เขาก็ได้ลองเข้ามาแล้วนี่ครับ.. ทาง ช่องบก จ.อุบลฯ ..  บ้านชำราก จ.ตราด (  มีนาวิกโยธินแอบเข้าใปวางระเบิดดักรถถังในฝั่ง

ตรงข้าม ผ่านไป วัน สองวัน  ก็ได้ยินเสียงระเบิดและแสงไฟ น่าจะได้ซักคันหนึ่งหล่ะ ) และก็ บ้านร่มเกล้าไงล่ะครับ...แหม...ยังไง ๆ ช่วงนั้นผมและพี่น้องนักรบชายแดนทุกๆท่านก็ไม่ยอมให้ข้ามแดนไทยเข้ามาง่ายๆหรอกครับ... ตายก็ฝัง...ยังก็สู้...ครับ

มาอีกแล้วครับท่านกับคำถามแนวๆนี้ แต่จะตอบเท่าที่รู้ละกันนะครับ

ถ้าพูกถึงตอนสงครามเวียดนามทำไมลาวและเวียดนามไม่บุกไทยนี่ก็แปลกละครับ ก็ตอนนั้นงานเค้าล้นมืออยู่แล้ว ไหนจะต้องโค่นมะกันกับรัฐบาลของแต่ละประเทศที่เป็นพวกมะกันอีก

แต่สาเหตุสำคํยก็คือ เพราะไทยเรามีพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) อยู่แล้วครับ ทางฝ่ายโน้นเค้าก็เลยไม่เข้ามายุ่ง เพราะถือว่าเราก็มีพวกของเค้าอยู่แล้ว หรือเรียกง่ายๆก็คืออยากให้คอมมิวนิสต์ไทยเราชนะสงครามด้วยตนเอง

แต่พอตอนหลังๆที่คอมมิวฯไทยเราเริ่มอ่อนแอลง กับรัฐฯมีนโยบายไม้อ่อน นั้นคือการไม่จับสมาชิกพคท.แบบเชลย แต่ให้ถือว่าพวกเขาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ทำให้ชาวคอมฯทั้งหลายต่างออกจากป่า เลิกถือปืนและกลับเข้าในเมือง รวมทั้งนักศึกษาที่เคยหนีเข้าป่าจากการตามล่าของพวกเผด็จการด้วย

เมื่อเห็นเช่นนี้ ไทยเราจึงเริ่มเกิดวิกฤตการณ์กับลาว และเวียดนาม เช่น การที่ทหารลาวโจมตีเรือปฏิบัติการตามลำน้ำของไทยในแม่น้ำโขง การบุกเข้ามาในไทยของทหารเวียดนามตอนที่ยึดครองกัมพูชาฯลฯ

แต่หากพูดถึงการที่เวียดนามกับลาวจะรวมหัวกันบุกเรา ผมว่าเค้าคงเอาชนะเราไม่ได้หรอกครับ เพราะกองทัพไทยเราน่าจะชำนาญภูมิประเทศมากกว่า และก็น่าจะมีประสบการณ์ในการต่อสู้กับกองโจร ในสงครามปราบพคท.และสงครามเวียดนามมาบ้างแล้ว อีกอย่างถ้าไทยโดนบุกอเมริกาคงไม่ยอมอยู่เฉยๆแล้วครับ เพราะเขาเชื่อในทฤษฏีโดมิโน่ (ที่ว่าหากประเทศในตกเป็นคอมมิวฯประเทศใกล้ๆก็จะตกเป็นตามไปเรื่อยๆ)

แต่จริงๆแล้วตอนญวนบุกเราพี่แกไม่ยักกะส่งอะไรมาให้เรา ทำให้เราต้องไปซื้อรถถัง ไทป์59(มั้ง)จากจีนในราคามิตรภาพ กระสุนปืนใหญ่จากพวกสิงคโปรซะงั้น

นอกจากนี้รอท่านอื่นมาตอบคร้าบ

กระทู้แบบนี้ไม่แปลก.....ถามเชิงประวัติศาสตร์  ผมตอบให้สั้นๆนะ...

เวียดนาม,ลาวได้รับการหนุนโดย คอมมูนิสต์สายรัสเซีย

เขมร,ผกค.ไทย ได้รับการหนุนโดย คอมมูนิสต์จีน

คอมมูนิสต์ จีน กับรัสเซีย ไม่ถูกกัน....

เวียดนามยึดเขมร  ทำให้จีนไม่พอใจ จึงส่งกองทัพบุกเวียดนามทางเหนือ เรียกว่าสงคราม สั่งสอน

จริงๆแล้วเวียดนามเตรียมกองทัพรถถังนับร้อยคัน เพื่อเข้าตีประเทศไทย...แต่โดยสถานะการณ์รบกับจีน จึงเคลื่อนพลไปยันจีน...นี่แค่สาเหตุหนึ่งนะครับ ยังมีสาเหตุทางด้านการเมืองอีก ที่ไทยไปผูกสัมพันธ์ภาพกับจีน ฯลฯ.....

สั้นๆเท่านี้เนอะ....

ตอนแรกดูคำถาม ก็ดูหมิ่นเหม่ จะยุให้ประเทศเพื่อนบ้านแตกคอกันอีก

ผมเสริมนิดนึงนะครับ  ว่า เวลาตั้งคำถาม โปรด คิดให้รอบคอบก่อนจะถามหรือพิมพ์ ข้อความลงในเวปนะครับ 

   เพระกูรูในนี้ก็เคยพร่ำสอนบ่นไปยกนึงละ ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ โปรด

เปิดเวปอื่นๆ ดูหาความรู้เอาดีก่วาครับ ค่อยว่ากัน

.....ในรูปก็เป็น คู/คลอง ดักรถถังที่ชายแดนเขมร อ่ะครับ

......รถถังไทยในยุคนั้น ดีที่สุดมีเพียง เอ็ม-41 เท่านั้นเองครับ แต่เทียบปริมาณแล้วก็เป็นรอง ที-54/55 อยู่ดี 

......ขนาดความลึกแบบ คนยังข้ามลำบากเลยล่ะ มีป้อมอยู่ตามแนวดินด้วย  รถถังตกลงไปนี่จบเลยล่ะครับ

ตอนที่อเมริกาถอนทหารออกจากเวียดนามใต้

อเมริกาได้ทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากไว้ที่เวียดนาม หนีกลับแทบไม่ทัน อย่างที่เราเห็นภาพต่างๆกันมาแล้ว อย่างเช่น เรือบรรทุกเครื่องบิน ต้องเอาเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ทิ้งทะเล แล้วขนคนกลับให้ได้มากที่สุด

ต่อมาเวียดกงได้ยึดเขมรไว้ได้ แล้วส่งกองทัพรถถัง และทหารอีกจำนวนมหาศาล มาประชิดชายแดนไทย กัมพูชา ในขณะนั้น เวียดนามฮึกเหิมมาก จนถึงกับประกาศว่า จะยึดภาคอีสานของไทยให้ได้

ตอนนั้นสถานการณ์ตรึงเครียดมากถึงมากที่สุด ถ้าเวียดนามบุกขึ้นมาจริงๆ เราคงต้านไว้ไม่อยู่แน่นอน

ไม่มีใครช่วยเรา  เราถูกโดดเดี่ยว  เอาล่ะสิ

เพราะอเมริกาได้ถอนทหารทั้งหมดออกไปแล้ว แล้วก็ประกาศว่าจะไม่ช่วยไทยแล้ว เพราะในความคิดของอเมริกานั้น เชื่อว่าประเทศไทยนั้นสุดท้ายก็จะต้านไม่อยู่และโดนรวบหัวรวบหางกลายเป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์แน่นอน

แต่ๆๆ

ในขณะนั้นประเทศจีน ซึ่งไทยเราประกาศว่าจีนเป็นศัตรูหมายเลข 1ได้ทำการเปิดประเทศพอดี

ไทยเลย มีช่องทางแก้ไขสถานการณ์ได้ทันเวลาพอดี

โดยการส่ง นายทหาร ระดับสูงคนหนึ่ง(ถ้าจำผิดขออภัยด้วยคับ)ไปเจรจากับจีน โดยไทย ยินดีจะช่วยเรื่องเศรษฐกิจ การลงทุนให้กับจีน และไทยได้ขอให้จีนเปิดแนวรบ กับเวียดนาม ในบริเวณ ภาคเหนือ ของเวียดนาม

จีนก็ตอบว่า โอเชได้เลย

เพราะเวียดนามตอนนั้นเป็น คอมมิวนิสต์คนละสายกับจีน

เวียดนามจะเป็นคอมมิวนิสต์ทางสายรัสเซีย

ซึ่งตอนนั้น รัสเซียกับจีนมีปัญหากันพอดี

ต่อมา

จีนก็ได้ทำการบุกภาคเหนือของเวียดนาม ตามที่ได้ให้สัญญากับไทยไว้

เวียดนามเลยต้องถอนทหารที่กำลังรอคำสั่งในการบุกประเทศไทยกลับไปสู้กับจีน

พอจีนยึดภาคเหนือของเวียดนามได้ ก็ถอนกำลังกลับ

นี่เรียกว่า  สงครามสั่งสอน อย่างแท้จริง

ไทยเราเลยรอดพ้นวิกฤตินั้นมาได้ อย่างหวุดหวิด

เพราะการทูตที่ดีของเรานั่นเอง

ถ้าบุกไทยจริงๆ

เราคงไม่ยอมล่ะคับ

สายเลือดไทย

ถึงแม้จะเหลือคนสุดท้าย ก็ต้องสู้ล่ะคับ 

เท่าที่ผมจำได้นะ และวิเคราะห์ตามหลักต่างๆ โดยเน้นหลักรัฐศาสตร์เป็นหลัก ผมสังเกตและอ่านเรื่องราวช่วงนั้นนี่ ไทยไม่ได้กลัวเวียตนามเหนือจะบุกมากถึงขนาดอะไรยังงั้นเลยนะครับ

ทางด้านพ่อแม่ของผมเอง ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอาที่เป็นทหารเกือบทั้งหมด ผมเองก็เคยสอบถามท่านว่าสมัยรบที่เวียตนามเป็นเช่นไร ไปลุยกันเป็นยังไงมั่ง และภายหลังที่เวียตนามขู่จะตีไทย เรากลัวหรือมีปฏิกริยาอะไรมั่ง

เท่าที่ทราบคือ ลุงผมบอกว่า คืนหนึ่งในช่วงที่หมิ่นเหม่ว่าเวียตนามจะตีไทยนั้นเอง นายทหารยศระดับสูงท่านหนึ่งของไทย แอบไปพบปะกับพวก ผกค ที่ตะเข็บขายแดนโดยฝ่ายนั้นเป้นฝ่ายขอพบ

สิ่งที่ได้ยินน่าตกใจมากคือ พวกฝ่าย ผกค บอกว่า ขอสงบศึกชั่วคราว หากว่าเวียตนามมันบุกเข้ามา พวกเขาจะเป็นฝ่ายต้านให้ จะช่วยรบด้วย ขออย่างเดียว อย่าให้ทหารไทยยิงหลังเขา เขาจะยันไว้ให้อีกแรงนึง

เพราะเขาถือว่า นี่คือประเทศไทย ประเทศของเรา ไม่ยอมให้คนอื่นมาบุกรุก

โดยความคิดส่วนตัวผมนะครับ ผมว่า เรายันได้แน่นอน อาจจะสูญเสียหนัก แต่ผมว่ายันได้แน่ๆละ

ความกดดันต่างๆนานาในช่วงเวลาขณะนั้น แทบไม่ส่งผลกระทบต่อเราเท่าที่ควรนะครับ มิเช่นนั้นคงมีแบบเรียนหรืออะไรต่างๆนานาให้ศึกษากันมากกว่านั้น

อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ

คำตอบคือ 1975 / 2518 ไซ่ง่อนแตก
Domino affect ลาวและเขมรแตกด้วย ตามๆกัน
ตอนนั้นยังไม่มีทหารเวียตนามแถวชายแดนไทย ครับ
1979 / 2522 Sino -Vietnamiese war (สงครามจีน เวียตนาม / สงครามสั่งสอน)
เวียตนามตีเขมร และเข้าประชิดพรมแดนไทย ก่อนสงครามนี้คงประมาณปีนึง
ส่วนช่วงระหว่าง 1975 -1978 ในเขมรเป็นช่วงในหนังเรื่อง The Killing Field ครับ

ขอเรียนว่า สิ่งที่เราควรกลัว คือบาป และการทำบาป
เราอยู่ในยุคประชาธิปไตย และในสังคมแห่งการเรียนรู้

หลังจากเมกาแพ้เวียดนามก็ขนของกลับบ้าน ปล่อยให้ประเทศไทยโดดเดี่ยวผู้น่ารัก เผชิญสงครามตามลำพัง ส่งให้ก็แค่อาวุธ จ้างรบบ้าง

ถ้าเกิด จีน กับรัสเซีย ไม่ทะเลาะกันเรื่องเขมรละก็ ประเทศไทยโดนยึดทั้งประเทศ ไปจนถึงมาเล สิงคโปร์ ตามหลัก โดมิโน

เพราะเรารบกับ เวียดนามที่พึ่งเตะตูดเมกากลับบ้าน แถมมีลูกพี่อย่างรัสเซีย หนุนหลังครับ อันที่จริงมาเลย์เขาก็ส่งอาวุธช่วยเราด้วยนะครับเพราะถ้าเราล้ม เขาก็ล้มครับ

แต่พี่เมกานี่สิ ตอนรบก็ชวนเราไป แต่ตอนเผ่นไม่บอกกานเลย

ส่วนนายทหารระดับสูง ที่บินไปกอดคอกับจีน

ก็คือ ท่านพล.อ ชวลิต ยงใจยุทธ ครับ

ว่ากันว่าท่านได้รับเกียรติจากจีนให้ลั่นกระสุนปืนใหญ่ใส่เวียดนามนัดแรกครับ เรียกว่าสงครามสั่งสอน หลังจากนั้นเวียดนามก็เรียกทหารทั้งหมดกลับไปต้านจีน ทหารจีนตายเล่นๆ ไป3 หมื่นกว่า

ทำลายโครงสร้างทั้งประเทศจนแหลกละเอียดย่อยยับ แล้วก็ถอนตัวกลับครับ

เรื่องสงครามสั่งสอนนี่....พอดี ผมมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ที่ จีน บุก เวียดนาม นั้น...ในหนังสือเล่มนั้น มีบทความว่า จีนไม่ได้ทำเพื่อไทย แต่จีนเอง ก็มีปัญหาขัดแย้งกับเวียดนามในเรื่องดินแดน และเตรียมการบุกไว้อยู่แล้ว...(หนังสือ พิมพ์หลังเกิดเหตุการณ์ไม่กี่ปี) เคยอ่านนานแล้ว และเคยโพสรูปลงใน wing21 หรือ ที่นี่ ผมจำไม่ค่อยได้ เดี๋ยวจะกลับไปอ่านอีกที...ในกรณีสมมติว่า หนังสือดังกล่าว เป็นข้อมูลพอจะน่าเชื่อถือได้ ในความคิดส่วนตัวมองได้ว่า จีนเองก็อาศัยโอกาส เป็นบุญคุณกับไทย เหมือนกันครับ...

ส่วนเรื่องที่ว่า กระสุนนัดแรก หรือที่ว่า จีน บุกทำเพื่อไทย นั้น...เป็นข่าวในคอลัมภ์ ของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ....และก็นำมาพูดคุยต่อ ๆ กันมาครับ...

จีนเองไม่ได้ทำเพื่อไทยแน่นอนครับ

จากข้อมูลแล้ว จีนบุกเวียดนามแบบไร้กองกำลังทางอากาศสนับสนุน และบุกแบบยุทธวิธีคลื่นมนุษย์ตามสไตล์คอมมิวนิสต์  ทำให้บาดเจ็บล้มตายกันมากเลยครับ (คาดว่าหลายหมื่น) ที่จีนลงทุนทำขนาดนี้ น่าจะมีมูลเหตุมาอยู่แล้ว เรื่องความขัดแย้งด้านแนวความคิด เรื่องผลประโยชน์หลายๆอย่างในภูมิภาค  (อาจจะเป็นเรื่องเขมร ซึ่งเวียดนามไม่ถูกกับเขมรแดง...น่าแปลก คอมมิวนิสต์ด้วยกันแท้ๆ ) เลยจัดการลงไปตบเกรียนสักแป๊บ (แต่ก็โดนเกรียนชกมาเจ็บเหมือนกัน)  แต่ทว่าเผอิ๊ญ เผอิญ ทหารระดับสูง(และอ้วน)คณะหนึ่ง ได้ไปเยี่ยมจีน ประจวบกับที่กำลังกลัวเวียดนามของแข็งจากลำไส้ไหลไปขึ้นสมอง  จึงเอ่ยปากขอจีนช่วย  ก็เลยลงไปบุกแบบน้องขอ พี่จัดให้  แต่จริงๆแล้วมันเป็น น้องไม่ต้องขอ พี่ก็จะไปอยู่แล้ว เลยกลายเป็นบุญคุณ และ ทหารท่านนั้น เลยกลายเป็นนายก (ที่พูดจาไม่รู้เรื่อง) ไปซะงั้น .....................เอวัง

รถถัง ไทป์69 ที่ซื้อมานั้นใครจะว่ายังไงผมไม่ทราบแต่ส่วนตัวแล้วว่ามันคุ้มมากๆ    ถ้าลองเปรียบเทียบดูดีๆกับรถถังหลักที่เรามีใช้อยู่ในช่วงนั้นที่ดีที่สุดของเราคือ เอ็ม 48 เอ 5  ผมว่า ไทป์69 ทันสมัยกว่า   ไทป์69 มีเลเซอร์วัดระยะ  มีสเตบิไลเซอร์ เพื่อช่วยล็อคปืนให้จับเป้าตลอดเวลาไม่ว่าตัวรถจะเคลื่อนไหวยังไง พูดง่ายๆก็คือ ไทป์69 มันสามารถ ชิมไปบ่นไป เอ๊ย วิ่งไปยิงไปได้  ในขณะที่ เอ็ม 48 เอ 5 ต้องหยุดแล้วยิง.......ดังนั้น ไทป์69 ที่ได้มาในราคาถูกแถมแลกกับเหตุผลอื่นๆที่ตามมาอีกแล้วละก็ คุ้มครับคุ้ม.................ทราบหรือไม่ครับว่า ปัจจุบัน  ยานเกราะ ไทป์85 คือ กระดูกสันหลังหลักของ พล.ม.2รอ. (มีถ. เอ็ม 60 เอ 1   1 กองพัน  เอ็ม 60 เอ 3  2 กองพัน และ ไทป์85 6 กองพัน  ไม่นับสกอร์เปี้ยนและยานเกราะในพัน.ม.ลว. นขต.กองพล)  ซึ่งเป็น กองพลทหารม้ามาตรฐานหนึ่งเดียวของ ทบ.(พล.ม.1 น่าจะจัดเป็นกองพลทหารม้าเบา)......ถ้าเปรียบมวยกันระหว่าง รถสายพานลำเลียงพล 2 แบบที่เรามี คือ สาวหมวยไทป์85 กับสาวผมทองอย่าง เอ็ม 113 แล้ว ผมว่าน้องหมวยกินขาด  น้องหมวยนั้นคุณเธอรอบ(เครื่องยนต์)จัดจ้านมาก  เรียกได้ว่าเครื่องแรงแซงทางโค้งก็ว่าได้   เครื่องล่างเอ๊ยช่วงล่างก็แข็งปั๋ง ไม่อ่อนยวบยาบเหมือนสาวผมทองตาน้ำข้าว  เรียกได้ว่า พลขับหนุ่มๆแรง(บิดคันบังคับเลี้ยว)ดีๆ สามารถควบได้อย่างไม่ยั้งไม่ต้องดูแลกันมาก  ผิดกับฝรั่งตาน้ำข้าวที่ต้องควบดีๆ เพราะไม่งั้นช่วงล่างจะพังเอาง่าย     อาหมวยนั้นมีเกาะอก เอ๊ย เกราะที่ลาดเอียง  ในขณะที่หนูแหม่มนั้นแบนราบ(เกราะ)  เรียกได้ว่า อาหมวยเธอทนการกระทุ้ง(จากกระสุน)ได้ดีกว่าหนูแหม่มในระดับหนึ่ง         อาหมวยนั้นมีช่อง(ช่องยิงปืนเล็กด้านข้างรถ)สำหรับให้ทหารม้าหนุ่มๆสำเร็จกิจภายในได้(หมายถึง ยิง ปล. จากภายในรถ)ในขณะที่ที่หนูแหม่มต้องสำเร็จกิจภายนอกเท่านั้น     หลายคนอาจจะสงสัยว่า อ้าว ทำไมสาวหมวยเอเซียถึงถ้าชนหนูแหม่มตะวันตกได้ เหตุเพราะ เธอเป็นลูกครึ่ง  เจอรี่  เพราะเครื่องยนต์เธอเป็นเครื่องเยอรมัน............................เพื่อนผมที่เป็นทหารม้าหนุ่มรูปงามมีนามกรว่าอุ้ยแต่เพื่อนๆกลับเรียกมันว่าบักแหนม  ได้บรรยายสรรพคุณของอาหมวย(หมวยจีน ไทป์85 นะครับ ไม่ใช่ หมวยสิงคโปว์ เหอะๆๆ เพราะหลายคนน่าจะรู้จักเพื่อนผมคนนี้)ในสิ่งที่ผมไม่เคยสัมผัส(เหอะๆๆ)มาก่อนว่า  เมื่อตอนที่บักแหนมได้ไปเรียนชั้นนายร้อยเหล่าทหารม้านั้นได้มีการสาธิตขี่อาหมวยให้ดู  ปรากฏว่า พลขับหนุ่ม(เหลือน้อย) ที่แรงอาจจะไม่มีแต่อาศัยลูกเก๋าและประสบการณ์ในการขี่อาหมวย โดยการหมุนตัว360องศา(จากรถหยุดนิ่งอยู่กับที่)ให้ดู  เรียกว่าหนุ่มๆ(เหลือมาก)ทั้งหลายได้อึ้งททึ่งเสียวไปตามๆกัน(อึ้ง เพราะไม่คิดว่าจะทำยังงั้น  ทึ่ง เพราะไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้ และเสียว เพราะ กลัวมันจะพังแล้วเดี๋ยวได้ติดคุกกันก็คราวนี้)  แต่อันนี้ผมไม่ได้เห็นมากับตา เรียกได้ว่า เห็นมากับหู  แต่โดยนิสัยแล้วบักแหนมมันไม่ใช่คนขี้โม้ ดังนั้นน่าจะเชื่อถือได้    แต่มันน่าจะถ่ายคลิบมาด้วย จะได้มาลงเน็ต แล้วเขียนหัวว่า  แอบ อาหมวย   สวิง(กลิ้ง) 360 องศา          เหอะๆๆ

ปล. กลิ้งนะถูกแล้ว ไม่ใช่กิ้ง