ผมเขียนลงมติชนไปเมื่ออาทิตย์ก่อน เอามาให้เพื่อนในบอร์ดอันเป็นอาหารสมองครับ
รถยนต์คือพาหนะที่มนุษย์คุ้นเคยไม่ว่าจะเป็นกิจการพลเรือนหรือทหาร โดยเฉพาะการทหารรถยนต์ถูกนำมาใช้คู่กับเกวียนตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่1 ภารกิจของมันโดดเด่นขึ้นในสงครามโลกครั้งที่2เมื่อกองทัพพึ่งพายานยนต์มากขึ้น เคลื่อนที่เร็วกว่าเดิมทั้งในการรุกรบ,ลาดตระเวนหรือล่าถอย นอกจากรถถังที่ทรงพลานุภาพทั้งการทำลายเป้าหมายและข่มขวัญ รถอีกชนิดที่ถูกใช้งานแพร่หลายไม่แพ้กันคือรถใช้งานทางธุรการ โดยเฉพาะในกองทัพสหรัฐฯซึ่งเข้าสู่สงคราม(หรือบางครั้งก็ก่อสงครามเอง)บ่อยๆ
ภาพเจนตาจากข่าวหรือเอกสารอื่นคือทหารราบกับยานยนต์ เริ่มจากจีปวิลลี่ในสงครามโลกครั้งที่2และสงครามเกาหลี ตามด้วยฟอร์ดM151รูปร่างหน้าตาคล้ายกันแต่กว้างและต่ำกว่าในสงครามเวียตนาม และปัจจุบันคือHMMWV(High Mobility Multipurposed Wheeled Vehicle รถปฏิบัติการเอนกประสงค์)หรือในชื่อที่คุ้นเคยคือฮัมวี(Humvee)ซึ่งกำลังจะกลายเป็นอดีตในอนาคตอันใกล้ เมื่อได้รถแบบใหม่เข้าประจำการแทน
เรื่องราวของฮัมวีเริ่มจากปลายทศวรรษ1970 หลังสหรัฐฯถอนตัวจากเวียตนามและทุกเหล่าทัพต้องการยานยนต์ใช้งานทางธุรการหลังแนวรบมาทดแทนฟอร์ดM151เดิม เน้นหนักที่กองทัพบกซึ่งเป็นกองกำลังหลัก เพราะรูปแบบของสงครามหลังจากนั้น รถยนต์จะเข้ามามีบทบาทมากกว่าเดิมในฐานะรถธุรการเอนกประสงค์ โครงสร้างต้องแข็งแกร่งทนทานต่อสภาพภูมิประเทศอันทารุณ นอกจากใช้เพื่อธุรการและส่งกำลังบำรุงหลังแนวแล้วยังใช้เป็นฐานอาวุธได้ด้วย ทั้งปืนกล,เครื่องยิงลูกระเบิดและเครื่องยิงจรวด เมื่อกองทัพบกสหรัฐฯวางข้อกำหนดยานยนต์ชนิดใหม่ขึ้นในปี1979พร้อมกับชื่อใหม่ว่า High Mobility Multipurposed Wheeled Vehicle ในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน บริษัทเอเอ็ม เจเนอรัลจึงเริ่มออกแบบรถยนต์ให้เข้ากับข้อกำหนดนั้น ในระยะไม่ถึงปีก็ได้M998ส่งเข้าทดสอบแข่งขัน
การทดสอบสมรรถนะและพัฒนาแผนแบบดำเนินไปจนถึงปี1981 เอเอ็ม เจเนอรัลชนะประมูลจึงได้สัญญาจากกองทัพบก ให้พัฒนารถต้นแบบและทดสอบจนกว่าจะได้ข้อยุติก่อนส่งมอบให้ใช้งานจริง กิจการทุกอย่างดำเนินมาจนสำเร็จได้สัญญาให้ผลิตฮัมวีรุ่นแรกจำนวน55,000คัน ส่งมอบได้ในปี1985 เข้าสู่สงครามเป็นครั้งแรกในยุทธการจัสต์ คอสเมื่อสหรัฐฯรุกรานปานามาปี1989 หลังจากนั้นมันได้เข้าแทนที่รถเดิมซึ่งเล็กกว่า ในกองทัพสหรัฐฯและชาติพันธมิตรทั่วโลก เป็นกระดูกสันหลังของทหารราบและทหารม้ายานเกราะ เช่นเดียวกับจีป วิลลี่และฟอร์ด M151ม้าใช้รุ่นพี่ เป็นภาพเจนตาชาวโลกจากสงครามอ่าวครั้งแรกในปี1991 ในปฏิบัติการอันล้มเหลวของสหรัฐฯแบล็คฮอว์กดาวน์ปี1993 และสงครามอ่าวครั้งที่2อิรักเสรีในปี2003ถึงปัจจุบัน
แม้จะถูกติดปืนหรือเครื่องยิงจรวดบนหลังคา แต่แท้จริงแล้วฮัมวีไม่ใช่รถรบหุ้มเกราะเช่นรถถังหรือรถหุ้มเกราะล้อยาง วัตถุประสงค์แท้ๆดั้งเดิมของมันคือเป็นรถน้ำหนักเบาใช้งานทางธุรการหลังแนวรบ ด้วยวัตถุประสงค์ไม่ต่างจากยานยนต์รุ่นพี่ดังกล่าว ไม่มีเกราะหรืออุปกรณ์ป้องกันพลประจำรถจากสงครามนิวเคลียร์-เคมี-ชีวภาพ ใช้ปืนเล็กยาวอย่างM16หรือAK47ยิงก็เข้า แต่เพราะความทนทานต่อภูมิประเทศกันดารเป็นเลิศ อัตราการสูญเสียจึงน้อยมากแม้ในสภาพแวดล้อมสุดโหดของทะเลทราย มันได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าไม่พรั่น เกาะติดและสนับสนุนการรบได้ทุกหนแห่ง
การใช้งานในที่กว้างอย่างทะเลทรายไม่มีปัญหา แต่ความสูญเสียกลับสูงเมื่อเข้ามารบในเมือง ตัวอย่างชัดเจนคือเหตุการณ์แบล็คฮอว์กดาวน์ที่กรุงโมกาดิสชูเมืองหลวงของโซมาเลีย เมื่อขบวนฮัมวีถูกบีบให้วิ่งผ่านย่านเมืองเต็มไปด้วยจุดซุ่มโจมตี เมื่อมันไม่หุ้มเกราะจึงเสียหายหนักจากคมกระสุนและเครื่องยิงจรวด(RPG) แต่ด้วยความแข็งแกร่งของช่วงล่างจึงเอาตัวรอดมาได้ แม้จะไม่มีเกราะและป้องกันอะไรไม่ได้ แต่แนวโน้มสงครามในปัจจุบันที่เกิดในเมืองมากขึ้นทำให้ฮัมวีถูกนำมาใช้ในรูปแบบนี้บ่อย ทั้งที่แท้จริงแล้วมันไม่ได้เกิดมาเพื่อรบเช่นยานเกราะของทหารราบเลย
หลังจากเหตุการณ์ในโมกาดิสชูและการทำสงครามในเมืองที่นับวันจะถี่ขึ้น กองทัพจึงเร่งปรับปรุงฮัมวีให้ทนทานต่อกระสุนปืนเล็กและปืนกลได้ ฮัมวีรุ่นปรับปรุงมีรหัสเป็นทางการว่าM1114คันแรกออกจากสายการผลิตในปี1996 ถูกใช้งานระยะสั้นๆในแหลมบอลข่านก่อนจะใช้อย่างจริงจังในทะเลทรายตะวันออกกลาง ฮัมวีหุ้มเกราะเหนือกว่าM998เดิมด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ระบบปรับอากาศใหม่ เสริมความแข็งแกร่งช่วงล่าง ติดเครื่องปรับอากาศ ยิ่งกว่านั้นคือเสริมเกราะให้หนาขึ้นด้วยในส่วนที่นั่งและกระจกกันกระสุน แม้จะปลอดภัยกว่าเดิมจากกระสุนปืนเล็กแต่ข้อเสียคือน้ำหนักมากขึ้น พลประจำรถเจ็บหรือตายหนักกว่าเดิมเมื่อรถเสียศูนย์แหกโค้ง ตามรายงานของกองทัพบกสหรัฐฯในอิรักที่เผยแพร่เมื่อปี2005 หลังจากรับฮัมวีหุ้มเกราะไปใช้ได้ระยะหนึ่ง น้ำหนักเกราะที่มากขึ้นอีกเกือบตันทำให้ซดน้ำมันหนัก แม้จะเสริมความแข็งแรงแล้วแต่ชิ้นส่วนที่รับน้ำหนักก็ยังสึกหรอเร็ว
ปัญหาของกองทัพสหรัฐฯในอิรักคือถูกบีบให้รบในเมือง เจตจำนงดั้งเดิมของมันคือใช้งานหลังแนวรบ เพื่อสังเกตการณ์หรือลาดตระเวนหาข่าวความเร็วสูง ติดอาวุธไว้เพียงเพื่อป้องกันตัว ถึงจะปลอดภัยกว่าจีปเดิมแต่ด้วยสภาพสงครามรบเต็มพื้นที่แบบไร้แนวรบของอิรัก การเอาฮัมวีติดปืนกล.50คาลิเบอร์จึงไม่แตกต่างจากเอาทหารไปขับรถล่อเป้าวัดดวงกับกระสุนและระเบิดแสวงเครื่อง
ช่วงปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบันจึงมีเสียงวิพากษ์ว่ามันถูกใช้งานหลากหลายเกินพอดี ส่วนใหญ่เป็นภารกิจเสี่ยงที่ต้องปกป้องทหารให้มากกว่านี้ ควรจะใช้ยานยนต์ที่ปลอดภัยกว่าให้มากขึ้น เช่นรถเกราะล้อยางสไตรเกอร์,รถเกราะสายพานลำเลียงพลแบรดลีย์หรือแม้แต่รถถังหลักM1เอบรัมส์ อีกแนวความคิดหนึ่งคือเปลี่ยนจากฮัมวีเป็นรถเกราะป้องกันทุ่นระเบิด(Mine Resistant Ambush Protected MRAP) เสริมเกราะหนาและกระจกกันกระสุน หน้าตัดท้องรถเป็นรูปตัวVเพื่อเบี่ยงเบนแรงระเบิด
ที่เป็นไปได้มากที่สุดในอนาคตอันใกล้นี้ คือจะมีรถรบพันธุ์ใหม่มาแทนฮัมวีในรูปรถปฏิบัติการร่วมเบา(Joint Light Tactical Vehicle JLTV)เพื่อให้เข้ากับการสู้รบปัจจุบันและอนาคต เมื่อยุทธวิธีเปลี่ยนไปยานรบก็ต้องเปลี่ยนตาม คุณสมบัติของJLTVตามที่กองทัพสหรัฐฯวางไว้คือต้องปกป้องทหารได้จากสะเก็ดระเบิด,ต่อต้านแรงอัดจากระเบิดแสวงเครื่อง(IED) มีอุปกรณ์ช่วยรบเป็นเครือข่าย อัตราการอยู่รอดในสนามรบสูง น้ำหนักต้องเบากว่า7ตันครึ่งเพื่อสะดวกแก่การลำเลียงด้วยเครื่องบิน แล่นได้อีกไกลแม้ระบบหล่อเย็นเสียหาย เข้า-ออกได้ง่ายเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน
เมื่อหันมามองกองทัพของเรา 1ใน36ชาติทั่วโลกที่มีฮัมวีประจำการ หากพิจารณาถึงความเหมาะสมทางยุทธวิธี,ภูมิประเทศและเศรษฐกิจ จะพบว่ารถแบบเดียวกันแต่มีความแตกต่างในองค์ประกอบแวดล้อมหลายอย่าง สำคัญที่สุดคือชาติเราไม่ได้ร่ำรวยพอจะปรนนิบัติบำรุงยานรบให้ได้ตามข้อกำหนดจากโรงงานเช่นสหรัฐฯ ด้วยเครื่องยนต์8สูบความจุถึง6,500ซีซี.นั้น ถึงจะใช้น้ำมันดีเซลแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันไม่ใช่แค่กินน้ำมัน ฮัมวีแทบจะยกถังน้ำมันอาบกันเลยโดยเฉพาะเมื่อเข้าภูมิประเทศ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องมิติที่กว้างถึง2เมตรครึ่ง เปรียบเทียบแล้วเห็นได้ชัดว่ากว้างกว่ารถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้ออื่นๆ เมื่อเข้าทางซอยในชนบทจึงกินพื้นที่ถนนมากกว่าครึ่ง
เมื่อมันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้สู้รบโดยตรงดังกล่าวแต่ต้น เมื่อแล่นทับระเบิดแสวงเครื่องเช่นที่ภาคใต้จึงรักษาชีวิตทหารไม่ได้ ในเมื่อระเบิดที่วางมีอานุภาพร้ายแรงและใช้มาก ถึงจะใช้รถหุ้มเกราะหนา,หนักกว่าเช่นV150ก็ยังเอาไม่อยู่ ดังปรากฏในช่วงหนึ่งของข่าวการก่อการร้ายเป็นภาพรถเกราะชนิดนี้หงายท้องล้อหลุดกระเด็นจากเพลาเหมือนของเล่น
เท่าที่พบในงานแสดงยุทโธปกรณ์ดีเฟนซ์ แอนด์ ซีเคียวริตี้
การริเริ่มดัดแปลงรถยนต์ใช้งานทางทหารจึงเป็นความคิดที่ดี เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจที่เราต้องพึ่งพาตัวเองมากขึ้น ใช้จ่ายอย่างพอเพียง ฮัมวีอาจจะเหมาะกับสหรัฐฯหรือประเทศร่ำรวยอื่นก็จริง แต่ด้วยราคาน้ำมันอันเป็นต้นทุนของทุกสิ่งนับวันจะแพงขึ้น การจะคงขีดความสามารถของกองทัพไว้ให้พร้อมป้องกันประเทศเสมอ จึงต้องคำนึงถึงความประหยัดและสามารถหาทดแทนได้ในประเทศ
อีกแนวความคิดที่กำลังถูกทดสอบ คือการใช้รถATV(All Terrain Vehicle)กับพลประจำ2นายเหมือนมอเตอร์ไซค์แต่มี4ล้อ แบบเดียวกับที่ใช้ในกีฬาเอ็กซ์ตรีมหรือเพื่อการสำรวจ ดัดแปลงดีๆจะบรรทุกทหารได้ถึง3นายพร้อมอาวุธ ด้วยความคล่องตัวและเครื่องยนต์กำลังสูงที่บุกไปได้ทุกที่ หน่วยรบพิเศษเช่นSEALของสหรัฐฯในอิรักจึงดัดแปลงใช้ในหลายภารกิจ ทั้งการลาดตระเวน สอดแสม รวมถึงธุรการ ในภาคใต้ของไทยก็เริ่มใช้รถประเภทนี้แล้วเช่นกัน ถึงจะดูเสี่ยงเหมือนมอเตอร์ไซค์แต่ก็ยังเสี่ยงน้อยกว่าฮัมวีเมื่อแล่นเข้าสู่พื้นที่ ความแคบของยานและทัศนวิสัยที่ดีกว่าช่วยให้มองเห็นทางง่ายและหลบหลีกกับระเบิดได้ดี เว้นแต่กรณีที่ซุ่มคอยกดสวิทช์ข้างทางซึ่งหากโดนเข้าไปสภาพก็คงไม่ต่างจากฮัมวี
การใช้ATVนี้หากพิจารณาประวัติศาสตร์จะพบว่าไม่ใช่ของใหม่ เมื่อสงครามโลกครั้งที่2กองทัพเยอรมันก็มียานชนิดเดียวกันคือเคตเตนคราฟทราด(Kettenkraftrad) ATV กึ่งสายพานบังคับทิศทางล้อหน้าด้วยแฮนด์เหมือนมอเตอร์ไซค์ ลุยได้ทุกภูมิประเทศ ใช้ได้ผลมาแล้วกับสมรภูมิในเมืองทั้งแนวรบตะวันออกและตะวันตก
เมื่อสภาพเศรษฐกิจเปลี่ยนไป รูปแบบสงครามเปลี่ยน กองทัพคือองค์กรที่รับผลกระทบโดยตรง เมื่อปัญหาคือต้องเปลี่ยนแปลงตามเพื่อคงขีดความสามารถไว้ให้ได้ ในสภาพที่ถูกกดดันหนักที่สุดทั้งเศรษฐกิจและการเมือง คำตอบคือต้องหาวิธีให้ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าที่สุดให้ได้ เมื่อฮัมวีเริ่มทำให้รู้สึกว่าจ่ายแพงและไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมของเรา ถึงเวลาหรือยังที่จะทดแทนด้วยพาหนะอื่นที่เหมาะกว่า ประหยัดกว่า และหาชิ้นส่วนอะไหล่ทดแทนภายในประเทศได้ง่ายกว่า?
ผมว่ารัฐบาลชุดนี้คงต้องออกงบประมาณ
สำหรับความมั่นคงในประเทศและระหว่างประเทศเยอะมากขึ้นกว่ารัฐบาลพลเรือนที่ผ่านมา ก็เพราะต้องเอาใจเหล่า สาม สีทั้งหลายเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ วิปโยคซ้ำอีกครั้ง เป็นหมูและแมว ทำนองนี้อะครับ
งบประมาณของทหารถึงได้ผ่านฉลุยดั่งใจนึก ไม่ต้องมาเข้ารัฐสภาชี้แจงขัดขากันให้เมื่อยปาก
รถต้นแบบ กลัวว่าสุดท้ายก็ยังเป็นต้นแบบ ของจริงกับซื้อต่างประเทศ ไม่พอเพียง
ทหารเรือ ต่อเรือขึ้นเองหรือสั่งต่อในประเทศ พอเพียง
ทหารอากาศ มีการสร้างเครื่องบินต้นแบบ ถ้าหากมีการสั่งซื้อใช้งานจริง ผลิตจริง ก็พอเพียง
ทหารบก รถสามารถผลิตได้ในประเทศ สามารถออกแบบเองได้ในประเทศและทำได้ง่ายกว่าทหารเรือและทหารอากาศ มีบริษัทที่ทำได้ในเมืองไทย แล้วทำเอง พอเพียง
แต่ถ้าซื้อของนอกแล้วคุณสมบัติไม่ต่างจากที่ทำเอง..จะพอเพียงอย่างไร ไม่สมควร...
เท่าที่เห็นหน่วยทหารหลักๆก็ยังใช้ฮัมวี่ อยู่ครับ แต่รถ ฮัมวี่จูเนียร์ มีใช้ในหน่วยงานของ มหาดไทย ครับ มักจะเห็น อส.ใช้กัน แต่ยังไม่ค่อยจะเห็นที่เป็นหน่วยทหารหลักใช้ครับ(หรืออาจจะไม่เห็นเอง)
เห็นด้วยครับกับการนำมาใช้แทนฮัมวี่ เพราะมันใหญ่ เปลืองน้ำมันสุดๆ รู้สึกจะประมาณ 5 หรือ 6 โลลิตรนี่แหละ แต่ไม่สามารถป้องกันตัวเองอย่างที่เห็นๆกันอยู่ ใน พท.จริงๆเป็นถนนตามหมู่บ้าน ใช้รถเล็กน่าจะมีความคล่องตัวมากกว่า เนื่องจากถนนเล็กเส้นทางคดเคียว เจ้าฮัมวี่นี้มันเทอะทะจริงๆครับ ยิ่งมาวิ่งในตัวเมืองที่ถนนไม่ใหญ่นี้ คับซอยเลยครับ
ส่วนเจ้า REVA เนี่ยยังรู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่โดยส่วนตัวเห็นจากภาพแล้วคิดว่าน่าจะได้ดีตรงการป้องกันการโจมตีโดยอาวุธยิง กับทัศนวิสัยที่ดีกว่า เจ้าฮัมวี่ แต่ถ้าโดยวางกับระเบิด คงจะยากเท่าที่เห็นช่วงล่างจากภาพ แต่ยังหวังว่าการออกแบบจะเน้นให้ลดการสูญเสียของกำลังพลที่โดยสารไปด้วย
เอาฮัมวีมาโมใหม่ดีไหน เสริมเกราะป้องกันทั้งปืน จรวด RPG และป้องกันระบิด IED ได้ระดับหนึ่ง