เสียไม่เสียไม่รู้ครับ แต่ที่แน่ๆ เสียใจ ครับ
เรื่องที่ต้องยอมรับคือเราทำอะไรไม่ได้ครับ ดินแดนน่ะเสียไปตั้งแต่ปี 2505 แล้วครับ ปัจจุบันปราสาทเขาพระวิหารคือดินแดนของเขมร เป็นเขตอธิปไตยของเขมร ผมไม่ปฏิเสธถึงเหตุผลเบื้องหลังที่เขมรพยายามดันตัวปราสาทให้เป็นมรดกโลก แต่สิ่งที่เราทำได้มีไม่กี่อย่าง เช่น ทำให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนใดของดินแดนไทยถูกเสนอไปรวมกับกัมพูชา ซึ่งก็คือการพยายามทำไม่ให้มันเสียดินแดน ซึ่งเมื่อมันไม่เสียดินแดนก็จบ เราก็ทำได้แค่นั้นล่ะครับ นี่คือความจริง
เรื่องนี้ให้ฟิลลิงเหมือนกับปี 2505 เลย เพราะดูแล้วยังไงเขาประวิหารไม่น่าจะได้เป็นมรดกโลกในปีนี้เพราะไทยเราไม่ได้สนับสนุนด้วย และขาดคุณสมบัติบางประการเช่นตอนนี้พื้นที่โดยรอบยังมีข้อขัดแย้งระหว่างประเทศ อีกทั้งการที่ไม่ควรเสนอเฉพาะตัวปราสาท คือหมายความว่าถ้าเราต่อเนื่องกว่านี้และเจรจาให้เสนอร่วมกันได้ก็น่าจะได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย แต่งานนี้กัมพูชา Back up ดี แต่เราสู้อยู่คนเดียว ซ้ำรอยเดิมเลยครับ ........... กรรมการมรดกโลกก็ตัดสินแล้ว และเราก็คัดค้านกันไปเท่าที่ขอบเขตอำนาจเราจะทำได้แล้ว เขาพระวิหารเป็นมรดกโลก เราต้องยอมรับครับ ........ ขอให้คนไทยมีความเป็นสุภาพชนพอที่จะยอมรับตามกติกา ไม่ลดเกียรติของตนไปขี้แพ้ชวนตีก็พอครับ
ด้วยความเคารพ
ผมเห็นด้วยกับท่านSherlock ครับ
ถ้ากลัวจะเสียดินแดน ควรจะไปท้วงติง หรืออุทธรณ์ศาลโลกตั้งแต่ 40ปีที่แล้วแล้วครับ 40ปี กี่รัฐบาล คำนวณกันเอง ................
ผมเห็นด้วยกับทางคุณ sherlok กับ ไอซ์ ครับ
มันเป็นของเขาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เรื่องอะไรของเราเลย อีกทั้งเจ้ากรมแผนที่ทหารท่านก็ออกมาบอก มากางแผนที่ให้ดูแล้ว ไม่มีการเสียดินแดนอะไรเลยครับ
ผมเองก็เสียใจครับ ใจมันก็ยอมรับไม่ได้ แต่จะทนอยู่ครับ มันเป็นเรื่องที่ต้องทำใจครับ
ผมไม่ได้เสียใจอะไรหรอกนะครับ ผมเสียใจที่เกลือเป็นหนอน
ยังไงก็เถิด เรื่องเขาพระวิหารเราทำได้แค่อดทนละครับ
ที่แน่ๆตอนนี้ เราควรพิจารณาให้ดีเถอะครับ ว่าอะไรทำให้เราตกต่ำย่ำแย่ และอะไรทำให้เขมรมีแบคอัพหนาขนาดนี้
และฝากเรื่องการเมืองแค่เรื่องเดียวครับ คือ ศีลธรรม ยุติธรรม สุจริต
ข้าพเจ้าขออัญเชิญพระบรมราโชวาท
... การ |
||
� | � | พระบรมราโชวาท ในพีธีตรวจพลสวนสนาม เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ลานพระราชวังดุสิต 3 ธันวาคม 2504 |
...การ |
||
� | � | พระบรมราโชวาท พระราชทานเนื่องใน โอกาสวันข้าราชการพลเรือน 1 เมษายน 2539 |
�
ผมจะคอยดู.....
คนไทยสมัยนี้มีแต่เห็นแก่ตัวมัวแต่กัดกัน น่าสงสารบรรพบุรุษของไทยที่อุตส่าห์ต่อสู้สละชีพเพื่อให้ประเทศไทยได้คงอยู่จนทุกวันนี้
ถ้าผมย้อนเวลาได้ผมจะกลับไปบอกบรรพบุรุษของไทยว่าอย่าไปต่อสู้ให้เหนื่อยให้เสียเวลาเลยไม่มีประโยชน์หรอกปล่อยให้พวกมันกลายเป็นขี้ข้าชาติอื่นเถิด
ขอถาม icy_CMU หน่อยว่าถ้าจะท้วงติงทำอย่างไร คิดได้ไงถึงตอบมาแบบนี้ว๊ะ จับฉลากเป็นคนไทยมาหรือเปล่าวะเอ็ง
ผมก็เสียใจครับ ไหมต่างชาติไม่เห็นใจคนไทยบ้างอะในเมื่อเขาให้มาคุยกะเราแล้วทำไหมเมื่อเราไม่ต้องการให้ขึ้นเขายังถึงให้ขึ้น เพราะอาไร เซ็งๆ เดี๋ยวพวกนี้ก็ได้ใจพาคนมาอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนแน่ๆเลย
Re : รู้สึกเมื่อสูญเสียดินแดนยังไงก็ไม่รู้สิครับ คนไทยสมัยนี้มีแต่เห็นแก่ตัวมัวแต่กัดกัน น่าสงสารบรรพบุรุษของไทยที่อุตส่าห์ต่อสู้สละชีพเพื่อให้ประเทศไทยได้คงอยู่จนทุกวันนี้ ถ้าผมย้อนเวลาได้ผมจะกลับไปบอกบรรพบุรุษของไทยว่าอย่าไปต่อสู้ให้เหนื่อยให้เสียเวลาเลยไม่มีประโยชน์หรอกปล่อยให้พวกมันกลายเป็นขี้ข้าชาติอื่นเถิด
ขอถาม icy_CMU หน่อยว่าถ้าจะท้วงติงทำอย่างไร คิดได้ไงถึงตอบมาแบบนี้ว๊ะ จับฉลากเป็นคนไทยมาหรือเปล่าวะเอ็ง |
โดยคุณ : MaDee วันที่ : 2008-07-08 08:39:30 |
......................... ไม่ได้มาทะเลาะครับ ขอไม่ออกความเห็น
แต่ก็แค่บอกว่า มันกี่รัฐบาลแล้ว ที่ปล่อยให้เรื่องพิพาทคาราคาซัง .......
กลายเป็นว่าพท.ที่พิพาทกัน ทั้งไทยทั้งเขมร ตั้งแผงขายอาหาร ขายของ ตั้งวัดตั้งวากันให้มั่วไปหมด .............................
ไอ้เรื่องมรดกโลก มันไม่ทำให้เราเสียดินแดนไปมากกว่านี้หรอกครับ
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ผลประโยชน์ของไทยต่างหาก ที่จะเสียไป หากกรรมการมรดกโลก ประกาศให้เฉพาะปราสาทที่อยู่ในด้านเขมร เป็นมรดกโลก ......................เขมรเค้าก็เตรียมไม่ง้อบันไดฝั่งไทย ทำเคเบิ้ลคาร์ โรงแรม5ดาว คาสิโน รองรับฝั่งเค้าเรียบร้อย
ถ้าไทยไม่ได้ยื่นประกาศร่วมกับเขมร .......บันได สระ สถูปคู่ ฝั่งไทยก็เหมือนเพียงตัวประกอบ ..................ชาวบ้านฟากไทยจะเดือดร้อน
ถ้าเขมรทำเคเบิ้ลคาร์ คอมเพล็กซ์ฝั่งนั้นเสร็จ เค้าก็อาจจะปิดประตูลั่นดาลทางฝั่งเขมร ไม่ให้ทางไทยขึ้นไปดูได้(ซึ่งเป็นสิทธิ์ของเขา)
ถาม: ตกลงเราจะเสียดินแดนมั๊ย
ตอบ:ถ้าผมเป็นเขมร ในเมื่อผมมีคอมเพล็กซ์พร้อม ที่จะไปสู่พระวิหาร โดยไม่ง้อฝั่งไทย ผมคงไม่อยากหาเรื่องชวนทะเลาะกับไทยให้เสียพลังงาน และเวลารับทรัพย์จะดีกว่า
ถาม: แล้วทำไมไทยต้องกังวล ?
ตอบ: คนไปทางฝั่งไทย ได้แค่ดูห่างๆ กะเดินขึ้นบันไดให้เมื่อยตุ้ม ไปเกาะรั้วดูพระวิหาร แล้วใครจะไปเที่ยว? ...........
ถาม: ใครผิด ?
ตอบ: การหาว่าใครผิด เสียเวลา เพราะยังไงก็เปลี่ยนการตัดสินไม่ได้ ................ แต่สำหรับผม ทุกคนผิด ผิดที่เอากระเเสคลั่งชาติมาใช้ผิดที่ ผิดเวลา กลัวเรื่องเสียดินแดน แต่จริงๆแล้ว ผลประโยชน์ต่างหากคือเป้าหมายของเขมร ..............มัวแต่ทะเลาะ มัวแต่หาว่าใครผิด มัวแต่เอาประเด็นมาโจมตีรัฐบาล โดยไม่มีหน้าไหน บอกว่า เฮ้ย ! เราเป็นคนในพื้นที่เราต้องช่วยกันหาข้อมูลเร่งด่วน เราจะได้ส่งของเราไปประกบกับเขมรได้ทัน ...... หรือ เฮ้ย! เมืองไทยเรามีนักลอบบี้ดีๆ เยอะแยะ ทำไมไม่ไปลอบบี้ชาติมหาอำนาจ ให้เบรกเรื่องนี้ไว้ก่อน .........กลับไม่มีหน้าไหนทำ ...........
ถาม :แล้วเราจะทำยังไง
ตอบ: เลิกโวยวาย เครียดในเรื่องที่ยังมาไม่ถึง แล้วช่วยกันหาทางให้ทางขึ้น สระ และสถูปคู่ รวมถึงพื้นที่ประวัติศาสตร์โดยรอบ ให้ประกาศเป็นมรดกโลกคู่กับเขมร ........ เลิกทะเลาะ เลิกเอาประเด็นที่ทำให้คลั่งชาติมาเล่นกัน
ผมตอบแค่นี้กับประเด็นกองอิฐ กองหิน บนเขาพระวิหาร สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การเสียประโยชน์ของชาติในทางเศรษฐกิจ
อันนี้เป็นความคิด ความรู้สึกของผมแต่เพียงผู้เดียว ถ้ากระทบกับความรู้สึกของใคร ไม่ว่าจะในแง่บวก หรือแง่ลบ ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
๑. ผมมองว่าเรากำลังหลงประเด็น
ประเด็นคือในยุคล่าอาณานิคมนั้น ชาติมหาอำนาจในยุคนั้น ได้วางหมากของความขัดแย้งไว้ทั่วโลก และไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น
ฝรั่งเศส รบชนะเราได้อย่างไม่เด็ดขาด ทางอากาศก็ใช่ว่าจะชนะ ทางเรือหนีกลับแทบไม่ทัน ทางบกก็จุกอกไปเหมือนกัน แล้วมีหรือที่เค้าจะไม่คิดแค้นเราทำให้เขาขายหน้าได้ขนาดนั้น ประกอบกับทางฝ่ายเราเองก็ยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่เหมือนเดี๋ยวนี้ เสร็จมันครับ
เรื่องแบบนี้ อังกฤษ ก็ทำไว้เจ็บแสบกับ ปากีสถาน และ อินเดีย ในเรื่องของเขตแดน จามู-แคชเมียร์
๒. เราแพ้คดีในศาลโลกมานานแล้ว เราเป็นผู้เจริญแล้ว หรือเจริญแค่เปลือกเหมือนพวกฝรั่งที่เป็น ฮูลิแกน เกมส์แพ้ คนไม่แพ้งั้นหรือครับ
๓. ในภาวะสถานะการณ์แบบนี้ผมว่า เราน่าจะแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันมากกว่าในการก่อให้เกิดรายได้เข้าประเทศ หรืออย่างน้อยก็เพื่อความกินดี อยู่ดีของคนในพื้นที่ก็ยังดี
๔. การรบกับ กัมพูชา ไม่ยากอย่างที่คิดหรอกครับ ผมเคยคิดไปไกลถึงขนาดจะเอาจังหวัด ประจันต์คีรีเขต กลับมาเป็นของไทยด้วยซ้ำไป
ปิดชายแดนถาวร มันก็ตายเกือบยกประเทศแล้ว ที่ กัมพูชา อยู่ได้จนทุกวันนี้ เพราะมีไอ้พวก มือถือสาก ปากถือศีล น่ะสิครับ กลัวเสียผลประโยชน์ในเรื่องบ่อน
ไล่แรงงาน กัมพูชา ใช้บริการ พม่า ลาว แทน
ลองปิดชายแดนถาวร รายได้หลักของ เค้าคืออะไร เค้าส่งอะไรเป็นสินค้าออก
ถ้าทำแบบนี้จริงๆ ผมถามหน่อยครับว่า ไอ้พวกรักชาติจนน้ำลายไหล มันจะว่าไงน้อ.....
ที่นี่ประเทศไทย
เหม่งนั่งคุยกับป๊าเรื่องนี้จนปวดไหล่ร้าวไปถึงหลังแล้วค่ะ
ที่แน่ๆ เสียใจ 1 รอบ เพราะปี 2505 ยังไม่เกิด มาฟังอีกรอบในปี 2551
ร้าวรานค๊า
ว่าแล้วก็ไปกินพาราเซตามอลดีกว่า
คิดไปคิดมาถ้าจะเอาเรื่องมันต้องย้อนหลังไม่รู้จักกี่ยุคกี่สมัย
ทุกวันนี้ผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใครซะด้วยสิ...�
เรื่องรบผมไม่เอาด้วยหรอก เอาเวลาไปคิดจัดการเรื่องอื่นดีกว่า
ขอแสดงการขอโทษต่อ icy_CMU ที่ผมพาดพิงชื่อ เกรงว่าจะเข้าใจผิด
ขอโทษครับ
ศาลโลกตัดสินให้เป็นของเขมรในปี 2505 ตรงนี้ขอบอกไว้ก่อนว่า ก่อนศาลโลกจะพิจารณานั้น จะถามความตกลงใจของคู่พิพาทว่าจะยอมรับผลที่เกิดขึ้นหรือไม่
เราและกัมพูชาตกลงที่จะขึ้นศาล ดังนั้นไทยต้องยอมรับผลการตัดสินตามนานาอารายะประเทศพึ่งกระทำ ไม่ใช้มาดื้อแพ่งดื้อฎีกา ให้เด็กมันมันมาถอนหงอกกัน
หลักฐานที่สำคัญของทางฝรั่งเศสคือ แผ่นที่ 1 : 20000 ที่เคยนำมามอบให้ทางราชการไทย และ ทางไทยทำหนังสือตอบรับว่าขอบคุณที่ให้แผ่นที่ที่ถูกต้อง
สมบูรณ์ สองรูปถ่ายของมหาเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยที่ไปเยี่ยมชมปราสาทพระวิหารโดยมีรูปทหารฝรั่งเศสยืนเป็นกองเกียรติต้อนรับ
จุดนี้เป็นหมัดเด็ดที่หัวหน้าคณะทนายของเรา คือ ม.ร.ว.สนีย์ และ ม.จ. วงษ์มหิป ชยางกูร โดนน๊อก หามลงมาแทบไม่ทันเพราะทั้งสองอย่างแสดงว่าสยามยอมรับว่าพื้นที่ตรงนั้นอยู่ภายใต้อาณัติ
ของฝรั่งเศส
คำตัดสินของศาลโลกเป็นดังนี้ครับ
Temple of Preah Vihear was situated in territory under the sovereignty
of Cambodia
แปลแบบ Sub นรกตามประสา ป๋าปืน คือ ปราสาทพระวิหารนั้น เป็นตั้งอยู่ในดินแดนใต้เอกราชแห่งกัมปูเจีย ใครแปลได้ถูกต้องบอกผมด้วยน่ะครับ ผม
การศึกษาน้อย ไม่ได้เรียนจบจาก เลิ้นเดิ้น
จอมพลผ้าขาวม้าแดงเลยต้องยอมถอนธงชาติลงมาทั้งเสาโดยไม่เชิญธงลง ปัจจุบันเสาต้นนี้อยู่ที่ ผามออีแดง อยากรู้ไปดูกันได้
ถ้าตามความเป็นจริง ปราสาทสร้างตอนไหน ขะแมร์กัมพูชา ก่อสร้างปราสาทบนเขาพระวิหารติดต่อกันมายาวหลายรัชสมัย กว่า ๓๐๐ ปี ตั้งแต่กษัตริย์ ยโสวรมันที่
๑ ถึง สุริยวรมันที่ ๑ เรื่อยมาจน ชัยวรมันที่ ๕-๖ จนกระทั่งท้ายสุด สุริยวรมันที่ ๒ และ ชัยวรมันที่ ๗ จากปลายคริสต์ศตวรรษที่ ๙ จนถึง
กลางคริสต์ศตวรรษที่ ๑๒ (หรือจากพุทธศตวรรษที่ ๑๕ ถึง ๑๘ หรือก่อนสมัยสุโขทัย ๓๐๐ ปีนั่นเอง) ถามหน่อยครับที่ว่าเป็นของไทย น่ะ ตอนนั้นประเทศไทยอยู่ตรงไหน คำว่าสยามยังไม่มีเลย
ต่อมาอาณาจักรขอม หรือ ขแมร์กรอม ถูกกองทัพ ของพระเจ้าสามพระยา กษัตริย์แห่ง อโยธยาศรีรามเทพนคร เข้าตี นคร ศรียโสธรปุระ ทำให้ขแมร์ต้องย้ายไปอยู่ที่ อุดงมีชัย และ พนมเปญ ตามลำดับ ( อ่านดีๆ น่ะครับ ไม่ใช้ประเทศไทยอีกเหมือนกัน )
จนกระทั่งฝรั่งเศสเข้ามาล่าเมืองขึ้นในอุษาคเนย์ ได้ทั้งเวียดนาม ทั้งลาว และกัมพูชา ไปเป็น อาณานิคม ของตน และก็พยามยามเขมือบดินแดนของ สยาม สมัย ร.ศ. ๑๑๒ ถึงขนาดใข้กำลังทหารเข้ายึดเมืองจันทบุรี เมืองตราด และเมืองด่านซ้าย (ในจังหวัดเลย) ไว้เป็นเครื่องต่อรองอยู่ ๑๐ กว่าปี
จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๐ ที่พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จยุโรปเป็นครั้งที่ ๒ จึงได้ทรงลงนามสัตยาบันในสัญญากับประธานาธิบดีฝรั่งเศส แลกเปลี่ยนยกดินแดนเสียมเรียบ (อันเป็นที่ตั้งของนครวัดนครธมหรือกรุงศรียโสธรปุระ) กับพระตะบอง และศรีโสภณให้กับฝรั่งเศส ทั้งนี้โดยการแลก จันทบุรี ตราด และด่านซ้าย กลับคืนมา
นี้ล่ะ เราเสียเขาพระวิหารไปตั้งแต่ตรงนี้แล้ว
ต่อมาก็มีพวก ชาตินิยมแบบ มาลานำไทย เชื่อผู้นำชาติเจริญ ให้ถมคลองเป็นถนน ห้ามเคี้ยวหมาก เพื่อความศิวิไวเซชั่น ทำการปลุกระดมกระแสรักชาติ ทำให้ รัฐบาลตราไก่ ส่ง กองกำลังบูรพา ไปรบกับฝรั่งเศส ซึ่งก็เปิดโอกาสให้ญี่ปุ่นเข้ามาไกล่เกลี่ยบีบให้ฝรั่งเศจำต้องยอมยกดินแดนให้ ไทย
และนี่ก็เป็นที่มาที่รัฐบาลตราไก่ได้ดินแดนทั้งเสียมเรียบ (ที่ถูกจับเปลี่ยนชื่อเป็นไทยๆว่า จังหวัดพิบูลสงคราม) พระตะบอง ศรีโสภณ จำปาศักดิ์ (ซึ่งรวมทั้งที่อยู่ในลาว และอยู่ในบริเวณพนมดงรัก เช่น ปราสาทเขาพระวิหาร และเมืองจอมกระสาน) ตลอดจนถึงไซยะบูลี
แต่ต่อมาสงครามโลกครั้งที่สองจบ ญึ่ปุ่นแพ้ เราก็แพ้ด้วย คราวนี้ก็ไม่ต้องบอกน่ะครับ ว่าอะไรมันเกิดขึ้น
เราต้องเสียเมืองที่เราเคยยกให้เค้าไป นอกจากฝั่งขวามของน้ำของแล้ว ยังมี เมืองเชียงตุง เมืองพาน กลันตัน ตรังกานู ปะลิส และเคดะห์
เดี๋ยวมาต่อ พักกินเบียร์
พักยก ขอกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ที่สอนวิชา วัฒนธรรมตะวันตก และ วิชา สังคมและ กฎหมาย
ผมภูมิใจที่มหาวิทยาลัยของเราจะเป็นมหาวิทยาลัยเล็กๆ แต่ผมก็ภูมิใจในวิชาความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดมาครับ
กราบขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้ง โดยเฉพาะ อาจารย์ชาญวิทย์ ครับ
เห่อๆๆ รอตอน2ป๋า เดี๋ยวไปกทม.อีกรอบจะไปเซ่นไหว้ด้วย เบียร์สักลัง 555
ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรต่อน่ะครับ บทความที่ผมรวบรวมมา ส่วนมากมาจากแหล่งวิชาการต่างๆ ผมให้ Credit ไม่หมดน่ะครับ
เพื่อนๆมีความเห็นว่าอย่างไรก็ว่ามาครับ ยินดีรับฟังความคิดเห็นครับ
เสียตั้งแต่ปี05แล้วครับ เขาพระวิหารถ้าประเด็นทางการเมืองนี่ของเขาแน่ๆครับ ตามศาลโลกตัดสิน แต่หากมองตามแผนที่ทางภูมิศาสตร์มันน่าจะเป็นของเรา แต่ทำไงได้ครับ แพ้คดีไปแล้วก็ให้ๆเขาไป ตอนนี้ผมก็รู้สึกเฉยๆนะ เพราะไม่ใช่ของเรา แต่ที่ห่วงคือเรื่องรักชาตินี่แหละครับ มันจะกลายเป็นคลั่งชาติแบบไม่ลืมหูลืมตาจนมีปัญหากับหลายๆประเทศ
ปล.ผมเชื่อท่านเจ้ากรมนะ
ป๋าครับ
ไม่รู้จะพูดอะไรครับ ...... นี่ผมพิมพ์ ๆ แล้วก็ลบมาหลายรอบแล้วนะเนี๊ย เพราะไม่รู้จะพูดยังไงดี คือแบบ กำลังมึนว่า ประเทศนี้มันเกิดอะไรขึ้นหว่า ............ สงสัยคนไทยคนลืมไปแล้วว่า ไทยนี่รักสงบ!!!!!
ปล. ผมด่าทุกคนรวมถึงตัวเอง
ผมก็รักสงบครับเสี่ย อยากตื่นเช้าไปทำงาน เลิกงานวันไหนเป็นเด็กดีก็ไปวิ่งเล่นบ้าง วันไหนเป็นเด็กไม่ดีก็ไปหาวุ้นจิบ
ส่วนที่ว่าประเทศนี้เกิดอะไรขึ้น ไม่รู้จะเอาอะไรเป็นจำเลยดีเหมือนกันครับ
ขอให้ฟ้าหลังฝนมันสดใสเสียทีครับ
ในส่วนตัวมั่นใจว่าประเทศเศษฝรั่งคือตัวแปลสำคัญที่ทำให้เราเสียเปรียบในเหตุสองครั้งเรื่องเขาพระวิหาร
บาปกรรมมีจริง ทั้งเศษฝรั่ง ทั้งเขมร ทั้งคนไทยที่ไม่รักชาติ คอยดูกันยาวๆเถอะครับ
น่าสงสารประเทศไทย
คุณ Madee ครับ ก็เพราะมีคนคิดแบบ เจ้าคิดเจ้าแค้น นี้ยังไงครับ ภาคใต้เลยยังไม่สงบ จะเอาอย่างงั้นไหมล่ะครับ
รักชาติน่ะดีครับ แต่ต้องมีสติปัญญาควบคู่ด้วยน่ะครับ
ทุกท่าน พวกเราเข้าใจผิดเรื่องสิทธิเหนือเขาพระวิหารกันมานาน ข้อมูลต่อไปนี้มาจาก รายการตาสว่างทางช่องเก้า และรายวิเคราะห์การทางเนชั่นแชเนล คืนนี้
- สี่สิบหกปีก่อนเราเสียเฉพาะตัวซากปราสาทพระวิหาร ให้เขมรเพราะศาลโลกมันละเอียง แต่พื้นที่โดยรอบเรายังยึดอยู่โดยสมบูรณ์ครับ และรัฐบาลที่ผ่านๆมาก็ยื่นคัดค้านการตัดสินของศาลโลกมาตลอดสี่สิบหกปี จนกระทั่งวันที่18พค51 ที่รมต.นพดลไปเซ็นต์แถลงการณ์ร่วมนั่นแหละที่ถือเป็นครั้งแรกในรอบสี่สิบหกปีที่ประเทศไทยสละสิทธิเหนือตัวซากปราสาทอย่างเป็นทางการ ซึ่งทำให้
- เขมรมันได้พื้นที่รอบๆตัวซากปราสาทเพิ่มจากปี 2505 อีก 4.6ตารางกม. หรือ3000ไร่ (สามพันกว่าไร่)
- ส่วนประกอบต่างๆที่รายล้อมปราสาทอยู่ที่เคยเป็นของไทย ทั้งบันได สระราว บาราย สถูปคู่ และพื้นที่เขตแดนรอบๆ จะไปเป็นของเขมรโดยปริยายโดยสมบูรณ์ภายในปี2010 ตามกฎบัตรยูเนสโก้
- เขมรมีแนวโน้มจะใช้วิธีเดียวกันนี้(อ้างแผนที่ฟรั่งเศส อัตราส่วน 1:200,000 ในการกินพื้นที่เข้ามาในเขตไทยตามแนวชายแดนอีกหลายจุด
- เขมรจะใช้วิธีเดียวกันนี้ในการอ้สงสิทธิเหนือพื้นที่ทับซ้อนในทะเลอีกหลยหมื่นตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นพ้นที่ที่พบว่ามีทรัพยากรปริโตเลียมอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์
- จุดขัดแย้งกับเพื่อนบ้านที่ยังปักปันกันอยู่อีก 46 จุด รอบประเทศจะกระทบกระเทือน เราจะเสียเปรียบในเรื่องการเจรจาและการอ้างหลักฐานต่างๆทันที
- เป็นที่น่าสังเกตุอย่างยิ่งว่า การที่รมต.นพดลไปเซ็นต์ยินยอมในแถลงการณ์คราวนี้ ไทยเราไม่ได้อะไรเลยมีแต่เสียกับเสีย แล้วมันบ้าไปเซ๊นต์ให้เขาทำไม???
นั่นสิป๋า ทำยังไงคนไทยถึงจะรักชาติกันแบบมีสติ?
เหอะ รายการตาสว่าง นี้หรือครับ วันก่อนเห็นเอาโสภณ ส. มาบอกเรื่องว่าเมืองไทยขายน้ำมันแพงโดยเอาราคาน้ำมันดิบ มาเปรียบเทียบกับราคาหน้าโรงกลั่น เข้าใจหาคนมาจริงๆ ครับ
และรัฐบาลที่ผ่านๆมาก็ยื่นคัดค้านการตัดสินของศาลโลกมาตลอดสี่สิบหกปี
<< มีหลักฐานไหมล่ะครับว่ายื่นคัดค้านการตัดสินของศาลโลก ศาลโลกให้โอกาศอุธรณ์สิบปีนับจากวันที่ตัดสินครับ แต่ผมนับนิ้วไปมา ปีนี้มันน่าจะเกินสิบปีแล้วน่ะครับ
เขมรมันได้พื้นที่รอบๆตัวซากปราสาทเพิ่มจากปี 2505 อีก 4.6ตารางกม.
<< ได้จากไหนล่ะครับ ขอหลักฐานยื่นยันด้วย พื้นที่ทับซ้อนก็ยังเป็นพื้นที่ทับซ้อนครับ
ส่วนประกอบต่างๆที่รายล้อมปราสาทอยู่ที่เคยเป็นของไทย ทั้งบันได สระราว บาราย สถูปคู่ และพื้นที่เขตแดนรอบๆ จะไปเป็นของเขมรโดยปริยายโดยสมบูรณ์ภายในปี2010 ตามกฎบัตรยูเนสโก้
<< UNESCO มีสิทธิปักปันเขตุแดนตั้งแต่เมื่อไรครับ สงสัยผมตกข่าว
- เขมรจะใช้วิธีเดียวกันนี้ในการอ้สงสิทธิเหนือพื้นที่ทับซ้อนในทะเลอีกหลยหมื่นตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นพ้นที่ที่พบว่ามีทรัพยากรปริโตเลียมอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์
<< อะไรที่ทับซ้อนครับ ทะเลอาณาเขต หรือ เขตเศรษฐกิจจำเพาะ ถ้าทะเลอาณาเขตนี้นับจากฝั่งไปสิบสองไมล์ทะเลน่ะครับ ส่วนเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ใครก็อ้างได้ ก็ต้องมาคุยกันครับ แต่จะว่ากันจริงๆ ไอ้เขตที่ว่าเจอน้ำมันนี้ ผมมองยังไงมันก็ใกล้ทางฝั่งเค้ามากกว่า
จุดขัดแย้งกับเพื่อนบ้านที่ยังปักปันกันอยู่อีก 46 จุด รอบประเทศจะกระทบกระเทือน เราจะเสียเปรียบในเรื่องการเจรจาและการอ้างหลักฐานต่างๆทันที >> งงครับ
เป็นที่น่าสังเกตุอย่างยิ่งว่า การที่นพเหล่ไปเซ็นต์ยินยอมในแถลงการณ์คราวนี้ ไทยเราไม่ได้อะไรเลยมีแต่เสียกับเสีย แล้วมันบ้าไปเซ๊นต์ให้เขาทำไม???
>> เพราะว่าคณะกรรมการมรดกโลกระบุว่าการที่ปราสาทพระวิหารจะได้ขึ้นทะเบียนนั้นต้องได้รับ Fully Support จากประเทศไทยครับ เพราะบันไดมันอยู่ฝั่งไทย แล้วที่นี้พอปราสาทมันเป็นของเค้าอยู่แล้วตามคำสั่งศาลโลกมันก็ไม่มีอะไรเสียหายนิครับ
ใครได้ดูรายการตาสว่างเมื่อกี้บ้างครับ ผมฟังแล้วรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที ที่ได้รู้ว่าเราอาจจะต้องเสียดินแดนเพิ่มอีก 4.6 ตร.กม. ในปี 2010 นี้
เครียดดดดดดด นอน ดีกว่า
เด๋วเราก็เสียพื้นที่พิพาทให้กับพวกมันอีกคอยดูสิ
พวกเขมรได้คืบจะเอาศอก
เหมือนเราโดนมันตบหน้าทีนึง เจ็บใจจริงๆ
>_<
ใครได้ดูรายการตาสว่างเมื่อกี้บ้างครับ ผมฟังแล้วรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที ที่ได้รู้ว่าเราอาจจะต้องเสียดินแดนเพิ่มอีก 4.6 ตร.กม. ในปี 2010 นี้
เครียดดดดดดด นอน ดีกว่า
เบื่อมากมายกับไอ้คำว่า รักชาติ ครับ มีแต่คำพูดปาวๆ แต่ก็ยังทะเลาะกันกัดกัน หมากัดกัน สักพักก็มีคนเอาน้ำร้อนมาสาด เอาไปเปรียบเทียบกันเองว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ายังโง่กัดกันอยู่ ผมว่ามันเหมือนลัทธิคลั่งชาติมากกว่า ข้อมูลที่ได้มา อยากให้พิจารณากันสักนิดครับ ตามหลักกาลามสูตร 10 ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงได้เคยสั่งสอนไว้ หรือเดี๋ยวนี้คนลืมกันหมดแล้ว สนใจกันแต่กามสูตรแทน
รักชาติมันดีครับ แต่ทำอะไร ก็ควรที่จะมี สติ ด้วยครับ
เจรจากันต่อไปครับ ถ้ามันคุยกันไม่ได้
เอาเข้าสภานิติบัญญัติ ------>
ถ้าหมิ่นเหม่จะโดนลุกล้ำแน่ๆ เข้าสหประชาชาติ แบบผู้ดี ถ้าเถื่อนหน่อยก็ส่งกำลังทหารเข้าไปงานนี้ มีเละกับเละ
เพราะว่าชาติมหาอำนาจจะเริ่มแทรกแซง
ไม่ใครก็ใครละครับแล้วจะเป็นอย่างไร
เสียเปรียบทุกประตู เขมรมีอาวุธดีจากชาติหลายชาติเพื่อนบ้าน และมหาอำนาจ เซ็งเป็ด งั้นเจรจากันต่อไป
ไม่ได้เรียนจบจาก เลิ้นเดิ้น
เรื่องตัวปราสาท ไม่มีความเห็นครับ
แต่งง ตอนนี้ ที่ให้ตั้งคณะกรรมการร่วม7 ประเทศ มาดูและเรื่องพื้นทีทัพซ้อน ผมว่าตรงนี้จะเป็นปัญหาในอนาคต ในการอ้างสิทธิ์ ซึ่งเราเสียเปรียบไปแล้ว อาจจะทำให้เกิดการเสียดินแดนได้
หากว่า ผลตัดสินศาล ให้ตัวปราสาท เป็นของเขมรแล้ว พื้นที่ทั้งหมดที่เหลือต้องเป็นของไทย แต่นี่ยังอ้างการเป็นพื้นที่ทับซ้อนจะมีปัญหาในอนาคต แต่เราหมดอำนาจต่อรองไปแล้วครับ
มาสุมไฟหน่อย เดี๋ยวมันจะร้อนไม่พอ..อิๆๆๆ
เมื่อคืน (อังคาร 8 กรกฏาคม 2551) เหมียนกัน ผมดูช่อง TPBS อ.ท่านหนึ่งที่สอนอยู่ ม.สุโขทัยฯ ท่านมาพูดเรื่องประเด็นใบแดงเมื่อวาน แล้วก็เลยมาถึงเรื่องนี้ (ปราสาท)
ท่านบอกว่า ถ้าไปดูตามสัญญาเวียนนาแล้ว ฝ่ายเรายังได้เปรียบครับ เพราะว่า ตามสนธิสัญญาเวียนนา บอกว่า ต้องมีการผ่านเรื่องความเห็นชอบตามกฏหมายภายในประเทศนั้น ๆ ก่อน
แต่ของบ้านเรามันข้ามขั้นตอนตรงนี้ไปครับ ถ้าจะสู้ ก็สู้ได้ นี่คือความเห็นหนึ่ง
-------------------------------------------------------------
ต่อมาเป็นความเห็นส่วนตัวผม
1..ผมว่าควรจะเลิกเถียงกันได้แล้ว เพราะเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว จะไปเช็คบิลกับใครก็ว่ากันไป แต่ตอนนี้ควรพุ่งความสนใจไปที่เรื่องของ ดินแดนทับซ้อนจะดีกว่าครับ
2..เรื่องพื้นที่ทับซ้อนครับ ซึ่ง UNESCO ไม่มีสิทธิมาสะเอออะไร ที่จะให้มีคณะกรรมการ 7 ชาติเข้าร่วมด้วย ซึ่งทางรัฐบาลต้องทำอะไรสักอย่าง (ถ้ายังมีเวลาเหลือจะทำ ไม่โดนยุบ ทั้งยุบพรรค หรือ ยุบสภาไปเสียก่อน )
3..เวลาที่ผ่านมาก็ทำให้เห็นแล้วว่า ตอนเราตีกันทีไร คนอื่นเขาก็คลานผ่านหน้าเราไปตลอด เช่นกัน ถ้า USA + FRA มาหนุนหลังเขมร แล้ว เราก็คงจะยากต่อจะไปสู้ในเวทีโลก
ปัญหามีอยู่ว่าเราจะทำอย่างไร ในเมื่อ UNESCO บอกมาอย่างนี้
จะรอปีหน้าแล้วเสนอฝั่งเราตามไปไหม ? <--- จะทันหรือไม่ แล้ว พวกกรรมการจะยอมหรือ ?
หรือหนทางสุดท้าย ซึ่งผมไม่อยากให้ทำ แต่ถ้าจำเป็นจะต้องทำ ก็ต้องทำ
คือ ลาออกจาก สมาชิกมรดกโลกเสีย ทุกอย่างก็จบ
อ้อลืมไป มองในกรณีเลวร้ายที่สุด ประเด็นทับซ้อน เป็นไปได้หรือไม่ที่จะต่อรองให้เป็น No mans Land ให้ได้ครับ ?
เรื่องพื้นที่ทับซ้อนมันสมควรจะเป็น No Mans Land อยู่แล้วครับเพราะยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นของใคร ไว้ตกลงกันก่อนค่อยว่ากัน ตรงนี้เรามีหน้าที่ต้องไปผลักดันร้านขายของพวกนั้นออกไป
แต่ผมเห็นด้วยกับคุณ lordsri ในประเด็นที่ว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว ไปดูเรื่องพื้นที่ทับซ้อนดีกว่า และก็นั่นแหละครับ UNESCO ไม่มีสิทธิในพื้นที่ทับซ้อนเพราะเขมรขึ้นเฉพาะตัวปราสาท คณะกรรมการ 7 ชาติก็มีสิทธิดูเฉพาะตัวปราสาท ซึ่งไม่ใช่ของไทย
ผมว่าราทะเลาะกับประเทศเพื่อนบ้านประเทศนี้จากการปลุกกระแสคลั่งชาติแบบผิด ๆ มามากพอแล้ว ......... เราลืมไปหรือเปล่าว่าในเขมรนี่คือขุมเงินขุมทองของไทยนะครับ
ผมเองเข้าใจนะ จะอ้างอิงจากอาจารย์ชาญวิทย์ เองผมก็อ่านมาจากประชาไทเรียบร้อย (หรือว่าที่นั่นของเก๊ก็มิอาจทราบได้)
แต่ก็สงสัยนะครับ หากว่าอ้างอิงจากประวัติศาสตร์ว่ามันของเขา เป็นดินแดนของเขา เขาสร้างมาก่อน
ถ้าเช่นนั้น โบราณสถานอื่นๆในเขตแถบอีสาน และพื้นที่แถบอีสานทั้งหลายอะไร รวมไปถึงบริเวณรอบของเขาพระวิหาร เดิมมันก็ของเขา เขาสร้างแล้ว แบบนี้นี่เราก็ควรจะรักษาไว้ใช่หรือไม่ครับ?
แล้วตัวปราสาทเขาพระวิหารเอง ซึ่งพิพาทกันไว้แต่แรก หากคิดตามหลักของอาจารย์ชาญวิทย์ที่ว่า มันเป็นของเขมรเขาสร้างไว้แต่แรกแล้ว ถ้าหากคนไทยทั้งชาติคิดเหมือนท่านอาจารย์โดยใช้ตรรกะดังกล่าว ในยุคช่วงนั้นเราก็ควรจะยกให้ทั้งปราสาทและทางขึ้นบริเวณโดยรอบให้เขมรโดยสมบูรณ์รึเปล่าครับ?
อันนี้ผมคิดโดนฉงนนะ ลองฉุกคิดเล่นๆดู
แต่สำหรับความคิดผม ผมพูดตรงๆ จะคลั่งชาติก็ได้ครับ เพราะผมไม่ได้คลั่งโดยฟังคำปลุกเร้าของพันธมิตรหรือ ปชป ผมเองก็ไปฟังคุณนพดลชี้แจงเองเช่นกัน
รวมถึงฟังนักวิชาการต่างๆมากมายทั้งจากมหาวิทยาลัยผมเอง และที่อื่น รวมถึงมีโอกาสได้เขียน email สอบถามนักวิชาการหลายๆท่านเท่าที่สามารถติดต่อได้
ก็ต่างความคิดและต่างเหตุผลทั้งหลายคนครับ บ้างก็ว่ามันเป็นของเขาแล้ว ก็คืนเขาไปเสีย บ้างก็ว่า หากอ้างถึงประวัติศาสตร์หลายพันปี เราก็ควรจะคืนหลายจังหวัดของเราให้เขาเสีย
แต่ผมกลับมองนะครับว่า มันสมควรจะยึดกันตามหลักภายหลังสงครามโลกที่ฟัดกันเละตุ้มเป๊ะอีลุงตุงนังกัน จนมีการปักหลักเขตแดนกันใหม่ภายหลัง และ บริเวณข้อพิพาททั้งหลายที่ขัดแย้งกันทั่วโลก ก็ต้องต่อสู้กันตามรูปแบบของกฎหมายที่เปิดโอกาสไว้ให้ถึงที่สุด ไม่ว่าชาติใดๆ ดังตัวอย่างที่ไทยเราถึงจะผ่านมา 45 ปี แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งสิทธิ์ที่จะโต้แย้งพลิกฟื้นคดีขึ้นมาใหม่เมื่อมีโอกาสมาถึง
แต่ไม่เป็นไรครับ เราทำกันฉิบหายกันเอง 45 ปี
เรื่องราวนี้สอนให้รู้ว่า คนไทยทั้งหลายชอบให้วัวหายแล้วล้อมคอก แล้วก็ค่อยมาโทษกันว่า ไอ้คนล้อมคอกมันหายไปไหน ?
ตอนนี้มีประเด็นสองประเด็นของสังคมคือ
คนล้อมคอกหายไปไหน ?
เขาพระวิหารสมควรเป็นของไทยหรือไม่ ?
ซึ่งทั้งสองประเด็นหลักๆนี้ เป็นเรื่องที่ตอบยากครับ การจะแสดงความคิดเห็นอย่างไรเช่นไรก็แล้วแต่ครับ
แต่การที่ เรามาอยู่ในชุมชนชุมนุมแห่งหนึ่งที่ชื่อ thaifighterclub ก็ย่อมจะได้รับความเห็นในสไตล์รูปแบบของชาว thaifighterclub ธรรมดา
ซึ่งคำพูดและกริยามารยาทในการพูดจาของแต่ละคน ล้วนจะเป็นกระจกสะท้อนสันดานของตนในคนๆนั้นออกมา
บ้างก็มองเรื่องศักดิ์ศรีของชาติ บ้างก็มองเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก บ้างก็มองเรื่องการเมืองเป็นหลัก(ต้องสนับสนุนฝ่ายที่เชียร์เสมอ) บ้างก็ไม่สนใจเลยว่าจะเป็นเช่นไรเพราะเราเป็นเพียงมดตัวเล็กๆ
สิ่งที่ผมพิมพ์อาจจะไม่มีใครสนใจอ่าน หรือข้ามไปเลยเสียด้วยซ้ำ หรืออ่านก็คิดว่า เฮ้ย ไอ้นี่บ้า
อาจจะบ้าจริงครับ ก็บ้ารักคุณ (เฮ้ย?)
บางคนมองในภาพรวม หรือมองในสถานการณ์ขณะนั้นว่าการกระทำเช่นนี้สมควรแล้ว
บางคนอาจจะมองในภาพแคบ หรือมองในสถานการณ์ความเป็นไปได้ระยะยาวว่า การกระทำเช่นนี้ ไม่สมควร
มันนานาจิตตัง (งงมะ?)
แต่จำไว้เถอะครับ การเล่นหมากรุก การเล่นหมากล้อม(โกะ) 1 หมาก 1 ตาเดิน
ตัดสินชะตาทั้งเกม
ผมล่ะเบื่อรายการตาส่วางมากๆ
เป็นรายการที่ อืม....................ถ้าประเด็นทางสังคมน่ะโอเชเลย
แต่ถ้าเป็นประเด็นทางการเมือง หรือเรื่องภัยพิบัติ.............รายการนี้ เป็นประเภทรายการที่สร้างความตื่นตูมได้อย่างร้ายแรง ............ดูๆไปแล้วตาสว่างจริงๆ สว่างว่าทำไมตูไปดูมันได้วะเนี่ย ...............
ถ้าเกิดประเด็นพระวิหาร ทำให้คนไทยที่ไปทำธุรกิจที่โน่นอันตราย รวมถึงสถานทูตโดนเผาอีก ผมจะโทษรายการที่สร้างความตื่นตูมคลั่งชาตินี่ก่อนอันดับแรก ..................
จะอะไรก็ตาม ให้ปัญหามันเป็นของ2ประเทศ อย่าเอาต่างชาติมาร่วมด้วย เดี๋ยวเรื่องมันจะยาว ........ดูอย่างเกาหลีสิ คณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่วายมีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง เกาหลีใต้-เหนือ เป็นเหยื่อของชาติมหาอำนาจที่หวังผลทางการเมืองในภูมิภาคเท่านั้นเอง ............
ก็เพราะมันเป็นการรักชาติอย่างไร้สติ ไร้การคิดพิจารณาไตร่ตรองตามหลักความเป็นจริงงัยครับ มันเลยเป็นการคลั่งชาติ การทำแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้พวก ฮูลิแกน ที่บอลแพ้ คนไม่แพ้ หรอกครับ การทำแบบนี้ ศาลตัดสินไปแล้ว เลยเวลายื่นอุทรณ์แล้ว เราก็มาแหกปากตะโกนเย้วๆ บอกจะเอาๆ
ปล. ผมเป็นคนรัสเซียที่จับฉลากได้มาเป็นคนไทย 555 แต่ผมก็รักประเทศไทย อย่างมีสติ ครับ
До свидания.
จำได้ว่า ที่จอมพลสฤษดิ์พูดนั่น ใช่ที่ช่องทีวีหนึ่งเอามากรอกหูทุกวันใช่ไหมฮะ ...........................พึ่งรู้ว่าเค้าใช้Subliminal Message สะกดจิตกันแล้ว ...............555
До свидания.....ACTB กรุณาแปลเอง
เรื่องนี้อธิบายง่ายมากค่ะ
ก็มันบ้านเค้าเราจะไปยุ่งทำไม เดี๊ยนจะยกศาลพระภูมิบ้านเดี๊ยน ต้องให้คุณเห็นชอบด้วยหรือคะ ก็มันศาลพระภูมิบ้านเดี๊ยนนิ คุณจะมาจดร่วมทำไม ทางโน้นไม่มีทางขึ้น เป็นมรดกโลกจริงคนมาเที่ยวก็ต้องผ่านบ้านเดี๊ยน เดี๊ยนร้านขายธูปเทียนรอไว้ดีกว่า เอาไว้ขายพวกมาขอหวย
ชักจะไปกันใหญ่แล้ว...
เมื่อเช้าก็คุยกับเพื่อน บอกมันคำเดียว มันใช้เวลามั้ย เอาอนาคตดีกว่า
# Buddy
ถ้าเรายอมรับแผนที่ทับซ้อนจริง ทำไมรัฐบาลเขาถึงต้องให้เขมรไปแก้ไขแผนที่ ถึง 2 รอบหละครับ ?
แล้วทำไมจะต้องไปทำ Join Communicate ให้เปลืองเวลา ?
จริง ๆ ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับ ที่เรามักบอกว่า เราจะเรียกร้องสิทธิ์คืนมาในอนาคต ถามว่า แล้วศาลโลกจะยอมไหม ?
ในเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา เขาก็เพิ่งตัดสินคดีแบบเดียวกันนี้ เป็นเกาะที่อยู่ระหว่าง มาเลเซีย และ สิงคโปร์ ถึงแม้เกาะจะอยู่ใกล้มาเล แต่ สิงคโปร์ไปสร้างประภาคารอย่างเปิดเผย ( ครอบครองโดยปรปักษ์)
สุดท้ายศาลโลกตัดสินให้เกาะนี้เป็นของ สิงคโปร์ไป
ในเมื่อเขาเอากรณีของปราสาทพระวิหารไปได้ แล้วเราจะไปเรียกร้องปราสาทคืน เหมือนอย่างที่มีบางท่านยังหลงประเด็นอยู่เนี่ย ศาลเขาจะยอมไหมหละครับ ?
นี่ผมพูดกลาง ๆ นะ ใครจะว่า ผมเข้าข้างก็แล้วแต่เถอะ ผมไม่โกรธ และเข้าใจดีครับ
เห็นด้วยกะคุณเพชรกันยาฮะ (อย่าผวน) ใครก็ได้พากระทู้นี้ออกทะเลที ชักจะเห็นไฟสงครามคุโชน Burn Your Cosmo !!! แล้วหนีไป รอออกทะเล�
�
ผู้ดูแลระบบยังเห็นว่าการแสดงความคิดเห็นยังอยู่ในกรอบ จึงยังอนุญาตให้สามารถแสดงความคิดเห็นต่อไปได้ แต่ทางผู้ดูแลระบบได้ทำการแก้ไขข้อความซึ่งเป็นคำหยาบและคำพูดเสียดสีของสมาชิกหลายท่านที่โพสในนี้ไปหลายครั้ง จึงขอความร่วมมือให้สมาชิกใช้เหตุผลและแสดงความเห็นอย่างสุภาพชน เหมาะสมกับระดับการศึกษาที่ได้เล่าเรียนมา มิฉะนั้นผู้ดูแลระบบอาจต้องยกเลิกสถานนะสมาชิกที่ทำผิดเป็นการชั่วคราวหรือถาวร
ผมไม่เข้าใจวมต.ครับ ................. คือวมต.จะให้ออกทะเลหรือไม่ฮะถ้าจะให้ออกทะเล ผมจะเตรียมไม้ต่อเรือเลยครับ เอิ๊กส์
ใครตอบต่อเหม่ง รับโปรโมชั่น โสดตลอดชีพอ่ะ
สาวไม่แล หนุ่มไม่สน คริคริ
คุณ u209 สิ่งที่เจ้ากรมแผนที่ กระทรวงต่างประเทศ กรมสนธิสัญญา พูดว่าไทยไม่เสียดิน ถูกต้องครับ แต่พวกเขาเหล่านี้หมายถึง เวลา นี้ เท่านั้น ที่ไม่เสียดินแดน แต่........กลุ่มคนที่เป็นห่วง เขาสิ่งว่าการยอมรับและยอมทำข้อแถลงร่วม ไทย-เขมร อาจจะทำให้ไทยในอนาคตเสียดินแดนเพิ่ม (ขอย้ำว่าในอนาคต) ซึ่งจะเป็นการซ้ำรอยประวิต้ศาสตร์อีกครั้ง 40ปีก่อนไทยเผลอไปรับแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำขึ้นโดยไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริง ผ่านไป 2 ปี เมื่อไทยถูกเขมรฟ้องโดยใช้แผนที่ฉบับนั้น แถมอ้างว่าไทยรับโดยไม่ทักท้วง ไทยถึงกับร้อง อ๋อ...สุดท้ายไทยก็แพ้คดีเสียปราสาทพระวิหาร เพราะการเสียรู้แท้ๆ หวั่นว่าครั้งนี้ไทยจะเป็นการเสียรู้อีกครั้ง คุณ helldiver ช่วยอธิบายด้วยครับ ว่าคนไทยที่รักและหวงแหนดินแดนของตัวเอง เป็นการรักชาติคลั่งชาติแบบเสียสติตรงไหน พื้นที่ทุก ตร นิ้วไทยต้องรักษาไว้ยิ่งชีพ ไม่ว่าภาคเหนือ อีสาน หรือ ใต้
|
โดยคุณ : buddy1 วันที่ : 2008-07-09 05:57:05 |
----------------------------------------------------
40 ปีก่อนไทยไม่ได้เผลอแล้วยอมรับแผนที่ครับ ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดดีกว่าเอาเป็นว่าตอนนี้อเมริกามีอิทธิพลในอินโดจีนมากก็เหมือนกับฝรั่งเศสที่มีอิทธิพลมากในตอนนั้น นักบินที่ไปฝึกบินที่ฝรั่งเศสก็มากหัดทำเครื่องบินครั้งแรกก็มีอิทธิพลมาจากประเทศฝรั่งเศสก็มาก แล้วสุดท้ายเราเสียดินแดนให้แก่ประเทศอาณานิคมฝรั่งเศสก็มาก เห็นภาพหรือยังครับ........วันนี้เราไม่สามารถต่อรองจีเอสพีให้เราเองได้ โดนบีบให้เปิดการค้าเสรี โดนยกให้ถูกเป็นประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษจากอเมริกา ต่อจากนี้กัมพูชาจะโดนโอ๋มากเป็นพิเศษจากเมกาเป็นพิเศษแข่งกับจีน
.
.
ผมแค่อยากบอกให้รู้ว่าบรรพบุรุษของเราต้องกลืนเลือดตัวเองไม่ให้ศัตรูมันได้เห็น ตัวอย่างแค่ปัจจุบันมันเทียบไม่ได้หรอกครับ(เรายอมเสียดินแดนส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนมาก)
ข้อมูลเพิ่มเติม
1. ข้อน่าสังเกตเกี่ยวกับผู้ที่ให้การสนับสนุน ข้าราชการและผุ้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาเรื่องเขาพระวิหารถูกถอดถอนโยกย้ายจากรัฐบาลภายในเวลาไม่นานก่อนที่เราจะไปเซ็นต์แถลงการณ์ร่วมและก่อนการไปประชุมที่ควิเบค
- อธิปดีกรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ซึ่งคัดค้านเขมรไม่ให้จดมรดกโลกแต่ฝ่ายเดียวมาโดยตลอด (ขออภัยลืมชื่อท่านไปแล้ว)
- เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (ขออภัยลืมชื่อท่านไปแล้ว)
- หัวหน้าคณะกรรมการมรดกโลกไทย เปลี่ยนตัวจาก ศ.อดุลย์ซึ่งเคยเสนอให้เราจดร่วมกับเขมรมาตลอด(แต่เขมรไม่เคยยอม) มาเป็นคุณปองพล
2. คำให้การที่น่าสงสัย
- เมื่อสื่อมวลชนถาม ไม่ยอมแสดงหลักฐาน ร่วมทั้งแผนที่ ที่เขมรใช้ในการเสนอแถลงการณ์ร่วม ให้กับคณะรัฐมนตรี หรือ สื่อมวลชน โดยอ้างว่าเป็นความลับ แต่หลักฐานเหล่านั้นทางการเขมรกลับเอาไปเผยแพร่เพื่อทำการประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง
- อ้างว่าต้องเซ็นต์แถลงการณ์ร่วมเพื่อป้องกันไม่ให้ไทยเสียดินแดนเพิ่ม โดยอ้างว่าเราต้องรีบให้การรับรอง ไม่อย่างนั้นเขมรจะผ่านเรื่องไปที่ยูเนสโก้แต่ฝ่ายเดียว ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วถ้าไทยไม่เซ็นต์ยินยอม เรื่องที่เสนอจะตกจากการพิจารณาของยูเนสโก้ไปเอง ตัวอย่างคือการประชุมมรดกโลกที่นิวซีแลนด์ครั้งก่อน(รัฐบาลสุรยุทธ์) ซึ่งเขมรยื่นเรื่องแต่ไทยไม่ยินยอมแต่จะขอจดร่วมแล้วเขมรก็ไม่ยอมบ้าง ทางมรดกโลกจึงพักเรื่องให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันก่อน
ตอบ buddy1
แถลงการณ์ร่วมก็จะมีการสงวนสิทธิของเราที่จะมีหรือไม่มีต่อ ปราสาทเขาพระวิหารในอนาคต ตามการสงวนสิทธิ ของท่าน ถนัด คอมันส์ไว้แล้ว...ถ้าดูตามแผนที่ทีนำมาตอนแรกทางกัมพูชาจะเอา พท .ทับซ้อนไปด้วยแต่เมือไปเจรจาใหม่กัมพูชาก็เปลียนแผนที่ที่ยืนใหม่เอาเฉพาะ พท. ที่ศานโลกตัดสินให้เป็ขของกัมพูชา ท่าน buddy1 คิดว่าเราจะเสีย พท.ตรงไหนในอนาคตระบุมาด้วยครับ และ 40 ก่อนทางฝรั่งเศสก็ทามว่าเรายอมรับในแผนที่ที่ทำให้หรือเปล่าตั้งหลายครั้ง ถามว่าทำไม่ไม่ทักท้วง จะบอกว่า เผลอ ผมว่าเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ได้กับคำว่า เผลอ.. ด้วยความเคารพ web ผมขอให้มีการถกเถียงทางวิชาการในกรณรีต่อนะครับอย่าเพิ่งห้ามนะครับ.....ด้วยความเคารพ อีกครั้ง
สิ่งที่เจ้ากรมแผนที่ กระทรวงต่างประเทศ กรมสนธิสัญญา พูดว่าไทยไม่เสียดิน ถูกต้องครับ แต่พวกเขาเหล่านี้หมายถึง เวลา นี้ เท่านั้น ที่ไม่เสียดินแดน
แต่........กลุ่มคนที่เป็นห่วง เขาสิ่งว่าการยอมรับและยอมทำข้อแถลงร่วม ไทย-เขมร อาจจะทำให้ไทยในอนาคตเสียดินแดนเพิ่ม (ขอย้ำว่าในอนาคต) ซึ่งจะเป็นการซ้ำรอยประวิต้ศาสตร์อีกครั้ง
ในกรณีแถลงการณ์ร่วมที่ใช้ไปก่อนหน้านี้นั้นศาลปกคลองเราได้คุ้มคลองมติ ครม นี้ แล้วหมายถึงเราไปที่ ยูเนสโก จึงมิได้ใช้แถลงการณ์รวมไทยกัมพูชา ทักท้วงเพราะศาลเขาไปยกเลิกมติ ครม ที่มีแถลงการณ์รวมไทยกัมพูชา ทางกัมพูชาก็อาจใช้แผนที่ฉับบเดิมที่มี พท .ทับซ้อนเขาไปยืนแทน เพราะแถลงการณ์รวมไทยกัมพูชานั้นให้ใช้ พท .ที่ศาลโลกตัดสินเท่านั้น มิได้มี พท.ทับซ้อนไปเกียวข้องด้วย..และในแถลงการ์ร่วมก็สงวนสิทธิไว้ให้ไทยกับกัมพูชาเท่านั้นที่มาจัดการใน พท .ทับซ้อน เมื่อศาลยกเลิกมติ ครม ทำให้เราอาจจะเสียดินแดนอย่างที่ท่านกังวน ถามว่า เราจะเสียดินแดนเพราะแถลงการร์ร่วมรึ..ก็ ศาลปกคลองมีคำสั้งคุ้มคลองไปแล้ว แถลงการณ์ร่วมจึงโมฆะ หรือเพราะการคุ้มคลองมติ ครม ของศาลหรือ บุคคลที่ไปยื้นคุ้มคลองกับศาล หรือ..อื้นๆ. .ขออภัยที่ยาวมากผิดหรือถูกตำนิผมได้......ด้วยความเคารพ.ข้อความที่คห.คุณAkula โพสบรรทัดแรกข้าพเจ้าเป็นคนลบเอง.....
ไม่อยากให้มีข้อความที่ประทะกันโดยการเฉพาะเจาะจงในตัวบุคคล
ให้แย้งที่ตัวเหตุและผลพร้อมอ้างอิงแหล่งที่มาจะดีกว่าค่ะ ไม่งั้นก็มีเหตุให้เคืองกันป่าวๆ
ใครพูดเหรอครับว่าปราสาทเขาประวิหารเป็นเศษอิฐเศษหินครับ? เท่าที่ทราบคนพูดนี้เว็บมาสเตอร์ลบไปหมดแล้วนะครับ
คนส่วนมากไม่เคยไปหรอกครับเขาพระวิหาร ผมก็ไม่เคยไป เหมือนที่ผมไม่เคยไปหลาย ๆ ที่ที่ผมเคยพูดถึง ...... แต่ผมมีวิสัยทัศน์กว้างพอที่จะรู้ได้ว่าอะไรเป็นอะไร เพราะถ้าคนเราต้องไปทุกที่เพื่อที่จะรู้ทุกเรื่องแล้วล่ะก็ มนุษย์เราจะรู้อยู่แค่สองเรื่อง คือบ้านที่เราอยู่กับห้องน้ำที่เราเข้า
แค่คนอื่นมีความเห็นไม่เหมือนกันก็กลายเป็นคนชั่วไปแล้วหรือครับ? กลายเป็นคนขายชาติไปแล้วหรือครับ?
TFC รวมไปจนถึงสังคมไทยยอมรับความแตกต่างทางความคิดไม่ได้ใช่ไหมครับ? คนอื่นที่คิดไม่เหมือนคนเองคือคนผิดใช่ไหมครับ? คือคนชั่วที่เป็นไม่ได้แม้แต่เพื่อนร่วมชาติใช่ไหมครับ?
น่าเสียใจที่เรายอมรับไม่ได้แม้แต่ความแตกต่างทางความคิด ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของประชาธิปไตย
ถ้าคุณ Akula จบมาทางประวัติศาสตร์ มันก็จะยิ่งเป็นการดีที่คุณจะแสดงความเห็นในเชิงวิชาการที่คุณ Akula ร่ำเรียนมา แต่ผมรู้สึกเสียใจว่าแทนที่คุณ Akula จะแสดงความเห็นในเชิงวิชาการเหมือนที่ความคิดเห็นอื่น ๆ ทำ ไม่ดีกว่าหรือครับ???
เพราะฉะนั้น เมื่อ กรรมการเลือกข้างเสียแล้ว (เลือกเขมร) แทนที่จะทำตัวเป็นกลาง คิดว่าเราจะเจอกับอะไรครับ ?
แล้วคิดว่า เราจะมีสิทธิขอเลื่อน หรือ ขอแขวน การพิจารณาไว้ไหม ?
สิ่งที่ผมอยากจะทำต่อไป คือ อยากจะหาข้อมูล การพิจารณาเขต Buffer Zone ที่จะมีการกำหนดกันต่อไปในอนาคต
เมื่อคืนจาก TPBS เขาก็บอกว่า องค์กรพระวิหาร อะไรสักอย่างเนี่ยแหละ ที่เป็นองค์กรใหม่ จัดตั้งขึ้นโดย World Heritage of Unesco ซึ่งมี 7 ชาติที่จะมาเป็นกรรมการกลาง ดูแลพื้นที่ Buffer Zone ที่ว่านี่หละครับ
ข่าวเขาบอกว่า เขาจะเลียนแบบองค์กรนี้ โดยใช้แนวคิด การจัดการ แบบเดียวกับ ที่เขาเคยใช้มาแล้วกับ เมืองพระนคร (นครวัด) ซึ่ง เป็นการจัดการดูแลผลประโยชน์ให้นครวัดนั่นหละครับ โดยมีองค์กรที่ชื่อ อัปสรา หรือ อักขรานี่หละ เป็นองค์กรหนุนอีกทีเพื่อให้ความรู้ด้านโบราณคดีประกอบการตัดสินใจ
สิ่งที่ผมอยากจะเสนอให้ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ผู้ร่วมถกช่วยกันค้นหาข้อมูล
ประกอบ จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดครับ เพราะจะคุยกันได้ง่าย และไม่ไหลไปประเด็นอื่น
ผมไม่สนใจว่า ใครจะบอกให้ผมไปเป็นสัญชาติเขมร หรือไม่ ผมไม่โกรธนะ ไม่เสียใจด้วย แต่ถ้าคิดจะคุยกัน ก็คุยให้จบ ๆ กันไป แล้วก็อย่างอแงอีกนะครับ เอาให้ชัดเจนกันไปเลย
อ้าวแช่กระทู้นาน โดนปาดชะงั้น
ตอนนี้มีจิตวิทยาใหม่โหมสะพัดในเมืองไทย�
ใครไม่เชียร์เขาพระวิหาร ไม่ใช่คนไทย ใครยอมรับว่าเสียเขาพระวิหารตั้งแต่ปี2505เป็นพวกไม่รักชาติ��พวกขายชาติ ไม่ก็ซื้อบัตรประชาชนมา�
�
�
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เห็นมีแต่คนพยายามจะพูดนึกถึงแต่ความหลังกัน ก็เลยจะเอาความหลังมาฉายให้ดูอีกรอบ
เรามาดูกันก่อนว่า อะไรที่จะทำให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้
http://whc.unesco.org/archive/opguide08-en.pdf
ลองอ่านแล้วศึกษาตามนะครับ
ถ้าดูจากที่ผมยกมาประกอบข้างบน ในหัวข้อ a) นั่น ปราสาทพระวิหารไม่มีสิทธิ์ ที่จะได้ขึ้นทะเบียนด้วยซ้ำ
เพราะอะไร ?
ก็เพราะส่วนประกอบของ ตัวปราสาท คือ สระตราว และ สถูปคู่ หรือ ภาพจิตรกรรมผามออีแดง มันอยู่ฝั่งอธิปไตยของไทย ตามที่ศาลโลกบอกมา
แล้วแบบนี้ มันจะเข้ากฏข้อ a) ได้หรือไม่ ?
ถามว่า กฏนี้ใครเป็นคนออก ?
ก็ World Heritage Of Unesco มิใช่หรือ ?
เมื่อกฏมีอย่างนี้ .............แต่..........คณะกรรมการเลือกที่จะไม่ปฏิบัติตามกฏ มันส่อให้เห็นอะไร ไม่ชอบมาพากล ในคณะกรรมการมรดกโลกหรือไม่ ?
1..ผมอยากจะให้ทุกฝ่าย ๆ เลิกโทษกันได้แล้วครับ ถ้าไม่สามัคคีกันต่อไป เราจะได้เสียดินแดนแน่นอน
ไม่ได้หมายความว่า ให้เลิกตรวจสอบความไม่ชอบมาพากล แต่เราควรจะมองไปข้างหน้าได้แล้วครับ
และ ผมเห็นว่า กระทู้นี้ ควรจะคุยกันเชิงวิชาการ อย่างที่ Webmaster ตั้งเจตนารมย์ไว้ มากกว่า การจะพรรณาโวหารกระทบกระแทก กันไปมาจะเป็นประโยชน์กว่าครับ
2..เมื่อคืนฟังจาก TPBS ก็ได้แง่คิดในหลาย ๆ แง่ ขั้นตอนต่อไปคือการกำหนดพื้นที่กันชนรอบตัวปราสาท ( Buffer Zone ) ซึ่งสื่อบางแหล่งก็บอกว่า เราเสียค่าโง่รอบที่ 3 แล้ว อย่างที่คุณ Oldbot บอกมา
ปัญหามีอยู่ว่า เรายังไม่รู้เลยว่า Buffer Zone ที่ว่าเนี่ย มันจะกินอาณาเขตแค่ไหน อย่างไร ใช่หรือไม่ ?
ประการต่อมา ก็ยังไม่มีท่านผู้เชี่ยวชาญท่านใดออกมาบอกอีกว่า แล้วขอบเขตการกำหนด Buffer Zone หละ มันจะต้องทำอย่างไร ?
ถ้ามัวแต่ทะเลาะกัน แล้วไม่ให้ข้อมูลประชาชน มันก็จะเกิดการทะเลาะกันโดยปล่าวประโยชน์
ซึ่ง กรรมการ 7 ชาติ ที่ Unesco จัดมา ไม่มี เขมรรวมอยู่ด้วย มี ไทย , เบลเยี่ยม,จีนแดง,อเมริกา,อินเดีย ฯลฯ
ตรงนี้ เป็นหน้าที่ของ ตัวแทนฝ่ายไทยที่จะต้องเจรจาให้ Buffer Zone มันอยู่แต่รัศมี 30 เมตรรอบตัวปราสาท ตามคำตัดสินของศาลโลกเท่านั้นครับ
ห้ามยุ่งเข้ามาเกี่ยวกับที่ทับซ้อนเด็ดขาด
3..เรื่องชุมชนชาวเขมร 500 ครัวเรือน + วัด นั่น ถ้าจะเล่นกันจริง ๆ
ผมว่าก็ต้องเริ่มย้อนกันไปตั้งแต่ ปี 2543 - 2544 ด้วยเหมือนกัน เพราะรัฐบาลในช่วงนั้นเป็นคนปล่อยให้เขาลงมาอยู่บนพื้นราบ ณ ที่ปัจจุบันนี้
เพราะผมคิดว่า ถ้าไม่พูดถึง ก็จะกลายเป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งไม่ถูกต้อง ถ้าจะหาคนร่วมรับผิดชอบ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด
เพราะฉะนั้น เมื่อ กรรมการเลือกข้างเสียแล้ว (เลือกเขมร) แทนที่จะทำตัวเป็นกลาง คิดว่าเราจะเจอกับอะไรครับ ?
แล้วคิดว่า เราจะมีสิทธิขอเลื่อน หรือ ขอแขวน การพิจารณาไว้ไหม ?
สิ่งที่ผมอยากจะทำต่อไป คือ อยากจะหาข้อมูล การพิจารณาเขต Buffer Zone ที่จะมีการกำหนดกันต่อไปในอนาคต
เมื่อคืนจาก TPBS เขาก็บอกว่า องค์กรพระวิหาร อะไรสักอย่างเนี่ยแหละ ที่เป็นองค์กรใหม่ จัดตั้งขึ้นโดย World Heritage of Unesco ซึ่งมี 7 ชาติที่จะมาเป็นกรรมการกลาง ดูแลพื้นที่ Buffer Zone ที่ว่านี่หละครับ
ข่าวเขาบอกว่า เขาจะเลียนแบบองค์กรนี้ โดยใช้แนวคิด การจัดการ แบบเดียวกับ ที่เขาเคยใช้มาแล้วกับ เมืองพระนคร (นครวัด) ซึ่ง เป็นการจัดการดูแลผลประโยชน์ให้นครวัดนั่นหละครับ โดยมีองค์กรที่ชื่อ อัปสรา หรือ อักขรานี่หละ เป็นองค์กรหนุนอีกทีเพื่อให้ความรู้ด้านโบราณคดีประกอบการตัดสินใจ
สิ่งที่ผมอยากจะเสนอให้ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ผู้ร่วมถกช่วยกันค้นหาข้อมูล
ประกอบ จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดครับ เพราะจะคุยกันได้ง่าย และไม่ไหลไปประเด็นอื่น
ผมไม่สนใจว่า ใครจะบอกให้ผมไปเป็นสัญชาติเขมร หรือไม่ ผมไม่โกรธนะ ไม่เสียใจด้วย แต่ถ้าคิดจะคุยกัน ก็คุยให้จบ ๆ กันไป แล้วก็อย่างอแงอีกนะครับ เอาให้ชัดเจนกันไปเลย
^
^
^
^
อ่ะเห็นด้วย
#buddy
2..เรื่องอธิปไตย ผมมองกลับกันกับคุณโดยสิ้นเชิงครับ
เอาหละ ผมขอสวมวิญญาณเขมรเลยหละกัน ไหน ๆ ก็ไหนแล้ว ผมไม่รักชาติหละทีนี้
ถ้าผมเป็นเขมร ผมจะเล่นประเด็นที่ว่า รัฐบาลไทยอนุญาติ ให้ชาวเขมร 500 ครัวเรือน ลงมาปักหลักตั้งแต่ ปี 2543 แล้ว
ถ้ารัฐบาลไทยมั่นใจว่า พื้นที่ทับซ้อนเป็นของไทยจริง ทำไมถึงอนุญาติให้คนเขมรลงมา ?
มีหลักฐานอะไรบ้างไหมที่จะยืนยันว่า คนเขมรเข้ามาเพื่อเช่าพื้นที่ค้าขาย ? มีหนังสือสัญญาอะไรบ้างไหม ที่จะอ้างได้ว่า รัฐบาลไทยให้ คนเขมรมาเช่าที่ ?
ผมถามแค่นี้หละครับ ผมไม่สนใจหรอกว่า ไทยจะรักษาสิทธิอะไรแค่ไหนก็ตาม ถ้าผมเป็นทนายความเขมร ผมจะต้องต่อศาลโลกแบบนี้
คุณ Buddy หรือ ใครก็ตามจะตอบผมอย่างไร ?
#buddy
1..เรื่องระยะเวลา 40 กว่าปีที่เราขอสงวนสิทธิต่อศาลโลก ผมขอตั้งคำถามกลับดังนี้ครับ
ผมบังเอิญโชคดีได้ฟังอภิปรายไม่ไว้วางใจ รมว.ต่างประเทศ ตั้งแต่ คุณชายสุขุมพันธ์ จนถึง คุณ ศิริโชค พอดี ผมขอตั้งคำถามกลับว่า
(ผมขอพูดคร่าว ๆ รายละเอียดแบบลึก ๆ คงไม่ถูก แต่ขอยกเอาสาระสำคัญประเด็นสำคัญจริง ๆ เท่านั้นนะครับ ถ้าผิดตัวกฏหมายต้องขอยอมรับเลยครับ )
1.1 คุณชายสุขุมพันธ์ กรุณาให้ความรู้ว่า การที่ประเทศเรามีนโนบายหลาย ๆ เรื่องต่อองค์การสหประชาชาติ เช่น เรื่องผู้อพยพลี้ภัย (ถ้าผมจำไม่ผิด) ฯลฯ ซึ่งเราไม่เคยไปทำสัญญา หรือ สนธิสัญญาใด ๆ ประเด็นนี้เลยก็ตามที
แต่เราก็เลือก...เน้นว่า เราเลือกที่จะทำตามแม้ไม่ได้เซ็นต์สัญญาอะไรก็ตามที คุณชายฯ บอกว่า มันจะกลายเป็นเหมือน กฏหมายจารีตประเพณีไป ( Common Law กระมัง ?)
ซึ่ง ผมมองกลับมาในประเด็นตัว ปราสาท ที่เราอ้างกันว่า เรายังคงสงวนสิทธิ์ ที่จะอ้างข้ออ้างใหม่ ๆ ในอนาคต ถ้าเราจะหาได้
ตรงนี้ นักวิชาการส่วนใหญ่บอกว่า เราหมดเวลาอ้างแล้ว เพราะในมาตราที่ 61 บอกว่า เราจะสงวนสิทธิ์ได้แค่ 10 ปี
แต่ คุณชายสุขุมพันธ์ ท่านอ้างต่อไปว่า แต่ใน มาตราที่ 60 ของศาลโลก(กฏบัตรศาลโลกกระมัง ? ) เรายังคงรักษาสิทธิได้ต่อไป ไม่กับประเด็นเดิม ๆ
.......... อะ ผมเชื่อ ตาม คุณชายที่ว่า เรามีสิทธิ์จะอ้างเหตุผลใหม่ ๆ ได้
....แต่... แต่...
ผมถามกลับว่า แล้ว ที่เราปฏิบัติตามมาตลอด 45 ปีมาเนี่ย มันจะไม่เหมือนการทำตัวตามอย่าง กฏหมายจารีตนิยม (Common Law ) หรือไม่ ?
จะกลายเป็นว่า เรายอมกระทำตามมติ ของศาลโลกมาตลอด (แม้จะอ้างว่ารักษาสิทธิอะไรก็ตาม) จนกลายเป็น กฏหมายจารีตนิยมแล้วหรือไม่ ?
ถ้าไม่ใช่แล้วเป็นอะไร ?
ผมอยากให้ถกประเด็นนี้ให้ชัดเจนก่อนอื่นเลยครับ
#Buddy
3.. ผมอยากทราบว่า ทางไทยจะเสนอประเด็นอะไรใหม่ ๆ ไปเพื่อทวงสิทธิที่เรารักษามานาน 45 ปี ดีครับ ?
สันปันน้ำ ?
ภาพถ่ายดาวเทียม ?
วัฒนธรรมการสร้างปราสาท ?
หรือประเด็นอื่น ๆ ครับ ?
ถ้านักกฏหมายไทยมั่นใจ ว่ามีประเด็นที่เราจะทวงคืนเขาได้ ทำไมต้องรอมา 45 ปีครับ ?
อ.ท่านใดก็ได้ ที่ท่านยืนยันว่า เรามีสิทธิอยู่ หรือ นักกฏหมายท่านใดก็ตามที ช่วยกรุณาบอกผมหน่อยเถอะครับ ว่าเราจะเอาประเด็นอะไรไปทวงคืนเขา ?
ผมคิดว่า เราต้องคุยกันให้ชัดเจนสักที ผมไม่อยากจะฟังพรรณาโวหารแบบนักกฏหมาย เพราะผมจบด้านคอมพิวเตอร์มา ผมได้รับการสอนตรรกะที่มีแต่ 0 กับ 1 จริง กับ เท็จ เท่านั้น ไม่มี 1/2 หรือ เทา ๆ หรือ หม่น ๆ
ในตรรกะสมองของผม
ถ้าเรามั่นใจว่า มีเหตุผลใหม่ ๆ จริง ก็ต้องหามาตอบได้ ไม่เช่นนั้น ก็คำกล่าวที่กล่าวมาก็เป็นเท็จครับ
ผมเชื่อว่า คนไทยที่เก่ง ๆ มีเยอะ จบ ดร.ด้านกฏหมายเมืองนอก หรือ เกียรตินิยมเมืองไทยมีเยอะครับ น่าจะหาคำตอบให้ผมได้นะครับ
#Buddy
4.. ตอนนี้เขมร เขาให้สัมปทาน บ.ญี่ปุ่น ทำกระเช้าขึ้นเขาพระวิหารแล้วครับ
ขอวกกลับมาอีกรอบ เรื่อง การขึ้นทะเบียน
ในเมื่อ World Heritage of Unesco จะตะแบง ดันขึ้นให้ได้เฉพาะตัวปราสาท โดย ไม่สนใจ กฏข้อ 88 วรรค A) ที่ผมยกมาประกอบ
แสดงว่า เขาไม่สนใจ สระตราว , สถูปคู่ และ ภาพวาดที่ผามออีแดง (ผมเดาเอานะ) ว่าเป็นส่วนประกอบ
ดังนั้น ถ้าเขาจะอ้าง Buffer Zone มาถึงในบริเวณ สระตราว ฯลฯ ก็ตามที ผมเห็นส่วนตัวว่า ต้องโวยวายอย่างหนักครับ ห้ามอ่อนข้ออีกต่อไป
ถ้ามันยุ่งนัก ก็ลาออกมันซะ ห้วยขาแข้ง , พระนครศรีอยุธยา เราก็คืนเขาไปซะ เราดูแลของเราเองแล้วกัน นี่ผมเสนอวิธีแบบจิ๊กโก๋ปากซอยแล้วนะครับ
ถ้าคุณจะเล่นกับเขา แล้วคุณก็ต้องยอมรับการเอาเปรียบของเขาด้วย
ไม่เช่นนั้น ก็อย่าไปเล่นกับเขาเลยจะดีกว่า
.
ไม่รู้จะว่ายังไง... แต่ผมเห็นด้วยกับท่าน ค๊อฟฟี่มิ๊ก , ท่านไอซ์ , ท่านสกายแมน , ท่าน helldriver , ท่านลอร์ดศรี นะครับ...
. ผมก็ร๊ากกกกชาตินะครับ ... แต่ต้องรักชาติให้ถูกทาง.. นะครับ .... หลาย ๆ ๆ คนพูดได้ แต่มีใครซักคนที่ทำได้บ้างมั้ย.. ????
# Buddy อีกครั้งหนึ่ง
ที่กรุณาเขียนมาว่า
...ประเด็นหลักขณะนี้ของไทยคือ ไม่ใช่การทวงคืนปราสาทพระวิหาร (เพราะยังไม่มีข้อมูลใหม่ที่จะทำได้) แต่เป็นการ...ต้องรักษาไว้ซึ่งการไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลก(แต่ยอมทำตาม) เพื่อป้องกันการอาจจะเสียพื้นที่เพิ่มเติม
ผมก็ขอถามกลับเลยว่า มันจะไปเข้ากรณี ที่ผมถามไปหรือไม่ว่า เป็นกฏหมายจารีตประเพณี (Common Law) ?
ถ้าตอบได้ กรุณาตอบผมด้วยนะครับ
เอาหละครับ ผมคงต้องไปทำงานจริง ๆ จัง ๆ ก่อนซะที (ก่อนจะโดนไล่ออก... 5 55 5 ฐานมาช่วยชาติ )
รบกวน พี่ ๆ เพื่อน ๆ ร่วมบอร์ด ช่วยดูกรณีศึกษา Buffer Zone ของ มรดกโลกที่ต่าง ๆ ตาม Link นี้นะครับ
รบกวน ช่วย ๆ กันแปล แล้วมาลงในกระทู้นี้ก็ดีนะครับ
http://www.law.kyushu-u.ac.jp/programsinenglish/hiroshima/papers.htm
จาก Link ข้างบน มีกรณีศึกษา (Case Study ) เช่น
Buffer Zone and the Auschwitz Case
(http://www.law.kyushu-u.ac.jp/programsinenglish/hiroshima/kowalski.pdf )
อันนี้น่าสน
German Conflicts Related to the Buffer Zone: Cologne Cathedral and Dresden Elbe Valley <--- น่าสนใจ
http://www.law.kyushu-u.ac.jp/programsinenglish/hiroshima/machat.pdf
#Buddy
เรื่องที่คุณบอกมา ผมไม่อยากจะบอกว่า คุณบอกไม่หมดนี่ครับ
ปี 2543 คือปีแรกที่รัฐบาลตอนนั้นอนุญาติให้เขมรลงมาได้
ส่วนที่คุณบอกมานั่นหนะ ผมบอกได้เลยว่า ปี 2549 สมัยทักษิณ เป็นรัฐบาล ดังนั้น
ถ้าจะพูดก็กรุณาพูดให้หมดครับ
-----------------------------------------
ขออนุญาติ แปะลิงก์
http://www.oknation.net/blog/voranai/2008/07/09/entry-1
อยากให้อ่านครับ เป็นการวิเคราะห์ที่เป็นกลาง
ผมไม่ใช่พวกแปะลิ้ม ผม ไม่ใช่พวก รัฐบาล หรือว่าพวกทักษิณผมเป็นคนที่มองตามข้อมูลความเป็นจริง อะไรดีก็ว่าดี ไม่ใช่สักแต่ว่าค้านยันเต
เรื่อง ตัวปราสาท เรายอมรับไปแล้ว่ว่าเป็นของเขมร
แต่ตอนนี้ที่ผม กังวลคือเรื่องพื้นที่ทับซ้อน ที่เขมร อาจะได้ได้ความชอบธรรมเข้ามาจัดการตรงนี้
เราเสียอำนาจต่อรองไป ในการจัดการเรื่องพื้นที่ทับซ้อนในอนาคตซึ่งน่าเสียดาย
ความผิดของนพดล คือ ทำเรื่องนี้งุบงิบ คนไทยไม่รู้เรื่อง มารู้เมื่อสายไปเสียแล้ว หากว่า เรื่องนี้ ไม่งุบงิบ ผมว่า ทั้งสองฝ่ายทั้งไทย และเขมร จะได้ประโยชน์ร่วมกันมาก ตอนนี้มันเลยเถิดกลายเป็น ชาตินิยมคลั่งชาติไปแล้ว
#Buddy
อาจารย์รุ่งอโณทัย บ้านอยู่ในตัวอำเภอกันทรลักษ์ แต่มีพ่อเป็นครูสอนอยู่ใกล้เขากับพระวิหารจึงได้เที่ยวเขาพระวิหารมาตั้งแต่เด็กๆ
ภาพในอดีตคือ เมื่อก่อนเต็มไปด้วยป่ารก มีทางเดินแคบๆ เข้าไป มีร่องน้ำธรรมชาติชัดเจน หน้าฝนมีน้ำไหลตลอดเวลา ไม่เหมือนปัจจุบันที่มองแทบให้เห็นแล้วว่า ร่องน้ำธรรมชาตินั้นเป็นอย่างไร
ตะเข็บแดนนี้ อาจารย์บอกว่ามีคนไทยเข้าไปทำมาหากินอยู่ก่อน เช่นไปเลี้ยงวัว ควาย ไปหาของป่าขาย และเก็บพืชผักต่างๆ มาเลี้ยงชีพ แม้จะมีคนกัมพูชาเข้ามาหากินบ้าง แต่ก็รู้เห็นกันชัดเจนว่าเป็นคนมาจากพื้นที่อื่น พากันมาหากินแล้วก็กลับไป
เขามาจากข้างล่าง รู้ได้จากภาษาพูดของเราไม่เหมือนกัน แม้เราจะพูดภาษาเขมร แต่ภาษาเขมรที่อยู่ในประเทศไทยกับเขมรที่อยู่ในกัมพูชาไม่เหมือนกัน เราฟังกันออก
วันเวลาเปลี่ยนไป เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยก็มาบอกให้คนไทยออกจากพื้นที่ ทำให้คนไทยที่เคยอาศัยอยู่ทำมาหากินอยู่ต้องถอยลงมา ไม่นานวันก็เห็นคนกัมพูชาเข้ามาอาศัยอยู่และหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
อาจารย์บอกว่า แรกๆ เราก็สงสัยเหมือนกัน เขาเข้ามาอยู่ทำไม และคิดไปว่าคงมาอาศัยทำมาหากินชั่วครั้งชั่วคราว เรามองในฐานะคนด้วยกัน เห็นเขาอดอยากเราก็มองเขาด้วยความสงสาร
ไม่เคยคิดว่าเขาจะมาปลูกอาคาร ขายข้าวของเหมือนทุกวันนี้ อาจารย์รุ่งอโณทัยบอก
..........ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายเสนีย์ จิตตเกษม ......
บอกว่าพื้นที่รอยต่อไทยกับกัมพูชาบริเวณเขาพระวิหาร น่าเรียกว่าเป็นพื้นที่ ทับซ้อน หรือพื้นที่ที่ยังไม่มีข้อยุติชัดเจนมากกว่าจะเรียกว่า โนแมนแลนด์
แล้วย้อนอดีตให้ฟังว่า เมื่อปี พ.ศ.2535 ประเทศกัมพูชาเพิ่งจะยุติการสู้รบ ทหารเขมรแดงได้เข้ายึดเขาพระวิหารไว้ ต่อมาต้องพ่ายแพ้ให้กับฝ่ายของฮุนเซ็น ฮุนเซ็นจึงเปิดให้คนเข้าไปท่องเที่ยว
แต่เปิดได้ประมาณ 16 เดือนเท่านั้นก็ต้องปิดอีกครั้ง แล้วปิดเรื้อรังมาจนถึง พ.ศ.2541 กัมพูชาเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจจึงมีการพูดคุยกับรัฐบาลไทยเพื่อเปิดเขาพระวิหารอีก
ช่วงนี้เอง มีคนเขมรเข้ามาทางด้านของเขา ขึ้นมาขายของเล็กๆ น้อยๆ เพราะสงครามกลางเมืองทำให้เขาอดอยาก เรื่องนี้เราทราบกันดี คนพวกนั้นส่วนใหญ่เป็นลูกๆ หลานๆ ของทหารเขมรนั้นเอง พวกเขามาปลูกเพิงเล็กๆ ค้าขาย
ผู้ว่าฯบอกต่อไปว่า ฝ่ายรัฐบาลไทยเห็นเข้าก็ประท้วง แต่ยังไม่เห็นผลอะไร ยิ่งนานวันชุมชนก็ยิ่งขยายขึ้นมาเรื่อยๆ แทนที่จะอยู่ในเขตกัมพูชากลับรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนที่ยังไม่มีความชัดเจนเพิ่มเข้ามาอีก
จากคนไม่กี่คนเพิ่มมาเป็นประมาณ 300-400 คน อยู่กันเป็นชุมชนทำให้เกิดน้ำเน่าเสียมาก แถมปล่อยน้ำลงธารเล็กๆ ไหลลงสระตราวในฝั่งไทย เป็นสาเหตุให้ฝ่ายไทยต้องแก้ปัญหาโดยปิดทางเข้าฝั่งไทยในปี พ.ศ.2544 เพื่อให้ทางกัมพูชาได้แก้ไข
แต่ชาวกัมพูชาก็ไม่ได้ออกจากพื้นที่...แต่อย่างใด
ต่อมาในปี พ.ศ.2546 รัฐบาลไทยกับกัมพูชามีการพูดจากัน แล้วตกลงเปิดให้ผู้คนเข้าเยี่ยมชมเขาพระวิหารอีกครั้ง และฝ่ายกัมพูชามาปิดอีกครั้งเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2551 ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าชาวกัมพูชาอาจไม่ปลอดภัย เพราะมีการประท้วงกันอย่างรุนแรง
ผู้ว่าฯยืนยันว่า การเปิดปิดเขาพระวิหารสามารถทำได้ง่ายกว่าด่านชายแดนสากลอย่าง ปอยเปต อรัญประเทศและช่องต่างๆ เพราะจุดนี้เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ไม่ใช่แดนสากล
http://www.thairath.co.th/news.php?section=hotnews02&content=95738
ปี 41 ใครเป็นรัฐบาล หากันเอาเองนะครับ
ถ้าอยากจะพูดก็พูดให้หมดครับ จะมองว่า ผมเป็นฝ่ายไหนก็เชิญครับ
- ขึ้นทะเบียนมรดกโลก เห็นพูดกันหนักหนาว่าเป็นเรื่องของเขมร แล้วฝ่ายเราไปเซ็นแถลงการร่วมกับเขาทำไม ? ในเมื่อบอกว่าเป็นของเขมร
- ประเทศไทยไม่ใช่ของรัฐบาลนี้ แต่เป็นของประชาชนทั้งประเทศใช่หรือไม่ ?
- แล้วทำไมไม่ชี้แจง ว่าไปทำอะไรมาบ้าง พูดเป็นอย่างเดียว
ผมมาจากการเลือกตั้ง ? ...
- เราควรจะยืนยันแผนที่ ที่เราถือครองไม่ใช่หรือ ? และโต้แย้งไปตามข้อเท็จจริงและ ผลประโยชน์ของชาติและส่วนรวม เพื่อป้องกันกฎหมายที่เรียกกันว่า กฎหมายปิดปาก คือไม่โต้แย้ง ไม่สนใจ เท่านั้น หรือไม่อย่างไร
- การแบ่งเส้นกั้นประเทศ ถ้าไม่ยืนยันตามหลักสากล คือใช้แนวเส้นสันปันน้ำ อนาคตในพื้นที่อื่นๆ ก็จะมีปัญหาตามมาอีกมาก เพราะเขาถือว่าไม่จำเป็นต้องใช้ วันดีคืนดี อาจจะมีการลุกข้ามลำน้ำเข้ามา เพราะไม่ใช้แนวสันปันน้ำ
- โดยเฉพาะในเขตทะเล อนาคตจะเป็นอย่างไรกับเขมร ? แม้กระทั้ง พม่า หรืออาจจะเป็น ลาว อีกมากหลายจุด หากใช้แนวภูมิประเทศ ปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายได้ดีกว่านี้
- มีบางท่านบอกว่าปี 41 รัฐบาลไหนปล่อยให้เขมรเข้ามา ?
- แล้วทำไมไม่บอกต่ออีกว่า ปีต่อๆ มา รัฐบาลไหนไม่ขับไล่เขาออกไป ?
- เขมรอาจจะมีแผนที่ ฝรั่งเศส อยู่หลายฉบับ ถ้าวันข้างหน้าในแนวอื่น ๆ ยึดตามหลักสากล คือใช้แนวสันปันน้ำอีก ปัญหาจะตามมาอีกหรือไม่ ?
แต่ไม่ว่าอย่างไร หลังจากดูภาพข่าวสื่อมวลชน เขมร แล้ว บอกได้คำเดียวว่า น้ำตาไหล ลูกถามว่าพ่อเป็นอะไร
#nova
ขึ้นทะเบียนมรดกโลก เห็นพูดกันหนักหนาว่าเป็นเรื่องของเขมร แล้วฝ่ายเราไปเซ็นแถลงการร่วมกับเขาทำไม ? ในเมื่อบอกว่าเป็นของเขมร
ตอบ
เขาห่วงเรื่องแผนที่ ที่ทางเขมรเสนอขึ้นไปขอเป็นมรดกโลกครับ เพราะทางโน้นส่งแผนที่ฝรั่งเศสออกขึ้นไป ถ้าเราไม่แย้งไปจนต้องมีแถลงการณ์ร่วม เราก้เสียดินแดนแน่นอนครับ
ผมเสริมเลยว่า
พวกที่จะค้านอะไร ขอให้ตอบคำถามที่ผมตั้งไว้บ้าง อย่าค้านแบบหลับหูหลับตาครับ
ลองดูแผนที่ประกอบจะได้เข้าใจมากขึ้น
เส้นประบน คือแผนที่เดิม ที่ ฝรั่งเศสทำทิ้งไว้ให้กัมพูชา ซึ่งทำให้เราเสียดินแดนฝั่งเขมรทั้งหมด สมัย ร.5
ส่วนเส้นประล่าง นั่นของเรายึดถือ สมัยที่เสียปราสาทไป ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2505
ตอนเขมร ขอขึ้นทะเบียน เขายึดเส้นประเส้นบน ซึ่ง ทางเราไม่ยอมให้เขากลับไปแก้ไขแผนที่ จนะได้บริเวณสีขาวข้างล่าง ออกมา
เอ้าลองดู แผนที่ที่เขมรเขาขอขึ้นไป ประกอบ
แนวเส้นประ คือ แผนที่ที่ เขมร ส่งไปให้ คณะกรรมการมรดกโลก และเป็นแผนที่ฉบับเดียวกับ ที่ฝรั่งเศสวางระเบิดเวลาไว้ให้เรา
เทียบกับข้างบน ส่วนสีขาว ๆ ลองคิดเอาเองแล้วกันครับว่า เราเสียอะไรไปหรือไม่แค่ไหน
#Nova และท่านอื่น ๆ
ผมอยากจะให้ท่านที่ค้านทั้งหลายไป สรุปกันก่อนเลยครับว่า
ในแนวคิดของท่าน ตกลงเราจะยอมรับคำตัดสินของศาลโลกหรือไม่ ?
ถ้าไม่ยอม แล้วจะสู้คดีเมื่อไร ?
ผมว่า ถ้าไม่ตกลงปัญหาข้อนี้ให้ชัดเจน ก็ไม่ต้องคุยกันต่อไปแล้ว
เพราะมันคนละแนวทางกันเลย
.........เห็นถามกันมา พอผมถามมั่ง ไม่ยอมตอบที่ผมถามกันเลยสักนิด ....
#NOVA
ที่ถามมาว่า
ถาม
การแบ่งเส้นกั้นประเทศ ถ้าไม่ยืนยันตามหลักสากล คือใช้แนวเส้นสันปันน้ำ อนาคตในพื้นที่อื่นๆ ก็จะมีปัญหาตามมาอีกมาก เพราะเขาถือว่าไม่จำเป็นต้องใช้ วันดีคืนดี อาจจะมีการลุกข้ามลำน้ำเข้ามา เพราะไม่ใช้แนวสันปันน้ำ
ตอบ
ลองกลับไปดูคำตัดสินของศาลโลกครับ ผมตอบได้เท่านี้
และแนวสันปันน้ำของกรณีปราสาทพระวิหารนี้ ไม่ใช่ แนวลำน้ำอย่างที่คุณเข้าใจนะครับ
แนวสันปันน้ำ ของ กรณีปราสาทพระวิหาร คือ ให้ยกเอาเวลาฝนตก แล้วดูว่า น้ำฝนไหลไปทางไหน ตรงนั้นถือเป็นสันปันน้ำ
ไม่ใช่มาดูแนวทางที่น้ำไหลอย่างที่คุณเข้าใจครับ ซึ่งกรณีปราสาทพระวิหาร แนวสันปันน้ำ คือ บริเวณหน้าผาครับ
แต่ศาลโลกไม่สนใจประเด็นนี้
ถ้าไม่เชื่อ ย้อนกลับไปดูคำตัดสินเองครับ เดี๋ยวจะหาว่าผม Make เรื่องอีก
# Nova
ถาม
มีบางท่านบอกว่าปี 41 รัฐบาลไหนปล่อยให้เขมรเข้ามา ?
- แล้วทำไมไม่บอกต่ออีกว่า ปีต่อๆ มา รัฐบาลไหนไม่ขับไล่เขาออกไป ?
ตอบ
ผมขอยกคำพูดท่านผู้ว่ามาเลยครับ
------
ผู้ว่าฯบอกต่อไปว่า ฝ่ายรัฐบาลไทยเห็นเข้าก็ประท้วง แต่ยังไม่เห็นผลอะไร ยิ่งนานวันชุมชนก็ยิ่งขยายขึ้นมาเรื่อยๆ แทนที่จะอยู่ในเขตกัมพูชากลับรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนที่ยังไม่มีความชัดเจนเพิ่มเข้ามาอีก
จากคนไม่กี่คนเพิ่มมาเป็นประมาณ 300-400 คน อยู่กันเป็นชุมชนทำให้เกิดน้ำเน่าเสียมาก แถมปล่อยน้ำลงธารเล็กๆ ไหลลงสระตราวในฝั่งไทย เป็นสาเหตุให้ฝ่ายไทยต้องแก้ปัญหาโดยปิดทางเข้าฝั่งไทยในปี พ.ศ.2544 เพื่อให้ทางกัมพูชาได้แก้ไข
แต่ชาวกัมพูชาก็ไม่ได้ออกจากพื้นที่...แต่อย่างใด <------ชัดเจนไหมครับ
เขาไม่ยอมออกไปครับ คำถามจึงมีอยู่ว่า
ผมกำลังเห็นการเลือกปฏิบัติ เราต่อว่ารัฐบาลชุดหลัง ๆ ที่ปัญหาเริ่มบานปลายในระดับที่ใหญ่มากขึ้น
แต่เราไม่ว่า รัฐบาลตัวต้นเหตุที่เป็นคนปล่อยเข้ามา
เหมือน กรณีหาบเร่แผงลอย เรามาล้อมคอกเอาตอนหลัง ถามว่าแล้วทำไมตอนต้น คุณไม่เข้มงวดกับพวกเขา ?
ถ้าจะเข้มงวดต้องเข้มงวดแต่ต้น ไม่ใช่ ปล่อยเสรี แล้วมาออกกฏหมายเพื่อให้เขาทำถูกทีหลัง แบบนี้ ส่วนตัวเห็นว่าไม่ work ครับ
ผมยังยืนยันเหมือนเดิม ใครจะว่าผมเข้าข้างทักษิณหรือไม่ จะเข้าข้างรัฐบาลใช่ไหม ผมไม่สนใจ ผมทำอะไร ผมรู้ดีแก่ใจผมอยู่
ว่าจะเข้ามาเป็นคนที่ร้อย แต่โดนปาดไปซะแล้ว อดเลย
ขอบคุณครับที่ไล่ให้ผมไปเป็นคนเขมร แต่คงเป็นคนเขมรที่เสียภาษีเงินได้ให้รัฐบาลไทย เป็นคนเขมรที่กระทำตามกฎหมายไทยเหมือนเช่นคนไทยทุกประการ
มาตอบประเด็นกลางๆ ถูกต้องครับที่สันปันน้ำมักจะนำมาเป็นหลักแนวตามธรรมชาติในการปักปันดินแดน แต่ไม่แน่เสมอไป ถ้าอย่างนั้นรัฐที่มีพื้นที่เป็นทะเลทราย จะปักกันยังไงล่ะครับ สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างรัฐเพื่อกำหนดเขตแดน เพราะอย่างที่ทราบ สันปันน้ำมันเปลี่ยนไปได้ตามธรรมชาติ
ส่วนประเทศไทยไม่ใช่ของรัฐบาลนี้ ถูกต้องครับ แต่รัฐบาลได้อำนาจบริหารมาจากกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เรามีประชามติยอมรับกันเมื่อปีที่แล้ว โดยถือว่า สมาชิกสภาผู้แทน เป็นตัวแทนของประชาชน เค้าไปใช้สิทธิใช้เสียงตามระบอบประชาธิปไตยทางอ้อม ที่ว่าทางอ้อมคือเราทุกคนไม่ใช้สิทธิเอง แต่จะผ่านตัวแทน หรือ Nominee ของเราไป
เราควรจะยืนยันแผนที่ ที่เราถือครองไม่ใช่หรือ ? และโต้แย้งไปตามข้อเท็จจริงและ ผลประโยชน์ของชาติและส่วนรวม เพื่อป้องกันกฎหมายที่เรียกกันว่า กฎหมายปิดปาก คือไม่โต้แย้ง ไม่สนใจ เท่านั้น หรือไม่อย่างไร
เราก็ยืนยันตามแผ่นที่ที่เราถือครองอยู่นี้ครับ ลองดูระวางแผ่นที่ของเราซิ แล้วดูว่าเขาพระวิหารอยู่ฝั่งไหน
โดยเฉพาะในเขตทะเล อนาคตจะเป็นอย่างไรกับเขมร ? แม้กระทั้ง พม่า หรืออาจจะเป็น ลาว อีกมากหลายจุด หากใช้แนวภูมิประเทศ ปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายได้ดีกว่านี้
ในทะเลเราไม่สามารถใช้แนวภูมิประเทศได้ครับ แล้วอย่างที่ผมตอบไปด้านบน ทะเลอาณาเขตของเรามีระยะแค่สิบสองไมล์ทะเล ส่วนเขต EEZ นั้นใครก็อ้างสิทธิได้ แต่สุดท้ายอยู่ที่การเจรจาครับ
สำหรับชายแดนลาวที่มีน้ำโขงเป็นแนวกั้นกลาง เราไม่สามารถใช้ร่องน้ำลึกเป็นตัวแบ่งเขตได้ เพราะว่า เรามีสนธิสัญญากับฝรั่งเศสในเรื่องนี้ไปแล้ว ถ้าคุณ Nova คิดว่าไม่ถูกต้องก็ลองวิ่งทะลุกระจกแบบทวิภพเพื่อย้อนเวลาไปยื่นฎีกาดูครับ
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000080917
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000073920
ผมไม่ขอพูดอะไรมากครับ เอาเป็นว่า ประสาทเขาพระวิหารมันเป็นของชาติไทย ชาว สยาม แต่ที่เราต้องเสียให้เขมรปี 2505 เพราะเราสู้ ฝรั่งเศษ ไม่ได้
ปี 2551 ที่เราเสียประสาทเขาพระวิหาร และ ดินแดนโดนรอบ รากยาวไปจนถึง อ่าวไทย รวมแล้วประมาณ 3,500 ไร่ เพราะรัฐบาลชุดนี้ ทั้ง ๆ ที่เราสามารถสู้เขมรได้ทุกกระบวนท่า แต่ทำไมถึงไม่ทำ เพราะอะไร
บางท่านมีความรู้เรื่อง เทคโนโลยีทางทหาร อาวุธของทหาร ได้ดีมาก แต่กับเรื่องการเมือง เรื่องภายในประเทศ ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเพราะนักการเมืองทำ บางท่านกับไม่รู้เลย
ผมว่าเราเลิกเถียงกันเถอะครับ เรามาคุยเรื่อง การทัพ เทคโนโลยีทางทหารกันเหมือนเดิมดีกว่า ผมเองยังต้องการความรู้จากท่านสมาชิกหลายท่าน และต้องการคำชี้แนะอีกเยอะ ถึงเถียงกันไปมันก็ไม่ได้กลับคืนมากหรอกครับ ถ้าไม่เปลี่ยนรัฐบาล ตอนนี้เรายังพอสู้ได้อยู่ครับหนทางยังมี แต่ขอให้เปลี่ยนรัฐบาล ใจเย็น ๆ ครับ ถ้าได้นักการเมืองใหม่ ๆ มาเร็ว ๆ แล้วเป็นคนดีมาบริหารประเทศ ผมเชื่อว่าเราทวงคืนกลับมาได้ครับ
คุณทอแสงครับ ผมก็อยากจะเลิกเถียงกับใครเหมือนกัน แต่ข้อความที่คุณเขียนนี้ ไม่ได้ส่อเลยน่ะครับว่าคุณอยากจะหยุด
อ้อ ขอบคุณสำหรับ Link น่ะครับ ทำให้ผมพึ่งทราบว่า นสพ ผู้จัดการมีมาตั้งแต่สมัยปี ๒๕๐๕ แถมยังได้ไปถ่ายรูปไว้ด้วย
ผมจะไม่ขอตอบอะไรต่อไปอีก เพราะผมไม่อยากให้กระทู้ถูกลบ ผมคิดว่าที่พี่ ๆ เพื่อน ๆ หลายท่านนำเสนอข้อมูลไป เพียงพอแล้วต่อการวิเคราะห์ และ ตัดสินใจของพี่ ๆ เพื่อน ๆ ท่านอื่น ๆ
ท่านใดจะเห็นอย่างไร ผมเคารพสิทธิของท่าน และไม่ขอก้าวล่วงสิทธิของแต่ละท่าน
ผมขอนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยตามนี้
ขอเชิญชวนท่านผู้สนใจและสมาชิกอิโคโมสไทย
เข้าร่วมฟังการบรรยายในประเด็น
ปราสาทเขาพระวิหาร
ในวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 2551
เวลา 16.00 - 18.30 น.
ณ ห้อง 305 อาคารหอประชุม
มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ
โดยมีวิทยากรบรรยายดังนี้
รศ.เสนอ นิลเดช
ดร.พิสิฐ เจริญวงศ์
ศ.ดร.สันติ เล็กสุขุม
รศ.ดร.ศักดิ์ชัย สายสิงห์
นางภารนี สวัสดรักษ์
และรศ.ดร.รัศมี ชูทรงเดช เป็นผู้ดำเนินรายการ
สอบถามรายละเอียดได้ที่
สำนักงานเลขานุการคณะโบราณคดี
คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
ถนนหน้าพระลาน กรุงเทพฯ 10200
โทรศัพท์ 0-2224-7684
โทรสาร 0-2226-5355
งานนี้ฟรีครับ แนะนำว่า ควรสำรองที่นั่งแต่เนิ่น ๆ เพื่อประกันที่นั่งของท่านครับ
จิ๊บจิ๊บแวะมาบอกว่ารักประเทศไทย ดีใจที่เกิดเป็นคนไทย
และมีแฟนเป็นคนไทย ทุกอย่างจิ๊บจิ๊บรักอย่างมีสตินำหน้าเสมอ
ณ วันนี้ และวันพรุ่งนี้คิดเสมอว่าจะทำตัวให้เป็นประโยชน์อะไรบ้าง
ให้กับประเทศชาติ เมื่อวานก็ส่วนเมื่อวานเถียงกันให้ตายก็กลับไปแก้ไม่ได้
คลินิกสุขภาพจิตแน่นทุกวัน แน่นจนล้นเพราะเขาไม่อยู่กับปัจจุบัน กำหนดปัจจุบัน
ให้มีผลต่อเนื่องสู่อนาคต เรื่องการเมืองเถียงกันให้ตาย เถียงกันจนล้มโต๊ะก็ไม่มีวันจบ
ทำไมยังถกเถียงกันเรื่อง ศาลโลกตัดสิน กันอยู่ละคับ
ผลของ คณะกรรมการมรดกโลก ออกมาแล้ว นั้นละคับ ปัญหา
กุมภา ปี 2010 ภาคีกัมพูชา(เจ็ดประเทศที่ยูเนสโกแต่งตั้งให้มาบริหารจัดการจนปราสาทขึ้นทะเบียนจนลุล่วง)ต้องยื่น แผนบริหารจัดการ รวมถึงแผนที่ที่เป็นอันยุติ
การปักปันเขตแดนให้ยุติ นั้นดีแน่ๆคับ แต่ไม่ใช่การตัดสินของ เจ็ดประเทศรวมไทยและกัมพูชา เพราะพื้นที่ทับซ้อนนี้เรากับกัมพูชาควรจะเคลียร์กันเองแค่สองประเทศไม่ใช่ให้ประเทศมาตัดสิน นี่ไม่นับนะคับ ว่า เจ็ดประเทศนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร
นี่ไม่รวมการขึ้นทะเบียน สิ่งก่อสร้างโดยรอบที่เกี่ยวข้องกับปราสาท ตอนนี้เขมรก็ขอคืนวัตถุโบราณไปใส่พิพิธภัณฑ์ที่กำลังสร้าง แล้วโบราณสถานที่เกี่ยวข้องแต่อยู่บนเขตแดนไทย ให้ทำไง จะขุดออกแล้วขนไปให้เขมร หรือว่า ภาคีกัมพูชาจะเสนอขึ้นทะเบียนผนวกรวมไปกับปราสาท
สุดท้ายนี่ ทุกท่านคิดว่า เราควรรอดู กุมภาปี 2010 ดีหรือไม่คับ เสียไม่เสียไม่รู้
ข้อมูลเพิ่มเติมอีก
คำชี้แจง จาก อ.วสุ โปษยานันท์ สมาชิก ICOMOS เรื่องข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ กรณี การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร
http://www.icomosthai.org/iTH_news/PreahVihear/07Truth%20(Th).pdf
จดหมายโต้แย้ง (ภาษาไทย) ของ ICOMOS ถึง Unesco เรื่องกรณีการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร
http://www.icomosthai.org/iTH_news/PreahVihear/01Rebuttal_TH.pdf
เอกสารโต้แย้ง (ภาษาอังกฤษ) ฉบับย่อ ต่อ Unesco กรณีการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร
http://www.icomosthai.org/iTH_news/PreahVihear/02ExecSum.pdf
จดหมายถึง ประธานองค์กร World Heritage of Unesco กรณีการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร
http://www.icomosthai.org/iTH_news/PreahVihear/00Letter.pdf (ภาษาอังกฤษ)
แผนการบริหารจัดการพื้นที่รอบ ๆ ตัวปราสาท ( Buffer Zone ?) จัดทำโดย ICOMOS THAILAND
http://www.icomosthai.org/iTH_news/PreahVihear/03MgnPlan.pdf
ผมขอนำเสนอ รายละเอียดเหล่านี้ต่อ พี่ ๆ น้อง ๆ ร่วมบอร์ดทุก ๆ ท่าน
เมื่อท่าน ได้พิจารณาประกอบแล้ว ก็เป็นสิทธิของแต่ละท่านที่จะเลือกเชือหรือไม่ของท่านครับ
ผมจะไม่ตอบกระทู้นี้ต่อไปอีก อย่างที่ได้เรียนไป ผมไม่ต้องการให้กระทู้นี้ถูกลบเพราะ อยากจะให้ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ได้รับทราบข้อมูลในทุก ๆด้าน
ส่งท้ายนี้ ผมอยากจะฝากให้ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกท่าน ช่วยกัน ศึกษา กรณีศึกษา เกี่ยวกับ การกำหนด Buffer Zone ตามที่ผมแนบ Link ไปให้แล้วข้างบน เพราะผมคิดว่า เป็นสิ่งที่น่าสนใจ และ น่าจะนำมาประยุกต์ได้ไม่มากก็น้อยครับ
ขอบพระคุณครับ ที่ อุตส่าห์ทนอ่านของผมได้ตั้งนาน
เพิ่มสุดท้าย
ท่าที่ของ ICOMOS (สาขาใหญ่ ไม่ใช่ สาขาประจำประเทศไทย ) ต่อการตัดสินของ คณะกรรมการมรดกโลก ที่เมืองควิเบค ประเทศแคนาดา
บันทึกโดย อ.วสุ โปษะยานันท์
http://www.icomosthai.org/iTH_news/PreahVihear/08LatestNews.pdf