2. น่าจะเป็น Carl Gustaf ครับ หรือไม่ก็เป็น ปรส. ที่ทำในสแกนดิเนเวียแน่ ๆ ผมเคยเห็นข้อมูลในรายงานประจำปีของประเทศในแถบสแกนดิเนียสักประเทศ ไม่แน่ใจว่าสวีเดนหรือนอร์เวย์ ในนั้นมีรายงานการส่งออกจรวดต่อสู้รถถังให้ไทย (ตอนนี้ไม่สะดวกคุ้ยลิงค์ ถ้าหาได้จะเอามาแปะครับ)

3. ยินดีด้วยกับ Igla ครับ ยากได้มานาน

4. ขออภัยที่ต้องพูดอย่างงี้ว่า ถ้าซ้ำกัน (หรือแม้ไม่ซ้ำก็ตาม) ก็ไร้สาระน่าดูชม เพราะก่อนหน้าการจัดหา Tavor ก็มีการจัดหา M16A2/A4 ไปแล้วจำนวนหนึ่ง พอจัดหา Tavor แล้วยังต้องมาจัดหา M16A4 คุ่กับTavor อีกรอบ มากันเป็นคู่เลยวู้ย .......... มันมั่วมาก ๆ เลยครับ หรือว่าทบ.กะจะเอา Tavor ให้หน่วยกำลังรบใช้ และเอา M16A4 ให้หน่วยสนับสนุนใช้ ถ้าเป็นแบบนี้ก็อาจจะพอกล้อมแกล้มฟังได้ และอยากจะแนะนำต่อว่าโอน HK33 ไปให้พวกป่าไม้เถอะครับ สงสารเขา มีแต่ลูกซองดวลกับ AK-47

5. น่าจะเป็น ERJ-135 แน่ ๆ ครับ

6. อ่านดูแล้วก็ยังงง ๆ อยู่นิด ๆ ครับ .......... เป็นผลลัพธ์ของโครงการอัศวินหรือเปล่าครับ? ถ้าใช้ก็จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก เพราะการวิจัยเกราะเป็นฝีมือของนักวิทยาศาสตร์ไทยในมหาลัยไทย ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ

7. Mi-17 ยังไม่มีการยืนยันใด ๆ ครับ ...... เห็นมีข่าวอีกข่าวออกมาว่าเป็น ฮ. อีกแบบ รอแหล่งข่าวมายืนยันครับ

8. ผมเห็นในรายงานของ Excess Defense Articles (EDA) พบว่าสหรัฐอนุมัติขาย 7 ลำ นั่นก็คือ 7 ลำที่ทบ.เลือกไว้ครับ อีกลำคงไม่มา ลอง search ดูที่นี่ครับ http://www.dsca.mil/programs/eda/search.asp

ปล. ถ้าลับก็ลบครับ ไม่ต้องห่วง

รายการทั้งหมดนี้ตรงกับข้อมูลงบประมาณปี 2551 ของ ทบ. ที่ผมเคยเอามาลงไว้เมื่อซักพักนึงมาแล้ว (จำ link ไม่ได้แล้วนะ) ทุกโครงการเป็นไปตามนั้นจริงๆ ครับ

Tavor เหมือนว่าจะมาตอนที่มะกันไม่ขายของให้หรือเปล่าครับ คือ มันมีงบฯ อยู่ และต้องใช้อ่ะครับ คราวนี้พอกลับมาเป็นปกติก็เลยเป็น M16A4 อีก เดานะครับ

ส่วนข้ออื่นๆ เสี่ยฯ ได้อธิบายไปหมดแล้ว

จรวด PG-7 อันนี้ข้อมูลออกมานานแล้วคือจัดหาตัวลูกจรวดจากจีนมาใช้กับ คจตถ. RPG ครับ

M72A5 LAW ที่สืบค้นข้อมูลได้เข้าใจว่า คจตถ. รุ่นนี้ยังมีสายการผลิตในโรงงานที่นอร์เวย์ครับ(หรือไม่ก็อาจจะเป็นของ Surplus) ซึ่งสำหรับ คจตถ.แบบใช้ครั้งเดียวทิ้งสำหรับหน่วยดำเนินกลยุทธ์ระดับหมู่รบนั้น ทบ.เองก็มีการทดสอบมาแล้วหลายแบบครับเช่น M136 AT4 กับ PF89 ของจีนเป็นต้น ส่วนเหตุผลที่ ทบ.เลือก M72A5 เข้าใจว่าเพราะมีความน่าเชื่อถือและน้ำหนักเบากว่า AT4 ครับ

Igla สำหรับในภูมิภาคนี้ก็ดูไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใดครับเพราะสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐฯประเทศหนึ่งในภูมิภาคก็จัดหา Igla จากรัสเซียมาใช้งานนานแล้ว(และนำมาฝึกร่วมใน Cope Tiger บ่อยๆ) แน่นอนว่า อวป.จากรัสเซียนี้มีประสิทธิภาสพสูงกว่าระบบจากจีนที่ ทบ.ใช้มานานอย่าง HN-5 หรือ QW-2 ครับ

สำหรับการจัดหา ปลย.ใหม่เพิ่มเติมนั้นเนื่องจากตามข้อมูลกำลังเลือกแบบอยู่จึงไม่ทราบรายละเอียด แต่ตามความเห็นส่วนตัวนั้นคิดว่าการจัดหา M16A4 นั้นน่าจะมาใช้เป็นปืนประจำกายหลักในส่วนหน่วยกำลังรบหลักเช่นหน่วยทหารราบแทน M16A1 เก่าครับ ส่วน Tavor นั้นจะถูกนำมาใช้ในหน่วยรบพิเศษเป็นหลัก(เนื่องจากมีราคาแพง) บางทีการจัดหา ปลย.ใหม่นี้อาจจะจัดหาปืนแทน HK 33 ด้วยก็ได้ครับ

ปรส. เข้าใจว่าคือ M84 Carl Gustav ซึ่งมีข่าวออกมานานแล้ว และ ปก.MAG 58 นั้นก็มีข่าวการจัดหาเพิ่มออกมานานแล้วครับ

การจัดหา ฮ.ลำเลียงใหม่ 3ลำ ถ้าเป็นตามข้อมูลข้างต้นว่าคือ Mi-17V-5 นั้นตรงนี้ส่วนตัวไม่ค่อยจะเห็นด้วยนักครับ ปัจจุบัน ศบบ.ทบ.นั้นมี ฮ.ใช้งานหลักค่อนข้างจะมากแบบครับครับเช่น UH-1, Bell 212 CH-47D และ UH-60L ซึ่งการจัดหา Mi-17 นั้นนอกจากจะต้องทำการฝึกนักบินใหม่แล้วยังต้องจัดหาระบบสนับสนุนและอะไหล่ใหม่ด้วยซึ่งดูจะสิ้นเปลืองงบประมาณเกินไปครับ ส่วนตัวอยากให้จัดหา UH-60L เพิ่มมากกว่า

ฮ.โจมตี AH-1F 7ลำเคยมีข้อมูลว่าจะทำการ Upgrade ระบบอาวุธเพิ่มเติมโดยบริษัทของอิสราเอลครับ แต่จากข้อมูลข้างต้นดูเหมือนว่าจะทำการปรับปรุงเฉพาะโครงสร้างเครื่องที่สหรัฐเท่านั้นซึ่งก็หวังว่าจะมีการจัดหามาจริงๆเสียทีครับ

HMMWV นี่จะเป็นฮัมวีรึเปล่า ประมาณว่าติดเกราะแบบที่USใช้ในอิรักอ่ะครับ แต่อยากให้เป็น อัศวินมากกว่า

1  เอ็ม 72  เก่านั้นคาดว่าปัจจุบันน่าจะหมดคลังไปแล้ว  ดังนั้นการจัดหาใหม่(เป็น เอ็ม 72 เอ 5 ซึ่งใหม่กว่าแบบเก่า) จึงไม่น่าเป็นเรื่องแปลก    แต่เดิมนั้นในส่วนของการจัดหา คจตถ. นั้นเราแบ่งเป็น 2 แบบใหญ่ๆคือ  แบบเครื่องยิงถาวร ซึ่งแบบที่สนใจก็คือ  คาร์ลกุสตาฟ นั่นเอง(ปรส.84 มม. นั่นเอง)   เจ้า คาร์ลกุสตาฟมันก็ ปรส.แบกได้ดีๆนี่เอง(ความจริงไม่น่าจัดมันเป็นจรวดเพราะมันเป็นปืนครับ ลำกล้องมีเกลียว)  ซึ่งก็ได้จัดหามาแล้วจำนวนหนึ่ง และก็กำลังจะจัดหาเพิ่มเติมตามที่นำมาให้ชม   ส่วนอีกแบบคือ แบบยิงแล้วทิ้ง   แต่เดิมแบบที่สนใจคือ เอที 4   ครับ   แต่ถ้าดูจากข้อความข้างบนถ้าเป็นจริงก็หมายความว่า หวยไปออกที่ เอ็ม 72 เอ 5 แทนครับ........ส่วน คจตถ. จีนนั้นเท่าที่ทราบคือ เป็น อาวุธ เสริมครับ จากข่าวลือ คือ เราได้มาตอนเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ครับ(น่าจะพอจำกันได้).........ปัจจุบัน คจตถ. หลักเราคือตระกูล RPG ซึ่งปัจจุบันก็บางหน่วยได้รับ คาร์ลกุสตาฟ ไปบ้างแล้ว   เราลองมาเปรียบเทียบทั้ง 2 แบบกันครับ  คาร์ลกุสตาฟ มันก็ ปลาร้าสับ(ปรส.)แบกได้ดีๆนี่เอง   ลำกล้องมีเกลียว บรรจุท้าย แบบกระสุนเลือกชนิดได้(จะ HEAT หรือ HE หรืออะไรก็ว่ากันไปตามลูกที่มีและชนิดเป้าหมาย)   การใช้งานจริง ยังคงต้องใช้พลประจำ 2 นาย(ไม่นับพลกระสุน) คือ พลยิง และ พลยิงผู้ช่วย(ถ้าใช้คนเดียวในการบรรจุและยิง จะเสียเวลาในการยิงแต่ละนัดมากและไม่คล่องตัว)  น้ำหนักทั้งระบบ(ตัวปืนและกระสุน) มากพอสมควร   เมื่อก่อนเคยเห็นตามภาพที่เป็นทหารฝรั่งถือ ผมยังนึกว่ามันเล็กเลย แต่เมื่อได้จับของจริงและเมื่อเทียบกับร่างกายทหารไทยโดยส่วนมากแล้ว  มันกลับใหญ่มากครับและหนักพอสมควร(ปืนเปล่าหนักประมาณ 10 กก.  พอๆกับ ปก.  แต่มันใหญ่และยาวกว่ามาก)   ศูนย์เล็งเป็นศูนย์กล้อง เพิ่มโชคการยิงและระยะยิงไกล.....มาว่ากันที่ระกูล RPG     น้ำหนักทั้งระบบเบากว่า คาร์ลกุสตาฟ   สามารถใช้งานได้ด้วยคนคนเดียว(บรรจุและยิง)ได้รวดเร็ว(ถ้าฝึกมา)   ศูนย์เป็นศูนย์เปิดเป็นหลัก(บางหน่วยก็มีศูนย์กล้อง)     ระยะยิงใกล้กว่า คาร์ลกุสตาฟ.............ทีนี้หันมามองภัยคุกคามกันบ้าง แน่นอนเป้าหลักของ คจตถ. ก็คือ รถถังและยานเกราะ   แต่ถ้ามองภัยคุกคามที่มีในภูมิภาคนี้แล้วก็คงจะมีแต่ พีที 91 ที่ดูจะใช้ RPG เล่นมันยากหน่อย   แต่ถ้าด้านตะวันตกแล้วละก็  RPG ยังรับมือได้ไม่ยาก และโอกาสที่จะประจันหน้ากับรถถังหรือยานเกราะยังเป็นไปได้น้อย แต่ถ้าเป็นการกระทบกระทั้งตามแนวชายแดนระหว่างทหารเดินดินด้วยกันละก็มีโอกาสมากกว่า........ปัจจุบันหน่วยแรกๆที่ได้ คาร์ลกุสตาฟ คือ หน่วยตามแนวตะวันตก    ยังสงสัยอยู่ว่าในการรบป่าภูเขาแล้ว  ทหารร่างเล็กจะกระเตง คจตถ. ขนาดใหญ่บุกฝ่าป่าดง หน้าผา หุบเขาไปเข้าตีเค้าได้ลำบากแค่ไหน   แต่ถ้าเป็นการตั้งยิงจากยอดเขาสู่ยอดเขาแล้วละก็ คาร์ลกุสตาฟได้เปรียบในเรื่องระยะยิง  และ เลือกแบบกระสุนได้     แต่การเคลื่อนที่ด้วยทหารเดินเท้ามันก็ยังจำกัดในเรื่องกระสุนที่จะนำพาไปด้วย   ต้องกระจายไปยังหมู่อื่นด้วยถ้าต้องการจำนวนมาก...........ดังนั้นส่วนตัวแล้ว เมื่อได้ คาร์ลกุสตาฟ มา RPG ก็น่าจะยังคงอยู่(ซึ่งน่าจะอยู่เพราะมีการจัดหาตัวลูกจรวดเพิ่มเติม)เป็นอาวุธเสริมเพื่อความอ่อนตัวในการใช้ตามแต่ภารกิจ............ส่วนประเภทฟันแล้วทิ้ง เอ๊ย ยิงแล้วทิ้งนั้น  แต่เดิมที่เล็ง เอที 4 ไว้แต่หวยมาออก เอ็ม 72 เอ 5   ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า น่าจะพิจารณาว่า  เอที 4 มันใหญ่และเทอะทะไป(จากภัยคุกคามที่มีโอกาสเกิด)  เลยหันไปหา เอ็ม 72 เอ5 ที่เล็กกระทัดรัดกว่า    หรือไม่แน่ก็อาจจะมีการจัดหาทั้ง เอที 4 และ เอ็ม 72 เอ 5 เลยก็ได้ ก็ต้องตามดูกันต่อไป

2. ตอบไปแล้วครับ  เอ็ม 3 คาร์ลกุสตาฟ   กับ ปรส.84 มม.  คืออันเดียวกันครับ

3. ก็เห็นด้วยในการจัดหา อิ๊กล่า ครับ คาดว่าน่าจะนำมาทดแทน เอชเอ็น 5 ครับ

ส่วนข้อที่เหลือเอาเท่าที่พอทราบละกันครับ......การจัดหา ปก.38  หรือ แม็ก 58 นั้นก็คงเป็นการจัดหาเพิ่มเติมตามอัตราที่ขาดอยู่ตามปกติ......ส่วนเรื่องการจัดหา ปลย. นั้น  ในตอนแรกมีข่าวว่าจัดหา  ปลย. แบบ ทาเว่อ จาก อิสราเอลในขั้นต้น 15000 กว่ากระบอก และบางส่วนก็ได้รับมอบมาแล้วนั้น  ตอนแรกก็เข้าใจว่าเป็นเพราะการทำรัฐประหารเลยหันเหเปลี่ยนแนวทางกันไปเลย        คงจะจัดหามาให้หน่วยรบหลักแล้วโอน เอ็ม 16 เอ 2 ไปให้กับหน่วยรองลงไปที่ปัจจุบันยังใช้ เอ็ม 16 เอ 1 อยู่     แต่ถ้าจากข่าวข้างต้นในเรื่องการย้อนกลับมาจัดหา เอ็ม 16 เอ 4 เพิ่มเติมอีก  มันเลยดูสับสนแปลกๆ ว่าตกลงทบ. ต้องการยังไงกันแน่  จะเปลี่ยนก็เปลี่ยนไม่สุด  ครึ่งๆกลางๆยังไงไม่รู้...........ปืนที่มีความยาวสั้น เช่น คาร์ไบด์  หรือ ปืนบูลพัพ  นั้น   มันน่าจะเหมาะกับหน่วยที่จำกัดในเรื่องการเคลื่อนย้ายหน่วย  เช่น  หน่วยส่งทางอากาศ หรือ หน่วยบรรทุกยานเกราะ(ม้าบรรทุกยานเกราะ หรือ ราบยานเกราะ)  ซึ่ง ทาเว่อ ล็อตแรก หน่วยที่ได้ก็คือ ร.31รอ. ซึ่งก็ตรงตามสเปก คือ หน่วยส่งทางอากาศ และ เป็น กรมพร้อมรบของ ทบ. .......... หน่วยระดับ กรม ต้องใช้ ปลย. ประมาณ 5000 กระบอก  ดังนั้นอีกประมาณ 10000 กว่ากระบอก(ประมาณ 2 กรม)  หน่วยไหนจะได้  ซึ่งถ้าเอากันแบบความเร่งด่วนตามงานจริงและรูปแบบของหน่วยแล้ว  ส่วนตัวคิดว่า น่าจะเป็น  กรมทหารม้าของ พล.ม.1  เพราะต้องออกสนามจริง และ เป็นหน่วยยานเกราะ(แต่ส่วนมากขึ้นสนามจะเคลื่อนที่ด้วยการเดินเท้า)   ถ้ากองทัพบอกว่า จัดหา ทาเว่อมาเพื่อใช้ในการรบในพื้นที่ปิด ในภาคใต้แล้วละก็  ยิ่งฟัง งง ไปกันใหญ่ เพราะปัจจุบัน  หน่วยทั้งประเทศสับเปลี่ยนกันลงหมด  ปืน หมื่นครึ่ง  คงไม่พอแน่นอน ครั้นจะให้หน่วยที่จะลงมาเบิกรับก่อนลงมันก็ฟังแปลกๆ   เลยดู งงๆ ดี คงต้องรอดูกันต่อไปครับ..........และเช่นกันการหวนกับมาจูบปากกับ เอ็ม 16 เอ 4 นั้น ยิ่งทำให้สับสนไปกันใหญ่    ถ้า ทบ. ต้องการ ปืนในระดับ ไรเฟิล แต่มีความยาวไม่มาก เช่น ปืน บูลพัพ แล้ว การจัดหา ทาเว่อ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก  ซึ่งก็น่าจะจัดหามาให้พอ  และถ้า ทบ. ต้องการ ไรเฟิล ทรงเดิม  การจัดหา เอ็ม 16 เ อ 4 ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วเสริมคาร์ไบด์  เอ็ม 4 คู่ขนานไปกับหน่วยที่จำเป็นต้องใช้  ถ้าเป็นเหตุผลจากการปฏิวัติ แล้วทำให้ไม่สามารถจัดหา เอ็ม16เอ4 ได้แล้วนั้น  ก็น่าจะรอไปก่อน 1 ปี เพราะถ้ากลับมาเลือกตั้งใหม่ก็คงจะจัดหาได้เอง แล้วนำงบที่จัดหา ทาเว่อ นั้นไปทำอย่างอื่นไปก่อน    แต่เมื่อตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบไปแล้วด้วยการจัดหา ทาเว่อ ก็น่าจะทำไปต่อให้สุด  ไม่ใช่สับขาหลอกเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา   ลำพัง ซองกระสุนและกระสุนไม่เท่าไหร่ เพราะใช้ร่วมกันได้แต่  อะไหล่อย่างอื่นละ   ส่งกำลังกันมันละคร่าวนี้ นี่ยังไม่นับ ปลก. มินิมิ กับ เนเกฟ นะครับ........แต่สุดท้าย  ได้ก็ดีกว่าไม่ได้ก็ขอให้ใช้งานอย่างคุ้มค่าครับ  และน่าสนใจตรงที่ เอ็ม16เอ4นั้น  จะมีการจัดหาอุปกรณ์เสริม เช่น กล้องช่วยเล็งยิง และอุปกรณ์ช่วยรบในเวลากลางคืนหรือสภาพอากาศปิด มาด้วยหรือไม่  เพราะ ถ้า จัดหา เอ็ม 16 เอ 4 มาแล้วแต่ไม่มีของแต่งเสริมดังกล่าวมันก็ไม่ต่างจาก เอ็ม 16 เอ 2 ที่มีรางพิคาทินนี่ เอาไว้ดูต่างหน้าแก้เซ็ง(เหมือน ตอหม้อ โฮฟเวล) หรือเอามาเกาหลังเล่นหรอกครับ   ปัจจุบัน เรายังอ่อนในเรื่องอุปกรณ์ช่วยรบในเวลากลางคืนมากครับซึ่งมันไม่ได้มีแต่กล้อง ไนท์ วิชั่น กุ๊กกู๋ เอ๊ย ก๊อกเกส เท่านั้น(แม้แต่กล้องกุ๊กกู๋ ก็ยังมีไม่พอเลย) เท่านั้น มันยังต้องมีอย่างอื่นเพื่อช่วยในการเล็งยิงอีก    ยังไงซะขีดจำกัดของมนุษย์ก็ยังมีครับ  ฝึกมามากแค่ไหนแต่ถ้าเป็นกลางคืนที่ร่างกายมีข้อจำกัดแล้วก็คงสู้อุปกรณ์ไม่ได้ครับ......................

 การจัดหา ฮจ.1 เพิ่มเติม 7 ตัว นี่ได้ข่าวมานานแล้วครับ ก็คงต้องรอต่อไปจนกว่าจะได้เห็นตัว............ฮ. รัสเซีย นั้นได้ข่าวลือ มาว่าจะไม่ใช่ มิ 17 ครับ มันเป็น ฮ. ANSAT ซึ่งเป็น ฮ.ขนาดกลาง(น่าจะคลาสเดียวกับปู่ฮิวอี้)   ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าโครงการเดียวกันหรือเปล่า ซึ่งก็คงไม่ใช่มาในงานยุทธการ     แต่ถ้าส่วนตัวแล้ว ถ้าเอา ฮ. รัสเซียจริง  เอา มิ 17 มาดีกว่าครับ  เพราะมาแล้วช่วยแบ่งเบา ชินุค ได้พอสมควร.....................ฮัมวี่ ติดเกราะนั้นส่วนตัวแล้วคิดว่า  มันจะช่วยได้จริงหรือ  เพราะมันกันกระสุนปืนเล็กได้  แต่โดน ไออีดี ใต้ท้องนี่ก็ไม่น่ารอดครับ  ติดเกราะหนักขึ้นคาดความคล่องตัวและเปลือง สป.3 มากกว่าเก่าอีก  มันต้องเป็นรถต่อต้าน ไออีดี อย่าง ลีว่า ที่ว่าจัดหามานั่นแหละครับ   แต่ยังไงซะได้มาก็ดีกว่าไม่ได้ เพราะก็ไม่เชื่อว่าจะจัดหา ลีว่า มาได้พอเพียงอยู่แล้ว......................

ฮ.ANSAT ที่ว่าหมายถึง Kazan ANSAT หรือครับ

แบบแผน ฮ.รุ่นนี้เป็น ฮ.เครื่องยนตร์ฃสองเครื่องยนตร์ขนาดเบาขนาดพอๆกับ Bell 407 หรือ Eurocopter Ecureuil สามารถจุผู้โดยสารไปได้ด้วย 10คนครับ ซึ่งแบบแผนนั้นใช้เครื่องยนตร์และการออกแบบตามมาตรฐานตะวันตกครับ เข้าใจว่าน่าจะใช้แบบเดียวกับ ฮ.Bell 206 ที่ ทบ.มีอยู่ในงานด้านธุรการ

ยังมี ฮ.ANSAT อีกแบบที่เป็น ฮ.ตรวจการณ์ติดอาวุธเบา ANSAT 2RC ซึ่งเป็น ฮ.ที่นั่งเรียงดันแต่มีห้องโดยสารภายในสามารถบรจจุผู้โดยสารหรือผู้ป่วยได้ 2-4คน ครับแต่คิดว่าที่จะจัดหามาคงไม่ใช้รุ่นนี้ครับ

ครับ เป็น ANSAT รุ่นนี้ล่ะครับ จำนวนเท่าที่ทราบคือ 8 ลำ ได้รับมาตามโครงการชำระหนี้ข้าวด้วยอาวุธของรัสเซีย ......... ที่ยังสงสัยก็คือ ทบ. มีโครงการที่ทำอยู่คือโครงการจัดห ฮ. โจมตีเบาเพื่อใช้งานในภาคใต้จำนวน 14 ลำ ทบ. จะเอาเจ้า ANSAT มารวมในโครงการนี้หรือไม่? (โดยส่วนตัวคิดว่าไม่)

แต่โดยส่วนตัวถ้าให้เดา ฮ. ANSAT น่าจะเป็นเพียง ฮ. ธุรการมากกว่าครับ .......... อันที่จริงถ้าให้คุ้มค่า น่าจะติดอุปกรณ์ให้มันเป็น ฮ. MEDIVAC ไปด้วยจะดีที่สุดครับ ขนนายพลอย่างเดียวกับขนนายพลด้วยขนคนเจ็บด้วย อย่างหลังฟังดูน่ารักกว่าเยอะครับ

ขนนายพลด้วยขนคนเจ็บด้วย <----- เดี๋ยวเลือดจะเปื้อนเบาะหนังกับเครื่อง MP3 ครับ หุหุหุ

^
^
^
ฮ่วย ....... งั้นเดี๋ยวติดระบบ Eject นายพลทิ้งไปก็หมดปัญหาครับ

ปล. กลายเป็นกระทูกองทัพเรือ ...... เพราะเริ่มออกทะเล