ความคิดเห็นที่ 1
เป็นการฝึกภาคป่าที่บรูไนครับ คนนึงเป็นนักเรียนนายเรืออากาศ เสียชีวิตระหว่างการฝึกภาคป่าในหลักสูตรนักบินของ RSAF อีกคนหนึ่งเป็นทหารเกณฑ์ เสียชีวิตจากการฝึกเดิน 2 กม. ทำให้กองทัพสิงคโปร์ยกเลิกการฝึกตั้งแต่ 12 - 14 มิ.ย. นี้
ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียด้วยครับ
ตอนผมไปฝึกรด.ปี 4 ครูฝึกบอกว่าในอดีตทหารเกณฑ์บ้านเราก็มีตายกันทุกปี ตายกันในหลักสิบด้วย แต่ปีหลัง ๆ กรมแพทย์ทหารบกเขาสั่งให้ปรับโปรแกรมการฝึกและให้ความรู้กับครูฝึก เพราะส่วนมากที่ตายเป็นผลมาจากลมแดด (Heat Stroke) ซึ่งค่อนข้างอันตรายมาก ถ้ารักษาไม่ทันก็ตายลูกเดียว ครูฝึกบอกว่าพวกหมอทหารจับพวกครูฝึกมาเรียนเรื่องโรคนี้กันตั้งครึ่งวันก่อนไปเขาชนไก่ ตอนผมฝึกปี 4 ในช่วงปัญหา 48 ชม. ที่ต้องเดินเข้าป่าเพื่อตั้งฐาน ระยะทาง 9 กม. ในเวลาราว 2 ชม. การเดินคือก้าวเดินให้เร็ว เดินฉับ ๆ ๆ ๆ แต่วันนั้นอุณหภูมิเกือบ 40 องศา มีคนเป็น Heat Stroke กัน 4 คน ฮัมวี่ MEDIVAC งี้วิ่งกันว่อนเลย เห็นสภาพคนเป็นแล้วน่าตกใจครับ หน้าซดมาก ลมหายใจจะร้อน ๆ น่ากลัวมาก วิธีช่วยให้ดีที่สุดคือทำให้ร่างกายเย็นให้เร็วที่สุด ง่าย ๆ คือปลดเสื้อฝึกออกแล้วพัด ๆ ๆ หรือบางทีก็ราดน้ำลงไป ในรถฮัมวี่พยาบาลมีถังน้ำแข็งพร้อมอยู่แล้ว พอเข้าที่ตั้งฐานเสร็จพวกหมอทหารกับเสธ.การฝึกก็มาดู แล้วก็สั่งยกเลิกการฝึกกลางแดดเหมือนกันครับ สรุปคือทำการฝึกเฉพาะตอนเช้ามืดและตอนเย็น ๆ - ค่ำ ในตอนกลางวันคำสั่งที่ได้รับก็คือห้ามโผล่หัวออกมานอกร่มไม้เด็ดขาด มิฉะนั้นจะโดนมิใช่น้อย ^ ^
ถ้าใครไปฝึกรด.หรือไปเกณฑ์ทหารแล้วรู้ตัวว่าจะเป็นลมให้รีบบอกครูฝึกทันทีนะครับไม่ต้องกลัวว่าจะถูกซ่อม จะได้ช่วยกันอย่างทันท่สงที เพราะถ้าคุณตายไปไม่มีใครรับผิดชอบไหวแน่ครับ
�
โดยคุณ
Skyman เมื่อวันที่
13/06/2008 12:46:19
ความคิดเห็นที่ 2
heat stroke หรือเปล้า หรือขาดน้ำ หว่า
โดยคุณ
helldiver เมื่อวันที่
13/06/2008 00:46:15
ความคิดเห็นที่ 3
ทุกวันนี้อากาศร้อนจัดมากขึ้นทุกวัน
โดยเฉพาะบ้านเรา ทั้งร้อนและแดดจัด
จนมีคำพูดว่า บ้านเรามีอยุ่แค่ 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน กับฤดูร้อนชิ..หาย
มีโรคที่มากับอากาศร้อนที่ควรระมัดระวัง ซึ่งเราอาจจะนึกไม่ถึงและมองข้ามไป
โรคลมแดด หรือที่การแพทย์เรียกว่า ฮีต สโตรก (Heat stroke) เป็นภาวะวิกฤตของร่างกายที่ไม่สามารถควบคุมความร้อนได้ โรคลมแดดเกิดจากการได้รับความร้อนมากเกิน
ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลัง หรือเล่นกีฬาในภาวะอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน
อาจเกิดขึ้นได้แม้ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง
เป็นความผิดปกติที่รุนแรงมากที่สุด ทำให้สมองไม่ทำงาน
ไม่สามารถควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ
เช่น ระบบประสาทส่วนกลาง การทำงานของตับและไต
รวมทั้งสูญเสียความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย
ทำให้อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติเกิน 40 องศาเซลเซียส
ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องให้การรักษาอย่างรีบด่วน
เนื่องจากมีโอกาสเสียชีวิต 17-70 เปอร์เซ็นต์
อาการสำคัญ ได้แก่ ตัวร้อนจัด เพ้อ หรือหมดสติ
ชีพจรเต้นเร็ว ความดันเลือดลดลง ช็อก ผิวหนังแห้งและร้อน
ระดับความรู้สึกตัวลดลง การทำงานของอวัยวะต่างๆ ล้มเหลว
กระสับกระส่าย เอะอะ ก้าวร้าว หมดสติ เกร็ง ชัก
โดยกลไกการทำงานของร่างกายหลังจากที่ได้รับความร้อน
จะมีการปรับตัวโดยส่งน้ำหรือเลือดไปเลี้ยงอวัยวะภายใน
เช่น สมอง ตับ และกล้ามเนื้อ เป็นต้น
ทำให้ผิวหนังขาดเลือดและน้ำไปหล่อเลี้ยง
จึงไม่สามารถระบายความร้อนออกจากร่างกายได้
ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ
สัญญาณสำคัญของโรคนี้คือ
ไม่มีเหงื่อออก ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ที่เป็นจะกระหายน้ำมาก ปวดศีรษะ มึนงง วิงเวียน คลื่นไส้
หายใจเร็ว อาเจียน ต่างจากการเพลียแดด
หรือเป็นลมแดดทั่วไปที่จะพบมีเหงื่อออกด้วย
เมื่อเกิดอาการดังกล่าวจะต้องหยุดพักทันที
ถ้าไม่ได้รับการดูแลรักษาทันท่วงที จะทำให้เสียชีวิตได้
ในการช่วยเหลือผู้ที่มีอาการเป็นลมแดด
ให้นำผู้ที่มีอาการเข้าร่ม นอนราบ ยกเท้าสูง
เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ถอดเสื้อผ้าออก
ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกตัว คอ รักแร้
เชิงกราน ศีรษะ ร่วมกับการใช้พัดลมช่วยเป่าระบายความร้อน
หรือเทน้ำเย็นราดลงบนตัวเพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายให้ต่ำลงโดยเร็วที่สุด
และรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาโดยเร็วที่สุด
ในรายที่อาการยังไม่มากควรให้ดื่มน้ำเปล่าธรรมดามากๆ
โดยคุณ
Skyman เมื่อวันที่
13/06/2008 14:02:42
ความคิดเห็นที่ 4
สิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอันตรายจากอากาศร้อนจัด ได้แก่
การขาดการปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศร้อน
ประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงร่างกายขาดน้ำได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ
เนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าคนหนุ่มสาว
ผู้ที่มีโรคประจำตัวได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง
ที่ต้องกินยาควบคุมความดัน เช่น ยาขับปัสสาวะ
ซึ่งมีผลขับสารโซเดียมออกจากร่างกาย
ทำให้มีโอกาสเกิดความผิดปกติของระดับเกลือแร่ได้เร็วกว่าผู้อื่น
รวมทั้งผู้ที่เป็นโรคอ้วน หรือผู้ที่อดนอน
เนื่องจากจะทำให้ร่างกายตอบสนองต่อความร้อนที่ได้รับช้ากว่าปกติ
ส่วนผู้ที่ดื่มสุราหรือเบียร์ ร่างกายจะมีโอกาสสูญเสียน้ำ
และเกลือแร่สูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม เพื่อขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย
นอกจากนี้เกิดอันตรายได้ในคนอ้วน เนื่องจากมีไขมันที่ผิวหนังมาก
ซึ่งทำหน้าที่คล้ายฉนวนกันความร้อน
ทำให้คนอ้วนสามารถเก็บความร้อนได้ดี
ขณะที่การระบายความร้อนออกทำได้น้อยกว่าคนทั่วๆ ไป
นอกจากนี้บริเวณผิวหนังที่มีไขมันมากมักมีต่อมเหงื่อน้อยลงด้วย
ดังนั้น คนอ้วนจึงมีโอกาสเกิดปัญหาได้ง่าย
... การปรับสภาพร่างกายเพื่อป้องกันอันตรายในช่วงที่มีอากาศร้อน
ที่สำคัญที่สุดคือ ประชาชนจะต้องต้องดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
โดยปกติควรดื่มน้ำให้ได้ 2 ลิตรต่อวัน
หากทำงานในที่ร่มควรดื่มอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว
ผู้ที่ดื่มน้ำไม่เพียงพอ จะไม่สามารถปรับตัวให้สู้กับอากาศร้อนได้
เพราะน้ำเป็นตัวควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
โดยปกติร่างกายจะพยายามปรับอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส
ในการสังเกตว่าร่างกายได้รับน้ำเหมาะสมหรือไม่
ให้สังเกตจากสีของปัสสาวะ ถ้าสีเหลืองจางๆ แสดงว่าได้รับน้ำเพียงพอ
แต่ถ้าปัสสาวะสีเข้มขึ้น และปัสสาวะออกน้อย แสดงว่าได้รับน้ำไม่เพียงพอ
ส่วนการออกกำลังกายสามารถกระทำได้ โดยค่อยๆ ออกกำลังกาย
และเพิ่มระยะเวลาการออกกำลังกายขึ้นเรื่อยๆ
ในต่างประเทศเช่นสหรัฐมีรายงานข่าวการเสียชีวิตเนื่องจากโรคนี้ปีละ
ประมาณ 371 ราย สำหรับในบ้านเราอาจจะพูดถึงกันน้อยมาก
ทั้งๆที่เชื่อว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ไม่น้อย
แต่ส่วนใหญ่ มักเป็นผู้สุงอายุ ก็จะมองเห็นเป็นการเสียชีวิตเนื่องจากหัวใจวาย
การทำงานของหัวใจล้มเหลวไป
เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ป้าเสลาก็ได้รับทราบข่าว เพื่อนบ้านคนหนึ่งซึ่งสูงอายุ
แต่ค่อนข้างจะขี้เหนียว อากาศร้อนจัดมาก
แต่ไม่ยอมเปิดเครื่องปรับอากาศหรือพัดลม
จนเกิดอาการเป็นลม ในลักษณะดังกล่าว
โชคดีที่แก้ไข ช่วยเหลือได้ทัน กับอีกเรื่องหนึ่ง คือ การเสียชีวิตของเด็กที่ถูกทิ้งไว้ในรถ
หลายคนมักเข้าใจผิดว่าเด็กที่ถูกลืมทิ้งไว้ในรถเสียชีวิตจากขาดอากาศหายใจ
แท้จริงแล้วเด็กเหล่านี้เสียชีวิตจากความร้อนสูงเกินขนาด
ร่างกายคนเราจะควบคุมอุณหภูมิภายในร่างกายไว้ที่ประมาณที่ 37 องศาเซลเซียส
กลไกการควบคุมมีหลายอย่างเช่นหากอุณหภูมิภายนอกเย็นเกินไป
ร่างกายจะปิดกั้นการถ่ายเทความร้อนออกสู่ภายนอกโดยการหดรัดเส้นเลือด
ทำให้ปลายมือปลายเท้าซีด
มีการสร้างความร้อนภายในทดแทนโดยการสั่นของกล้ามเนื้อ
หากความร้อนภายนอกสูงมาก และแผ่รังสีเข้าสู่ร่างกาย
ร่างกายต้องกำจัดออกให้ทันเวลาโดยการสร้างเหงื่อ
และการขยายของเส้นเลือดส่วนปลายเพื่อระบายความร้อน
กลไกเหล่านี้ของร่างกายจะมีขีดจำกัดในการต่อสู้
เมื่อหนาวมากเกินไป หรือร้อนมากเกินไป
กลไกการควบคุมความร้อนของร่างกายก็เสียหาย
ไม่สามารถทำงานได้ตามปรกติ
พ่อแม่ที่ปล่อยลูกไว้ในรถ ลงไปชอปปิ้ง
อาจเปิดเครื่องยนต์เปิดแอร์ไว้ แต่เครื่องเกิดดับขึ้นมา
ชั่วเวลาเพียงไม่นาน อุณหภูมิภายในรถจะสูงขึ้น
หากอุณหภูมิภายนอกสูงเช่นในเวลากลางวัน
ความร้อนจะยิ่งทวีคูณอย่างรวดเร็ว
อุณหภูมิภายในรถอาจสูงขึ้นถึง 5 องศาเซลเซียสภายในเวลา 10 นาทีแรก
ในวันที่อากาศภายนอกประมาณ 32 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิภายในรถสามารถเพิ่มขึ้นถึง 51 องศาเซลเซียส
ได้ภายในเวลาเพียงยี่สิบนาที
ในเด็กอุณหภูมิภายในร่างกายจะปรับตัวต่อสู้กับสิ่งแวดล้อมได้ไม่ดีเท่าผู้ใหญ่
ดังนั้นอุณหภูมิในร่างกายจะสูงเร็วกว่าผู้ใหญ่ถึงเกือบห้าเท่าตัว
ในประเทศสหรัฐมีรายงานการตายลักษณะนี้กว่า 25 รายต่อปี
ทั้งๆที่เป็นเมืองที่ไม่ร้อนเท่าบ้านเรา ข้อมูลจาก ข่าวสด วันที่ 05 เมษายน พ.ศ. 2550
และบทความของ
รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ใน /www.csip.org
โดยคุณ
Skyman เมื่อวันที่
13/06/2008 14:01:59
ความคิดเห็นที่ 5
แล้วยื่นหน้าออกมาจากรถทำไมครับ คุณสกายแมน หรือว่าในรถมันร้อนกลัวเป็นลมแดด
ถ้ามีผู้หญิงเป็นลมแดด อันดับแรกต้องปลดเสื้อก่อนเลยใช่ไหมครับ แฮ่ แฮ่
โดยคุณ
เด็กทะเล เมื่อวันที่
13/06/2008 03:08:31
ความคิดเห็นที่ 6
^
^
^
พฤติกรรมแบบนี้ ผู้กองเชื่อว่าหัวงู+หื่น 1000% ค้าาาา ควรจะให้คนที่บ้านคุมประพฤติตลอดเวลา ค้าาาาาา
โดยคุณ
ผู้กองค้า เมื่อวันที่
13/06/2008 03:38:58
ความคิดเห็นที่ 7
ดีสมไอ้โปร์ตายได้มากๆยิ่งดี ประเทศเล็กนิดเดียวดันครอบงำประเทศอื่นเขาไปทั่ว ซื้อไอ้นั้นไอ้นี้ของประเทศอื่นมาเป็นของตัวเองแบบโกงเอา มีอย่างที่ไหน
ไปฝึกกับมันทำไม สู้เอาเวลาไปขุดไส้เดือนมาตกปลายังซะกว่า ฝึกกระไอ้พวกกระรอน เอาเปรียบคนอื่นไปวันๆ
สารจากผู้ดูแลระบบ
คุณ I see u ทำผิดกฏ 3 ข้อของเว็บคือ
- ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาที่ส่อไปในทางหยาบคาย ก้าวร้าว เกินกว่าที่บันทัดฐานของสังคมจะยอมรับได้
- ห้ามเสนอข้อความอันมีเจตนาใส่ความบุคคลอื่น ให้ได้รับการดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลอื่น โดยไม่มีแหล่งที่มาของข้อมูลอ้างอิงที่ชัดเจน
- ห้ามเสนอข้อความอันเป็นการท้าทาย ชักชวน โดยมีเจตนาก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท หรือก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น โดยมูลแห่งความขัดแย้งดังกล่าว ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นโดยเสรีเช่นวิญญูชน พึงกระทำ
การพูดในลักษณะนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้มีวุฒิภาวะหรือสิ่งที่สุภาพชนพึ่งกระทำ เพื่อรักษาบรรยากาศที่ดีของเว็บแห่งนี้ ทางผู้ดูแลระบบขอตักเตือนคุณ I see u ให้งดเว้นพฤติกรรมดังกล่าว มิฉะนั้นเราอาจจะจำเป็นต้องพิจารณาระงับสถานะภาพการเป็นสมาชิกของคุณ I see u ครับ
โดยคุณ
I see u เมื่อวันที่
13/06/2008 16:32:00
ความคิดเห็นที่ 8
T_T ที่บ้านไม่มีคนคุมความประพฤติ แต่ในบอร์ด มีผู้กองคอยตามคุมความประพฤติอยู่เรี่อยๆ T_T
โดยคุณ
เด็กทะเล เมื่อวันที่
13/06/2008 08:10:46
ความคิดเห็นที่ 9
อืมๆ อ่านเเล้วสยองเลยครับ น่ากลัวจังครับ เเต่เห็นว่าก็มีเเบบว่ากินน้ำเยอะเกินก็ตาย เหอะๆ โลกร้อน คนก็ยิ่งร้อนเศร้าจัง
โดยคุณ
poom1.1 เมื่อวันที่
13/06/2008 08:48:18
ความคิดเห็นที่ 10
น่ากลัวจริงๆครับอาการแบบนี้ เคยทราบมาแล้วจากหลายๆ ที่ และเห็นด้วยตัวเองอีกมาก ใครว่าเป็นลมแดดไม่อันตราย คงเป็นบทเรียนให้กับหลายที่ในบ้านเราเป็นอย่างดีในฐานะที่เป็นเมืองร้อนเหมือนกัน เราคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีกนะครับ
ปล. ถ้าผู้หญิงเป็นลมยังไงก็ต้องปลดเสื้อก่อนครับ (แค่กระดุมพอนะถ้ามากกว่านี้มันส่อ) ไม่งั้นตายแน่ ผมก็ำทำถ้าเจอแบบนั้น
โดยคุณ
Praetorians เมื่อวันที่
13/06/2008 10:29:24
ความคิดเห็นที่ 11
ภาวะขาดน้ำอย่างฉับพลันนี่มันน่ากลัวจริงๆ ค่ะ แต่พี่ชายเดินมาอ่านข้างหลังตะกี้ บอกว่า
พี่ว่าขาดเธอ ขาดรัก ขาดสุรา หนักกว่านะเหม่ง
( ออกทะเลที่บ้าน )
โดยคุณ marineen เมื่อวันที่
13/06/2008 23:47:19
ความคิดเห็นที่ 12
เคยแต่เป็นลมธรรมดาตอนออกกำลังกายเช้า ดันนอนซะดึกเอง
สงสัยปีนี้ต้องจัดบอลหญิงในคณะซะแล้ว เผื่อใครเป็นลม ก้ากๆ
โดยคุณ
Tasurahings เมื่อวันที่
14/06/2008 08:09:59
ความคิดเห็นที่ 13
ร.ด. ก็เคยมีตายเพราะลมแดด เหมือนกัน ครูฝึกเล่าให้ฟัง ประมาณว่าเด็กไม่สบายก็เลยไปนอนพักในเต้นท์ ก็คิดสภาพเอาแล้วกัน ประเทศไทยร้อนขนาดไหน แล้วดันไปนอนในเต้นท์ตอนแดดร้อน ๆ อีก ก็จบกันสิครับ...
ใครไปฝึก ร.ด. ปี 4-5 ฟิตร่างกายหน่อยครับ เดินไกลเหมือนกัน ผมเองแดดไม่ค่อยกลัว แต่เดินนี่สิ อย่างเหนื่อย แล้วไหนจะ ฝุ่นอีก โอ้..แม่เจ้า ฝึกร.ด.ปี 4 กลับมา เป็นโรคภูมิแพ้อากาศเลยครับ อย่างเซ็ง
อีกวิธีนึง ถ้าเดิน ๆ แล้วมันร้อน ให้เอาน้ำในกระติก ราดหัวเลยครับ หรือไม่ก็ล้างหน้า แต่ราดหัวเสร็จแล้วมาล้างหน้าต่อจะช่วยได้ครับ อีกประการครับ ตัดผมให้สั้นที่สุดครับ
โดยคุณ ทอแสง เมื่อวันที่
15/06/2008 07:10:02
ความคิดเห็นที่ 14
ต้องป้องกันด้วยการรักษาระดับแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดให้สูงไว้ครับ
^^
โดยคุณ Zepia เมื่อวันที่
16/06/2008 08:03:23