หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


นอกเรื่องแน่ ๆ : เรื่องจริงเตือนภัยสำหรับผู้หญิงที่ใช้บริการ Taxi

โดยคุณ : analayo เมื่อวันที่ : 29/05/2008 16:20:12

ได้ FW mail มาจากบริษัทครับ เอามาให้อ่านกันเน้อ ..... ระวัง ๆ นะครับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย


สวัสดีเพื่อน ๆ พี่ๆ ทุกคน

       
ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิง  หมวยมีประสบการณ์ภัยใกล้ตัวที่น่ากลัวและเมื่อนึกขึ้นทีไร ก็เป็นเรื่องน่ากลัวในจิตใจทุกที  จึงอยากจะมาเล่าประสบการณ์ให้ได้รู้และได้ระวังกัน  ในความชั่วร้ายของรถ Taxi   เรื่องมีอยู่ว่า

       
คืนวันพุธที่ 30 เม.ย. 2551 ที่ผ่านมา  หมวยไปยืนรอรถ taxi  ที่หน้าสนามกีฬาแห่งชาติ (ข้าง MBK) เวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่า  หมวยยืนรอ taxi อยู่นานมากๆๆ แต่ก็ไม่มี taxi คันไหนไปซักคัน (หมวยจะไปปิ่นเกล้า) ซักพักก็มี taxi (ยี่ห้อ toyota soluna รุ่นเก่า สีฟ้า ถ้าจำไม่ผิด)  วิ่งมาจอดตรงหน้า  และมันก็รับหมวยขึ้นรถไปโดยเส้นทางที่มันพาเราไปก็คืน วิ่งตรงไปตรงสะพานยศเส  แล้วก็เลี้ยวขวาผ่านตรงตลาดโบ๊เบ๊  ก็นึกในใจว่าเราเป็นผู้หญิงคนเดียวขึ้น taxi1 ดึก ๆ คนเดียวก็อันตรายเหมือนกันนะ (นึกถึงเรื่องที่เคยอ่าน mail ว่ามีคนถูก Taxiรมยาสลบ และล่าสุดน้องอุ๋ม ( เพื่อนที่ทำงานปัจจุบัน) นั่ง taxi ตอนกลางวันแล้วเจอ taxi มันเร่งเครื่องยนต์ขณะรถติดก็อาจเป็นได้ว่ามันกำลังคิดการไม่ดี  น้องอุ๋มก็เลยลงรถ )  ก็เลยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาแฟน  ก็บอกแฟนว่า ขึ้นรถ taxi แล้วนะอีกประมาณครึ่งชั่วโมงคงถึงบ้านแล้วล่ะ ในใจก็หันไปมอง กท รถที่เคยเห็นในรถ< FONT color=blue size=4> taxi ทั่วไปมี
จะบอกแฟนว่าขึ้นรถ taxi กท อะไร  ก็เห็นแค่ว่า ทพ แต่ไม่มีเลยทะเบียน  ก็เริ่มเอะใจ
1
อย่างแล้ว  แล้วในขณะที่หมวยพูดกับแฟน  ไอ้คนขับ taxi ชั่ว มันก ็เหมือนสะดุ้งตกใจ แล้วก็หันมามองเรา  ซึ่งขณะนั้น taxi วิ่งผ่านตรงตลาดโบ๊เบ๊  พอรถเลี้ยวซ้ายเข้าตรง ธ.กรุงไทยสะพานขาว เพื่อที่จะมุ่งหน้าตรงไปสะพานผ่านฟ้า (ราชดำเนิน)  ไอ้ taxi มันก็หันมามอง

หมวยอีกที  แล้วมันก็หันกลับไป ทันใดนั้นมือที่มันจับที่เกียร์รถยนต์ก็เหลือแค่ 3 นิ้ว (กลาง นาง ก้อย) ส่วนอีก 2 นิ้ว (นิ้วชี้กับนิ้วโป้ง) มันไปกดอะไรบ้างอย่างที่เป็นเหมือนช่องแอร์พิเศษที่รถ taxi คันอื่น ไม่มี (เท่าที่เคยสังเกตได้)แล้วมันก็เร่งแอร์ขึ้น เราเห็นพฤติกรรมมันเราก็เริ่มเตรียมตัวแล้วว่าอาจ จะเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน เท่าที่จำความได้ประมาณ
1
นาทีผ่านไป ก็รู้เลยว่าถูกไอ้ taxi ชั่วมันรมยาสลบแน่ๆ ความรู้แรกเลยคือ ความชามันเริ่มมาจากตรงท้อง ไล่มาตรงหน้าอก และสุดท้ายที่จำความรู้สึกได้คืนรู้สึกหน้ามืด หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก หายใจถี่ เหมือนจะหมดสติ ในทันใดแต่ก็ตั้งสติได้ก็บอกไอ้คนขับว่าให้จ อดข้างหน้าเลย (ก่อนที่จะบอกคนขับให้จอด มือก็เปิดล็อกประตูแล้วก็ที่จะบอกมัน)

แล้วมันก็ชะลอรถแล้วถามว่าทำไม หมวยก็บอกว่า จอดแล้วกัน หายใจไม่ออก ถ้าไม่จอดจะกระโดดลงแล้วนะ มันก็ไม่ถึงกับจอดสนิท แต่หมวยก็ดันประตูรถออกมาแล้วก็กึ่ง ๆ กระโดดลงออกมาจากรถ   และจากสติที่ใกล้จะหมดแล้วได้ยินมันพูดว่า จะลงทำไมล่ะครับ ผมไม่ได้ทำไรคุณนะ แอร์รถผมก็เย็น แล้วก็เหมือนได้ยินมันทวงค่า taxi ก็เลยโยนให้
มัน จำได้ว่า 50 บาท (ทุกคนที่ฟังเราเล่าบอกว่าไปให้มันทำไม)  ในขณะที่กระโดดลงรถ  ก็ลงมานั่งยองๆ เพื่อตั้งสติ มองเห็นอีกทีก็เห็นตัวเองอยู่กลางสี่แยกหลานหลวง และฝั่งตรงข้ามที่ลงมีป้อมเล็ก ๆ ที่ตอนแรกคิดว่าเป็นป้อมตำรวจ ก็แข็งใจวิ่งข้ามทางม้าลายไปตรงป้อมนั้น ปรากฎว่าเป็นแค่ป้อมจราจรที่ไม่ตำรวจอยู่เลย  และแล้วก็มีชายคนนึงเดินผ่านหน้า
ก็ร้องให้เค้าช่วย เค้าก็เข้ามาถามว่าเป็นอะไร  ก็เล่าเหตุการณ์ให้เค้าฟัง เค้าก็นั่งเฝ้าเราซักฟักจนเราเริ่มมีสติ หมวยก็กด 191 ก่อนเลยเป็นอันดับแรก ไม่ต้องหวังเลยค่ะว่าจะโทรติด  แต่ในขณะนั้นร่างกายอ่อนแรงมาก ๆ ผู้ชายคนนั้นก็เลยบอกว่าโทรหาแฟนคุณดีกว่าไม๊ ผมจะรอเป็นเพื่อน (จริง ๆ แล้วผู้ชายคนนั้นก็หน้าตาน่ากลัวเหมือนกัน)  ก็เลยโทรหาแฟน
แฟนก็บอกให้พ่อของแฟนมารับกลับบ้าน (บ้านพ่อแฟนอยู่โบ๊เบ๊) ในระหว่างรอพ่อแฟนมารับ ผู้ชายคนนั้นเค้าก็รอเป็นเพื่อนนะ แล้วก็บอกให้หมวยไปรอตรงที่คนเยอะ ๆ สว่าง ๆ แต่จะบอกว่าแถวนั้นเป็นบริเวณที่เปลี่ยวมาก ๆ เพราะเป็นย่านค้าขาย ทุกคนปิดบ้านหมดและเงียบสนิท ดีหน่อยก็เพราะว่ายังมีรถวิ่งพลุกพล่าน  แต่ก็ไม่มีอะไรดีกว่าไปยืนริมถนน ก็เลยไปยืนให้ใกล้ริมถนนที่สุดซึ่งมีรถวิ่งผ่านไปมา  ในใจก็แอบกลัวผู้ชายคนที่นั่งอยู่ด้วย พอมีสติก็เลยบอกเค้าว่าไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรอพ่อมารับกลับบ้านแค่ 15 นาทีพ่อก็มาถึง  แล้วผู้ชายคนที่เค้ารอเป็นเพื่อนเค้าก็เดินจากไปแล้วก็ยืนรอดูเราอยู่ไกล (เหมือนเค้าจะรีบไปแต่
เค้าก็ยังรอดูเราก่อนด้วยความเป็นห่วง เราคิดไปเองว่าเค้าอาจไม่ดี)  
       
พ่อแฟนก็รับกลับบ้าน แล้วก็กะว่าจะพาไปแจ้งความที่ สน.นางเลิ้ง (พื้นที่เกิดเหตุ)

แต่สภาพหมวยตอนนั้นก็แย่มาก เพราะเหลือแค่สติอันน้อยนิด ส่วนร่างกายหมดแรงไปเลย
และในที่สุดก็ไม่ได้ไปแจ้งความ  เพราะหมวยก็จำ กท.รถไม่ได้เลย

    ;    
เช้าวันที่ 2 เมษายน เปิดทำงานหลังจากหยุดวันแรงงานไป 1 วัน  ก็ได้มาเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ทำงานฟัง  ทุกคนลงความเห็นว่าให้ไปแจ้งความ  เพราะอาจมีวงจรปิดบริเวณแถวสี่แยกก็ได้ ก็กะว่าตอนเย็นจะไป    พอตกเย็นก็นั่งเขียนเรื่องเตือนภัยนี้
กะว่าจะส่งให้เพื่อน ๆ พี่ๆ ที่รู้จักอ่านเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ    นายที่อยู่ในห้องได้ฟังเรื่อง
ก็เลยอาสาพาไปแจ้งความ นายบอกว่ารู้จักกับรอง ผกก. ก็เลยไปแจ้งความในเย็นวันนั้น
ก็เล่าเหตุการณ์ให้รอง ผกก.ท่านนั้นฟัง  ท่านก็ให้ร้อยเวรทำการบันทึกประจำวันไว้ให้  
แล้วในขณะนั้นท่านก็เล่าให้ฟังว่ามีคนมาแจ้งความเรื่องแบบนี้บ่อยในช่วงนี้  ซึ่งก็เป็น taxi
ที่รับผู้โดยสารจากบริเวณเดียวกัน  ท่านก็เห็นว่าเรื่องของหมวยน่าจะเป็นประโยชน์กับ
คนอื่น  ท่านก็เลยต่อสา ยโทรศัพท์ไปยัง สถานีวิทยุรายการ สวพ.91  เพื่อที่จะให้หมวยเล่า
ประสบการณ์ออกรายการวิทยุ  แต่พอดีวันนั้นฝนตกและการจราจรติดมาก ๆ เค้าไม่มีช่วง
เวลาให้ออกรายการ  ก็เลยไม่ได้เล่า  ท่านก็เล่าว่าน่าเสียดายที่หมวยไม่ได้ไปแจ้งความตั้งแต่
วันที่เกิดเหตุ  เพราะถ้ามาแจ้งความก็อาจจะพาไปตรวจร่างกายว่า ยาสลบที่คนร้ายใช้ เป็น
ยาสลบประเภทไหน จะได้เป็นข้อมูลให้ตำรวจต่อไป  (เพราะยาสลบที่คนร้ายใช้ หมวยรู้สึกได้เลยว่ามันเร็วมากหลังจากที่มันเอื้อมมือไปกดยาประมาณแค่ไม่ถึง 1 นาที หมวยก็หมดแรงแล้ว ไม่อยากคิดต่อเลยว่า ถ้าหมวยตัดสินใจช้ากว่านั้น ไม่ตัดสินใจที่จะกระโดดลงมา
ก็คงหมดสติไปในทันใดแน่เลย)  
       
ก็เลยแอบเป็นห่วงเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่รู้จัก และช่วยบ อก ๆ ต่อๆ เพื่อจะได้เป็น
ข้อเตือนภัยให้กับคนรู้จักต่อไป  (เพราะที่หมวยรอดมาได้ก็เพราะจาก mail ที่ได้รับมา
ในทำนองนี้ที่เคยได้อ่านเหมือนกัน)
       
ข้อสังเกตและข้อควรระวัง
1.        
ถ้าไม่จำเป็นอย่าขึ้น taxi คนเดียว  แต่ถ้าจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ก็ให้โทรหารคนรู้จัก แล้วก็บอกเลข กท taxi ที่เราขึ้นให้เค้าได้รู้  
2.        
จากสถิติที่ได้นั่งคุยกับตำรวจ  ถ้าเป็น taxi เก่าก็ควรระวัง และให้สังเกตป้าย
กท. บนรถ ถ้าไม่มีให้พึงระวังว่าไม่ควรขึ้น
3.        
จากการสังเกตเอง taxi ต้องสงสัยจะมีช่องแอร์พิเศษ อยู่บริเวณใกล้ ๆ เกียร์
เพื่อเวลาเค้ากดยาแล้ว เราจะได้ไม่ทันสังเกต
4.        
ขณะนั่งรถอยู่ถ้าคนขับมีปรับเร่งแอร์ หรือเร่งเครื่องยนต์ (ขณะที่รถติด)  ให้ตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ว่าไม่น่าไว้วางใจ

สุดท้ายหากใครได้รับ mail นี้ช่วยส่งต่อ ๆ ให้ทุกคนที่รักและรู้จักด้วยนะคะ



สวัสดีค่ะ

คงแปลกใจที่ได้ fwd mail จากหลิน เพราะธรรมดาไม่เคยส่งอะไรเลย เป็นผู้รับมาตลอด อ่าน และ
delete
แค่นั้น

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงค่ะ เพิ่งจะเกิดขึ้นกับลูกน้องที่แบงค์เมื่อวันพุธที่ 30 เมษายน 2551 ที่ผ่านมานี้เอง
ธรรมดาน้องเค้าก็ไม่ได้กลับบ้่านดึกขนาดนั้นและไม่ออกนอกเส้นทาง พอดีว่าวันนั้นเราไปกินข้าวกับลูกค้าที่
สยามพารากอน  ไม่มีใครคิดหรอกค่ะว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น หลินแค่เป็นห่วงเค้าว่าถ้าดึกรถตู้จะหมด ก็
เลยบอกให้เค้ากลับไปก่อนที่เราจะกินข้าวเสร็จ เท่านั้นเอง

เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้หญิง ก็เลยขอให้น้องเค้าช่วยเขียนเล่าเรื่อง คุณผู้ชายทั้งหลายก็ช่วย
forward
ให้สาวๆ ด้วยนะคะ มันอาจจะเป็นประโยชน์ซักวัน

 





ความคิดเห็นที่ 1


เหม่ง...จะจำไว้ เวลาขึ้นรถแท็กซี่จะโทรหาตำรวจไว้ก่อน

หากโทรหาตำรวจไม่รับจะโทรหาคุณพ่อกับคุณแม่ตำรวจ

หากตำรวจยังไม่รับอีกจะโทรหาแฟนตำรวจค่ะ เป็นสเต็ป

สุดท้ายไม่รับจริงๆ เผื่อโชคร้ายจะโทรหาพยาบาลและโปรแกรม(มั่ว)เมอร์

 สุดท้ายๆ โทรไม่ติด(มือถือ)เหม่งจะโทรเข้าบ้านให้มารับด้วย หลงทาง !!!

 

ปล. ต้องมีสติอยู่เสมอและคนหน้าตาน่ากลัวอาจจะไม่ใช่คนไม่ดี

จากเรื่องนี้เหม่งรู้สึกว่าผู้ชายคนที่นั่งเป็นเพื่อนเหยื่อเป็นพระเอกค่ะ

แล้วคิดไปถึงหน้าตาท่านรุ่นพี่คนหนึ่งคงจะประมาณนั้น แฮ่

โดยคุณ marineen เมื่อวันที่ 28/05/2008 23:58:32


ความคิดเห็นที่ 2


ความจริง ....... โทรหาพยาบาลตั้งแต่แรกผมว่าก็เหลือแหล่แล้วล่ะครับ ^ ^
โดยคุณ analayo เมื่อวันที่ 29/05/2008 00:25:12


ความคิดเห็นที่ 3


ถ้าเป็นพยาบาล ยาสลบอาจทำอะไรไม่ได้

 

555

โดยคุณ helldiver เมื่อวันที่ 29/05/2008 01:06:58


ความคิดเห็นที่ 4


ใครจะกล้าดมยาเหม่ง กว่าเขาจะดมยาเหม่งเขาคงเมาที่เหม่งพูดก่อน
โดยคุณ JIB เมื่อวันที่ 29/05/2008 05:20:14