เอฟ 16 ความภาคภูมิใจของกองทัพอากาศไทย เสธ.ทอ. ในฐานะ ผู้ฝูง เอฟ-16 คนแรก ชี้สมรรถนะยังเยี่ยม พร้อมเป็นกำลังรบหลักต่อไป ส่วนผู้ฝูงคนปัจจุบันยืนยัน แม้งบอาจไม่เท่าเพื่อนบ้าน แต่กำลังรบไทยยังเป็นแถวหน้าในภูมิภาคนี้

เครื่องบินขับไล่แบบ 19/ก หรือ เอฟ-16 ถือเป็นเครื่องบินที่มีความทันสมัย และทรงสมรรถนะสูงสุดของกองทัพอากาศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนาน

 เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2551 ซึ่งถือเป็นวันครบรอบ 20 ปีของการนำเครื่องบินรุ่นนี้เข้าประจำการ กองทัพอากาศได้จัดงานแสดงการบินโชว์ศักยภาพของเครื่องบินเอฟ-16 ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ที่กองบิน 1 จ.นครราชสีมา

 พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ เสนาธิการทหารอากาศ และผู้บังคับฝูงบิน 103 (เอฟ-16 เอ/บี) คนแรกของกองทัพอากาศไทย รำลึกอดีตว่า ฝูงบิน 103 เป็นฝูงบินแรกที่จัดหาเครื่องบินรุ่นเอฟ-16 เข้าประจำการ ในปี 2531

 จากนั้นอีก 7 ปีก็มีการจัดหาเครื่องบินเพิ่มเติมอีก 18 เครื่อง และในปี 2545 ก็จัดหาอีก 12 เครื่อง เพื่อทดแทนเครื่องบินเก่าที่ปลดประจำการ

 ตั้งแต่เครื่องบินเอฟ-16 เข้าประจำการในกองทัพอากาศ ประเทศไทยยังไม่มีปัญหาความขัดแย้งถึงขั้นใช้กำลังทางอากาศเข้าปะทะหรือสกัดกั้น เนื่องจากการมีเครื่องบินที่ทันสมัยจะเป็น หลักประกัน ในการป้องปรามจากภัยคุกคามได้เป็นอย่างดี

 ในรอบ 20 ปี ที่ผ่านมา กองทัพอากาศมีการฝึกนักบินเอฟ-16 มาทำการทดแทนมากกว่า 100 คนแล้ว

 ปัจจุบันเครื่องบินเอฟ-16 ที่เข้าประจำการในกองทัพอากาศมีจำนวน 3 ฝูง และสามารถปฏิบัติภารกิจได้หลายภารกิจ เช่น ภารกิจโจมตีภาคพื้น และการติดอาวุธต่อสู้แบบอากาศต่ออากาศ เป็นต้น

 แม้กองทัพอากาศจะไม่ได้จัดหาเครื่องบินรบรุ่นใหม่เข้ามาประจำการนานแล้ว แต่ พล.อ.อ.อิทธพรก็ยืนยันว่า นักบินของกองทัพอากาศและทีมช่างก็ได้เตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา โดยในยามปกติกองทัพอากาศไทยก็มีการ ฝึกร่วม กับมิตรประเทศอยู่เสมอ

 เมื่อมีเหตุการณ์อะไรขึ้น เชื่อว่าเราจะสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่กำลังทางอากาศ หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ก็มีอายุการใช้งาน ดังนั้น เราจะต้องวางแผน และจัดหาเครื่องบินทดแทน เอฟ-16 ซึ่งในอนาคตจะล้าสมัยไปเรื่อยๆ หรืออาจจะมีการปรับปรุงระบบให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้มีความทันสมัยมากขึ้น พล.อ.อ.อิทธพรให้ความอุ่นใจ

 พล.อ.อ.อิทธพรการันตีด้วยว่า ด้วยศักยภาพของกองทัพอากาศที่มีอยู่จะไม่ด้อยกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ และแม้ว่าเครื่องบินรุ่นเอฟ-5 ที่ประจำการอยู่ในกองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี จะปลดประจำการในเร็วๆ นี้ และจะมีเครื่องเจเนอเรชั่นใหม่เข้ามาทดแทน

 แต่เครื่องบินเอฟ-16 จะยังคงเป็นกำลังหลักในการรบ และจะต้องมีการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป

 เสนาธิการทหารอากาศมองสถานการณ์ในปัจจุบัน และมองเลยไปไกลไปถึงอนาคตข้างหน้าว่า ภัยคุกคามในปัจจุบันไม่มีความชัดเจน ยกเว้นเรื่องภัยจากการ ก่อการร้าย แต่กองทัพอากาศในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งที่ดูแลด้านความมั่นคงก็จำเป็นจะต้องมีการเตรียมความพร้อมหากมีภารกิจที่กองทัพอากาศจะต้องเข้าปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านการก่อการร้าย หรือการช่วยเหลือประชาชน เป็นต้น

 ขณะที่ น.ท.พงษ์กฤษณ์ มหาขันธ์ ผู้บังคับฝูงบิน 103 (เอ-16 เอ/บี) คนปัจจุบัน บรรยายเกียรติภูมิของฝูงบินแห่งนี้ว่า ทุกคนที่ก้าวเข้าสู่รั้วสีเทา คือ โรงเรียนนายเรืออากาศ ต่างใฝ่ฝันที่จะเป็น นักบินเอฟ-16 ด้วยกันทั้งสิ้น

 ความฝันนี้มิได้เป็นเพราะความทันสมัยของเครื่องบิน หรือความเท่เพียงอย่างเดียว แต่ทุกคนรู้ดีว่า หากมีภารกิจเพื่อพิทักษ์น่านฟ้าไทย ฝูงบินเอฟ-16 จะต้องเป็นฝูงบินแรกที่จะต้องบินเข้าต่อสู้กับข้าศึก ผู้บังคับฝูงบิน 103 กล่าวอย่างองอาจ

 กระนั้น น.ท.พงษ์กฤษณ์ก็ยอมรับว่า การเข้ามารับหน้าที่ต่อจากนักบินรุ่นพี่ๆ ถือเป็นแรงกดดันอย่างหนึ่ง เหมือนคำที่ว่า การเป็นแชมป์ไม่ยาก แต่การรักษาแชมป์ยากกว่า แต่ก็จะพยายามพัฒนาฝูงบินให้มีความก้าวหน้า และมั่นคงตามที่รุ่นพี่ๆ เคยสร้างไว้

 ผู้บังคับฝูงบิน 103 วิเคราะห์ศักยภาพของกองทัพอากาศไทยในวันนี้ว่า ถ้ามองจาก ปัจจัยภายนอก ในการพัฒนา เช่น งบในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ หรือเทคโนโลยีต่างๆ เมื่อเทียบกับในภูมิภาคไทยก็ยังคงยืนอยู่ในแถวหน้า

 แต่ถ้าเทียบกับประเทศสิงคโปร์ เราอาจจะดูว่าด้อยกว่า เนื่องจากเราต้องใช้งบประมาณไปพัฒนาด้านอื่นๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ส่วนการทหารอาจจะลดความสำคัญลงไป แต่เราจะชดเชยด้วยรูปแบบการฝึกที่มีความเข้มข้น โดยเฉพาะการฝึกร่วมกับนานาประเทศ เพื่อให้ประเทศเพื่อนบ้านและมิตรประเทศรู้ว่าเรามีความสามารถทัดเทียมกัน

 ผู้บังคับฝูงบิน 103 มองยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศว่า พลังอำนาจแห่งชาติทั้ง 5 ด้าน คือ การเมือง เศรษฐกิจ ทหาร สังคมจิตวิทยา และเทคโนโลยี จะต้องมีผลเกี่ยวเนื่องกัน ถ้าเศรษฐกิจแย่ทุกอย่างก็จะกระทบไปหมด

 อย่างไรก็ตาม แม้จะประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่กองทัพก็จะต้องพัฒนาส่วนอื่นแทน โดยเฉพาะด้าน กำลังพล เพราะกำลังทางอากาศมีปัจจัยแห่งความสำเร็จ 3 อย่าง คือ กำลังพล เทคโนโลยี และ ยุทธวิธี

 หากปัจจัยทั้ง 3 ประการข้างต้นมีการพัฒนาที่สอดคล้องกัน  รั้วบ้าน ก็จะแข็งแรงมั่นคงเพียงพอที่จะปกป้องประเทศชาติของเรา

สมรรถนะฝูงบินเอฟ-16

  เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19/ก หรือ เอฟ-16 เอ/บี ประจำการอยู่ในกองทัพอากาศไทยมานานถึง 20 ปี โดยประจำการอยู่ที่ฝูงบิน 103 กองบิน 1 ปัจจุบันมี น.ท.พงษ์กฤษณ์ มหาขันธ์ เป็นผู้บังคับฝูงบิน

 ภารกิจของเครื่องบินเอฟ-16 ในภาพรวมคือ เตรียมกำลังทางอากาศตามที่กองทัพอากาศกำหนด ซึ่งมีทั้ง ปฏิบัติการลับ และ ปฏิบัติการเปิด

 ปัจจุบันเครื่องบินเอฟ-16 มีการปรับปรุงสมรรถนะให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน โดยสามารถบินโจมตีในเวลากลางคืนได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีรัศมีปฏิบัติการรบมากกว่า 300 ไมล์ทะเล

 มีระบบอาวุธหลากหลาย อาทิ

 -ปืนใหญ่อากาศ 20 มิลลิเมตร 6 ลำกล้อง

 -จรวดนำวิถีด้วยความร้อน สามารถติดระเบิดขนาด 500 ปอนด์ พร้อมกัน 12 ลูก

 -ระเบิด 2,000 ปอนด์ พร้อมกัน 4 ลูก

 ในโอกาสครบรอบ 20 ปี ฝูงบิน 103 มีการบินโชว์ศักยภาพ มีชั่วโมงบินรวม 5.6 หมื่นชั่วโมงบิน ซึ่งในการบินหมู่มี น.ท.พงษ์กฤษณ์ เป็นหัวหน้าฝูง และมี พล.อ.อ.อิทธพล ศุภวงศ์ เสนาธิการทหารอากาศ ร่วมคณะบินด้วย

 การแสดงครั้งนี้เป็นการแสดงขับบินหมู่ 13 ของเครื่องบินเอฟ-16 จาก 3 ฝูงบิน ประกอบด้วย ฝูงบิน 102, 103 กองบิน 1 และฝูงบิน 403 กองบิน 4 จ.นครสวรรค์ และยังมีการทำสีหางประกายเป็นสีขาวเพื่อเป็นที่ระลึก และแสดงถึงเกียรติประวัติของเครื่องบินรบรุ่นนี้อีกด้วย

เรื่อง ทีมข่าวความมั่นคง

ภาพ กิตตินันท์ รอดสุพรรณ