ขอแหวกแนวเพลงครับ ............................ เก่าหน่อย แต่ได้ใจจริงๆ
แหกขี้ตาทำงาน แต่ไม่มีสามธิจริงๆ ให้ตายเถอะ ..........
ของป๋า เบิร์ด ธงไชย
เก่าอีกแล้ว
บันทึกหน้าสุดท้าย
คำร้อง : เต๋อ
ทำนอง/เรียบเรียง : จาตุรนต์ เอมซ์บุตร
อ่านดูข้อความที่เคยบันทึกไว้ข้างใน สมุดเล่มใหญ่สีเทา
อ่านดูเรื่องราวของเราอ่านทุกคำทุกตอน เหตุการณ์ครั้งก่อนคราวนั้น
ซึ้งในความผูกพัน รักที่เราให้กัน รักที่เราใฝ่ฝันด้วยกันตลอดมา
ซึ้งในคำพูดจา สื่อภาษารักกัน รักคือเธอและฉันและความเข้าใจ
จดจำข้อความขึ้นใจอ่านซ้ำมาซ้ำไป ไม่มีเรื่องใหม่เหมือนเดิม
แต่ใจนั้นอยากเขียนเติมจากเรื่องเดิม ว่าเราอยู่เคียงเช่นเก่าคราวนั้น
ซึ้งในความผูกพัน รักที่เราให้กัน รักที่เราใฝ่ฝันด้วยกันตลอดมา
ซึ้งในคำพูดจา สื่อภาษารักกัน รักที่ให้เธอนั้นไม่มีเปลี่ยนแปลง
ฉันอ่านถึงตอนที่เราต้องจากกันไป เพราะเธอต้องทำตามผู้ใหญ่
เราถูกกีดกันแต่ฉันเข้าใจ ปล่อยเธอจากไป
พลิกไปหน้าสุดท้าย ทางซ้ายมือมีข้อความพิเศษตีกรอบเอาไว้
หกคำนั้นอ่านว่าเราจะรักกันจนตาย หกคำนั้นอ่านว่าเราจะรักกันจนตาย
ศิลปิน : พิชญากร
อัลบั้ม : เพลงประกอบละคร เมืองมายา
เพลง : เหนือกาลเวลา
หากว่าใจเรารักกัน อย่าหวั่นกลัวกับเรื่องใดๆ
อาจไม่มีใครเข้าใจ แค่มีเพียงเราเข้าใจก็พอ
อยากให้รักของฉันและเธออยู่เหนือกาลเวลา แม้ความจริงต้องห่างแสนไกล
ให้ความรักของเราคงอยู่ยาวนานในหัวใจ ไม่มีใครจะเปลี่ยนใจเรา
หากว่ามองไม่เห็นกัน อยากให้เราผูกพันด้วยใจ
เพียงแค่หลับตาครั้งใด แค่เพียงปล่อยใจให้ส่งถึงกัน
(ซ้ำ )
แม้ไม่อาจรู้วันข้างหน้า ว่าต้องพบต้องเจอสิ่งไหน
สิ่งเดียวที่ฉันยังอยากให้เธอมั่นใจ รู้ไว้ว่าฉันรักเธอ
(ซ้ำ )
จบแล้ว นอนดีกว่าครับ ...................
แต่ละเพลงฟังแล้วคิดว่าชีวิตตัวเองหรือเปล่าค่ะพี่ ฟังแล้วไม่ดีขึ้น แย่ลงกว่าเดิม จม และจะฟังทำไมคะ ยังมีเวลาอีกมากมายที่จะสร้างฐานที่มั่นคงเพื่อคนอีกคน คนเป็นพ่อเป็นแม่เขาก็มองทุกอย่างเพื่อลูกคะ หวง ห่วง มากกว่าปกติอยู่แล้วหากเป็นลูกสาว ด่านมากกว่าปกติไม่แปลก บ้านเหม่งด่านยาวไปถึงอุบลฯ แหน๊ะ อายุยังน้อยยังมีเวลาพิสูจน์ตัว อย่าเร่งรัดตัวเองและอีกฝั่งสิค่ะ ทำยังกับรถไฟขบวนท้ายที่สุด เป็นกำลังใจให้นะพี่ สู้ สู้ ค่ะ
|
พอจะเข้าใจ ว่าอารมณ์อย่างนี้ ต่อให้ทำอย่างไรก็ไม่สามารถกลับมาร่าเริงได้ ^ ^
คุณ icy ครับ ถ้ามันยังแก้ไขได้ ก็อย่าเพิ่งท้อนะครับ ผมไม่เชื่อว่าไม่มีปัญหาใดที่แก้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยปัญหาส่วนมากในโลกนี้ก็แก้ได้ล่ะครับ
ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำ ปัญหาที่เกี่ยวกับ คน และ ความสัมพันธ์ แบบนี้ แก้ยาก แต่ใช่ว่าจะแก้ไม่ได้เลย
แต่ถ้ามันหมดทางจริง ๆ แล้ว จะเศร้าหรือเสียใจไป ก็ทำให้เต็มที่ครับ
พอเศร้าจนพอใจแล้ว ...... ลุกขึ้นมา แล้วมองหาสิ่งใหม่ ๆ ครับ
พวกเราเขาใจช่วยเน้อ ^ ^
หากตั้งกระทู้ที่พันทิปห้องสวนลุมฯ จะได้แง่คิดมากเลยหล่ะ สำหรับมุมมองความรัก
หรือไม่ก็จะเป็นอีกมุมประมาณว่า ยิ้งทิ้งเลยครับ หรือจับปล้ำเลยครับ หรือหรือตีหัวลากเข้าถ้ำเลยครับ
แต่ความเป็นจริงมันเป็นเรื่องของคน 2 คน ที่จะจัดการปัจจุบันให้อยู่ในรูปแบบไหนมากกว่า
เพราะเรื่องที่จะจัดการวันนี้จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ในระยะยาวในอนาคตของคน 2 คน
การร้อนรนตามคำพูดคำเสียดสีรังแต่จะบั่นทอนจิตใจใฝ่ดีป่าวๆ คำถึงถึงสถานนะอีกฝ่ายด้วยค่ะ
จากที่เคยคิดยาวๆ จะให้ได้ดังใจทุกอย่าง ลองมาคิดระยะสั้นทำวันนี้ให้ดีที่สุดเริ่มจากเรื่องเล็กๆ ก่อน
บางทีการการมีปัญญาหากับคนรอบข้างเธอคนนนั้น มันจะกลายมาเป็นเครื่องบั่นทอนความสัมพันธ์
ของคุณและเธอจริงๆ นะค่ะประเภทไม่มีเรื่องก็จะให้มีเรื่องเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องของคนอื่น หรือสภาพแวดล้อม
เราควบคุมคนอื่นไม่ได้แต่เราเลือกที่จะควบคุมตัวเองได้
ส่วนเรื่องด่านต่างๆ คิดง่ายๆ ด่านไหนก็ไม่สำคัญเท่าด่านใจเธอคนนั้นค่ะ ผ่านด่านนี้ได้ก็ฉลุยแล้ว
หากผ่านด่านอื่น ด่านเธอไม่ผ่านก็จอดสนิทไม่เคลื่อนไหวถึงขั้นตายซากเชื่อสิว่าไม่มีใครห้ามความรักได้หรอกค่ะ
แต่ห้ามการมาอยู่ร่วมกันของคนรักกันได้มากกว่า เพราะรักมันเป็นเรื่องของห้วใจคนสองคน
โชคดี มีทางออกที่เหมาะที่ควรค่ะ
ปล. บวชแล้วมีสมาธิจริงหรือ ???
บวชแล้วสมาธิดีจริงหรือ...............................??????
ขอถือวิสาสะตอบ.................ขึ้นอยู่ที่ว่า บวชแล้วปฏิปทาเป็นเช่นไร ว่าไปแล้วคำตอบไม่น่าจะเป็นปุถชนอุตริ ถือเป็นเกร็ดเล็กน้อยที่จะขอเล่าให้สนุกๆ แล้วกันนะครับ
เมื่อราว ๒ ปีก่อน ได้มีโอกาสบวชเป็นพระป่าสายหลวงปู่มั่น ตลอดเวลา ๑๑๗ วันที่ครองผ้าเหลือง แม้ไม่ได้ออกธุดงค์หรือได้สำผัสสมาธิลึกๆขั้นเนื้อตัววูบวาบ(เขาว่ากัน) แต่ก็ได้ความวิเวกพอสมควร
ท่านว่า สมาธินั้นเป็นปฏิปักษ์กับกาม โดยเฉพาะกามกำหนัด พระผู้รู้ท่านเปรียบบุรุษเหมือนไม้ ไม้เปียกสีอย่างไรก็ไม่เกิดไฟฉันใด บุรุษผู้ยังชุ่มด้วยตัญหาก็ยากที่จะเข้าถึงสมาธิฉันนั้น.....................มีต่อ
การครองผ้าเหลืองถือว่าได้บุญหนัก แต่นั่นหล่ะ บุญมากฉันได หากเผลอประพฤติผิดไปจากพระวินัยบาปก็หนักมากฉันนั้น โทษพระผู้กระทำผิดเรียกอาบัติ อาบัติมีหลายขั้น หนักสุดคือการประหารชีวิตจากการเป็นพระ ท่านเรียกปราชิก โทษมี ๔ ประการ ได้แก่ อวดอุตริทั้งที่ไม่มีจริง(อวดคุณวิเศษได้แก่ญาณและฌาณ) ฆ่าคนตาย เสพกามแม้ด้วยเดรัจฉาน และ ลักทรัพย์แม้ค่าเพียง ๑ บาท......................... อันว่าภิกษุคือผู้ขอ(อย่างมีรสนิยม) ภิกษุมีวิมุติเป็นงานที่ต้องทำ ดังนั้นภิกษุไดฝักไฝ่กาม แม้ไม่ถึงขั้นอาบัติก็มิบังควร.................
การช่วยตัวเอง หรือมาสเตอรเหบท ถือเป็นข้อห้ามร้ายแรงของสงฆ์ โทษสำหรับภิกษุผู้หมกมุ่นมีอาบัติให้อับอาย คือต้องสารภาพกับหมู่ภิกษุและอยู่กรรมคุมประพฤติถึง ๗ วัน...........
บุรุษผู้มียางไม้................อันนี้ไม่แปลก ...........แต่ภิกษุผู้มียางไม้นี่สิ.............ลำบาก แม้ประพฤติพรหมจรรย์ในพระวินัย หากแต่ธรรมชาติยังไม่อาจแยกคนปกติและภิกษุในผ้าเหลือง.........................ฝันเปียก........... หนุ่มน้อยวัยกำดัดนุ่งขาก๊วยเสื้อกล้ามนอนอยู๋บ้านภาวะเขื่อนแตกอันนี้เป็นเรื่องปกติ (ต้องรีบซักเดี๋ยวเป็นแผนที่) แต่ถ้าเป็นพระหล่ะจะทำอย่างไร?????????????
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ
โดยเฉพาะเหม่ง กับคุณจิ๊บ
ไม่น่าเชื่อยัยเหม่ง จะองค์ลงเป็น เป็นบุญตาจริงๆ
จะเก็บเอาไปตกผลึกความคิดครับ ....................................
พี่กบครับ
ผมหน้าเหมือนบุรุษผู้ฝักใฝ่ในกามเหรอครับ = =
หนังสือโป๊ยังไม่เคยซื้อสักเล่ม (โหลดบิทเอา เอิ๊กส์)
ส่วนท่านโย รักหนูเหม่งให้มากๆนะครับ
สุดท้าย ผมก็กวนติง เหมือนเดิม มันน่าสงสารมั๊ยนิ
โบราณท่านว่า ทุกคนจะมีขวัญ ขวัญอยู่ที่ใดในใจก็จะคิดเห็นไปอย่างนั้น..........................แต่ผมว่าจริงๆ มันน่าจะเป็นความเคยชินในกิจวัตร ซะมากกว่า คือประมาณว่าเป็นศัพท์แสงบาลีก๊ออาจินกรรม เมื่อจิตมีความว่าง(แบบโหลงเหลงโพล้เพล้ เหมือนยามใกล้ตื่น หรือยามจิตจะหลุดคือใกล้ตาย) ภาพกิจวัตรที่มุ่งมั่นทำอย่างมีสติก็จะเข้ามาปรากฎ เป็นนิมิตรบ้าง ฝันบ้าง ดีบ้าง ชั่วช้าบ้างแล้วแต่เจตนา เอ้า ว่าไปนั่น........................................ ผมยังจำได้ หลังสึกกลับมาอยู่บ้าน เช้าใกล้รุ่ง ยังฝันว่าล้างหน้าล้างตาห่มจีวรเตรียมไปบิณฑบาตรเลย......................
นั่นแหล่ะ เหมียนกัล................บวชวันแรกๆ ขวัญยังไม่อยู่กับพระ ร้างลาวงการไปนาน กลัดแน่นมันส์จุกอก ใกล้รุ่งฝันไปต่างๆ ในฝันนุ่งยีนส์ป้อสาว(ไม่ใช่สีกาเพราะในฝันไม่ห่มผ้าเหลือง) ท้ายสุดไม่รู้อิท่าไหนเข้าพระเข้านางเขื่อนก็แตก..................รู้ตัวสลึมสลือ ยังเห็นเป็นปกติ ต่อเมื่อเกาหัวซอกเล็บโดนตอผมทิ่มเจ็บๆ ก็ให้ตกใจ ตายห่...หล่ะวา.........นี่ดีนะไม่เอามือลูบเป้ายุส่ง อย่างนั้นโดนอาบัติหนัก แม้รู้คนเดียวก็ให้ละอายอยู่แก่ใจ.....................นั่น สปินเวย์แตกครั้งแรกสำหรับภิกษุไม้ชื้น.........................อยู่ๆไป ขวัญเริ่มอยู่กับตัว ขวัญเป็นพระแล้ว...........(มาช้าจังพ่อคุณนี่) เมื่อขวัญเป็นพระ อริยาบทในฝันก็เป็นพระไปด้วย จะทำอะไรจะป้อสาวก็มีให้ฉุดคิด เรื่องฝันควบม้าในผ้าเหลืองเป็นไม่มี.................................แต่ท่านเอ๊ย...................ธรรมชาติเจ้ากรรม แม้ไม่มีเจตนา ร่างกายมันก็หาทางขับออกเอง.................ช่วงกลางๆ แม้ไม่ฝันร่วมประเวณี แต่พอได้จังหวะไม่ก็หน่วงๆ(สบายตามแบบฉบับ) แล้วก็พังทะลายออกมาเอง....................ช่วงนั้นรู้สึกเซ็งเป็ดเกือบร้อยเปอร์เซนต์ ที่เหลือเป็นรู้สึกให้ละอาย ..........ตูหนอตู ลงทุนห่างบ้านเรือนมาเป็นร้อยโลมาอยู่ป่าอยู่แม่น้ำ ดั๊นก็แค่มานอนฝันเปียก...................................
ง่ะ !!!! ไหงเป็นงี้หล่ะพี่เดี๊ยะ ๆ ก็โดนโหมดซ้ำเติมหรอก
( นานๆ จะตอบเป็นเรื่องเป็นราว ชิชะ )
บอกแล้วเหม่งไม่ใช่แฟนพี่โย เหม่งเป็นลูกสะใภ้พี่โต้งแล้วตอนนี้ ฮ่วย..
สวัสดีค่ะลุงกบ หายไปนานเลยสบายดีนะค่ะ มาทีหนูนึกว่าคุณพระคุณเจ้ามาเทศนา แฮ่ ...
ที่วัดหินหมากเป้งจัดว่าเป็นที่ๆสำหรับการทำภาวนาที่ดี จะมีข้อเสียบ้างตรงเรือเร็วหางยาววิ่งแม่น้ำโขง ก๊อดั๊นท่อไม่มีไส้นี่แล่ะ เสียงดังล่วงหน้ามาหลายโลกว่าจะกลับสู่ความเงียบก็ต้องรอพี่ผ่านไปอีกหลายโล.........................นานๆจะมี มิ ของลาวบินโฉบมาบ้างเสียงโรเตอร์ดังผับๆๆมาแต่ไกล อันนี้แม้ไม่ดังมากก็ให้สมาธิหวั่นไหวด้วยใจฝักไฝ่........................................
ผมเลิกดื่มเหล้าเด็ดขาดก่อนบวชถึง ๒ ปี(เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่กลับไปกิน) สำส่อนเลิกเด็ดขาด เรื่องฆ่าสัตว์ผมไม่ปารถนามาแต่ยังเล็ก มีไร้สติสนุกไปกับเพื่อนบ้างแต่ก็ไม่มาก(เออว่าไปยุงนี่ก็ซัดไปเยอะเหมือนกัน)................. การปฏิบัติภาวะนาสมาธิท่านว่าควรเริ่มที่ศิลสมบูรณ์ การทำสมาธิทำได้ทุกอริยาบท นั่งก็ได้ เดินก็ได้ ท่านเรียกเดินจงกรม............................แต่ผมชอบนั่ง(ไม่เหนื่อยขี้เกียจเป็นสันดาน).....................ก่อนบวชนั่งสมาธิได้ราวครึ่งชั่วโมง ตัวจะเกร็งมือไม้บิดเบี้ยว มาทราบทีหลังว่า เป็นเพราะเราข่มสมาธิ เหมือนครอบลิงด้วยสุ่มไก่ ลิงมันดันออก นอกจากไม่ได้สมาธิยังอึดอัด เกร็งบิดเบี้ยวไปเลย...........................................ในผ้าเหลือง ภิกษุยางไม้ นั่งสมาธิได้นานขึ้น ทะลุผ่านจุดฟุ้งซ่านไปอยู่ที่สงัดขึ้น มองเห็นลมหยใจตัวเองได้ชัดเป็นเวลานานขึ้น (อยู่กับลมหายใจได้ ๖-๗ รอบลมโดยไม่คิดเรื่องอื่น).............................แต่นั่นยังไกลจากสมาธินัก....................................ท่านว่าสมาธิคือที่พักใจ ไม่ต้องคิดเรื่องอะไร......................ไม่คิดมันก็ไม่ทุกข์.........................ท่านดูเถอะทุกวันนี้เราทุกเพราะใจมันพาเราคิดไป แกว่งเท้าหาเสี้ยนก็ว่าได้.....................................สมาธิเหมือนหินทับหญ้า ถ้าหญ้าคือความวุ่นวาย หินสมาธิก็ระงับการเติบโตของหญ้ากิเลส............................................
ภิกษุฟัดกับกิเลส(สำนวนท่านหลวงตามหาบัว) แต่ถ้าเปรียบภิกษุยางไม้กับกิเลสแล้วมวยคนละรุ่น ไม่ทันได้ขึ้นเวทีชกเลย มันถ่มน้ำลายรดหัวแล้ว..................................... ต้นเดือนสุดท้ายเริ่มเปลี่ยนเป้าหมาย เจตนาเดิมปารถนาจะได้สัมผัสสมาธิลึกซักครั้งภายใน ๔ เดือน......................ก็หันเหให้หาสบายจากการคิดน้อย............................ขณะบวชได้สหธรรมมิก ท่านชอบอดอาหาร ท่านว่าแก้กามได้ดีนัก................ท่านนิยมมาฉันวันเว้นวัน(ฉันหลังบิณฯรวมกันตอนเช้า) แต่ท่านฉันเยอะ.......................ภิกษุเริ่มมีความสนใจ แต่ลำพังฉันเมื้อเดียวก็สาหัส เคยตื่นสายไม่ทันบิณฯกับคณะ วันนั้นเลยลงโทษตัวเองด้วยการอดอาหาร........................เจ้าพระคุณรุนช่อง ลมออกหูหึ่งแสบท้องหนักกว่าเดิมทวีคูณ........................................ภิกษุตัดสินใจฉันน้อย แต่ฉันทุกวัน เปลี่ยนจากฉันข้าวสวยเป็นข้าวเหนียว ปั้นกลมเท่าลูกชิ้นนายฮั่งเพ้ง ราดกับข้าวใส่หน้า(เหมือนโดนัสครีม) ฉันวันละ ๗ ก้อน อาศัยเคี้ยวให้นาน การกินน้อยแต่เคี้ยวนานแม้ท้องพร่องแต่ปากจะอิ่ม...................................................การปฏบัติดังกล่าวนี้ทำให้ร่างกายซูบซีบไปถนัดตา ถึงขั้นเณรที่สนิทเอามือมากำต้นแขน(ได้รอบ)แล้วถาม เป็นจังได๋ครูบา....................ช่วงหลังๆ ไม่ค่อยได้มาร่วมกิจกรรมพัฒนาวัดกับคณะเพราะไม่มีแรง........................แต่ผลที่ได้เกินคาด มันคิดน้อย (เพราะไม่มีแรงคิด) คิดน้อยก็ทุกน้อย แถมได้ของดีคือไม้เริ่มจะแห้ง.......................................จะมีบ้าง วันไหนนอนมาก(เพลียก็นอน) ไอ้เจ้ากรรม ปากอดท้องหิวจะตายห่...... เผลอนอนเต็มกำลัง มันก็เอาเรื่องอีกแล้ว..........................นี่ๆๆๆๆ มันสำคัญ......................................................
การบวชครั้งนี้แม้ไม่ประสบผลสำเร็จในด้านภูมิธรรมแต่ก็ให้เกิดฝังคิดประทับใจ..............เป็นความประทับใจฝ่ายดี..........................มากกว่าฝ่ายชั่วยามเสียตัวครั้งแรกเป็นไหนๆ...................................วันสึกทำพิธี คุณพ่อเตรียมกางเกงไปให้ เป็นตัวเดียวกับในรูปนี่แหล่ะ (ตัวเก่ง) หลังจากพระผู้อุปัชชา สลัดจีวรแล้วเอ่ย ไปเถอะ เจ้าจงไปเสีย................น้ำตาผมแทบร่วง.............................เดินมาหน้าโบส คุณพ่อช่วยเปลี่ยยกางเกง อนิจจา รอบเอวยังเหลืออีกตั้งครึ่ง ผมเห็นสีหน้าคุณพ่อแล้วสงสาร ท่านเหมือนจะร้องไห้ด้วยด้วยสมเพธ.............................................ก่อนบวชน้ำหนัก ๗๘ โล กลับมาชั่งที่บ้านตอนนี้เหลือ ๕๒ โล................................ ผมกับไปทำงานเพื่อนร่วมงานตะลึง บางคนเลิกคบ คงคิดว่าผมป่วยเป็นเอสด์......................................
จงใช้สติให้มากที่สุด สติมาปัญญาเกิด ไม่รู้จะบอกอะไรดี บอกได้แค่นี้ว่าขอให้มีสติอยู่ตลอด
ฟังเพลงดีกว่า
เหม่งรักคุณเอ็มให้มากๆนะครับ
ท่านกบไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ตอนผมบวชผมก็เคยฝันครับ แต่ไม่ถึงกับใช้ทางระบายน้ำล้น ฝันแค่ว่าเป็นฆราวาส แล้วไปเที่ยว ตื่นมาพระพี่เลี้ยงบอกว่า เจ้ายังจิตใจไม่เป็นพระเต็มตัว แต่ช่วงหลังๆ กับลาสิขามาแล้ว ก็มีที่ฝันว่าเป็นภิกษุครับ
ถึงขั้นที่คุณ JIB บอกคงไม่ไหวหรอกครับแบบนี้ตีหัวลากเข้าถ้ำหรือยิงทิ้ง แต่ในกรณีแบบนี้ผมว่า ถ้าไอซ์ซี่ โตขึ้นกว่านี้ มีหน้าที่การงานที่มั่นคงกว่านี้ คงกลับมามองเรื่องแบบนี้ว่าเป็นประสบการณ์ในชีวิตอย่างหนึ่ง ครับ เรื่องแบบนี้ถ้าใครไม่เจอคงไม่รู้ แต่บางคนพอผ่านมาได้สักพักหนึ่ง แล้วกลับไปนั่งมองอดีตแล้วก็ขำตัวเอง ว่าทำไมเมื่อตอนนั้น เราเป็นแบบนั้นไปได้ แล้วก็นั่งหัวเราะกับตัวเอง เช่นผมเป็นต้น ถามว่าเคยอกหักไหม ตอบได้เลยว่าเคยครับ แต่นานมาแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายจวนจะจบแล้วต่อเข้ามหาลัย ทำเอากินไม่ได้นอนไม่หลับเป็นเดือนๆ เรียกได้ว่าตอนนั้น จับต้นชนปลายกับชีวิตไม่ถูก แต่พอผ่านมาเราเริ่มโตขึ้น รู้จักชีวิตในมหาลัยสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ แล้วกลับไปมองเรื่องตอนช่วงมัธยม แล้วก็นั่งฮากับตัวเอง ทำไมเราเป็นแบบนี้ในตอนนั้น มันก็เลยเป็นประสบการณ์ให้กับชีวิต พอตอนทำงานมีทั้งบอกเลิกกับเค้า หรือเค้าขอเลิก ก็แทบจะไม่รูสึกอะไรเท่าไหร่ เพราะทำใจได้ง่ายขึ้น คิดอย่างเดียวว่า เค้าไม่ใช่คู่ของเรา อยู่ตัวคนเดียวก็สบายๆ ไม่ต้องพะวงอะไรมากนัก สงสัยบางทีหน้าที่การงานมันรัดตัวขึ้น ทำให้เราอาจไม่ค่อยได้คิดเท่าไหร่ พอทีนี้หันมามองไอซ์ซี่ ก็ให้คำแนะนำว่า อย่ามัวแต่แต่ฟังเพลงเศร้า พอฟังแล้วเราคิดตาม จะทำให้ใจหดหู่ หาอย่างอื่นเข้ามาทำให้จิตใจมันผ่อนคลายบ้าง บางกรณีเราอย่ามองแต่ตัวเราแต่ขอให้มองถึง อีกด้านบ้างว่าทำไมเค้าถึงทำแบบนี้ บางครั้งเขาอาจจะมีเหตุผลของเขาเอง แต่เราก็มีเหตุผลของเรา แต่อย่า เอาอารมณ์ ของเรามาเป็นหลักครับ ค่อยๆคิดทบทวนแล้วอาจจะเจอวิธีที่แก้ไข หรือปล่อยวางได้ครับ แต่อย่าเก็บตัวอย่าฟังเพลงเศร้า(ถ้าจะฟังแนะนำให้ฟังเพลงฤดุที่แตกต่าง เพราะเวลาผมท้อๆจะฟังเพลงนี้เสมอ) อย่าไปนึกถึงเรื่องเก่าๆ ปล่อยตัวออกสู่โลกภายนอก หาวิธีที่ผ่อนคลายกับตัวเอง แล้วอาจจะดีขึ้น ถามว่าธรรมะช่วยได้ไหม ตอบได้ว่าอาจจะนะครับ เพราะตัวเองก็ไม่ถนัดเรื่องนี้ แต่ถ้าเราจิตใจยังไม่สงบอาจจะทำได้ไม่ได้ ปล่อยวางกับหาวิธีผ่อนคลายครับดีที่สุด อีกอย่างหาที่ปรึกษาดีๆสักคน (เอาที่มีวุฒิภาวะพอนะ) อาจจะเป็นที่ระบายหรือให้ข้อคิดดีๆได้ครับ เพื่อนนะพอช่วยได้บ้าง เพราะอยู่ในวัยเดียวกันเรื่องบางเรื่องอาจให้คำปรึกษาไม่ได้ พาเข้ารกเข้าพงไปเลย เป็นกำลังใจให้ครับ
(กระทู้ : / ตอบ : ) |
Re : icy อารมณ์เพลง .............:นอกเรื่อง งดฮา หาที่ระบายครับ ถึงขั้นที่คุณ JIB บอกคงไม่ไหวหรอกครับแบบนี้ตีหัวลากเข้าถ้ำหรือยิงทิ้ง แต่ในกรณีแบบนี้ผมว่า ถ้าไอซ์ซี่ โตขึ้นกว่านี้ มีหน้าที่การงานที่มั่นคงกว่านี้ คงกลับมามองเรื่องแบบนี้ว่าเป็นประสบการณ์ในชีวิตอย่างหนึ่ง ครับ เรื่องแบบนี้ถ้าใครไม่เจอคงไม่รู้ แต่บางคนพอผ่านมาได้สักพักหนึ่ง แล้วกลับไปนั่งมองอดีตแล้วก็ขำตัวเอง ว่าทำไมเมื่อตอนนั้น เราเป็นแบบนั้นไปได้ แล้วก็นั่งหัวเราะกับตัวเอง เช่นผมเป็นต้น ถามว่าเคยอกหักไหม ตอบได้เลยว่าเคยครับ แต่นานมาแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายจวนจะจบแล้วต่อเข้ามหาลัย ทำเอากินไม่ได้นอนไม่หลับเป็นเดือนๆ เรียกได้ว่าตอนนั้น จับต้นชนปลายกับชีวิตไม่ถูก แต่พอผ่านมาเราเริ่มโตขึ้น รู้จักชีวิตในมหาลัยสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ แล้วกลับไปมองเรื่องตอนช่วงมัธยม แล้วก็นั่งฮากับตัวเอง ทำไมเราเป็นแบบนี้ในตอนนั้น มันก็เลยเป็นประสบการณ์ให้กับชีวิต พอตอนทำงานมีทั้งบอกเลิกกับเค้า หรือเค้าขอเลิก ก็แทบจะไม่รูสึกอะไรเท่าไหร่ เพราะทำใจได้ง่ายขึ้น คิดอย่างเดียวว่า เค้าไม่ใช่คู่ของเรา อยู่ตัวคนเดียวก็สบายๆ ไม่ต้องพะวงอะไรมากนัก สงสัยบางทีหน้าที่การงานมันรัดตัวขึ้น ทำให้เราอาจไม่ค่อยได้คิดเท่าไหร่ พอทีนี้หันมามองไอซ์ซี่ ก็ให้คำแนะนำว่า อย่ามัวแต่แต่ฟังเพลงเศร้า พอฟังแล้วเราคิดตาม จะทำให้ใจหดหู่ หาอย่างอื่นเข้ามาทำให้จิตใจมันผ่อนคลายบ้าง บางกรณีเราอย่ามองแต่ตัวเราแต่ขอให้มองถึง อีกด้านบ้างว่าทำไมเค้าถึงทำแบบนี้ บางครั้งเขาอาจจะมีเหตุผลของเขาเอง แต่เราก็มีเหตุผลของเรา แต่อย่า เอาอารมณ์ ของเรามาเป็นหลักครับ ค่อยๆคิดทบทวนแล้วอาจจะเจอวิธีที่แก้ไข หรือปล่อยวางได้ครับ แต่อย่าเก็บตัวอย่าฟังเพลงเศร้า(ถ้าจะฟังแนะนำให้ฟังเพลงฤดุที่แตกต่าง เพราะเวลาผมท้อๆจะฟังเพลงนี้เสมอ) อย่าไปนึกถึงเรื่องเก่าๆ ปล่อยตัวออกสู่โลกภายนอก หาวิธีที่ผ่อนคลายกับตัวเอง แล้วอาจจะดีขึ้น ถามว่าธรรมะช่วยได้ไหม ตอบได้ว่าอาจจะนะครับ เพราะตัวเองก็ไม่ถนัดเรื่องนี้ แต่ถ้าเราจิตใจยังไม่สงบอาจจะทำได้ไม่ได้ ปล่อยวางกับหาวิธีผ่อนคลายครับดีที่สุด อีกอย่างหาที่ปรึกษาดีๆสักคน (เอาที่มีวุฒิภาวะพอนะ) อาจจะเป็นที่ระบายหรือให้ข้อคิดดีๆได้ครับ เพื่อนนะพอช่วยได้บ้าง เพราะอยู่ในวัยเดียวกันเรื่องบางเรื่องอาจให้คำปรึกษาไม่ได้ พาเข้ารกเข้าพงไปเลย เป็นกำลังใจให้ครับ
|
โดยคุณ : nok วันที่ : 2008-06-02 02:21:49
-----------------------------------------------------------------------------------
ที่เน้นไว้ มันเคยเกิดขึ้นด้วยหรอ อิอิอิ |
^^ พี่ Nok
จิ๊บจิ๊บ เปรียบออกแนวฮาค่ะ เพราะสวนลุมฯ ก็มักมีคนมาตอบประมาณนั้นแยะ เหมือนตอบว่า เข้ามาดู อะไรแบบนั้นหล่ะค่ะ
จริงๆ เวลาผ่านไปความคิดมุมมองก็เปลี่ยนเองค่ะ แต่ว่าจะผ่านไปแบบไหนอีกเรื่อง .....เชื่อเหม่งแล้วจะดี อิ อิ
(บางอย่างก็มากับอายุ)
แต่พี่โจ๊กนี่เหม่งไม่ฮา !!! มีเคืองด้วยนะขอบอก ว๊ากกก
แอบชอบ มา 2 ครั้ง
รัก และ จีบ (ไม่ติด) 1 ครั้ง (ชีวิตวัยเรียน แต่ยังคิดถึงมาทุกวันนี้ (เพราะน่ารัก อิ๊บอ๋าย) )
แอบรัก (และเขาก็คงแอบชอบเราด้วย) มา 1 ครั้ง (พอดีเราจน เลยตัดใจ และเขาออกไปทำงานที่อื่น)
รัก และเป็นแฟน 1 ครั้ง (ตัดใจเลิก เพราะ มีความทุกข์ มากกว่า สุข)
ปัจจุบันต้อง แอบรัก (เพราะมันคงเป็นไปได้ ที่จะได้อยู่ด้วยกัน และรักกันอย่างเปิดเผย (ผู้หญิง แน่นอน ไม่ใช่ตุ๊ด) )
ปัจจุบัน นี้แม้จะแอบรัก แต่ก็ไม่เสียดายความรู้สึก และยังหาใคร ที่เราจะรัก และชอบเขา เท่าที่คนที่กำลังแอบรัก อยู่ตอนนี้ได้...
สรุป จงมีความสุขที่จะรัก แม้จะไม่สมหวัง เพราะถึงสมหวัง อาจจะอยู่ด้วยกันไม่นานก็เป็นไปได้ทั้งนั้น....(ตอนอกหัก กับ แอบรัก เวลาฟังเพลงแล้ว มันโค-ตะ-ระ เพราะ และอิ๊นนน อิน)
^
^
^
อารมณ์แบบนี้เจอ เพลงแอบรัก-ลาบานูน รับรองอินนนนนครับ
เห็นว่าเธอมีใครๆ มาตามมาเอาใจ คล้ายๆทุกคนชอบเธอ
เขามารอมาคอยเจอ มาคอยพร่ำเพ้อ ว่ารักเธอหมดใจ
ฉันต้องย้ำกับตัวเอง คอยเตือนกับตัวเอง ว่าฉันไม่ดีเท่าใคร
ถึงฉันพูดความในใจ ให้ซึ้งแค่ไหน ก็คงดีไม่พอ
จะเป็นคนเดียวที่ไม่บอกรักเธอ ไม่หวังให้เธอต้องมาบอกรักกัน
แค่คนหนึ่งคนที่อยากเจอเธอทุกวัน ไม่อยากผูกพันไปกว่านี้
ได้แต่ห่วงใยเพียงแค่เธอข้างเดียว ไม่ขอยุ่งเกี่ยวเกินกว่าความหวังดี
เพียงแอบรักคนเดียวก็พอ เพราะว่าฉันขอเพียงเท่านี้ก็สุขใจ
ฉันไม่หวังสิ่งใดๆ ไม่คิดอย่างใครๆ ไม่ขอให้เธอมองมา
รักฉันพูดด้วยเวลา จะนานจะช้า ฉันยังเป็นอย่างเดิม
จะเป็นคนเดียวที่ไม่บอกรักเธอ ไม่หวังให้เธอต้องมาบอกรักกัน
แค่คนหนึ่งคนที่อยากเจอเธอทุกวัน ไม่อยากผูกพันไปกว่านี้
ได้แต่ห่วงใยเพียงแค่เธอข้างเดียว ไม่ขอยุ่งเกี่ยวเกินกว่าความหวังดี
เพียงแอบรักคนเดียวก็พอ เพราะว่าฉันขอเพียงเท่านี้ก็สุขใจ
ฉันไม่หวังสิ่งใดๆ ไม่คิดอย่างใครๆ ไม่ขอให้เธอมองมา
รักฉันพูดด้วยเวลา จะนานจะช้า ฉันยังเป็นอย่างเดิม
เพียงแอบรักไม่ขอจับจอง เพียงแค่ขอมองเธออย่างนี้ก็สุขใจ
ก็สุขใจ ช่างสุขใจ
เหอะๆ ชีวิต เเต่ผมว่านะครับ กินเเห้วเยอะๆก็อร่อยนะ ผมชอบ 555
เพลงนี้ ไม่รู้ Icy โดนไม๊...แต่ผม โดนนนนนนนนนนนนนนน....
เนื้อเพลง : เจ็บยังไงก็รัก
ศิลปิน : เป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร (แกรมมี่)
อัลบัม : Asian Love Series (Thai Version) (2008)
ทุกครั้งต้องแกล้งทำเย็นชา
เจอหน้าก็หลบตาทุกที
ห่างๆ เธอไว้อย่าใกล้คนดี
คนอยู่ตรงนี้อย่ารั้งเธอเลย
แม้รู้ดีแก่ใจยังเพ้อ
หลงรักเธอไม่กลัวช้ำใจ
ยิ่งปล่อยใจลงลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งช้ำหัวใจเท่านั้น
ช้ำเท่าไร เจ็บช้ำเท่าไร ปวดร้าวเพียงใด
ก็จะรักเธอ แค่เพราะรัก ก็ยอมก็ทนได้เพื่อเธอ
เธอคนเดียวเท่านั้น
ช้ำเท่าไร เจ็บช้ำเท่าไร ปวดร้าวเพียงใด
จะยอมรับมัน หากสุดท้าย
เมื่อยังปวดร้าวทุกคืนวัน ก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ
(/)
ช้ำเท่าไร เจ็บช้ำเท่าไร ปวดร้าวเพียงใด
ทนได้ทั้งนั้น หากสุดท้าย
เมื่อยังปวดร้าวทุกคืนวัน ก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ
จากคนที่เคยเข้มแข็งกว่าใคร กลับเป็นคนอ่อนไหวเดียวดาย
ก็เพราะเธอคนเดียวที่เปลี่ยนฉันให้เป็นอย่างนี้
แค่เพราะรักก็ยอมก็ทนได้เพื่อเธอ เธอคนเดียวเท่านั้น
()
ขออภัยพี่น้อง ดูเหมือน ครูบานั่งกลางวงถกปัญหาหัวใจเลย................อ่ะ เพื่อให้เข้ากะบรรยากาศ..............เอาเพลงนี้ไปควังกัน........................