หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


โครงการปรับปรุงรถยนต์บรรทุกเทท้าย 10 ตัน (เทียมา) เป็นรถลาดตระเวนทหารช่าง

โดยคุณ : vasin เมื่อวันที่ : 10/07/2008 13:04:46

แนวความคิด  จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง  กองทัพบกได้ดำเนินการแก้ไขมาโดยลำดับทั้งในด้านการปรับเปลี่ยนนโยบาย ปรับการจัดและรูปแบบการบริหารจัดการ การเพิ่มกำลัง และการเปลี่ยนแปลงเทคนิคการปฏิบัติ  ทั้งนี้สามารถลดความรุนแรงในพื้นที่ได้ตามลำดับ 

แต่ยุทธวิธีหนึ่งที่ผู้ก่อความไม่สงบได้นำมาใช้ก็คือ การตัดต้นไม้ล้มขวางถนน วางตะปูเรือใบ การลอบยิง และการลอบวางระเบิดยานพาหนะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ณ ที่จุดตรวจ ฐานทหาร และในขณะลาดตระเวนหรือเคลื่อนย้ายกำลังพล  ทำให้ฝ่ายเราต้องได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

จากสภาพปัญหาดังกล่าวกรมการทหารช่าง ได้เล็งเห็นแนวทางในการแก้ปัญหาโดยการนำยุทโธปกรณ์สายช่างที่มีประจำการอยู่   มาดัดแปลงเพื่อใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภารกิจของกองทัพทั้งในด้านการเพิ่มขีดความสามารถการระวังป้องกันตนเองของทหาร   และการช่วยเหลือประชาชน

การแปลงสู่การปฏิบัติ  กรมการทหารช่างได้นำแนวความคิดดังกล่าวแปลงสู่การปฏิบัติ โดยได้นำรถยนต์บรรทุกเทท้าย 10 ตัน (TIEMA)  ที่มีประจำการอยู่เป็นจำนวนมากใน กองทัพบก  ทั้งนี้จะไม่กระทบกระเทือนและลดขีดความสามารถ  ในการปฏิบัติงานของกองพันทหารช่างสนามของกองพลเป็นส่วนรวม  โดยกรมการทหารช่างจะเร่งดำเนินการซ่อมบำรุงรถ ในส่วนที่มีการชำรุดให้ใช้การได้ทั้งหมดโดยเร็ว  เพื่อนำมาปรับปรุงโดยการเสริมเกราะทั้งส่วนด้านหน้า ด้านข้าง และภายในห้องพลขับ  และในส่วนกระบะหลังทั้งด้านข้าง ด้านหลัง สามารถกันกระสุน ปลย. ได้ บนแผงพื้นกระบะได้ปูเสริมด้วยกระสอบทราย และใต้แผงพื้นกระบะได้เสริมแผ่นเหล็กหนา

สามารถทนทานต่อแรงอัดและอันตรายจากสะเก็ดระเบิดที่ทำจากปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทได้  โดยไม่ทำให้รถเสียหลักหรือพลิกคว่ำ  ภายในกระบะยังได้ติดตั้งเก้าอี้นั่งเพื่อบรรทุกกำลังพลพร้อมเครื่องสนามและอาวุธประจำกายจำนวน 1 หมู่ 12 คน ได้เสริมที่ตั้งปืนกลประจำหน่วยแบบเอ็ม 60 บริเวณด้านหน้าของกระบะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันตนเองได้มากยิ่งขึ้น  รวมทั้งยังได้ติดตั้งเครื่องกวาดตะปูเรือใบไว้ส่วนหน้าของตัวรถ พร้อมโยธกา พลั่ว เลื่อยและขวานที่ใช้ในการรื้อถอนต้นไม้ล้ม และมีไฟฉายแรงเทียนสูง ถังน้ำยาดับเพลิงติดตั้งเป็นอุปกรณ์ประจำรถให้อีกด้วย

 





ความคิดเห็นที่ 1


เป้าประสงค์  รถปรับปรุงดังกล่าวจะสามารถใช้ทดแทน รยบ.1 ตัน(ปิคอัพ) ที่ใช้กันในปัจจุบัน ที่มีน้ำหนักเบาและเสี่ยงต่อการถูกลอบวางระเบิด ทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำได้ง่าย และฝ่ายตรงข้ามสามารถเข้าประชิดตัวเพื่อยิงซ้ำได้ ดังนั้นเมื่อรถไม่พลิกคว่ำจึงทำให้กำลังพลมีโอกาสป้องกันตนเองและตอบโต้ลดความสูญเสียได้มาก ทั้งนี้ยังสามารถนำไปเพื่อใช้เป็นยานพาหนะในภารกิจลาดตระเวนเส้นทางที่เสี่ยงอันตราย  ตั้งด่านเคลื่อนที่ และการเคลื่อนย้ายกำลังพลของหน่วยทหารทางยุทธวิธีและภารกิจช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เป็นอย่างดี 

ประโยชน์ที่ได้รับ

- นำยุทโธปกรณ์สาย ช.ที่มีประจำการอยู่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการเพิ่มประสิทธิภาพ เรื่องความแข็งแรง

- สามารถลดความรุนแรงของระเบิดโดยไม่ทำให้รถพลิกคว่ำเนื่องจากน้ำหนักตัวรถเองที่มีน้ำหนักมาก ทำให้มีโอกาสตอบโต้ป้องกันตนเองได้จากการถูกยิงซ้ำ  และลดอันตรายจากสะเก็ดระเบิดได้เนื่องจากมีเกราะเสริม

- ทำให้กำลังพลมีความมั่นใจเมื่อเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงเนื่องจากมีเกราะเสริมรอบทั้งคันเป็นส่วนใหญ่     

- สามารถนำไปใช้ได้ในหลายภารกิจ เช่น ป้อมจุดตรวจ รถลาดตระเวนเส้นทาง การเข้าปิดล้อมและการคุ้มครองครูและพระสงฆ์

- เนื่องจากรถมีลักษณะภายนอกที่สูงใหญ่ทำให้ดูน่าเกรงขาม  สามารถข่มขวัญฝ่ายตรงข้ามได้

- ประหยัดงบประมาณในการปรับปรุง โดยใช้งบประมาณคันละ 110,000 บาท

- สร้างความเชื่อมั่น และมั่นใจในอำนาจรัฐ  สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และผู้ใช้เส้นทางในการสัญจร


โดยคุณ vasin เมื่อวันที่ 08/07/2008 11:38:47


ความคิดเห็นที่ 2


บริเวณกะบะบรรทุกด้านหลังของตัวรถ ถูกดัดแปลงให้เป็นห้องโดยสารของกำลังพล โดยทำการเสริมเกราะให้หนาขึ้นสามารถกันกระสุนปืนเล็กยาวขนาด 7.62 มม. ได้  ภายในจัดเก้าอี้เป็นแถวยาวเป็นสองแถวให้กำลังหันหน้าออกไปทางด้านข้างของตัวรถทั้งสองข้าง สามารถใช้อาวุธตอบโต้ได้ทันทีที่มีภัยคุกคามเกิดขึ้น ตรงกลางจัดทำที่นั่งสำหรับพลยิงอาวุธประจำหน่วยจำพวกปืนกล เอ็ม 60  หันไปทางด้านหน้าของตัวรถ


โดยคุณ vasin เมื่อวันที่ 08/07/2008 12:06:06


ความคิดเห็นที่ 3


เป็นความคิดที่ดีมากๆครับผมในฐานะที่เป็นคนจังหวัดยะลาขอเป็นกำลังใจให้ทหาร ตำรวจและส่วนราชการต่างๆที่กำลังระดมความสามารถในการแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในขนะนี้ครับผมอยากให้ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดความสงบเร็วๆที่สุดยังไงก็ขอให้พวกพี่ทหาร ตำรวจมีความปลอดภัยไม่อยากให้มีความสูญเสียเกิดขึ้นอีกแล้วครับขอเป็นกำลังใจให้นะครับผมสุดท้ายขอให้บารมีหลวงปู่ทวดคุ้มครองนะครับผม

 

โดยคุณ rkk เมื่อวันที่ 08/07/2008 12:23:04


ความคิดเห็นที่ 4


ด้านท้ายของห้องโดยสารมีบันไดแบบพับได้ สามารถขึ้นลงได้โดยสะดวก


โดยคุณ vasin เมื่อวันที่ 08/07/2008 12:27:24


ความคิดเห็นที่ 5


หลังคาผ้าใบประกอบตาข่ายถัก  ติดตั้งหลังคาพร้อมผ้าใบคุมกระบะท้ายเพื่อกันฝนและแดด และได้นำตาข่ายถักทำด้วยผ้าพราง  ประกอบกับหลังคาผ้าใบบริเวณช่องว่างด้านข้างทั้งสองด้าน  เพื่อป้องกันการขว้างระเบิดเข้าไปในกระบะและเป็นการพรางกำลังพลภายในรถอีกด้วย นอกจากนี้ด้านข้างของห้องโดยสารยังมีการติดตั้งแผ่นเกราะกันกระสุน เพื่อเป็นเกราะสำหรับกำลังพลใช้กำบังเพื่อยิงตอบโต้ทั้งสองด้าน


โดยคุณ vasin เมื่อวันที่ 08/07/2008 12:37:18


ความคิดเห็นที่ 6


คุณrkk นี่ให้กำลังใจทหารดีนะครับ แต่ชื่อนี่.................................
โดยคุณ icy_CMU เมื่อวันที่ 08/07/2008 12:43:18


ความคิดเห็นที่ 7


รถลาดตระเวนทหารช่างนี้ มีน้ำหนักรวมทั้งสิ้นประมาณ 18 ตัน  หากโดนระเบิดแบบที่ใช้ในการซุ่มโจมตีชุดลาดตระเวนในปัจจุบันนี้  แรงระเบิดจะไม่ทำให้รถพลิกคว่ำเนื่องจากน้ำหนักของรถ  นอกจากนี้พื้นกระบะใช้กระสอบทรายวางปูบนพื้นโดยมีเหล็กฉากกั้นเป็นช่องและใช้แผ่นพื้นไม้อัดปิดทับด้านบน สามารถลดแรงอัดและอันตรายจากสะเก็ดระเบิดได้

ภายในห้องโดยสารมีการติดตั้งอุปกรณ์เสริม อาทิเช่น ถังดับเพลิง ขวาน เชือกสปอร์ตไลท์ เลื่อยและพลั่ว ดังที่เห็นในภาพด้านล่าง


โดยคุณ vasin เมื่อวันที่ 08/07/2008 13:21:22


ความคิดเห็นที่ 8


ด้านหน้าของตัวรถ ติดชุดอุปกรณ์กวาดตะปูเรือใบ


โดยคุณ vasin เมื่อวันที่ 08/07/2008 13:39:17


ความคิดเห็นที่ 9


 

 

ลำดับ
ข้อเสีย
การแก้ไข
1
สิ้นเปลืองสป.3 สูง
ต้องได้รับ สป.3 เพิ่มเติมตามภารกิจ
2
เคลื่อนที่ช้าขาดความคล่องตัว
เหมาะแก่การเป็นรถลาดตระเวนและเป็นที่เฝ้าตรวจ
3
กระจกบังลมหน้าไม่มีเกราะป้องกันกระสุน
ต้องใช้งบประมาณสูง  แต่ได้ปรับปรุงยกเกราะด้านหน้าให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อเป็นที่กำบังได้
4
เก็บกวาดตะปูเรือใบในพื้นที่ขรุขระไม่หมด
พื้นที่ปฏิบัติการส่วนใหญ่ 90%  เป็นถนนแอสฟัลต์
5
ยากแก่การซ่อมบำรุงต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญ
จัดช่างผู้ชำนาญประจำที่ บชร.สย.4 โดยเฉพาะและมีวงรอบให้การ บป.
6
แม่เหล็กเกือกม้ามีขนาดเล็ก ได้ผลน้อยกับตะปูเรือใบ  ขนาดใหญ่
ได้ปรับปรุงแก้ไขโดยเพิ่มจำนวนแม่เหล็ก และในตัวมันเองก็เป็นเครื่องกวาดตะปูอยู่แล้ว

โดยคุณ vasin เมื่อวันที่ 08/07/2008 13:43:27


ความคิดเห็นที่ 10


อย่าว่าผมติเลยนะครับ  แต่ที่เก็บอุปกรณ์เสริมน่าจะมีตัวล๊อกหรือ ว่ามีที่เก็บรวมกันมากกว่า  นึกภาพตอนวิ่งบนทางลูกรัง  หรือโดนระเบิดเข้าจิงๆ  ไอ้ที่อันตรายที่สุดน่าจะมากจากของพวกนี้นะครับ  (ยังไม่รวมเสียงก๊องแก๊งๆ  ระหว่างเดินทางอีก)  คิดเล่นๆนะคับ  อๆ
โดยคุณ Marcus_Aurelius เมื่อวันที่ 08/07/2008 13:46:25


ความคิดเห็นที่ 11


ข้อพิจารณาเสนอแนะของ กรมการทหารช่าง ในการใช้รถลาดตระเวนทหารช่าง

1.ควรนำรถลาดตระเวนทหารช่าง( รยบ.เทท้าย 10 ตันเทียมา) 100 คันและรยบ.เทท้าย 5 ตัน M 817 จำนวน 12 คันที่ได้แจกจ่ายไปแล้ว ออกมาใช้ปฏิบัติการในพื้นที่ให้หมด  หรือนำมาใช้ในภารกิจการเคลื่อนย้ายกำลังพล ไม่ควรจอดเก็บไว้ในที่ตั้ง                                                              

 2. ควรมี แผนการใช้รถลาดตระเวนทหารช่างอย่างเป็นระบบ กล่าวคือ ต้องมีการจัดให้ชัดเจนว่าเส้นทางใด เวลาใด หน่วยใดรับผิดชอบ เพื่อมิให้เกิดการซ้ำซ้อนในการลาดตระเวนทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนที่ตลอดเวลา จอดเป็นครั้งคราวหรือตั้งเป็นจุดตรวจตามแยก เพื่อประหยัด สป.3                             

 3. การนำรถลาดตระเวนทหารช่าง  ประกอบกับเครื่องกีดขวางทหารช่าง(จำหล่อลวดหนาม)เพื่อจัดตั้งใช้เป็นจุดตรวจเคลื่อนที่ได้ โดยที่กำลังพลไม่จำเป็นจะต้องลงมาจากรถทั้งหมด เพื่อป้องกันอันตรายจากการถูกลอบโจมตี

 4. รถทุกคันควร มีระบบการติดต่อสื่อสารถึงกันได้ เพื่อใช้ในการแจ้งสกัดกั้นหรือควบคุมยานพาหนะบนเส้นทางได้ทั้งหมด    

5. ใช้เป็น จุดเฝ้าตรวจในเวลากลางคืน ในห้วงเวลาเคอร์ฟิวส์ เน้นหมู่บ้านเป้าหมายที่เป็นสีแดง ทั้งนี้สามารถตรวจการณ์จากบนรถได้โดยไม่จำเป็นต้องซุ่มหรือซ่อนพราง โดยการใช้กล้องตรวจการณ์กลางคืนเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น เพื่อเป็นการข่มขวัญและกดดันฝ่ายตรงข้าม                       

 6. ในพื้นที่เสี่ยงที่อาจมีการลอบวางระเบิด สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการล่อเป้าได้ เนื่องจากขีดความสามารถของรถจะทำให้กำลังพลมีความมั่นใจในความปลอดภัย สามารถตอบโต้ได้ทันที และมีเวลาที่จะขอกำลังเสริมเพื่อช่วยเหลือได้ทันเวลา

 

โดยคุณ vasin เมื่อวันที่ 08/07/2008 13:47:33


ความคิดเห็นที่ 12


อย่าว่าผมติเลยนะครับ  แต่ที่เก็บอุปกรณ์เสริมน่าจะมีตัวล๊อกหรือ ว่ามีที่เก็บรวมกันมากกว่า  นึกภาพตอนวิ่งบนทางลูกรัง  หรือโดนระเบิดเข้าจิงๆ  ไอ้ที่อันตรายที่สุดน่าจะมากจากของพวกนี้นะครับ  (ยังไม่รวมเสียงก๊องแก๊งๆ  ระหว่างเดินทางอีก)  คิดเล่นๆนะคับ  อๆ
โดยคุณ Marcus_Aurelius เมื่อวันที่ 08/07/2008 13:48:52


ความคิดเห็นที่ 13


นี่เป็นส่วนหนึ่งของรถลาดตระเวนทหารช่าง ที่ผู้กองต้อม ส่งรายละเอียดมาให้ ต้องขอขอบคุณมา ณ. ที่นี้ด้วย  ข้อมูลของรถลาดตระเวนทหารช่างบางส่วน ไม่สามารถนำมาลงได้ทั้งหมด  เนื่องด้วยความปลอดภัยของทางราชการ

โดยคุณ vasin เมื่อวันที่ 08/07/2008 13:50:27


ความคิดเห็นที่ 14


ผมขอยกย่องงานวิจัยครั้งขอให้พัฒนากันต่อไป แต่...ขอตินิด

ผมว่ารถบรรทุกคันนี้มันเหมือนกับ ป้อมปืนเคลื่อนที่นะ

ดูทุกมิติดีหมดยกเว้น หลังคาผ้าใบกันน้ำ ผมว่ามันอันตรายนะ
แค่นี้ไม่น่าพอหรอก
ถ้าผมเป็นผู้ร้าย

1. วางระเบิดรถใต้ท้องรถก่อน ยิ่งตรงถังน้ำมันได้ยิ่งดี

กดระเบิดเพราะรถวิ่งช้าเวลาเข้าโค้ง ตูม ตูมอีกรอบ

เอาให้รถหยุด ตูมอีกรอบเอาให้รถพัง

ช่วงเวลาเจ้าหน้าที่มึนงง ประมาณ 3 - 5นาที

จู่โจม บนหลังคานั่นล่ะ โยนระเบิดประดิษฐ์เอง

นำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม ให้ลงปล่อง

ตูมอีกรอบ คล้ายระเบิดปิงปอง จะให้ดี ปีนต้นไม้เลย

สอยกันกลางอากาศเพราะทางใต้ต้นไม้เยอะ ยิง ปืนกลเข้า

2.จู่โจมทางอากาศได้ดี เพราะปีนต้นไม้ ยิงพลขับก่อนเลย

รถจะได้วิ่งไม่ได้ แล้วหลังจากนั้นก็ตามจินตนาการครับ

อย่าหาว่าผมเจตนาไม่ดี แต่ว่าคิดในแง่ร้ายสุดๆไว้ก่อน

น่าปรับปรุงหลังคาครับ รีบด่วนเลยครับ

 

โดยคุณ siamman18 เมื่อวันที่ 08/07/2008 21:02:36


ความคิดเห็นที่ 15


ตามความเห็นของผมนะครับ  การลาดตระเวนในพื้นที่สามจังหวัดนั้น  ไม่ว่าจะเป็นรถรุ่นไหนถ้าวิ่งไปเดี่ยวๆ ก็โดนทั้งนั้นแหละครับ  อย่างน้อยต้องสองถึงสามคัน วิ่งเป็นขบวน ทิ้งช่วงห่างจากคันหน้าในระยะพอสมควร  จริงครับอาจจะสิ้นเปลืองน้ำมัน  แต่ดีกว่าให้เลือดของทหารและตำรวจไหลนองแผ่นดินนะครับ

โครงการดีๆ ของกองทัพมีเยอะครับ แต่น่าเสียดายที่พอถึงเดือนเมษายนและตุลาคมของทุกปี หลังจากมีการสับเปลี่ยนเจ้ากรมฯ หรือผู้บังคับบัญชา  โครงการดีๆ ก็เลิกไป หรือเงียบหายไป  ซึ่งเกิดขึ้นกับหลายโครงการแล้ว  ตัวอย่างเช่น รถไชยปราการ ที่เอาช่วงล่างของรถกะบะของมิตซูบิชิมาทำ  ดูเหมือนฮัมวีตัวน้อย  ก็ล้มเลิกไป ทั้งๆ ที่มีการผลิตรุ่นทดสอบออกมากหลายคัน และส่งไปทดสอบกับหน่วยรบในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศแล้ว  สุดท้ายก็แขวนไว้  เพราะเท่าที่ได้คุยกับทหารหลายๆ ท่าน แล้วคือเปลี่ยนนายก็เปลี่ยนนโยบาย   อย่าบอกนะครับไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในกองทัพ  ทหารๆ ที่เสียชีวิตไปในแต่ละครั้งเป็นทหารชั้นผู้น้อย  ทำไมผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ไม่คิดถึงเค้าบ้างล่ะครับ จ่ายค่าชดเชยให้เท่าไรมันก็ไม่คุ้มกันหรอกครับ

โดยคุณ vasin เมื่อวันที่ 09/07/2008 00:42:11


ความคิดเห็นที่ 16


 

     เป็นข้อมูลที่คุณ vasin เคยลงมาแล้วครับแต่ตอนนั้นยังไม่ละเอียดมากนัก    ข้อมูลคราวนี้ชัดเจนขึ้นมากครับ    ดูแล้วต้องยอมรับว่าคนคิดเรื่องนี้นี่เก่งสุดยอดเลย    เพราะจ่ายแค่คันละ 110,000 บาท      แต่ตัวรถแทบจะกลายเป็นป้อมเคลื่อนที่เลย   แม้จะมีบางส่วนที่อาจจะต้องปรับปรุงกันภายหลัง   แต่ผมว่าถ้าดีลนี้ถูกใช้งานจริง    เผลอๆเจ้าของลิขสิทธิการผลิตอาจจะต้องวิ่งโล่มาดูงานภาคสนามที่เมืองไทยก็ได้     เพราะถ้ามันได้ผลบางทีในอนาคต   บริษัทอาจจะทำสเปกสำหรับด้านนี้โดนเฉพาะ   

    แหมบูสมาสเตอร์น้อยจริงๆนะครับ   ..............   ถ้าติดมินิกันพร้อมกระสุนเต็มอัตราได้คงน่าเกรงขามไม่หยอกเลยทีเดียว  

    ตัวรถสูง.....หนัก    ดังนั้นถ้าถูกโจมตีด้วยหน่วนยิงที่ติดอาวุธแค่ ปลย. ก็เสร็จเราเลย    เพราะเหมือนกับว่าเราอยู่บนเนินเล็กๆที่มีการป้องกันที่ดี   แถมยังมีรถแบบนี้อีกเป็นร้อยๆคัน  

    สุดท้ายนี้อยากให้คุณ vasin หรือเพื่อนที่ทราบว่าใครเป็นคนคิดและพัฒนาเรื่องนี้ช่วยนำชื่อของคนต้นคิดมาเผยแพร่เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้คิดค้นด้วยนะครับ      เพราะอย่างน้อยถ้าไม่ได้ตังค์ก็น่าจะได้รับคำชื่นชมจากประชาชนผู้เสียภาษีให้ซายซึ้งใจ

   

 

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 09/07/2008 12:18:05


ความคิดเห็นที่ 17


เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมากๆ เลยครับ

เห็นด้วยกับหลายๆ ความเห็นนะครับ ตรงที่แขวนอุปกรณ์ดูน่ากลัวไปหน่อย
ยิ่งถ้ามีขวานแขวนไว้ด้วยนี่ไม่อยากคิดเลย

และกรณีหลังคาเป็นผ้าใบ

ส่วนความเห็นของผมนะครับ (ขออนุญาตออกความเห็นนะครับ)
ตรงกระจกหน้าของพลขับถ้ามีงบประมาณพอน่าจะเปลี่ยนเป็นกระจกกันกระจก
ผู้ผลิตกระจกในไทยก็มีความสามารถผลิตได้ น่าจะราคาถูกกว่าซื้อจากนอก

และตรงที่นั่งนั้น ถ้าเป็นไปได้ตรงช่องหน้าต่างที่มีตาข่ายน่ะครับ
ผมว่าช่องมันกว้างเกินไป เสี่ยงต่อการที่กระสุนจะทะลุเข้ามาได้
เพราะถ้ารถวิ่งแล้วโดนกราดยิงไม่รู้ตัวนี่ กำลังพลที่นั่งตรงกระบะข้างหลังนี่
ต้องมีการสูญเสียแน่ เพราะรถมีน้ำหนักมาก เคลื่อนที่ได้ช้า
น่าจะทำเป็นแผ่นเหล็กหนา เป็นช่องๆ หรือเป็นบานเกล็ด
นะครับ แล้วทำช่องมอง ช่องใส่ปืนไว้ยิงโต้ตอบน่าจะดีกว่านะครับ

ทุกวันนี้เห็นข่าวทหารตำรวจต้องเสียชีวิตภาคใต้แล้วเศร้าใจมากครับ


โดยคุณ ช้างอ้วน เมื่อวันที่ 10/07/2008 01:14:00


ความคิดเห็นที่ 18


ขอแก้ไขนะครับ

ตรงคำว่า ตรงกระจกหน้าของพลขับถ้ามีงบประมาณพอน่าจะเปลี่ยนเป็นกระจกกันกระจก เป็น
ตรงกระจกหน้าของพลขับถ้ามีงบประมาณพอน่าจะเปลี่ยนเป็นกระจกกันกระสุน
โดยคุณ ช้างอ้วน เมื่อวันที่ 10/07/2008 01:15:35


ความคิดเห็นที่ 19


น่าจะติด M2 แทน M60 นะครับ (อยากได้ของแรงอ้ะ)

7.62 มันจิ๊บๆ เล็กไปหน่อย

.50 ผมว่ากำลังดี หึหึหึ

โดยคุณ BloodRoyal เมื่อวันที่ 10/07/2008 02:04:46