในนี้ถือว่าเป็นส่วนที่ข้าพเจ้าได้รวมรวมข้อมูลมา และสรุปเองโดยคราวๆ รายละเอียดมีตามนี้ครับ
สงครามล้างโลก
โลกจะเกิดภัยพิบัติด้วยน้ำมือของเหล่ามวลมนุษย์ ทุกชีวิตจะล้มตาย ส่วนที่เหลือ จะได้รับความลำบากทุกข์ยาก อย่างแสนเข็น ขาดแคลนทั้งเสบียง อาหาร น้ำดื่ม มนุษย์จะฆ่ากันเอง จงจัดเตรียมเสบียง อาหารน้ำดื่มไว้ให้พร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ ที่เกิดขึ้น
สงครามจะเริ่มก่อตัวขึ้นแถว อเมริกาเหนือ จะลามออกมาทางฝั่งตะวันออก จะมีสามผ่ายหลักใหญ่ ได้แก่ อเมริกา จีน อินเดีย เพื่อแย่งชิง อำนาจเหนืออธิปไตรประเทศอื่น สงครามจะดำเนินต่อเนื่อง 7 เดือน ถึง 1 ปี 6 เดือน และจบลงด้วยระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สามารถล้มล้างประเทศใด ประเทศหนึ่ง ให้หายออกไปจากโลกใบนี้ได้
อเมริกา ล่มสลายประเทศต่างๆก็ได้รับบาดเจ็บ บอบช้ำไปตามๆกัน คนที่ตายก็ตายไป ส่วนคนที่อยู่จะได้รับความทุกข์ยากลำบาก แต่ผลที่ตามมานั้นร้ายแรงกว่าที่คิด ประชาชนต้องบ้านแตกสาแหรกขาด พลัดพรากจากครอบครัวแหล่งน้ำตามธรรมชาติจะใช้ไม่ได้เพราะเจือปนด้วยสารเคมี ข้าวจะหายาก หมากจะราคาแพง ต้องดิ้นรนสุดชีวิต โจรผู้ร้ายก็ชุกชุมเพราะความอดอยาก โรคระบาดจะคอยซ้ำเติม ช่วงเวลาที่ทรมานอย่างนรกนี้จะกินเวลาประมาณ 5 ปี จึงจะค่อยเริ่มฟื้นตัว เทคโนโลยีที่มีอยู่จะได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว สันติภาพจะเกิดขึ้น
สาเหตุของสงคราม
ตามที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสงครามมิใช่สิ่งที่ดีนอกจากการสูญเสียกำลังทรัพย์ สินเงินทอง เลือดเนื้อ ชีวิต นับพันนับหมื่นคน แต่ทำไมคนเราถึงยังก่อสงครามกันอยู่ได้ เนื่องมาจากความโลภโมโทสัน อยากมีอยากได้ นี้เป็นสาเหตุหลัก สงครามมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะความอยากได้ในสิ่งที่ตนไม่มี ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี มีการยกทัพเพื่อแย่งชิงดินแดนอาณาเขตเพื่อขยายอาณาจักรของตนเอง ถ้าอีกฝ่ายยอมก็ไม่มีการเกิดสงครามแต่ต้องยอมอยู่ภายใต้อำนาจกดขี่ข่มแหงของผู้อื่น ซึ่งการยอมอยู่ใต้ผู้อื่นย่อมไม่มีทางที่จะยอมได้ง่ายๆ
สาเหตุหลักของการเกิดสงคราม โลกครั้งที่ 3 เนื่องจากสาเหตุขัดประโยชน์กันเอง ไม่มีใครยอมใครต่างถือว่าตนใหญ่จะเอาให้ได้ ไม่ได้ไม่ยอม จากเรื่องระหว่าง สองประเทศจะลามไปเรื่อยๆเหมือนไฟลามทุ่ง คือ ขยายวงกว้างออกไปอย่างรวดเร็วๆ ครอบคลุมโลกใบนี้
ผลกระทบระดับโลก
พื้นที่หลายส่วนจะถูกลบทิ้งออกจากแผนที่โลก บางแห่งอาจจะหายไปทั้งประชากรและแผ่นดิน สิ่งที่ไม่น่าเกิดก็จะเกิดขึ้น รวมถึงภัยพิบัติต่างๆตามธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
จำนวนประชากรโลกจะถูกลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น แผนที่โลกจะมีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ ในขณะที่สัตว์ชนิดต่างๆพยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาวะเลวร้าย จะเกิดเหตุการณ์คนกินคน สัตว์กินคน เพราะความหิว กระหาย
สารเคมีพวกกัมมันตภาพรังสี ที่แพร่ไปทั่วโลก จะมีผลทำให้มนุษย์ เป็นโรคผิวหนัง อย่างรุนแรง ต้นไม้จะเ ่ยวเฉาเพราะปรับสภาพไม่ทัน เสียงคนที่ได้รับความทุกข์ทรมานจะมีอยู่ทั่วไปหมด คนพิการจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นคนที่แขนขาสมบูรณ์น้อยลง
ช่วงก่อนสงคราม
ช่วงก่อนที่จะเกิดสงครามอาหารการกินทั่วโลกจะอุดมสมบูรณ์ แม้ว่าราคาสินค้าอาจจะแพงอยู่บ้างแต่สามารถหาซื้อหากินได้โดยทั่วไปแล้ว ประชาชนจะอยู่ดีมีความสุข ไม่นึกถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นจึงไม่มีการกักตุนสินค้า
ข้าวสาร อาหารแห้ง เกลือ และ น้ำ เป็นสิ่งจำเป็นและต้องเตรียมสำรองในปริมาณที่มากและเพียงพอในถาวะวิกฤตช่วงต้นของสงคราม ราคาสินค้าอาหารจะทยอยเริ่มขึ้นราคา คนที่พอมีเงินจะสามารถซื้อ ข้าวปลาอาหารไว้ได้อย่างเพียงพอ คนที่ไม่มีเงินทองก็จะอดตาย ถือเป็นการล้างโลกทางอ้อมอีกทางหนึ่ง
สงครามจะเริ่มจากฝั่งตะวันตกและจะลามมาทางตะวันออก รวมถึงประเทศไทย ในช่วงสงครามเริ่มก่อตัวประชาชนทั่วไปจะไม่ค่อยรู้สึกสักเท่าไหร่ เพราะจะเป็นเหมือนสงครามปรกติ ที่เกิดขึ้นทั่วไป แต่สินค้าทางการเกษตรจะมีราคาสูงขึ้น เนื่องจาก สภาวะสงคราม
ช่วงต้นและกลางของสงคราม
ช่วงแรกสงครามจะเริ่มก่อตัวขึ้นบริเวณแถบยุโรบอเมริกา ช่วงแรกจะจำกัดพื้นที่ในบริเวณนั้นประมาณ 5 เดือน ในช่วงนี้จะมีการหาสมัครพรรคพวกและอาศัยประเทศข้างเคียงเป็นสนามรบ ประชาชนแถบยุโรบ จะเดือนร้อนกันไปทั่ว ประเทศไทยยังไม่มีที่ท่าที่แน่นอนยังแค่ประกาศให้ความช่วยเหลือทั้งสองผ่าย ต่างคนต่างต้องการให้สงครามสงบโดยเร็ว แต่ประเทศมหาอำนาจไม่ยอมให้สงบเร็วเนื่องจาก กลัวว่าจะเจอภัยทั้งทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ้งหมายถึงจะหมดอำนาจที่จะครองโลก
|
|
โดยคุณ sascommando เมื่อวันที่
09/07/2008 03:41:45
ความคิดเห็นที่ 3
หลังจากช่วง 5 เดือนแรก ต่างผ่ายก็ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง และต่างก็เหนื่อยล้าเต็มทีที่ต้องรบ แต่ว่าผลกระทบจากสงคราม คือ สงครามไม่ได้เจาะจงเฉพาะ เพียงแค่ ไม่กี่ประเทศ แต่ว่าสงครามจะกระจายตัวเองไปทั่วและลามมาฝั่งเอเชียตะวันออกช่วงนี้จะกินเวลาประมาณ 4-5 เดือน การสู้รบจะดุเดือดขึ้น ประเทศที่มีหัวรบ จรวจนิวเคลียร์ จะเตรียบหัวรบเพื่อยังไปยังประเทศที่เป็นศัตรู จะยังไม่มีการยิงระเบิดนิวเคลียร์ จะอยู่ในสภาพพร้อมยิง จะเป็นการเตือนและข่มขู่กันขั้นสุดท้าย
ช่วงปลายสงคราม
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดมากทหารประชาชนล้มตายกันมาก แทบจะล้างโลกเลยก็ว่าได้ ประเทศที่อ่อนแอ จะถูกควบคุมโดยประเทศมหาอำนาจเพื่อประโยชน์ทางการทหาร และทางเศรษฐกิจ ความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนหน้าทีก็ยังตามมาส่งผลตามมาเรื่อยๆ ประชาชนต้องบ้านแตกสาแหรกขาด พลัดพรากจากัน ช่วงนี้แหละจะเป็นช่วง ขาดแคลนเสบียง อาหารเหลือน้อยไม่พอบริโภค เพราะผลผลิตที่ได้มามีปริมาณที่น้อยเมื่อเทียบกับความต้องการของมนุษย์ แม้ว่าประชากรโลกจะลดลงไปเยอะก็ตาม แหล่งผลิตอาหารจะหมดไม่ไปเพราะไม่มีคนที่จะผลิตอาหาร
ช่วงนี้จะกินเวลาประมาณ 3- 5 เดือน จำนวนยอดผู้เสียชีวิตเข้าสู่หลักล้าน ระเบิดนิวเคลียร์จะถูกปล่อยออกมาเพื่อโจมตีไปยังหัวใจของผ่ายข้าศึก เพื่อชัยชนะ ต่างผ่ายก็ปล่อยออกมาลูกแล้วลูกเล่า เพื่อกำจัดศัตรูทางการทหารให้หมดไปแต่ผลที่ได้รับคือ ต่างผ่ายต่างก็ได้รับความเสียหาย บ้านเมืองพังพินาศ จะเหลือที่ดีๆ ก็มีอยู่ส่วนน้อย เต็มทีและมีแต่ซากปรักหักพัง
ผลของนิวเคลียร์จะทำให้ อากาศ อาหาร และน้ำดื่ม ปนเปื้อนไปด้วยสารเคมี ทั้งสัตว์ทั้งมนุษย์ จะตายอย่างอเนจอนาถ ส่วนที่รอดและได้รับสารเคมีอย่างแรงจะเป็นโรคผิวหนัง เนื้อจะตายและเน่าได้รับความทรมานอย่างยิ่ง ส่วนคนที่ได้รับสารแคมีอย่างกลาง ผิวหนัง พุผองและเนื้อจะค่อยๆตายอย่างช้าๆทรมานแสนสาหัสถ้าจะรอดก็คงต้องอยู่อย่างคนพิการ ส่วนคนที่ได้รับสารเคมีอย่างอ่อน จะเกิดอาการระคายเคือง รักษา ให้หายด้วยความยากลำบากเพราะขาดแคลน ยา และเครื่องมือ ส่วนคนที่ไม่ได้รับสารเคมีถือว่าโชคดีไม่ได้รับสารเคมี แต่ก็ได้รับความกระทบกระเทือน จากผลของสงคราม
เมื่อระเบิดนิวเคลียร์ถูกใช้หมดไป ต่างฝ่ายต่างก็ประเมิน สถานการณ์ บางผ่ายก็ยอมแพ้ บางผ่ายก็ดีใจที่ตัวเองชนะแต่ในที่สุดไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเกิดขึ้น ต่างก็เจรจายุติศึก สูญเสียเงินทอง ชีวิต ที่ไม่สามารถประมาณได้
สภาวะหลังสงคราม
หลังจากสงครามเสร็จสิ้นต่างฝ่ายต่างพยายามฟื้นฟูสภาพประเทศของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะได้รับความเสียหายอย่างยับเยิน ประเทศไทยก็ได้รับความเสียหายไม่น้อยแต่สามารถเอาตัวรอดจากสภาพวิกฤตได้ดี ถึงแม้จะไม่เป็นเมืองขึ้นของใครก็ตาม แต่ก็ถูกพวกต่างชาติบีบบังคับต่างๆนานา ส่วนสภาพบ้านเมืองเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ความอดยากของประชาชน ชุมนุมโจรมีมากขึ้นคอยปล้นสะดมชาวบ้าน ไม่รู้จักทำมาหากิน แต่พวกนี้จะหมดไป เพราะทางการสามารถปราบปรามได้สำเร็จ ตรงนี้จะเป็นยุคทองของประเทศไทย สมกับชื่อที่ว่าสุวรรณภูมิ แดนศรีวิไลใต้ดินจะมีน้ำมัน อัญมณี สารแร่ต่างๆ เศรษฐกิจจะเจริญก้าวหน้า
ในช่วง 5 ปีแรกของการฟื้นฟูประเทศ เรียกว่าช่วงลำบาก เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องทำ ทั้งการวางระบบสาธารณูปโภคใหม่หมด การพัฒนาทางด้านการศึกษา การเกษตร เพื่อให้บ้านเมืองคืนสู่สภาวะปรกติให้เร็วที่สุด
ถึงแม้ว่าราคาสินค้า จะค่อนข้างสูง แต่ราคาก็จะไม่แพงมากจนเกินไป
หลังจากช่วง 5 ปี สภาวการณ์กับสู่สภาพปรกติ แต่ยังเหลือรอยคราบแห่งอดีตของสงครามโลกครั้งที่ 3 ความโศกเศร้าอาลัยต่อผู้ที่เสียชีวิต พิการ แม้แต่ขาดแคลนที่พักอาศัย อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค รวมทั้งเครื่องนุ่งห่ม
การเตรียมพร้อมรับมือ สงครามโลก
ช่วงแรกให้แรกให้เริ่มกักตุนสินค้าอุปโภคปริโภคให้มากที่สุด เพราะจำเป็นต้องใช้ในช่วงสุดท้ายของสงคราม และช่วงแรกของสงครามสงบ จะเป็นช่วงที่อดอยาก และขาดแครนอาหาร เพราะสารเคมีชนิดต่างๆกระจายไปทั่ว เจือปนทั้งในน้ำดื่มและอาหาร แหล่งน้ำธรรมชาติ แทบไม่มีประโยชน์เพราะสารพิษเจือปนเยอะ
ผลกระทบที่มีต่อประเทศไทย
ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบกระเทือนน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่พื้นที่บางส่วนจะหายไปข้าวจะหายาก หมากก็จะราคาแพง ต้องกินอย่างประหยัด อดมื้อกินมื้อ ชุมนุมโจรต่างๆเกิดขึ้น เพื่อปล้นแย่งเสบียงของชาวบ้าน จะเดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า
ภาครัฐจะเร่งปราบปรามชุมนุมโจรต่างๆ พื้นฟูเศรษฐกิจ พัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากประชากรลดน้อยลงและขาดแคลนทัพยากรบุคคล การกำจักสารเคมีในอากาศหรือฝนเหลือง เป็นไปได้ยากเนื่องยงจากรัฐไม่ได้มีการเตรียมการไว้ และไม่มีความพร้อมในการดำเนินงาน ประเทศไทยจะใช้เวลาถึง 5 ปี เพื่อการพื้นตัวแต่จะเร็วกว่าประเทศอื่น แต่ต้องอาศัยความสามัคคีภายใน
โดยคุณ sascommando เมื่อวันที่
09/07/2008 03:42:23
ความคิดเห็นที่ 4
พุทธทำนายเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้ดีครับ เนื่องจากมันถูกตกแต่งเพิ่มเติมตามกาลเวลา ซ้ำยังมีบริทของชาตินิยมของคนเขียนเข้ามาเกี่ยวข้องมาก (เช่นไทยจะเป็นมหาอำนาจ ฯลฯ) ........ ดังนั้นผมว่าอ่านแล้วก็ควรใช้หลักกาลามาสูตรซึ่งเป็นหลักการที่เรามั่นใจได้ว่าพระพุทธองค์ทรงตรัสแน่นอนมาประกอบการพิจารณาครับ
ด้วยความเคารพ
โดยคุณ
Skyman เมื่อวันที่
09/07/2008 04:08:51
ความคิดเห็นที่ 5
ทีนี้ลองมาดูคำทำนายของนอสตราดามุสกันบ้างครับ
ฝันเฟื่องหรืคำทำนายของ นอสตราดามุส
ชื่อของ นอสตราดามุส โหรผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอายุเมื่อหลายร้อยปีก่อนหน้านี้ถูกยกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเหตุการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้ อย่างเช่นการไฮแจ็คเครื่องบินพาณิชย์ที่บรรทุกผู้โดยสารร้อยกว่าชีวิต ก่อนจะพุ่งเข้าชน อาคารธุรกิจชื่อดังของโลกอย่าง เวิล์ด เทรดเซนเตอร์ ในกรุงนิวยอร์ก
เหตุการณ์หลังจากการชนนั้น ถูกนำไปผูกกับคำทำนายของเขาอย่างช่วยไม่ได้ นอสตราดามุสเขียนเอาไว้ที่ เซ็นจูรี่เล่ม 6 โคลงบทที่ 97 ว่า
ท้องฟ้าจะถูกเผาผลาญ ณ องศาที่ 45
เพลิงจะพุ่งเข้าสู่เมืองใหม่
ในบัดดล ดวงไฟใหญ่จะแตกกระจายทะลวงพุ่งขึ้นมา
มาบัส (MABUS ) จะตายในไม่ช้า
จะมีการฆ่าหมู่คนและสัตว์อย่างสยดสยอง
ทันใดนั้นการแก้แค้นจะปรากฎขึ้นจากร้อยแผ่นดิน
ความกระหาย อดอยาก จะเกิดชึ้นเมื่อดาวหางโคจรผ่านมา.....
ศาสนาที่มีชื่อเหมือนทะเลจะมีชัย
การต่อต้านนิกายของอะดาลูนกาทิฟผู้บุตร
พวกหัวดื้อ พวกโศกเศร้าตำหนินิกายจะกลัวเกรง
อาลิฟ กับ อาลิฟ ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสอง....
นั่นคือโคลงที่ว่ากันว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะตีความไปในทางเดียวกัน เพราะ นอสตราดามุสเขียนแบบไม่ค่อยจะติดต่อเป็นเรื่องเป็นราวเท่าใดนัก ที่สำคัญเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องของเวลาอย่างแน่ชัด แต่กระนั้นหลายคนตีความว่า ยามที่นอสตราดามุสมองเห็นเครื่องบินพุ่งเข้าใส่ตึกเวิล์ดเทรด ไม่แตกต่างไปจากหอกแหลมจากฟากฟ้าจะบินมาพร้อมกับลูกไฟ เพราะ หัวของเครื่องบินที่มีปีกนั้น ดูเผินๆก็ไม่แตกต่างกับหอกขนาดยักษ์เท่าใดนัก เช่นเดียวกับการชนก็เกิดการระเบิดทันทีจนเป็นลูกไฟไปทั่วฟ้า
ที่สำคัญเขาพูดถึงเมืองที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามว่าเป็น ดินแดนที่ 45 ตรงกับเส้นรุ้งที่ 45 อันเป็นที่ตั้งของมหานครนิวยอร์กเหมือนกัน
แต่สิ่งเหล่านั้นยังไม่น่ากลัวเท่ากับการที่นอสตราดามุสกล่าวต่อว่า จะเกิดสงคราม ผู้คนจะล้มตายเมื่อมาบัสถูกฆ่าในเวลาไม่นานนับจากนี้ เพราะมีการตีความต่อว่า Mabus นั้น มาจากการย้อนชื่อต้นของ USaMA Bin laden (อุสมา บิน ลาเดน) ซึ่งเป็นคนที่สหรัฐมองว่าเป็นตัวการในการก่อวินาศกรรมครั้งนี้
ยิ่งถ้ามองตามคำทำนายต่อ หลายคนเชื่อว่า การตายของบินลาเดน จะเป็นจุดสิ้นสุดของยุคสันติภาพ และจะเป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่และยาวนานกว่าทุกครั้ง โดยการแก้แค้นของพวกร้อยแผ่นดิน (United State) ซึ่งก็คือ สหรัฐนั่นเอง ส่วนอาวุธลับที่สหรัฐจะใช้จัดการกับขบวนการก่อการร้ายจนกระทั่งเกิดการตายอย่างมากมายนั้น นอสตราดามุสใช้คำว่า ดาวหางมาเยือน
จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า ดาวหางที่นอสตราดามุสเห็นจะเป็นระบบป้องกันภัยจากอวกาศที่สหรัฐภาคภูมิใจนักหนา เช่นเดียวกับเรื่องของความอดอยาก เพราะ เมื่อสหรัฐทราบว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง มาตรการแซงชั่น ป้องกันไม่ให้นำอาหารเข้าสู่ประเทศนั้นๆจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้มีคนพยายามตีความว่า นอสตราดามุส มั่ว ฝันเฟื่อง คำทำนายของเขาดูจะไม่เป็นจริง ส่วนใหญ่ที่คนเชื่อก็เพราะ เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว แลไปทึกทักตามที่นอสตราดามุสเขียนเอาไว้เอง
เชื่อว่า หลายคนก็ยังหวังว่า คำทำนายของโหรบรรลือโลกคนนี้จะผิดอีกครั้งหนึ่ง เพราะ คงไม่มีใครอยากจะเจอกับสงครามโลกที่กินเวลายาวนานกว่า 50 ปีอย่างแน่นอน เนื่องจากเขากล่าวเอาไว้ในอีกโคลงว่า
ยุคของสันติจะกลับมาอีกครั้งในปี 2055
โดยคุณ sascommando เมื่อวันที่
09/07/2008 03:50:39
ความคิดเห็นที่ 6
ครั้งนั้น พระองค์ทรงปรารภซึ่งพระอชิตเถระ ผู้หน่อบรมพุทธางกูรอริยเมตไตรยเจ้าให้เป็นเหตุ พระโลกเชษฐ์จึงตรัสพระธรรมเทศนา สำแดงซึ่งพระโพธิสัตว์ทั้ง ๑๐ องค์ อันจะมาตรัสเป็น องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลฯ ครั้งนั้น พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเถรเจ้า จึงกราบทูลอาราธนา พระองค์ก็นำมาซึ่งอดีตนิทาน แห่งสมเด็จพระพุทธเจ้าทั้ง ๑๐ พระองค์ ที่จะลงมาตรัสในอนาคตกาลเบื้องหน้าต่อไป
เป็นใจความว่า เมื่อศาสนาพระตถาคตครบ ๕๐๐๐ ปีแล้ว ฝูงสัตว์ก็มีอายุถอยลง คงอยู่ ๑๐ ปีเป็นอายุขัย ครั้งนั้นแล จะบังเกิดมหาภัยเป็นอันมาก มีสัตถันตะระกัปป์ มนุษย์ทั้งหลายจะวุ่นวายเป็นโกลาหล เกิดรบพุ่งฆ่าฟันซึ่งกันและกัน จะจับไม้และใบหญ้าก็กลับกลายเป็นหอก ดาบ แหลน หลาว อาวุธน้อยใหญ่ ไล่ทิ่มแทงกัน ถึงซึ่งความฉิบหายเป็นอันมาก ฝูงมนุษย์ทั้งหลายที่มีปัญญา ก็หนีไปซุกซ่อนตัวอยู่ในซอกห้วย หุบเขา เมื่อพ้น ๗ วันล่วงไปแล้ว มนุษย์ทั้งหลายที่เร้นซ่อนอยู่นั้น เห็นสงบสงัดเสียงคนก็ออกมาจากที่ซ่อนเร้น ครั้นเห็นซึ่งกันและกัน ก็มีความสงสารรักใคร่เป็นอันมาก เข้าสวมสอดกอดรัดร้องไห้กันไปมา บังเกิดมีความเมตตากรุณากันมากขึ้นไป ครั้นตั้งอยู่ในเมตตาพรหมวิหาร แล้วก็อุตสาหะรักษาศีล ๕ จำเริญกรรมฐานภาวนาว่า อยํ อตฺตภาโว อันว่าร่างกายของอาตมานี้ อนิจฺจํ หาจริงมิได้ ทุกฺขํ เป็นกองแห่งทุกข์ฝ่ายเดียว อนตฺตา หาสัญญา สำคัญมั่นหมายมิได้ ด้วยกายอาตมาไม่มีแก่นสารฯ
..เมื่อมนุษย์ทั้งหลาย ปลงสัญญาเห็นในกระแสพระกรรมฐานภาวนาดังนี้เนืองๆ อายุของมนุษย์ทั้งหลายก็วัฒนาจำเริญขึ้นไป ที่มีอายุ ๑๐ ปีเป็นอายุขัยนั้น ค่อยทวีขึ้นไปถึง ๒๐ ปีเป็นอายุขัย ค่อยทวีขึ้นไปทุกชั้นทุกชั้น จนอายุได้ ร้อย พัน หมื่น แสน โกฏิ จนถึงอสงไขยหนึ่ง ครั้นนานไปเห็นว่าไม่รู้จักความตายแล้ว ก็มีความประมาท มิได้ปลงใจลงในกอง ทุกฺขํ อนิจฺจํ อนตฺตา อายุก็ถอยน้อยลงมาทุกทีจนถึง ๘ หมื่นปี ฝนก็ตกเป็นฤดูคือ ๕ วันตก ๑๐ วันตก ในชมพูทวีปทั้งปวงมีพื้นแผ่นดินราบคาบสม่ำเสมอเป็นอันดีฯ
มาจากพระอนาคตวงศ์ กัณฑ์ที่1 ครับ
โดยคุณ
icy_CMU เมื่อวันที่
09/07/2008 05:32:23
ความคิดเห็นที่ 7
อันนี้ความคิดผมนะ
ผมมองว่าพุทธทำนายจุดประสงค์ที่แท้จริง คือ ต้องการบอกเราให้เห็นถึงผลของการทำความไม่ดีต่างๆ ความไม่สามัคคีความ ฯลฯ ไม่ดีต่างๆ ของมนุษย์มากกว่า ที่จะเป็นการทำนายอนาคตนะครับ
พระอาจารย์เคยบอกสมัยบวชว่า ทุกอย่างเกิดจากการกระทำ ไม่เราทำเขาก็ทำ ไม่เห็นมันจะมีไปในทางอื่นได้เลย
โดยคุณ
Tasurahings เมื่อวันที่
09/07/2008 06:11:12
ความคิดเห็นที่ 8
ปัจจุบันโลกเอียง 23 องศาครึ่งครับ และเอียงลงทุกปีเรื่อยๆ (ถ้าไม่เชื่อไปถามหมอดูเอาก็ได้เพี่เค้าต้องเผื่อคำนวนค่าเหล่านี้เอาไว้เวลาดูดวงด้วย) แต่เมื่อ หมื่นปีที่แล้ว มันตรงดิก ที่ 0 องศา ครับ เชื่อกันว่าที่มันเอียงเพราะ เจอระเบิดปรมณู ของ มหาอำนาจ สองประเทศคือ แอตแลนติส และ ประเทศ มู ครับ
สงครามโลกครั้งที่สามที่กำลังจะเกิดคาดว่าราว ปี 2551-2554 ที่หลายสำนักคะแนเอาไว้ก็น่าจะเกิดจากความอิจฉาริษยา ของ สหรัฐ ที่มีต่อประเทศจีน เอง ที่ไม่สามารถทนเห็นระบบเศษฐกิจ ของจีนแซงขึ้นหน้าสหรัฐ ในอนาคตอันใกล้ครับ ขณะที่สหรัฐ กำลังเสื่อมลงทั้งทาง ทหาร (จากหล่มสงครามในตะวันออกกลาง) และ เศษฐกิจ ฟอลสบู่ในประเทศตนเอง ดังนั้นทางเดียวที่จะเอาตัวรอดคือการทำสงคราม พิชิตจีนเสีย ในตอนนี้ ก่อนๆที่สหรัฐจะปราบไม่ไหว ครับ (เพราะอย่างไร จีนเขาก็มีแผนจะ ครองโลกในทุกด้านแทนที่สหรัฐเหมือนกัน) เรื่องตะวันออกกลาง ระหว่าง ยิว-อาหรับ นี่ ถือเป็นแผนส่วนหนึ่งในการปิดล้อมจีนครับ อย่างไรเสีย ถ้าอาหรับ หันมาหาอ้อมอกจีนเมื่อไหร่ เมื่อนั้น อเมริกาจะถือโอกาสเปิดศึกกับจีนครับ ซึ่งก็อีกไม่นานหรอกเพราะตอนนี้ ยิวเริ่ม เปิดเกม เขื่ยลูกแล้ว ( กับ อิหร่าน) ส่วนไทยเรา คอยนั่งดูอยู่ห่างๆก็พอครับ สบายใจกว่า
สิ่งที่จะเกิดกับไทยคือลูกหลงระหว่างสองชาติมหาอำนาจรบกันคือ การเปลี่ยนแปลง ของแกนโลกครับ เชื่อว่าระเบิดนิวเคลีย น่าจะกระแทกโลกให้เสียสมดุลไปบ้างไม่มากก็น้อย ระหว่างที่แกว่งอยู่เพราะ ทรานเชียนซ์ นี่อาจเกิดภัยธรรมชาติ ทั้งน้ำท่วมแผ่นดินไหว มากบ้างน้อยบ้างตาม ตำแหน่งของประเทศต่างๆขนผิวโลกครับ ไทยเรา อยู่งตรงเส้นศูนย์สูตรพอดี ถือเป็นจุดหมุน เลยไม่ค่อยเกิดผลกระทบมากเท่าไหร่ส่วนประเทศที่อยู่ห่างจากจุดหมุน น่าจะเกิด ทอร์ก หรือแรงเหวี่ยงสูงครับ อย่าง ญี่ปุ่น หรือ จีน ฝั่งตะวันออกอาจหายไปจากแผนที่โลก สหรัฐ ที่นิวยอร์ก อยู่ตรงข้ามพอดี ก็อาจเกิดหายนะได้พอๆกัน ส่วนฝุ่น นิวเคลียอาจทำให้มองไม่เห็นพระอาทิตย์ อย่างน้อย 7 วัน แต่ไทยเราผลิตอาหารเองได้ คงไม่เกิด ภัยพิบัติ ถึงกับอดตายหรอกครับ แต่ที่น่าห่วง คือพวกที่อยู่ตึกสูงและชายฝั่งทะเลเท่านั้นครับ ที่ต้องระวัง ตัว
โดยคุณ data เมื่อวันที่
13/07/2008 01:15:45