ผมไม่ก็แน่ใจว่ากระทู้นี้จะเป็นบทความหรือไม่ แต่ว่าผมมีความต้องการที่จะระบายความรู้สึกอัดอั้นมากกว่าเกี่ยวกับโครงการจัดหาและพัฒนายุทโธปกรณ์ของกองทัพที่ผ่านๆ มา และที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ถ้าเพื่อนสมาชิกท่านใดมีความเห็นเช่นไรก็เสริมเพิ่มเติมได้นะครับ
ในมุมมองของประชาชนผู้เสียภาษี ในมุมมองของประชาชนคนหนึ่งที่เฝ้ามองทิศทางการพัฒนากองทัพ พัฒนายุทโธปกรณ์ในโครงการของกองทัพ ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกได้ คือความไม่สมบูรณ์พร้อมซึ่งสมรรถภาพ ประสิทธิภาพของยุทโธปกรณ์ คงเป็นความจำกัดของงบประมาณในการจัดหานั่นเอง เป็นปัจจัยบังคับ จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการ ความคาดหวังสูงสุดในความทันสมัย และประสิทธิภาพของยุทโธปกรณ์เหล่านั้น ทางออกของกองทัพก็คือเน้นปริมาณให้เพียงพอแก่ความต้องการ ชดเชยประสิทธิภาพที่ด้อยลงไป แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่ากองทัพซื้อของไม่ดีมาใช้ แต่หมายถึงว่ามีประสิทธิภาพ ความทันสมัยระดับหนึ่ง ไม่ล้าสมัยจนเกินไป พอรับมือกับภัยคุกคามที่ประเมินไว้แล้วได้� และอยู่ในความสามารถที่จะจัดหาได้ตามงบประมาณที่มี พอรับมือได้ คำนี้สะกิดใจผมมาก ถ้าพูดให้ตรงก็คือโอกาสความเสี่ยง 50:50 ...ครับ..ชวนให้นึกถึงการแข่งขันชกมวยชิงแชมป์ของนักมวยไทย ที่ชกป้องกันตำแหน่ง หรือชิงแชมป์โลกกับคู่ชก ก่อนชกเทรนเนอร์ หรือผู้จัดการนักมวย มักจะพูดว่ามีโอกาส ห้าสิบ ห้าสิบ แพ้ชนะเท่ากัน...ซึ่งการที่เป็นเช่นนี้ผมว่าเสี่ยงมากต่อความมั่นคงของชาติ เกียรติและศักดิ์ศรี รวมถึงเกียรติภูมิของชาติ
ทีนี้มาดูกันว่าที่ผ่านมา และในอนาคตกองทัพจะทำอะไรกันบ้าง ณ ที่นี้ผมไม่ลงรายละเอียดว่ากองทัพจะจัดหาอะไรบ้าง แต่ผมจะขอวิจารณ์เป็นข้อสังเกตในบางโครงการ...
กรณีของกองทัพบก มีรถถังส่วนหนึ่งที่เก่า และล้าสมัย ถึงเวลาหรือยังครับที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง จะซื้อของใหม่ หรือจะปรับปรุงของที่มีอยู่ให้ทันสมัยเหมาะสมต่อภัยคุกคาม แต่ไม่ว่าจะเลือกหนทางใดขอให้คำนึงถึงความคุ้มค่า และประสิทธิภาพสูงสุดที่คาดหวังได้ต่อการต้านทานภัยคุกคาม สามารถตอบโต้ ตีโต้กลับด้วยความแน่นอนเฉียบขาด มีความอยู่รอด เชื่อถือได้
กองทัพเรือ โครงการเรือรบอเนกประสงค์ เรือหลวงนเรศวร ที่ประจำการมานานแล้วจนป่านนี้ยังไม่มีอาวุธต่อต้านภัยคุกคามทางอากาศที่มีประสิทธิภาพ ดูเหมือนจะอ่อนด้อยในการรับมือกับภัยคุกคามจากอาวุธนำนำวิถีทั้งจากเรือรบด้วยกันเอง หรือจากเครื่องบินรบในปัจจุบัน
โครงการปรับปรุงเรือรบหลวงชุดเจ้าพระยา จากที่ได้รับทราบมาจากข่าว หรือที่มีการแสดงความคิดเห็นของผู้สนใจทางด้านการทหารว่าทางกองทัพเรือจะมีโครงการปรับปรังอาวุธให้กับเรือชุดนี้ ซึ่งเป็นการปรับปรุงในส่วนอาวุธนำวิถีต่อสู้เรือรุ่นใหม่ กับเรดาร์ และระบบควบคุมการยิงใหม่ แต่ในส่วนของอาวุธต่อต้านภัยทางอากาศจะจัดหาในโอกาสต่อไปถ้ามีงบประมาณ จะจัดหาในโอกาสต่อไปถ้ามีงบประมาณ คำนี้ผมได้ยินมาหลายโครงการ ผ่านมาหลายปี โครงการนั้นก็ไม่ได้มีการดำเนินการต่อเลย...เงียบหาย...พอเถอะครับ หากจะทำอะไรก็ขอให้ทำให้ดี ให้ครบถ้วนในครั้งเดียวเลยครับ ถ้าหากจะบอกว่าไม่มีงบประมาณก็ชลอไว้ก่อนจนมีงบประมาณแล้วค่อยจัดหา แต่ถ้ารอไม่ได้ก็ต้องชี้แจงพลักดันให้รัฐบาลเห็นความสำคัญ สนับสนุนงบประมาณให้ได้ อันไหนต้องมี อันไหนต้องทำ อันไหนจำเป็น ผมว่าทุกฝ่ายน่าจะคุยกันเข้าใจได้
กองทัพอากาศถือว่าสำคัญมากในแง่ที่ใช้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ที่ใช้ต่อต้าน ตอบโต้ภัยคุกคามด้วยความรวดเร็ว รุนแรง แม่นยำ ทันการ และตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ของการใช้พลังอำนาจได้ดียิ่ง ดังมีตัวอย่างให้เห็นในหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการของสหรัฐอเมริกาต่ออิรัก หรือ อิสราเอลต่อประเทศอาหรับที่เป็นภัยคุกคาม...กองทัพอากาศกับโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ดูเหมือนจะเน้นการป้องกันมากกว่า ประสิทธิภาพการตอบโต้ในเชิงรุกดูจะด้อย ทั้งนี้ดูได้จากยุทโธปกรณ์ที่จัดหา แต่หากจะเล่นบทผู้รับ ก็ต้องเป็นผู้รับให้ดีที่สุด ยุทโธปกรณ์ที่จัดหาก็ต้องประกันได้ว่าจะรับมือกับภัยคุกคามได้ด้วยความมั่นใจ ไม่ใช่บอกว่าแค่พอทัดทาน มันจะเข้าอีหรอบความเสี่ยงแพ้ ชนะ 50:50 อย่างนี้เสี่ยงเกินไป...
โครงการปรับปรุงตามโครงการ MLU เอฟ-16 ก็ต้องเร่งทำโดยเร็ว
โครงการจัดหา Gripen เฟส2 ก็ต้องทำ
และต้องไม่ลืมโครงการอาวุธป้องและต้านทานกันภัยทางอากาศด้วย...
�
โครงการอะไรที่พึ่งพาตนเองได้ก็ต้องทำ ด้วยความมุ่งมั่น แน่วแน่ พึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด...ส่วนอะไรที่ทำเองไม่ได้ก็ซื้อเขา...แต่สิ่งที่ทำเองไม่ได้วันนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องซื้อเขาไปตลอดกาลนะครับ...ขอให้ทางกองทัพวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีนั้นๆ ไปด้วย ทำเป็นโครงการอย่างจริงจัง เพื่อที่วันหนึ่งจะได้ไม่ต้องซื้อเขา ทำขึ้นใช้เองได้ อีกแนวทางหนึ่งที่พูดถึงกันและผมได้ยินมาพอสมควร ว่าเทคโนโลยีบางอย่างที่เราซื้อเขาในปัจจุบัน สถาบันการศึกษาด้านเทคโนโลยีในประเทศบางแห่งก็สามารถทำได้ ฉะนั้นกองทัพควรจะแสวงหาความร่วมมือในด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในด้านการทหารกับทางภาคเอกชนด้วย
การจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพ ยุทโธปกรณ์ใดที่ยังขาดอยู่ และต้องจัดหาเร่งด่วนก็ต้องรีบดำเนินการ โครงการใดที่ต้องเตรียมจัดหาตามมา หรือโครงการใดที่ต้องศึกษาก่อนเพื่อให้สอดคล้องกับภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า ก็ต้องเตรียมการและศึกษาต่อไป
ทั้งหมดทั้งสิ้นผมไม่อยากให้กองทัพไทยมีจุดอ่อน อยากให้มีประสิทธิภาพสูงสุด...ขอให้เรียนรู้ความผิดพลาดในอดีต...แก้ไขซะวันนี้...แล้วมองสู่อนาคตด้วยความรอบคอบ...และเฉียบแหลม...
�
�
กระทู้นี้ ผมชอบมากในเรื่อง
�
1. ทุกคนพยายามเขียนภาษาไทย ให้ถูกต้อง
2. มีเนื้อหาสาระดีมาก
�
ดังนั้น เวบมาสเตอร์ ขออนุญาตปักหมุด ครับ
จริงครับ ที่คุณจขกท.พูดมาก็ถูก ....... ยังไงจขกท. พูดสิ่งที่ควรเป็นไปหมดแล้ว ผมขอพูดประเด็นอื่นบ้างครับ
สิ่งที่ผมอยากเห็นกับกองทัพมากที่สุด คือเรื่องคนครับ ...... กองทัพจำเป็นต้องลดขนาดลง และปฏิวัติการบริหารจัดการงบประมาณใหม่ ....... งบเท่าไหร่ก็ไม่พอถ้าเรายังบริหารงบประมาณกันไม่มีประสิทธิภาพ อย่างเช่นเรื่องโครงสร้างงบประมาณของกองทัพ ที่กลับเป็นเงินเดือนกว่า 60% ทั้ง ๆ ที่แนวทางที่ถูกต้องนั้นงบประมาณที่จ่ายเงินเดือนควรอยู่ที่ 30% - 40% เหมือนในกองทัพของประเทศอื่น ๆ ....... ผมไม่ได้บอกว่าให้ลดเงินเดือนทหารหรือไล่คนที่เคยรบ ๆ กันมาสมัยสงครามคอมมิวนิสต์ออก พ่อแม่ผมก็ข้าราชการ เงินเดือนคนละสองหมื่นบาท ผ่อนบ้าน จ่ายหนี้ก็หมดแล้ว ผมเข้าใจดี ....... แต่เรื่องนี้มันอยู่ที่ระดับนโยบายที่ต้องใช้เวลาทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งผมอยากให้มันเป็นความจริง กองทัพควรจะต้องเล็กแต่มีประสิทธิภาพแบบที่คุณ tantongs กล่าวมา ....... อ่านใน Top Gun ได้ยินว่าปีที่แล้วท่านรมต.กลาโหมสามารถปรับลดตำแหน่งนายพลออกไปได้ถึงกว่า 30% ซึ่งนั้นถือสิ่งที่ควรทำครับ โครงสร้างกำลังพลต้องลดลง บางหน่วยที่ไม่จำเป็นต้องยุบหรือหาทางควบรวม อะไรที่ทำเองแล้วเปลือง จ้างเอกชนทำครับ ซึ่งก็คือการ Out Source สิ่งที่กองทัพไม่จำเป็นต้องดูแลเอง ....... พอจำนวนคนลด งบประมาณที่จะนำมาพัฒนาก็มากขึ้น และกำลังพลที่ยังอยู่ก็จะได้สวัสดิการดีขึ้น ....... ผมพูดแบบนี้ หวังว่าทุกท่านคงเข้าใจเจตนานะครับ
อีกเรื่องคือเรื่องของการสื่อสารกับประชาชน ผมเข้าไปในเว็บของท่านท้าวทองไหล อ่านความเห็นหนึ่งที่นายทหารท่านหนึ่งมามาโพสแล้วเศร้าใจเป็นที่สุด ........... กองทัพซื้ออาวุธเราไม่จำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ ............. ขอพูดตรง ๆ ว่ารถเกราะยูเครนที่ถูกคนด่ากันทั้งเมือง มันก็สมควรแล้ว เพราะแม้แต่ผมกับสมาชิกหลาย ๆ ท่านก็ยังไม่อยากจะเชียร์ เนื่องจากพวกเราเองก็ยังไม่มั่นใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ .... เลิกได้แล้วครับความคิดหลงยุคแบบนี้ เท่าที่เห็นมีแต่กองทัพอากาศเท่านั้นที่ทำงานประชาสัมพันธ์ได้ดีมาก ดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา เรื่องอื่นไม่รู้ แต่ในด้านการบริหารกองทัพ ถือว่าท่านชลิต ผบ.ทอ. สอบผ่านอย่างไร้ข้อสงสัย ทร.เองแม้ว่าจะทำได้ไม่เท่ากับทอ. แต่เท่าที่เห็นผมก็พอใจมาก เช่นการทำเว็บไซต์ของโครงการที่ดำเนินการอยู่ ทำสมุดปกขาวชี้แจงในกรณีที่มีข้อสงสัย (ทร.ทำมาก่อนใครเพื่อน) หรือการประกาศผลการประมูลในหน้าเว็บ อันนี้ถูกต้องครับ ส่วนทบ. น่าเสียใจที่ผู้บริหารยังเต็มไปด้วยความคิดที่ล้าหลัง ทบ. อย่าชี้แจงแต่เพียงว่า จำเป็นและขอให้มั่นใจเลยครับ เรื่องนั้นใคร ๆ ก็รู้ แต่ข้อครหาของสังคม ทบ. ต้องตอบและชี้แจงในวงกว้าง และควรชี้แจงในทุกประเด็น ไม่ใช่ .... ขออภัย เอาแต่ว่าคนอื่นว่ามีผลประโยชน์ ...... ขอให้ทบ. มอง ทร. และ ทอ. เป็นตัวอย่างครับ .... การบอกว่าเราซื้ออะไร ซื้อจากใคร กระบวนการคัดเลือกเป็นยังไง ทำไมถึงต้องซื้อ ที่เลือกอาวุธรุ่นนี้เพราะอะไร ข้อดี ข้อเสียคืออะไร ประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับคืออะไร เป็นสิ่งที่ควรบอกและไม่ใช่ความลับ (กองทัพหรือเว็บต่างประเทศเขาบอกมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ข้อมูลในฐานข้อมูลต่างประเทศ รู้ถึงขึ้นที่ว่าอาวุธนี้ออกมาจากโรงงานวันไหน) อย่าไปกลัวว่ามันจะเป็นความลับให้ศัตรู ข้อมุลในระดับนี้ Janes Information Group เขาก็รู้ดี ใครจะมาซื้อไปก็ได้ แต่น่าเสียใจที่ประชาชนคนไทยแท้ ๆ กลับไม่เคยได้รู้ ........ เงินภาษีของผมและของคนไทย ผมต้องการรู้ว่ามันถูกใช้ไปอย่างไร เปลี่ยนความคิดได้แล้วครับ ........ อย่าทำให้กองทัพคือแดนสนธยาเลย
ซึ่งถ้ากองทัพทำทั้งสองอย่างนี้ได้ การที่จะอธิบายให้รัฐบาลและประชาชนเข้าใจถึงความจำเป็นของโครงการใด ๆ ก็ง่ายขึ้น เพราะทุกคนจะเห็นว่ากองทัพพยายามปฏิรูปตัวเองแล้ว และสิ่งที่กองทัพสื่อสารออกมาจะช่วยกองทัพเอง ใจจริงผมอยากให้กองทัพทำ Annual Report แบบบริษัทในตลาดหลักทรัพทย์ด้วยซ้ำ .... อย่างกรณี บ.ข. 20 ผมบอกได้เลยว่ามันล้มแน่นอน ถ้าทอ.ไม่ทำงานเชิงรุกมาเป็นปี ..... ผมขอชื่นชมไว้ตรงนี้เลยว่า ทอ. ทำงานถูกต้องครับ
สิ่งที่สำคัญที่สุด กองทัพก็ถือเป็นหน่วยงานราชการหน่วยงานหนึ่ง อยู่ใดบังคับชัญชาของคณะรัฐบาลและมีประชาชนเป็นเจ้านายเช่นเดียวกับหน่วยอื่น มีศักดิ์มีสิทธิไม่ได้มากหรือน้อยกว่าหน่วยงานราชการอื่น ........ ผมพูดอย่างนี้หวังว่าคนในกองทัพคงเข้าใจนะครับ
อีกเรื่องหนึ่ง การฝึก ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี งานด้านกำลังพล และสายวิทยาการอื่น ๆ ในกองทัพ ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทัพละเลยมานาน กองทัพควรจะกลับมาสนใจอย่างจริงจังได้แล้วครับ อะไรที่หลงยุค ไม่ทันสมัย ไม่เข้ากับเหตุการณ์และสถานการณ์ปัจจุบัน ...... ปรับเสีย เปลี่ยนเสีย เลิกเสีย เพราะถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่ดี ....... ต่อให้อาวุธดีหรือพร้อมสมบูรณ์แค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์ครับ
เชื่อว่ากองทัพอ่านบอร์ดนี้อยู่ ....... คนในเว็บนี้เป็นพลเรือนที่อยู่ระหว่างกลางของกองทัพและประชาชนทั่วไป ผมไม่ได้ดูถูกคนอื่น แต่เชื่อว่าพวกเรามีความรู้ด้านนี้ดีกว่าสาธารณชนทั่วไป มีความเข้าใจในความจำเป็นของกองทัพมากกว่าประชาชนกลุ่มอื่น แต่ด้วยความเป็นพลเรือน เราก็เห็นความเป็นไปในแบบของพลเรือนเช่นกัน ........ หวังว่าเสียงของพลเรือนกองทัพคงจะรับฟังและนำไปปฏิบัติให้สมกับสิ่งที่กองทัพบอกว่ากองทัพคือกองทัพเพื่อประชาชนจริง ๆ ครับ
เห็นด้วยกับความคิดเห็นของทุกท่าน ข้างบนครับ...สำหรับผม สิ่งที่เป็นตัวบั่นทอน การพัฒนากองทัพที่สุด คือ การรัฐประหาร และการเข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมืองของทหาร ตราบใดที่ กองทัพไทย ยังไม่สามารถลบล้าง สิ่งพวกนี้ไปได้...ผมก็มีความเชื่อโดยส่วนตัว อีกว่า...สิ่งที่หลายท่านต้องการอยากให้เป็น ไม่มีวันเป็นจริงได้ครับ....
การจัดหา จัดซื้อ อาวุธ มันไม่จำเป็นต้องอาศัย งบประมาณจากรัฐบาลเพียงอย่างเดียว...เมื่อกองทัพมีความจำเป็น ต้องมีการจัดหาอาวุธเข้าประจำการ เพื่อให้ทัดเทียมกับภัยคุกคามทางการทหารในปัจจุบัน...การออกพันธบัตรรัฐบาล หรือ การออกเงินกู้ภายในประเทศ ก็สามารถทำได้ และเป็นอีกแนวทางหนึ่ง ในการช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ และการเงิน การคลัง ของประเทศ....การระดมเงินกู้ภายในประเทศ หรือ การออกพันธบัตร เพื่อจัดซื้ออาวุธ จะมีระบบการตรวจสอบการใช้จ่าย ที่นอกเหนือจาก กองทัพผู้สั่งซื้อเอง และจากการเมือง...
และจะเป็นสิ่งหนึ่ง ที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน และมีความเชื่อมั่นว่า การจัดซื้อมีความโปร่งใสเพียงพอ....
แต่ปัจจุบัน ประเทศไทย ไม่มีทางที่จะทำได้...เพราะ กองทัพไทย ยังเป็นสถาบันการเมือง ไม่ใช่ สถาบันกลาโหม...การจัดหาเงินสนับสนุนการซื้ออาวุธจากเงินนอกงบประมาณ หรือเงินกู้ต่าง ๆ ไม่มีใครเชื่อถือ...แม้แต่ ผู้ขายอาวุธ ก็สามารถให้สินเชื่อกับประเทศไทยได้ ในการจัดซื้ออาวุธ แต่เขาไม่เชื่อมั่น ในความมั่นคงทางการเมือง...
สหรัฐ ที่เป็นมิตรประเทศ ผมคิดว่า เขาก็ยังมีความเชื่อในอดีตหลังสงครามเวียดนาม ที่เขายังคิดจนถึงปัจจุบันว่า เขาคิดไม่ผิด คือ เขาก็กลัว กองทัพไทย จะเกเร...และทำให้เกิดการ แข่งขันสะสมอาวุธในภูมิภาค...ซึ่งมันก็เป็นผลมาจาก การเข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมืองของกองทัพนั่นแหล่ะ...เรื่อง ระบบอาวุธในเชิงรุก ของกองทัพไทย ผมจึงยังมองไม่เห็นว่า ไทย จะมีเข้าประจำการได้ แบบมีประสิทธิภาพเพียงพอ...คงจะทำได้เพียง ระบบอาวุธเชิงรับ แบบมีประสิทธิภาพ เท่านั้น...
ขอปรบมือให้กับข้อเขียนดีๆของทุกท่านครับ
ขอบคุณท่าน จขกท. ด้วยครับ ที่ตั้งกระทู้ดีๆมาให้เพื่อนๆแสดงความเห็นกันครับผม
หลังจากที่บอร์ดของเราเงียบมาพักนึงแล้ว เยี่ยมครับ
ส่วนตัวผมขอทำตัวเป็นผู้อ่านที่ดีนะครับ ^ ^
กระทู้นี้ดีครับ และเดี๋ยวผมจะนำลิงก์ไปแปะในเว็บบอร์ดของรุ่นผมด้วย
การประชาสัมพันธ์นั้น ณ ตอนนี้ผมก็เห็นด้วยว่า ทบ. นั้นยังล้าหลังและตกยุคเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีอยู่ โดยหลงลืมไปว่า ปัจจุบันนั้น เทคโนโลยีด้านสาระสนเทศไปถึงไหนแล้ว...........เห็นด้วยเป็นอย่างมากสำหรับโครงการจัดหา กริฟเฟ่นของ ทอ. ว่าดำเนินงานด้าน กร. ในการประชาสัมพันธ์ได้ดีมากๆ จนโครงการสามารถดำเนินการผ่านไปได้ เรียกได้ว่าไร้ข้อกังหา.....ซึ่งตรงข้ามกับโครงการณ์ยานเกราะล้อยางของ ทบ. โดยสิ้นเชิง........
การลดขนาดกองทัพนั้นเราต้องมาพิจารณาก่อนว่า ปรับลดยังไงและแบบไหนถึงจะเรียกว่าพอเหมาะ.......ส่วนตัวแล้วขอยอมรับเลยว่า ปัจจุบัน พีรามิดสัดส่วนของกำลังพลแต่ละชั้นยศนั้นมันไม่สมดุล คือ หัวมากไป พีรามิด เลยฐานแคบ และมีหัวที่ว่างงานมาก และ ที่สำคัญคือ เกิดการดิ้นรนของหัวที่ว่างงานเพื่อไปอยู่ตำแหน่งที่มีกำลังคุมจริงๆ เกิดความชุลมุนวุ่นวายตลอดช่วงการย้ายต่างๆ
ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยว่าสัดส่วนงบประมาณมันไม่สมดุล......ก็น่าแปลกที่งบประมาณในส่วนของเงินเดือนนั้นมากถึง กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของงบทั้งหมด แต่ เงินเดือนเมื่อตีเป็นรายหัวแล้ว ไม่ได้มากเลย
ในระดับกำลังพลปฏิบัติส่วนล่างนั้น ถ้าสภาวะแวดล้อมยังเป็นเช่นปัจจุบันแล้ว ปรับลดจำนวนยากครับ เพราะ ทหารรับงานหลายด้าน หรือ ศัพท์ทหารคือ รับงานหลายหน้าเกินไป...........ถ้าลดงานอื่นที่นอกเหนือพันธกิจทางทหารแล้วละก็รับรองทำได้ครับ.......ยกตัวอย่างง่ายๆ งานด้าน ปชด.(ป้องกันชายแดน) ถ้าพัฒนาหน่วยงานอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยให้มีคุณภาพมากกว่านี้จะลดงานของทหารที่ขึ้นสนามชายแดนไปได้มาก.......ผลประโยชน์ตามแนวชายแดนเป็นเรื่องสำคัญ มีผลประโยชน์มาก ไม่ว่าจะแรงงานเถื่อน ยาเสพติด สินค้าเถื่อน ฯลฯ ถ้าทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบมีคุณภาพมากกว่านี้จะช่วยแบ่งเบาลดภาระไปได้มาก............อันนี้ผมพูดตามตรงไม่ได้เข้าข้างตัวเองหรือพวกพ้องทั้งนั้น ปัจจุบันแล้วตามแนวชายแดน ทหารจะไปขัดผลประโยชน์กับชาวบ้าน(หน่วยงานอื่น หรือ ผู้มีอิทธิพลในท้องที่) ซะส่วนมาก เรียกได้ว่า กรูไม่สน กรูจับหมด กรูอัดหมด เพราะทหารสับเปลี่ยนตลอด กำลังพลอุดมการณ์แข็งจะเข้ามาตลอด เพราะถ้าอยู่นานแล้วสิ่งร้ายที่ตามมาคือ อิทธิพลในพื้นที่และผลประโยชน์ .......รุ่นน้องผมคนหนึ่งปัจจุบันยังเป็นเจ้าชายนิทรานอนสงบนิ่งอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ เหตุ เพราะโดนรถฝ่าด่าน(จริงๆไม่น่าเรียกฝ่าเพราะตั้งใจขับพุ่งชนเลย) และคนที่ฝ่าก็คือผู้มีผลประโยชน์ในพื้นที่และเป็นหน่วยงานเรานี่แหละครับ เหตุก็เพราะไปขัดผลประโยชน์เค้านั้นเอง(จับดะ).......................ปัจจุบัน ตามชายแดนแล้ว แทนที่ทหารจะดูแลเพียงแค่พื้นที่ทางลึก และ พื้นที่หลัก(พื้นที่ทางลึกคือ เลยออกนอกเขตแดนประเทศออกไป พื้นที่หลักคือ ตามบริเวณขอบแนวชายแดน) แต่กลับต้องมาดูแลพื้นที่หลังด้วย(ทางทหารแบ่งเป็นสามเขต จำง่ายๆคือ ลึก หลัก หลัง) เหตุเพราะอะไร หลายๆคนน่าจะเข้าใจดี............ร้อย.ร. สนามกองร้อยหนึ่งๆมีพื้นที่แนวชายแดนรับผิดชอบเป็นร้อยๆ กิโล แค่ ลาดตระเวนตลอดแนวก็อ้วกแล้วละครับ ไหนจะต้องมาจัดจุดตรวจในพื้นที่ส่วนหลังอีก ยิ่งไปกันใหญ่.......................มีอีกหนึ่งอย่างอาจจะดูแรงไปแต่มันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเสียเป็นส่วนใหญ่ คือ หน่วยงานหนึ่งจับผู้กระทำผิดมาได้ แต่เพราะตามความเป็นจริงแล้วตนเองไม่มีอำนาจในการจับกุม(เพราะไปแย่งงานเค้าทำ) ดังนั้นจึงต้องส่งให้กับอีกหน่วยงานหนึ่ง(ซึ่งอันที่จริงมันน่าจะเป็นงานของหน่วยงานนั้นอยู่แล้ว) หน่วยงานดังกล่าวก็รับช่วงต่อ แต่ผลที่ตามมาก็คือ ไม่มีอะไรในกอไผ่ สุดท้ายไอ้คนที่โดนจับมาก็ได้ออกมาเดินอวดโฉมข้างนอกและกระทำสิ่งเดิมต่อไป(ออกมาได้เพราะอะไรน่าจะเข้าใจ) เพื่อให้หน่วยงานแรกที่จับมาตามไปจับอีกครั้ง สุดท้ายหน่วยงานแรกก็คิดได้ว่าแล้วตรูจะไปจับส่งให้เค้าทำไม(ในความเป็นจริงมันก็ไม่น่าจะใช่งานตรูอยู่แล้ว) สู่ส่งมันกลับบ้านเก่าน่าจะง่ายกว่า เวลาจะไปไหนก็ต้องคอยระวังตัวแจ เพราะไปขัดแข้งขัดขาเค้าไว้เยอะ ที่ร้ายเค้าไปอีกก็คือ เปลี่ยนตัวเองตามเค้าไปเลย.............เลยกลายเป็นว่าแทนที่จะมาคอยตั้งท่ารบกับฝ่ายแดงกลับต้องรบทั้งฝ่ายแดงและฝ่ายน้ำเงินที่ชั่วร้ายอีกต่อหนึ่งด้วย..................อืม ทำไปทำมามาออกเรื่องนี้ได้ไงหว่า
เอาเป็นว่า เอาง่ายๆละกัน ผมเห็นด้วยกับการปรับปรุงบริหารใหม่ การปรับลดนั้นต้องลดให้ถูกจุด หลายๆท่านอาจจะเห็นทหารในเมืองกรุง หรือ หน่วยที่ไม่ใช่กำลังรบหลัก เลยอาจจะมองว่าทหารว่างงาน แต่จริงๆแล้ว ยังมีหน่วยที่งานล้นมืออีกมากครับ(บางครั้งบางคราวบางหน่วยเหลือทหารเฝ้ากองพันเพียงกองร้อยละ3-4 คนเท่านั้น) จะปรับลดต้องลดให้ถูกจุด และที่สำคัญคือ ลดงานที่นอกเหนือไปจากงานทางด้านทหารลงให้มากกว่านี้ และที่สำคัญเราต้องช่วยเหลือกันทุกฝ่าย ต้องปรับคุณภาพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ไม่งั้นก็เข้าทำนองว่า ทหารต้องไปเจือกทุกงาน เสนอหน้าทุกที่....................
เห็นด้วยกับการประชาสัมพันธ์กองทัพให้มากกว่านี้เพื่อเป็นการชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบถึงภาษีที่เขาต้องจ่ายไป(รวมถึงทหารด้วยเช่นกันที่ต้องจ่ายภาษี เพราะก็เป็นประชาชนของประเทศคนหนึ่ง)ว่ามันถูกเอาไปทำอะไรบ้าง...........น่าจะมีการจัดงานประมาณว่า วันเปิดรัง เอ๊ย วันเปิดบ้าน เพื่อให้ประชาชนที่สนใจได้เข้าชมว่า ทหารทำอะไรกันบ้าง จัดในโซนที่สามารถเปิดให้ชมได้ เพราะบางโซนยังต้องหวงห้าม เช่น คลัง สป.3 และ สป.5............. รูปแบบค่ายทหารนั้น ถ้าสังเกตดีๆ จะมีบางค่ายที่เป็นแปลนของสหรัฐ ค่ายโดยส่วนมาก(แปลนพี่ไทยนี่แหละ) เมื่อเข้าไปแล้วสิ่งแรกที่เจอคือ ตัวกองพันกองร้อย หรือพูดง่ายๆก็คือ ที่ทำงานนั่นเอง แล้วถึงจะเป็นเขตบ้านพักที่อยู่ส่วนหลัง ดังนั้นแน่นอนแขกไปใครมาจะต้องผ่านตัวกองพันกองร้อยก่อนเพื่อที่จะเข้าไปยังบ้านพัก แต่ถ้าเป็นอีกแบบแปลนหนึ่ง ซึ่ง บ้านพักจะอยู่ด้านหน้า ที่ทำงาน จะอยู่ด้านหลัง ซึ่งสามารถจำกัดเขตการเข้าถึงได้ง่ายกว่า เพราะแขกไปใครมาถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่เฉพาะก็จะไม่สามารถเข้าไปถึงยังที่ทำงานได้ เป็น การ รปภ.สถานที่ อย่างหนึ่งไปในตัว.....
ส่วนตัวแล้วในเรื่องเกี่ยวกับกำลังสำรองแล้ว ผมว่าระบบเรายังอ่อนเกินไป.......น่าจะยกเลิกช่องว่างในการเลี่ยงการเป็นทหารกองประจำการทิ้งไป คือ ชายไทยทุกคนถ้าอายุครบกำหนดต้องเป็นทุกคน ยกเว้น ผู้พิการ หรือ อยู่ในหัวข้อที่ไม่สามารถรับราชการทหารได้เท่านั้นที่ไม่ต้องเป็น.....มาตรงจุดนี้หลายคนอาจจะแย้งผมทันที่ และหลายคนอาจจะบอกว่าให้ยกเลิกการเกณฑ์ได้แล้วให้เปลี่ยนเป็นรับสมัครแทน......ผมบอกตามตรงเลยนะครับ ว่าเป็นไปไม่ได้กับการยกเลิกการเกณฑ์และเปลี่ยนเป็นสมัครแทน ถ้าสังคมส่วนรวมยังเป็นเช่นปัจจุบัน......ขนาดเกณฑ์ซึ่งก็คือการบังคับแล้วนั้นยังมีการดิ้นรนหาช่องว่างเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนเกณฑ์กันมากเลย แล้วนับประสาอะไรกับการสมัคร หลายคนอาจจะแย้งว่า เป็นเพราะตัวเองมีภาระต้องเรียนหรือทำงาน และ กองทัพให้ผลประโยชน์น้อยเกินไป นั้นแสดงว่าคนที่คิดอย่างนั้นไร้ซึ่งอุดมการณ์และการเสียสละเพียงแค่ 2 ปีเพื่อรับใช้ชาติ หลายคนอาจจะแย้งว่า สามารถรับใช้ชาติในด้านอื่นได้ แต่นั้นส่วนหนึ่งก็เพื่อประโยชน์ของตนเองเช่นเดียวกัน.......ถ้ากองทัพเปลี่ยนเป็นการรับสมัครโดยมีผลประโยชน์มาล่อใจแล้วละก็ คนที่เข้ามาก็เข้ามาเพียงแค่ผลประโยชน์เท่านั้น.............สิ่งที่ดีที่สุดในอุดมคติคือการพัฒนาทรัพยากรบุคคลตั้งแต่วัยเยาว์ให้มีจิตใจที่ตั้งใจเข้ามาอย่างแท้จริง นั้นถึงจะเปลี่ยนเป็นรับสมัครได้อย่างดี แต่ในความเป็นจริงคงเป็นไปได้ยาก และก็มีเพียงคนกลุ่มน้อยเช่นผู้ที่อยู่ในบอร์ดนี้เท่านั้นที่สนใจงานทางทหาร......การเกณฑ์เข้ามาและลดช่องว่างการหลีกเลี่ยงจึงน่าจะยังคงอยู่ ความจริงอันเจ็บปวดอีกอย่างก็คือ ก็ทหารหน่วยที่เกี่ยวข้องเองด้วยเช่นกันที่เปิดช่องว่างและรับผลประโยชน์ในการหลีกเลี่ยงดังกล่าว เป็นสิ่งที่น่าปรับปรุง........ทหารที่ผมเคยฝึกมานั้นส่วนมากมีความรู้น้อย เปอร์เซ็นต์ที่มากที่สุดคือ จบชั้น ม.3 และมีบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่ายังมีอยู่คือ ยังมีบางคนที่อ่านและเขียนไม่ได้ บางคนร่างกายไม่สมบูรณ์ไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านการคัดเข้ามา เช่น ลิ้นหัวใจรั่ว นิ้วมือพิการผิดรูป ขายาวไม่เท่ากัน เป็นต้น เลยเป็นที่สงสัยว่าแล้วบุคคลผู้มีความรู้และร่างกายพร้อมนั้นไปไหนหมด ตรงนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทหารเองก็ดีหรือข้างนอกก็ดีน่าคิดพิจารณาใหม่ ไม่ใช่เห็นกองทัพเป็นที่สุดท้ายในการทิ้งบุคคลที่สังคมภายนอกเห็นว่าไร้คุณภาพมาเป็นปัญหาให้กองทัพในการดูแลพัฒนาและเปลี่ยนเขาให้เป็นนักรบ........................ถ้าชายไทยทุกคนที่ไม่พิการร่างกายพร้อมได้เคยใช้ช่วงชีวิตตนเอง 2 ปี(ซึ่งเมื่อเทียบเปอร์เซ็นต์แล้วมันน้อยมากกับช่วงเวลาทั้งหมดของชีวิต) เพื่ออยู่ในกองทัพแล้วละก็ ทุกคนจะเข้าใจและรู้ซึ้งเป็นอย่างดีว่าภายในกองทัพเป็นเช่นไร กองทัพมีปัญหา หรือ มีการทำงานเช่นไร เมื่อปลดออกไปทำงานภายนอกแล้ว เมื่อคุยเกี่ยวกับทหารก็จะเข้าใจเป็นอย่างดี มองภาพออก และสามารถประสานในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดียิ่งขึ้น(เพราะเราเข้าใจกัน หัวอกเดียวกัน เพราะเคยผ่านชีวิตแบบเดียวกันมา).........ผมเคยออกพื้นที่ เมื่อเข้าไปคุยกับชาวบ้านซึ่งเคยเป็นทหารเก่าแล้วละก็ ส่วนมากจะคุยกันง่ายมาก เข้าใจกันง่ายมาก และเขาช่วยเหลือเป็นอย่างดีเพราะเค้าเข้าใจว่าชีวิตทหารเป็นเช่นไร เพราะเค้าก็เคยเป็นมาก่อน ผมเคยเจอคนหนึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเคยเป็นทหารเก่ากองพลผมนี่แหละและเคยผ่านการรบสมัยปราบคอมฯมาด้วย ทำไปทำมาคุยกันยาวเลยเพราะคุยกันถูกคอ และ เขาก็ช่วยเหลือเป็นอย่างดี ลดอคติช่องว่างที่มีต่อกัน เพราะต่างก็เคยใช้ชีวิตแบบเดียวกันมาช่วงเวลาหนึ่งจะมากจะน้อยก็อยู่ที่ภาระหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละคน...............เชื่อว่ากองทัพสามารถสร้างคนให้มีวินัยในขั้นต้นได้เป็นส่วนมาก ที่เหลือก็คือตัวตนที่แท้จริงของคนนั้น(ตามเหล่าบัวของตนเองตามคำของพระพุทธเจ้า) แต่ก็เชื่อว่าอย่างน้อยๆ มันก็น่าจะเข้าไปแฝงอยู่ในเซลเม็ดเลือดแดงบ้างซักเล็กน้อยก็ยังดี ก็ดีกว่าไม่มีเลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะติดตัวไปเมื่อปลดออกไปแล้ว และเป็นผลดีกับสังคมภายนอกด้วยเช่นเดียวกัน.........
สุดท้าย(เดี๋ยวจะนอกเรื่องไปยาวกว่านี้) กองทัพจะพัฒนาได้ต้องอาศัยความร่วมมือหลายฝ่าย แน่นอนอันดับแรกคือตัวกองทัพเอง ซึ่งผมก็เห็นด้วยในบางสิ่งที่กองทัพต้องพิจารณาตัวเอง ซึ่งเชื่อว่าทุกคนรู้ดี แต่ จะทำหรือไม่นั่นคือสิ่งที่น่าสนใจ(ซึ่งตรงนี้ก็ต้องอาศัยกำลังพลังจากบุคคลภายนอกบีบด้วยเช่นเดียวกัน น่ามีเดินประท้วงเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนากองทัพบ้างจัง หุหุ) มันก็มีหลายอย่างในกองทัพซึ่งเป็นความจริงอันเจ็บปวดที่เสียดแทงทหารอาชีพอุดมการณ์แรงกล้า ซึ่งก็มีอยู่เป็นจำนวนไม่ใช่น้อย ซึ่งรอคอยโอกาสเมื่อไดโนเสาร์สูญพันธุ์มนุษยชาติที่มีมันสมองใหม่กว่าจะได้ถือกำเนิดมาเสียที ........และเช่นเดียวกันสังคมส่วนรวมก็ต้องช่วยเหลือและพัฒนาตามในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกองทัพด้วยเช่นเดียวกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะเราต้องปกป้องมาตุภูมิเดียวกัน ต้องปกป้องบ้านและครอบครัวอันเป็นที่รักยิ่งของเราด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเรามีเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยเช่นเดียวกันครับ.......หลายสิ่งหลายอย่างในบอร์ดนี้เป็นสิ่งที่ดีมากครับในการที่สนใจกิจการของกองทัพและน่าจะขยายผลให้กว้างออกไปอีกเท่าที่จะทำได้ ผมชื่นชมจากใจจริง
ดูง่ายๆ วิศวกรจบมา ทำ amway เป็นเซลล์ขายของ
วิทยาศาสตร์จบมา มานั่งทำงานเอกสาร รายงานส่งให้
เจ้านายหน้าเลือด
งบประมาณประเทศ งบทหารเป็นที่สองรองจากงบการศึกษา งบวิจัยทางวิทยาศ่าสตร์อยู่ท้ายนู่น
เป็นยังงี้มาหลายปีดีดัก แล้วจะทำอะไรละคร้าบท่าน
อีกทั้ง งานชุมนุมของพวกท่าน แถวๆ ถนนหน้าทำเนียบ
สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าประคุณ มีเวลาว่างกันมากนะครับตากแดดตากฝนกันจ้าละหวั่น
งานมีเยอะแยะไม่ทำกันนะครับ ดีจิงๆ
ผมว่าถ้าคนไทยขยัน หมั่นฝึกซ้อม หมั่นศึกษาวิจัย
วิทยาศาสตร่จะดีกว่านี้ไม่น้อยครับ ดีกว่ามานั่งดูเรื่อง
สังคมศ่าสตร์จั่วหัววิจารณ์เป็นเรื่องใหญ่โต ปวดกะบาลครับ
ประเทศเละกันไปหมดเพราะคนกลุ่มเดียว
ขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านครับที่กรุณาแสดงความคิดเห็นในกระทู้นี้ ครั้งนี้ผมรู้สึกถึงพลังของพวกเรา ความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ที่เป็นเหมือนเสียงสะท้อน ผมอยากให้เสียงสะท้อนนี้ดังๆ เหมือนพลังงานที่ส่งออกไป แล้วให้มีผลสะท้อนกลับมา ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี...ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณ FW190 ที่ควรจะขยายผลในเรื่องนี้ ให้ได้รับรู้กันในวงกว้าง...อยากให้แสดงความคิดเห็นกันให้เยอะๆ ครับ...เพื่อที่จะสะท้อนปัญหาและความเป็นไปต่างๆ ในด้านการพัฒนากองทัพ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในด้านความมั่นคงของชาติดังที่กล่าว ผ่านความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของพวกเราในเวปนี้ ในฐานะประชาชนผู้เสียภาษี และในฐานะประชาชนที่เฝ้ามองการพัฒนากองทัพ ด้วยความห่วงใยและปราถนาดี....
โครงการอะไรที่พึ่งพาตนเองได้ก็ต้องทำ ด้วยความมุ่งมั่น แน่วแน่ พึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด...ส่วนอะไรที่ทำเองไม่ได้ก็ซื้อเขา...แต่สิ่งที่ทำเองไม่ได้วันนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องซื้อเขาไปตลอดกาลนะครับ...ขอให้ทางกองทัพวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีนั้นๆ ไปด้วย ทำเป็นโครงการอย่างจริงจัง เพื่อที่วันหนึ่งจะได้ไม่ต้องซื้อเขา ทำขึ้นใช้เองได้ อีกแนวทางหนึ่งที่พูดถึงกันและผมได้ยินมาพอสมควร ว่าเทคโนโลยีบางอย่างที่เราซื้อเขาในปัจจุบัน สถาบันการศึกษาด้านเทคโนโลยีในประเทศบางแห่งก็สามารถทำได้ ฉะนั้นกองทัพควรจะแสวงหาความร่วมมือในด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในด้านการทหารกับทางภาคเอกชนด้วย
การจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพ ยุทโธปกรณ์ใดที่ยังขาดอยู่ และต้องจัดหาเร่งด่วนก็ต้องรีบดำเนินการ โครงการใดที่ต้องเตรียมจัดหาตามมา หรือโครงการใดที่ต้องศึกษาก่อนเพื่อให้สอดคล้องกับภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า ก็ต้องเตรียมการและศึกษาต่อไป
sk03
อีกเรื่องหนึ่ง การฝึก ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี งานด้านกำลังพล และสายวิทยาการอื่น ๆ ในกองทัพ ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทัพละเลยมานาน กองทัพควรจะกลับมาสนใจอย่างจริงจังได้แล้วครับ อะไรที่หลงยุค ไม่ทันสมัย ไม่เข้ากับเหตุการณ์และสถานการณ์ปัจจุบัน ...... ปรับเสีย เปลี่ยนเสีย เลิกเสีย เพราะถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่ดี ....... ต่อให้อาวุธดีหรือพร้อมสมบูรณ์แค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์ครับ
skyman
.......ผลประโยชน์ตามแนวชายแดนเป็นเรื่องสำคัญ มีผลประโยชน์มาก ไม่ว่าจะแรงงานเถื่อน ยาเสพติด สินค้าเถื่อน ฯลฯ ถ้าทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบมีคุณภาพมากกว่านี้จะช่วยแบ่งเบาลดภาระไปได้มาก............อันนี้ผมพูดตามตรงไม่ได้เข้าข้างตัวเองหรือพวกพ้องทั้งนั้น ปัจจุบันแล้วตามแนวชายแดน ทหารจะไปขัดผลประโยชน์กับชาวบ้าน(หน่วยงานอื่น หรือ ผู้มีอิทธิพลในท้องที่) ซะส่วนมาก
สุดท้าย(เดี๋ยวจะนอกเรื่องไปยาวกว่านี้) กองทัพจะพัฒนาได้ต้องอาศัยความร่วมมือหลายฝ่าย แน่นอนอันดับแรกคือตัวกองทัพเอง ซึ่งผมก็เห็นด้วยในบางสิ่งที่กองทัพต้องพิจารณาตัวเอง ซึ่งเชื่อว่าทุกคนรู้ดี แต่ จะทำหรือไม่นั่นคือสิ่งที่น่าสนใจ(ซึ่งตรงนี้ก็ต้องอาศัยกำลังพลังจากบุคคลภายนอกบีบด้วยเช่นเดียวกัน
fw-190
งบประมาณประเทศ งบทหารเป็นที่สองรองจากงบการศึกษา งบวิจัยทางวิทยาศ่าสตร์อยู่ท้ายนู่น
เป็นยังงี้มาหลายปีดีดัก แล้วจะทำอะไรละคร้าบท่าน
ผมว่าถ้าคนไทยขยัน หมั่นฝึกซ้อม หมั่นศึกษาวิจัย
วิทยาศาสตร่จะดีกว่านี้ไม่น้อยครับ
siamman18
และส่วนตัวผม นอกจากประชาสัมพันธ์ กองทัพแล้ว ต้องเปลี่ยนทัศนคติผู้นำเหล่าทัพ อย่างหนึ่งว่า (ความในใจจริงๆ) หยุดคิดที่จะพึ่งงบประมาณ รัฐเป็นหลัก และขอเถอะครับ คิดว่าถ้าเราทำเองแล้วมันห่วย ผมว่ามีหน่วยงานเอกชนและกลุ่มวิทยาศาสตร์หลายส่วนพร้อมให้การสนับสนุนกองทัพ ในเรื่องเทคโนโลยีครับ แต่มันถูกปิดประตูตายจากกองทัพเอง มิเพียงแต่กองทัพเท่านั้นที่คิดจะดูแลประเทศด้วยการเป็นทหาร แต่ประชาชนก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือกองทัพ ผมอายความคิดบุคคลที่เป็นผู้นำทหารสมัยก่อน
จำไม่ได้ว่าปีไหน ประมาณ พ.ศ2470 เราผลิต เครื่องบินได้ แต่เครื่องยนตร์ไม่ได้ผลิตเอง แค่นี้ ก็ถือว่าท่านเหล่านั้นมีบุณคุณแก่ประเทศและประชาชนเหลือหลาย
เพราะท่านมิได้คิดแค่จะดำรงตำแหน่งอย่างเดียว ท่านคิดที่จะทำให้ไทยแข็งแกร่งด้วยตนเองด้วยการ พยายามทำเครื่องบินใช้เอง
มีอะไรที่ทหาร ทำไม่ได้ ทำไม่เป็น ทำไม่ทัน ผมเคยท่องตอนฝึกวิชาทหาร ยังจำได้อยู่ในหัวครับ
และก็ดีใจที่ทุกท่านหลายคน ก็มีความอัดอั้น ที่รักประเทศและกองทัพไทย เหมือนกัน