ผมเห็นด้วยกับคุณ PEETOH นะครับ ในความรู้สึกส่วนตัวของผม เรามีอาวุธไว้ป้องกันประเทศ เผื่อยามคับขัน ยามฉุกเฉิน แต่ในภูมิภาคนี้ สงครามใหญ่ ๆ เกิดยาก ทั้งมาเลย์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เราฝึกร่วมกันบ่อยครั้ง ผมคิดว่า เราคงไม่มาตีกันเองหรอกครับ ร่วมมือร่วมใจกันรักษาภูมิภาคนี้ร่วมกันดีกว่า เพราะยังมองไม่เห็นเหตุผลหรือความจำเป็นที่ประเทศเพื่อนบ้านเราจะมารบกับเราเลยครับ แต่ไม่ใช่ว่า เราจะมาสบายใจแล้วไม่ใส่ใจกับอาวุธเพื่อป้องกันประเทศเลย อันนี้ก็ไม่ใช่
ถ้ายังไม่มีคนของท.ร.มาตอบ ผมอ่านเจอขอตอบก่อนแล้วกันครับ
อ่าวไทยลึกเฉลี่ย45เมตร ลึกสุด80เมตร เอาเรือดำน้ำแล่นเข้ามามองจากเครื่องบินก็เห็น ส่วนอาวุธปราบเรือดำน้ำคงต้องให้เพื่อนคนอื่นตอบ ส่วนตัวผมเองรู้ว่ามีอาวุธประเภทนี้แต่ไม่มั่นใจว่าตอบไปแล้วจะถูกหรือผิด ส่วนตัวอีกเหมือนกันคือมาเลย์ไม่ได้สนใจจะรบกับเราหรอกครับ เสียเวลาทำมาหากินของเขาเปล่าๆ ทุกวันนี้เขามีเครื่องบินขับไล่พิสัยไกลกับเรือดำน้ำก็เพราะจะเอาไว้คุมหมู่เกาะสแปรดลีย์ครับ
ที่ไหน มีเรือรบ ที่นั่นมี เรือดำน้ำ....
การตรวจจับเรือดำน้ำ ผมคิดว่า คงไม่ได้เหวี่ยงแห ค้นหา ทั้งผืนน้ำของอ่าวไทย...เรือดำน้ำ เป้าหมายภาระกิจหลัก คือ การทำลายเรือฝ่ายตรงข้าม...ดังนั้น เรือรบฝ่ายเรา แล่นไปทางไหน เรือดำน้ำฝ่ายตรงข้าม ก็ควรจะอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้นแหล่ะครับ...หรือ แนวเดินเรือพาณิชย์ เรือดำน้ำ ก็ควรจะเฝ้าทำลายในบริเวณนั้น...การตรวจจับ ก็ควรจะอยู่ในบริเวณที่คิดว่าเป็น เป้าหมายการทำลายของเรือดำน้ำครับ...
ส่วนเรือดำน้ำของ มาเลเซีย ฐานทัพเรือดำน้ำของ มาเลเซีย อยู่ใกล้บริเวณ หมู่เกาะสแปชรี่ย์ ครับ...โดยระดับความลึกของผืนน้ำบริเวณนั้น อยู่ประมาณ 200 เมตรครับ...
และภัยคุกคามทางเรือดำน้ำ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 สำหรับประเทศไทย โดยส่วนใหญ่ จะถูกคุกคามทางฝั่ง อันดามัน ที่มีการปฏิบัติการวางทุ่นระเบิดด้วยเรือดำน้ำ หลายครั้งมากครับ...
ส่วนทางฝั่งอ่าวไทย ตามข้อมูลในหนังสือของกองทัพเรือ ก็มีข้อมูลเพียง 1 ครั้ง นอกนั้นจะถูกวางทุ่นระเบิดด้วย บ. เป็นส่วนใหญ่...และมี เรือ ด. ของสหรัฐ จม 1 ลำ ตามที่มีข่าวมาเมื่อประมาณ 1-2 ปี ที่ผ่านมา ก็เป็นบริเวณทางทะเลอ่าวไทย ครับ...
ด้วยความเคารพ ขอถกด้านวิชาการ ไม่ได้ว่าท่านใดนะครับ
พูดเรื่องนี้ผมจะแยกเป็นสองประเด็นเสมอ คือประเด็นแรก ......
อันที่จริงเรื่องอ่าวไทยตื้นและเรือดำนำปฏิบัติการไม่ได้ เป็นเรื่องที่เกิดมาจากโจมตีกันการเมือง ไม่มีหลักฐานและงานวิจัยที่พิสูจน์ได้ในเชิงวิชาการ (ซึ่งนี่น่าจะเป็นแนวทางให้กองทัพเรือพิจารณาว่าจ้างมหาลัยทำวิจัยร่วมกับกองทัพเรือดูเพื่อหาข้อยุติในแง่วิชาการ) ..... ผมยังยืนยันว่าเรือดำน้ำสามารถปฏิบัติการได้ในอ่าวไทยแน่นอน และการปราบเรือดำน้ำในอ่าวไทยก็ไม่ใช่จะกระทำได้ง่าย ๆ แน่นอนครับ มีหลักฐานจากการฝึกและการปฏิบัติการจริงของเรือดำน้ำค่อนข้างมากครับ
ส่วนประเด็นที่สองคือ .....
ผมไม่เห็นด้วยถ้าทร.จะจัดหาเรือดำน้ำภายในระยะเวลาอันใกล้นี้เนื่องจากเหตุผลที่เรา ๆ ท่าน ๆ ทราบกันดีนั่นคือลำดับความสำคัญของการจัดหา ความพร้อมในแง่องค์ความรู้ และภาวะเศรษฐกิจครับ
ความลึก พี่โตบอกแล้ว
ปัญหาคือ กองทัพเรือมีขีดความสามารถต่ำมาก ในการค้นหาเรือดำน้ำข้าศึก เราซ้อมรบกับไอ้กันบ่อย ๆ แต่เราไม่เคยค้นเจอเรือดำน้ำไอ้กันเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้ง ๆที่เรือดำน้ำของไอ้กันก็ระวางขับน้ำมาก (เรือดำน้ำโจมตี และซึ่งเป็นเรือดำน้ำคุ้มกันกองเรือบรรทุกเครื่องบิน)
แต่ถ้าเจอนะครับ ขอบอกว่า รอดยาก เนื่องจากอ่าวไทยตื้นครับ ส่ง F-27, P-3 หรือ Sea hawk ไปจัดการได้ทันทีครับ เครื่องบินทั้ง 3 ชนิดนี้ติด ตอร์ปิโดได้แน่นอน แต่ซุปเปอร์ลิงซ์ ผมไม่แน่ใจครับ
ขอเห็นแย้งกับ โยครับ
เราจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ เพื่อไว้ป้องปราม และนี่คือจุดอ่อนที่สุดของกองทัพเรือไทย เรือผิวน้ำ เรามีพอแล้ว
อย่าลืมว่าเรามีทะเล 2 ฝั่งทั้งอ่าวไทย และอันดามัน ซึ่งฝั่งอันดามันเหมาะมากสำหรับการปฏิบัติการด้วยเรือดำน้ำ
เศรษฐกิจจะดีหรือไม่ อย่างไร แต่งบประมาณ เพื่อการจัดหาอาวุธก็จำเป็นต้องมีครับ
จะยิงเรือดำน้ำในยุคปัจจุบัน คงอาศัยบรรดา ต. ปราบ ด. ทั้งหลายแหละครับ ไม่ว่าจะเป็นที่ติดตั้งประจำเรือผิวน้ำอย่างมาร์ค 32, แอสรอค หรือที่ติดกับ ฮ. อย่าง ต. สตริงเรย์ หรือมาร์ค 46 หาก ด. โดนเข้าไปก็จมกองก้นอ่าวไทยทั้งนั้นแหละครับ
สื่งที่ควรขบคิดคือจะทำการตรวจจับมันได้อย่างไร ถึงแม้จะตื้น มองด้วยตาเปล่าจากบนฟ้าเห็นได้ง่าย แต่พื้นที่มันกว้างนะครับ แถมเทคโนโลยี่ตรวจจับทั้งสามมิติก็ยังไม่มีความสามารถ 100% หากได้แค่สัก 50% ก็เริดแล้ว สรุปคือมันเป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะตรวจจับ ด. ที่เข้ามาดำผุดดำว่ายเล่นในอ่าวบ้านเรา
หรือจะเอาแบบระบบโซซัสของนาโต้ดีครับ แบบว่าวางไมโครโฟนจับเสียงไว้ทั่วอ่าวไทย ลิ้งค์มาที่สถานีแม่บนฝั่งหรือเรือปราบ ด. ของเรา จากนั้นเมื่อวิเคราะห์ได้แล้วว่าไม่ใช่ฝ่ายเราและมีแนวโน้มว่าจะเป็นภัยคุกคาม ก็ค่อยเอา ฟอคเกอร์ หรือ ซูเปอร์ลิงซ์ ไปหย่อน ต. สตริงเรย์ ให้รับทานสัก 2-3 ลูก ก็น่าจะเอาอยู่นะครับ
หรือจะเอาแบบงบน้อยก็ได้นะครับ มอบหมายให้ประมงไทยทุกลำทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าน่านน้ำไทยไปด้วย แบบอาสารักษาดินแดนนะครับ เฝ้ามองจอโซน่าร์หาฝูงปลาไป เจอะเจออะไรที่ขนาดน้อง ๆ วาฬ ก็ช่วยส่งข่าวให้ ทร. ทราบด้วย ไต้ก๋งมากประสบการณ์ดูจอแวบเดียวก็แยกแยะออกแล้วครับว่าเป็นฝูงปลาหรือว่าเป็นอย่างอื่น ระดับความลึกเท่าไหร่ ขนาดเล็กใหญ่ วิ่งเร็วประมาณไหน อ่านได้หมดครับ ที่เหลือก็ปล่อยให้พี่ใหญ่ (ทร.) เค้าจัดการไป แนวนี้น่าจะเวิร์คนะครับ (พูดจริง ไม่ได้พูดเล่นครับ)
เรียนพี่โต้ง ด้วยความเคารพครับ
ก็จริงครับว่างบประมาณการจัดซื้อสำคัญ และจุดยืนของผมที่มีมาตลอดก็คือเรือดำน้ำจำเป็นและควรซื้อครับ ผมไม่เคยคัดค้านการจัดหาเรือดำน้ำ แต่ถ้าให้ซื้อในราว ๆ อีก 2 - 3 ปีข้างหน้าผมไม่เห็นด้วยครับ เนื่องจากความไม่พร้อมในหลาย ๆ ประการดังที่กล่าวมา เรือดำน้ำควรเป็นโครงการระยะยาวที่ควรจะเข้าประจำการในราวปี 2560 - 2565 ตามแผนงานเดิม (บ.ข. 20 ยังใช้เวลาเกือบ 10 ปีเลยครับนับจากเริ่มโครงการถึงเข้าประจำการ) ....... เพราะถ้าเกิดว่าได้เรือดำน้ำมาแล้ว 2 ลำ แต่เรือฟริเกตต้องลดวันในการออกทะเลลง เครื่องบินต้องลดชั่วโมงบินลง นย. ได้รับแจกกระสุนน้อยลง ผมถือว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่สมควรเกิดขึ้นครับ ..... เรื่องงบประมาณ ผมว่าตอนนี้งบประมาณทางทหารเหมาะสมแล้วคือ 1% ของ GPD การขึ้นงบประมาณทางทหารควรเพิ่มขึ้นเพียงแค่ให้ทันกับภาวะเงินเฟ้อที่ราว 3% ต่อปี หรือราว 6,000 - 10,000 ล้านบาทต่อปีก็พอครับ ไม่ควรขึ้นโดยทำให้กำลังซื้อถ้าสถานการณ์ไม่มีภัยคุมคามใหม่ ๆ เพราะถ้างบเพิ่มมากกว่านี้จะกระทบกับการพัฒนาประเทศในด้านอื่นมากซึ่งไม่จำเป็นอย่างสิ้นเชิง และเหมือนเดิม กองทัพต้องไปบริหารการใช้งบประมาณใหม่ครับ
เรื่องของความลึกน้ำครับผมคิดว่าเรือดำน้ำสามารถปฏิบัติการได้เลยครับ
เพราะหากศึกษาดูทะเลช่วงเกาะสมุยลงไปบริเวณกลางอ่าวไทยมีชั้้น
เลเยอร์เด็ป ซึ่งเป็นชั้นที่มีความแตกต่างของอุณหภูมิน้ำทะเล บริเวณนี้
แหละครับเป็นที่ที่เรือดำน้ำชอบเลยหละ เพราะมี ชาโด่ร์โซน ซึ่งเป็นที่
ซ่อนตัวของเรือดำน้ำเพราะคลื่นเสียงจะมีการหักเหจนทำให้เกิดช่องว่าง
บริเวณชั้นนั้นการตรวจจับด้วยโซนาร์ทำได้ยากขึ้น แต่ก็ระวังอวน
ละกันครับแค่เรือผิวน้ำยังหลบกันวุ่นเลย
ในเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำนั้นเราควรให้ได้มาให้เร็วที่สุดครับ
ถ้ารอถึง ๖๐ คงแย่แน่เพราะในเรื่องของเรือดำน้ำเราขาดช่วงความรู้
(ที่ได้จากประสบการณ์)มานานๆๆๆๆๆมากๆแล้ว
ก็หมายถึงเราขาดไปมิติหนึ่งเลยนะครับ เหมือนกับเรือจักรีฯ
ถ้าเราไม่ได้เรือลำนี้มาความรู้ในการป้องกันภัยทางอากาศให้กับกองเรือเราก็คงไม่มีเหมือนปัจจุบันนี้นะครับ ปัจจุบันปัญหาไม่ได้อยู่ที่ไม่มีเงิน
หรอกครับ อยู่ที่การบริหารจัดการมากกว่า ถ้าเราสามารถรื้อระบบ
ที่ไม่ดีออกแล้วจัดใหม่ได้มันจะได้เต็มประสิทธิภาพกว่านี้ครับ
การที่เรารู้แค่สองมิติก็เหมือนกับเราเข้าใจแค่แกนXแกนY
แต่จะไปคิดสมการที่มีแกนZ มันไม่เห็นภาพเลยจริงๆครับ
เรื่องจะไปพึ่งเรือประมงน่าคิดนะครับ แต่ถ้าได้สัมผัสจริงๆ
จะรู้ว่าไม่มีทางพึ่งได้เลยเรื่องนี้ แค่เรื่องเรือทำผิดกฎหมาย
เรายังเหนื่อยกับการปล่อยข่าวผิดๆเลยครับ พีริสสโคปเนี่ย
ในทะเลก็เหมือนซั้งชัดๆครับ ยากที่จะมองออก การยิงตอ
ครั้งล่าสุดลองไปหาดูซิครับว่าปีไหนรู้แล้วจะตกใจว่าทำไม
อาวุธของ ทร.ต้องรอให้หมดอายุก่อนถึงเอามายิง
ที่เล่ามาเป็นความเห็นนะครับถ้าเห็นแย้งใส่มาเลยครับไม่ต้องเกรงใจ ช๊อบชอบ