พอดีอยากรู้เรื่องชุดทหารรถถังและตำแหน่งหน้าที่ทหารรถถัง 1คันมีประมานกี่คน อย่ารถถัง m60 ของไทย
และอยากรู้ว่าในรถถังมันมองเห็นข้าศึกดีหรือป่าว มุมอับ ป่าวครับ
ช่วยที่ เพื่ออนาคตผมได้เป็นทหารรถถัง
ขอตอบเท่าที่รู้นะครับว่าที่น้องนิคอาร์มี่
ตามที่ท่านFW190 ได้กล่าวไว้อย่างละเอียดไปแล้วนั้นคิดว่าน้องคงพอจะทราบมากแล้ว แต่ผมขอเขียนตามที่ผมพอจะรู้นะครับ
รถถังน่าจะในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง จะมีจุดแข็งอยู่ที่เกราะด้านหน้า กับด้านข้างที่แข็งรองลงมาครับ ส่วนจุดอ่อนก็จะอยู่ที่ด้านหลังกับเกราะด้านบนและด้านล่าง
ดังนั้นการจะเล่นงานรถถังไม่ควรจะเข้าไปด้านหน้าของรถถังครับ เพราะเราจะถูกรถถังจัดการได้ง่ายๆ ส่วนด้านข้างถ้าป้อมปืนหันมาพอดีก็คงต้องรีบเผ่นละไม่งั้นเละ
จุดอ่อนก็คือเกราะที่อ่อนด้านหลังที่เป็นตำแหน่งของเครื่องยนต์ละครับ ลองโยนระเบิดขวดให้ติดไฟไม่ก็ยิงบาซูก้าใส่ก็อาจจะจัดการได้ไม่ยาก
ส่วนด้านบนนี่เกราะก็อ่อน เพราะเวลารถถังยิงดวลกันคงไม่มีการยิงโดนบนตัวรถแน่(ยกเว้นรถถังที่สูงกว่านะ) ทำให้ระบบจรวดต่อสู้รถถังปัจจุบันนี้มันจะยิงจรวดให้โค้งขึ้นไปอยู่เหนือเป้าแล้วค่อยปักหัวลงมาใส่ด้านบนรถถัง และทำให้เวลารถถังโดนปืนใหญ่ กับเครื่องบินโจมตีมักจะไม่รอด บางทีทหารราบที่กล้าหาญพอก็จะขึ้นไปบนรถถังเปิดฝารถแล้วยัดระเบิดเข้าไป
ด้านล่างนี่ก็คงไม่มีรถถังมายิงได้ จึงทำให้เวลาเจอกับระเบิดใส่ด้านล่างทีพลรถถังมักจะไม่รอด ถ้าโชคดีไป(มั้ง)กับระเบิดไปโดนสายพานขาด ก็ทำให้รถถังวิ่งไม่ได้คราวนี้รถถังก็เป็นได้แค่เป้านิ่งไม่ว่าจะแข็งแกร่งยังไงก็คงไม่รอด ไม่ก็อาจถูกล้อมจนต้องยอมแพ้และโดนยึดไป
ล้อนี่ก็สำคัญครับถ้าล้อพังรถถังก็วิ่งไม่ได้ ไม่ก็ถ้าสายพานขาดรถถังก็วิ่งไม่ได้เช่นกัน
เดี๋ยวนี้อาวุธต่อสู้รถถังมันมีเยอะแยะ จึงต้องมีทหารคุ้มกันอย่างที่ท่านFW190 ว่าละครับ ไม่งั้นไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนวิ่งไปโด่ๆคันเดียวคงไม่รอด ดูเอแบร่มมะก้นที่อิรักเป็นตัวอย่างได้ครับ
เรื่องทัศนวิสัยนี่น้องเคยสังเกตด้านบนป้อมของรถถังไหมครับ มันจะมีช่องๆเป็นกระจกที่สามารถมองได้รอบทิศอยู่ แล้วก็จะมีกล้องเพอริสโคปใช้มองแบบเรือดำน้ำอะครับ มุมอับนี่ไม่ทราบว่าจะมีหรือไม่ เคยดูไอ้หนังเรื่องทัพถังชาติหินนี่ไฮเทคจริงๆมีเรดาห์ด้วย
พอละครับทราบแค่นี่แล
เพิ่มเติมอีกนิดละกันครับ ........... รถถังยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นทางฝั่งฝ่ายพันธมิตรผมไม่แน่ใจแต่ฝ่าย เยอรมันนั้น รถถังกลาง และรถถังหนัก(ปัจจุบันก็รวมกันเป็น รถถังหลัก) จำพวก แพนเซอร์ 3 แพนเซอร์ 4 แพนเซอร์ 5(แพนเธอร์) และ แพนเซอร์ 6(ไทเกอร์) ทั้งหลายในรุ่นหลักๆ(รถถังตระกูลแพนเซอร์ทั้งหลายของเยอรมันนั้นแต่ละซีรี่มีอนุพันธ์หรือแบบย่อยๆร่วมๆประมาณ 20 แบบทั้งนั้น) จะมีพลประจำรถ 5 นาย คือ ผบ.รถ พลขับ พลยิง พลบรรจุ และ พนักงานวิทยุ ....... ด้วยความที่ว่าอันบรรดารถถังหรือยานเกราะทั้งหลายนั้น จุดเด่นคือ อำนาจการยิงภายใต้เกราะกำบัง แต่จุดอ่อนที่ตามมาเรื่องของการป้องกันก็คือ น้ำหนักตัวที่จะมากตามไปด้วยซึ่งส่งผลต่อความคล่องตัวและอัตราการสิ้นเปลือง สป.3(น้ำมัน) ดังนั้นการติดตั้งเกราะตำแหน่งต่างๆจึงต้องมีการคิดถึงความเร่งด่วนและเปอร์เซ็นต์ที่จะโดนอาวุธต่อสู้รถถังเข้ากระทบ เพราะไอ้ครั้นจะติดเกราะหนาเท่ากันทุกที่ทุกด้านคงเป็นไปไม่ได้ เพราะน้ำหนักมันจะมากเกินไป ดังนั้นจึงต้องติดความหนาตามเปอร์เซ็นต์และโอกาสที่ควรจะเป็น แน่นอนด้านหน้าสุดคือตำแหน่งแรกที่จะต้องหนาที่สุดเพราะเป็นตำแหน่งที่มีโอกาสโดน(อาวุธต่อสู้รถถัง)กระทุ้งมากที่สุด ตามมาก็คือ ด้านข้าง ด้านหลัง ส่วนด้านบนและล่างจะบางที่สุด....... ดังนั้งบรรดาเหล่าทหารกระเพาะแถกดินทั้งหลายที่หมายปองจะทำลายรถถัง ยานเกราะข้าศึก หรือแม้แต่รถถังกันเองก็ตาม ในการเลือกตำแหน่งยิงต่อเป้าหมายควรจะเลือกจุดที่อ่อนที่สุด......กระทุ้งด้านข้าง หรือ จะตุ๋ยตูดจึงเป็นสิ่งอันพึงประสงค์ แต่การตุ๋ยตูดนั้นถ้าเป็นรถถังที่ส่วนมากมักวางเครื่องยนต์ไว้ตรงตูดเอ๊ยตรงท้ายรถแล้วการหวังที่จะตุ๋ยตูดเพื่อหมายปองจะทำลายชายฉะกัน เอ๊ย ฉกรรจ์ ยอดทหารหาญของข้าศึกในรถถังแล้วคงยากเพราะความหนาของห้องเครื่อง(เครื่องยนต์รถถังนะครับอย่าคิดมาก) ก็มากเอาการ แต่สิ่งที่ต้องการจากการตุ๋ยตูดคือหยุดการเคลื่อนที่ของรถถังและหวังผลในการลุกติดไฟของเชื้อเพลิงของรถถังเองเพื่อทำลายตัวเอง แต่โอกาสที่จะไปจ่อท้ายเพื่อตุ๋ยตูด(รถถัง)ข้าศึกคงจะน้อยหน่อย ดังนั้นตำแหน่งต่อมาที่มีโอกาสมากกว่าคือ การเข้าทางข้าง(อย่าคิดมากนะครับ จินตนาการภาพดีๆ) คืออัดสีข้างนั่นเอง นอกจากเกราะจะบางรองลงมาจากด้านหน้าแล้ว มันยังมีจุดอ่อนอีกที่ นั้นคือ จุดหวงแหน เอ๊ย วงแหวนรอยต่อของป้อมปืนกับตัวรถนั่นเอง ถ้าแม่นพอละก็จุดนี้เป็นจุดตายจุดหนึ่ง การหยุดรถถังนั้นถ้าเรามีอาวุธที่ไม่แรงพอในการมั่นหมายที่จะเจาะ(เกราะ)เข้าไปได้ สิ่งแรกที่ควรทำก็คือการหยุดการเคลื่อนที่ นั่นก็คือ การทำลายสายพานนั่นเอง สายพานขาด ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ ถึงแม้มันจะยังคงยิงได้แต่ก็เป็นการเปิดโอกาสในการเข้าไปทำลายขั้นสุดท้าย พูดง่ายๆก็คือ จอดนิ่งรอวันตาย............การอัดสีข้าง ถ้าเป็นไปได้ ควรเลือกมุมยิงจากจุดยิงไปยังเป้าหมายที่เป็นมุมปักลง พูดง่ายๆก็คือ เราอยู่สูงกว่าเป้า เช่น ยอดเนินต่างๆ หรือ อาคาร ตึกต่างๆ เพื่อที่หมายปองในการยิงเข้าใส่หลังคาป้อมของรถถังเพราะเป็นจุดที่เกราะบางที่สุด........เกราะรถถังนั้น เหตุที่ส่วนมากมักวางตัวทำมุมเอียง ก็เพราะการช่วยในการป้องกันที่มากขึ้นในขณะที่น้ำหนักยังเท่าเดิม เกราะที่มีความหนาเท่ากัน แต่ อันหนึ่งวางตั้งฉากกับพื้นโลก กับอีกอันวางทำมุมเอียง แล้วละก็ ถ้าเรามองถึงมุมทั่วๆไปที่อาวุธต่อสู้รถถังจะกระทบเกราะ(ขนานกับพื้นโลก)แล้วละก็ แผ่นเกราะที่วางทำมุมเอียงจะให้ความหนาสัมพัทธ์ที่มากกว่า ยกตัวอย่างง่ายๆ ลองหาหนังสือมาเล่นหนึ่งครับ โดยเรามองที่สันหนังสือ ครั้งแรกเราลองวางหนังสือตั้งกับโต๊ะดูครับ แล้วหาไม้บรรทัดมาวัดความหนาของสันหนังสือดู(วัดตามแนวขนานกับโต๊ะ) ต่อไปลองเอียงหนังสือเล่มเดิมนั่นแหละครับ ให้ทำมุมเอียงกับโต๊ะ แล้วลองวัดความหนาของสันหนังสืออีกครั้ง(วัดตามแนวขนานกับโต๊ะเช่นเดิม) ดูครับ แล้วลองเปรียบเทียบความหนาสัมพัทธ์ดังกล่าวว่าในขณะที่หนังสือเล่มเดียวกันแต่วางทำมุมกับโต๊ะต่างกันนั้นแบบไหนมีความหนาของสันมากกว่ากัน เกราะก็ลักษณะเดียวกัน........จากเหตุดังกล่าว อาวุธต่อสู้รถถังจึงพัฒนาตัวในการต่อตีต่อเกราะลาดเอียง คือ โจมตีด้านบน(เกราะบาง) หรือ ระเบิดในระยะที่สูงกว่า เพื่อให้อำนาจการระเบิดลงมาทำมุม 0 องศา(ตั้งฉาก)กับตัวเกราะที่ลาดเอียงนั่นเอง..........เกราะด้านล่างของรถถังหรือยานเกราะก็จะบางพอๆกับด้านบน แต่มันคงจะเหลือไว้ให้กับทุ่นระเบิดดักรถถังเท่านั้น ถ้าใครที่เก่งกล้าสามารถมุดท้องรถถังไประเบิดทำลายได้ ผมก็ขอยกนิ้วหัวแม่มือให้ว่า นายสุดยอดจริงๆ(แต่ความจริงมันก็พอทำได้บางโอกาส เช่น รถถังขับผ่านสนามเพลาะของเรา หรือพูดง่ายๆก็คือ มุมทับผ่านหัวเราที่อยู่ในสนามเพลาะ เราก็ยังพอเอาระเบิดแสวงเครื่องแปะติดใต้ท้องรถถังได้ แต่ เปอร์เซ็นต์มันต่ำมากๆจนแถบจะเป็นไปได้ยากหรือไม่ได้) ดูหนังซีรี่เรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องที่ชอบมาก(ถึงแม้เราจะชอบเจอรี่ก็ตาม หุหุ) นั่นก็คือเรื่อง Band of brother ซึ่งเป็นเรื่องราวของ กองร้อยอีซี่( Easy Company หรือ E Company) ของกองพลส่งทางอากาศที่ 101 นั่นเอง มีอยู่ฉากหนึ่งที่กองร้อยดังกล่าวโดนโจมตีจากหน่วยยานเกราะของเจอรี่ และมีอยู่ฉากที่ ผบ.หน่วยกับพลยิง คจตถ.(เครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง)แบบ บาซูก้า 2 พะหน่อ ที่ใจกล้าหน้าด้าน ออกไปประจันหน้าดวลกับยานเกราะ(ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น สตุ๊ก 3 หรือ สตุ๊ก 4 นี่แหละครับ) นัดแรกยิงยัดแสกหน้า(แต่ไม่ได้แต้ม) ผล ไม่ระคายผิว ผบ.หน่วย(ที่ทำหน้าที่ พลยิงผู้ช่วยและสั่งการไปในตัว) จึงเปลี่ยนแผนกะทันหัน ด้วยความกล้า+หน้ามึน สั่งผลยิงให้ใจเย็นๆอย่าพึ่งยิงให้รอสั่งยิงก่อน ซึ่งพลยิงก็ตื่นตกใจเพราะ ยานเกราะมัจจุราชคันนั้นกำลังคลานเข้ามาหาซ้ำยังไม่พอยังประเคนกระสุนใส่ถึงขั้นส่งกระสุนรถถังเข้าหาชนิดที่ว่าถากหนังหัวไปนิดเดียว จนกระทั้งยานเกราะชะตาขาดคันนั้นคลานมาถึงเนินเล็กๆ ซึ่งในขณะกำลังไต่ขึ้นเนินนั้นเอง ประตูนรกก็เปิดต้อนรับ เจอรี่ ในรถคันนั้นทันที่ เจ้าสตุ๊ก พลาดมหันต์เหตุเพราะดันเปิดการ์ดเผยค้างออกมาเต็มๆ ผบ.หน่วยหน้าด้านได้โอกาสจึงสั่งพลยิงหน้ามึนลั่นกระสุนส่ง จรวด พุ่งเข้าเสยใต้ค้าง(เกราะด้านล่างรถ) เจ้าสตุ๊กชะตาขาดคันนั้นทันที ผลคือ น็อกเอ๊าท์ ชนิดกรรมการนับ 10 อืม ต่อให้นับถึงล้านเลยก็ไม่ฟื้น เลยออกมาเป็นภาพ American Hero ตามระเบียบ Hollywood ไป ชนิดค้านสายตาผู้ชม ที่แอบเชียร์ เจอรี่ อย่างผม เหอะๆๆ ถ้าไอ้พลประจำ ปก. ด้านบนป้อมรถ หรือ ปก.ด้านหน้ารถ มันปล่อยให้ข้าศึกใจกล้าหน้าด้าน 2 คนมานั่งทำหน้ามึนเล็ง คจตถ. เข้าหาตัวเองตรงด้านหน้าที่เปิดโล่งระยะเผาขน(ไม่ถึง 50 เมตรเลยมั้ง) และปล่อยให้เขาเสยค้างได้ก็สมควรตาย เหอะๆๆ............... ยังไงถึงกล้องเพอร์ลิสโคป มันจะมีให้ 360 องศา แต่ยังไงมุมมองมันก็สู้มองด้วยสายตาปกติไม่ได้ ดังนั้นจุดอับจุดบอดมันมีแน่นอนครับ......ปกติ อาวุธปืนเล็ก ที่มีความแม่นยำสูง เช่น ปืนซุ่มยิง หรือ พลยิงแม่นๆ ก็สามารถยิงเพื่อลิดรอนหรือรบกวนการปฏิบัติการของรถถังได้ ด้วยการยิงทำลายกล้องเพอร์ลิสโคปเหล่านั้น หรือแม้แต่ยิงทำลายอุปกรณ์เซ็นเซอร์อำนวยการยิงอื่นๆเช่น กล้องเลเซอร์วัดระยะ กล้องมองกลางคืน เป็นต้นได้ ถึงแม้จะไม่ได้ทำลายแต่ก็สามารถลดประสิทธิภาพรถถังไปได้เยอะรวมถึงเปิดโอกาสในการเข้าไปทำลายในขั้นต่อไป