Navy asks PM to buy submarines and USMC jump-jet aircrafts

The Royal Thai Navy will push the government to buy submarines and USMC jump-jet aircrafts during a visit to the main naval base by Prime Minister and Defence Minister Samak Sundaravej. Navy commander Sathiraphan Keyanont yesterday said official itineraries would be submitted to the Defence Ministry for consideration as Mr Samak had limited time.

The prime minister is scheduled to visit the navy soon. However, the date of his visit has yet to be set.

Adm Sathiraphan said the navy would brief Mr Samak on its missions, including the submarine procurement project. His agency was in dire need of submarines as it had to operate in three areas _ under water, on the surface and in the sky, he said.

He said he would tell Mr Samak about the obstacles and problems faced by the navy since the prime minister, who concurrently holds the defence minister’s post, was his commander. Any decision to purchase submarines rests with Mr Samak.

”The navy must be ready to go into combat in three dimensions,” he stressed.

เข้าใจว่าน่าจะฝึกกันได้ครับ ดังนั้นน่าจะเหมือนๆ กันครับ

ว่าแต่ ทร. จะเอา AV-8B มือ2 จริงรึเนี่ย ยอดจริงๆ ครับ แต่ว่าจะได้กี่เครื่องกันหว่า

เอ่อ...ใครจะได้บินนี่ผมไม่ทราบครับ แต่จะเอาเรื่องคันบังคับมาเป็นหัวข้อในการเลือกนักบินผมว่ามันน่าเกี่ยวน่ะ

นักบินที่บิน L-39 ต่อไปก็ต้องไปบิน F-16 ซึ่งก็ฝึกฝนกันได้ นักบิน F-16 ก็ยังกลับไปทำหน้าที่เป็นครูการบินให้กับ บิน PC-9 ก็ยังได้

นักบิน F-15C ของเมกา ก็ยังเปลี่ยนแบบมาขับ F-22 ได้เลย แต่สำหรับคันบังคับที่อยู่ด้านขวามันก็มีปัญหาเล็กน้อยกับคนถนัดซ้ายเท่านั้นเอง

ว่าแต่ข่าวข้างบน ทางกองทัพเรือจะกดดันรัฐบาลในการซื้อ เรือดำน้ำ กับUSMC jump-jet aircrafts (เข้าใจว่าน่าจะเป็น AV-8B II+)ได้มากแค่ไหนหน๋อ

ปล.แต่เอ่..เรือดำน้ำนี่รุ่นไหนหว่า?

ขอโทษทีครับ แก้ไขคำผิด

เอ่อ...ใครจะได้บินนี่ผมไม่ทราบครับ แต่จะเอาเรื่องคันบังคับมาเป็นหัวข้อในการเลือกนักบินผมว่ามันไม่น่าเกี่ยวน่ะ

เรื่องคันบังคับเป็นประเด็นที่เขาพิจารณากันอยู่ครับว่าจะเอานักบิน F-16 หรือ F-5 ไปบินดี เพราะมันมีผลเหมือนกันนะครับ คงอีกสักพักนึงตอนที่เราเห็นนักบินที่ไปฝึกเปลี่ยนแบบว่าเป็นใครบ้างเราคงจะพอทราบครับ

เรือดำน้ำ ผมไม่เห็นด้วยมาก ๆ ครับในตอนนี้ ตอนนี้ทร.งบน้อย จะเพิ่มก็ไม่ไหวเพราะปัญหาเศรษฐกิจยังมีอยู่มาก ปีนี้เงินเฟ้อ 5% นะครับ หมายความว่าเงิน 100 บาทในเดือนมกรา ค่าของมันจะเหลือแค่ 95 บาทในเดือนธันวา ซื้อมาจะไม่มีเงินวิ่งเอาครับ หรืออาจจะพังตั้งแต่ตอนซื้อแล้วก็ได้เพราะไม่มีเงินจ่าย รอไปเถอะครับ เรือดำนำมันจำเป็นจริง แต่มันก็ยังรอได้ นอกจากนั้นเรือดำน้ำมันไม่ใช่แค่เรือดำน้ำ มันยังต้องมีการสร้างท่าเรือ ที่จอดเรือ อู่ซ่อม พวกอุปกรณ์สนับสนุนอื่น ๆ อีกมาก เอาเงินตอนนี้ไปซ่อมทำ ปรับปรุง upgrade ระบบอาวุธที่จำเป็นสูง ๆ อย่างรถเกราะ ฮ. หรือเรือ LPD ดีกว่ามากครับผม ..... พูดตรง ๆ ว่าถ้าทร. จะซื้อเรือดำน้ำตอนนี้ ผมก็เชียร์ไม่ไหวหรอกครับ ดำเนินการตามแผนเดิมดีกว่าครับ คืออีกราว ๆ 10 ปีค่อยประกาศเลือกแบบครับ

ขอโทษทีครับท่าน icy พอดีอ่านแล้วเลยแปลตรงๆเลย โดยลืมจัดคำแปลอีกทีครับ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ

คิดว่าคงไม่มีผลอะไรมากกับการเลือกนักบินที่จะไปบินกับ JAS-39 นะครับ แต่ว่าถ้าคัดเฉพาะนักบิน F-16 ไปบินแล้วนักบิน F-5 ล่ะเครื่องบินก็ปลดแล้วจะให้นักบินทำอะไรต่อ หรือถ้าจะเอาแต่นักบิน F-5 แล้ว นักบิน F-16หลายคนก็ระดับหัวกะทิไม่คิดจะเอามาผสมผสานกันมั่งเหรอ คิดว่าเขาคงคัดเอาทั้งสองแบบมาทดสอบฝึกบินเปลี่ยนแบบมั้งครับ

ส่วนพวงมาลัย เอ้ย ! คันบังคับเข้าใจว่าอยู่ทางขวามือจะมีความสะดวกสบายในการวางแขนมั้ง แต่ว่าส่วนใหญ่จะชอบคันบังคับที่อยู่ตรงหว่างขาเพราะสามารถใช้ได้ทั้งสองมือในการจับคันบังคับ อีกทั้งถ้าคันในร่มผ้าก็สามารถละมือมาเกาได้อย่างทันท่วงทีด้วย ถ้าเป็นผมนะผมชอบที่อยู่หว่างขามากกว่า ไม่รู้เป็นไงชอบที่อยู่หว่างขา.....พลั่ก ! อิ๋ง...

นี่ ! ชะ ! หมดมุกแล้วกวน TEEN ชาวบ้านเค้าซะ !

ในความเป็นจริงการรออกแบบระบบควบคุมของ บ.ขับไล่...ไม่สิอาวุธทางทหารเกือบทุกแบบในปัจจุบันนั้นก็ถูกออกแบบมาสำหรับคนถนัดขวาเป็นหลักอยู่แล้วครับ เพราะไม่ว่า F-16 กับ F-22 ที่มี Joystick ด้านขวามือ หรือ F-15 ,F/A-18 และ Jas-39 ที่มี Joystick ตรงกลาง ทุกเครื่องที่กล่าวมามี Throttle อยู่ด้านซ้ายมือทั้งนั้นครับซึ่งเป็นการบังคับให้นักบินต้องใช้มือขวาจับ Joystick โดยปริยาย

ดูเหมือนว่าจะมีข่าวออกมานานตั้งแต่2-3ปีที่แล้วครับกองทัพเรือต้องการจัดหา AV-8B มือสองจากสหรัฐฯซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นรุ่น Night Attack ซึ่งมีขีดความสามารถในการใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูงได้ในหลายแบบ(เช่น ระเบิดนำวิถีLaser และ AGM-65 Maverick เป็นต้น) เพื่อทดแทนทั้ง AV-8S และ A-7E ซึ่งจะเป็น บ.โจมตีแบบแรกของ กบร. ที่สามารถใช้อาวุธความแม่นยำสูงได้ครับ สำหรับรุ่น Harrier II Plus นั้นเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยเนื่องจากเครื่องส่วนใหญ่ยังคงมีอายุการใช้งานอีกนานโดยจะคงประจำการใน USMC อยู่ต่อไปอีกพักใหญ่ และกองทัพเรือไม่น่าจะมี งป.สำหรับการจ้างให้มีการดัดแปลงเครื่องที่จัดหามาเป็นรุ่นดังกล่าวครับ(หรือแย่กว่านั้นอาจจะได้รุ่น Day Attack ที่ไม่มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการเวลากลางคืนก็ได้ซึ่งหวังว่าคงไม่)

สำหรับเรือดำน้ำนั้นเข้าใจว่าน่าจะเป็นการเสนอเพื่อจัดตั้งโครงการจัดหาและคัดเลือกแบบในระยะยาวมากกว่าครับ ส่วนตัวคิดกองทัพเรือไม่น่าจะมีการผลักดันให้มีการจัดหาภายใน1-2ปีนี้แน่ ถ้าวิเคราะหฺจากข่าวลือที่ว่าจีนจะเสนอให้เช่าซื้อเรือดำน้ำชั้น Type 039 Song ก่อนหน้านี้แต่กองทัพเรือปฏิเสธเพราะไม่มีความพร้อมด้านงบประมาณ สถานที่และระบบสนับสนุนครับ

ขอออกความเห็นเรื่อง การจัดซื้อ บ.มือสอง และเรือดำน้ำ ของ ทร.ครับ...

ผมสนับสนุนทั้ง 2 เรื่องนี้ครับ...ในแง่ภาระกิจหลักของ 911 ในการป้องกันภัยทางอากาศ ให้กับกองเรือ ยังไงผมว่า ด้วยงบประมาณอันจำกัด การมี แฮริเออร์ ไว้เป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศ ก็เหมาะสมดี...เพราะมันคงเป็นไปไม่ได้ ที่จะติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้กับเรือรบทุกลำได้...

ส่วนเรือดำน้ำ...ถ้าในท้ายที่สุด ยังไง ทร. ก็ต้องจัดหามาในอนาคต...ก็อยากให้ตัดสินใจไปเลย...เพราะว่าถ้าทิ้งเนิ่นนานออกไป งบประมาณการจัดซื้อเรือดำน้ำ ไม่ใช่ 20,000 ล้านแน่นอน...และในขณะที่ ประเทศ ยังไม่อยู่สถานะร่ำรวย โอกาสการต่อรองทั้งเรื่องราคา และออฟชั่น ก็มีอยู่สูง (เมื่อถึงตอนมีเงิน คงไม่มีใครขายถูกให้) และจะเป็นออร์เดอร์ ร่วมกับประเทศที่กำลังจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการในตอนนี้ ก็จะช่วยในเรื่องราคาได้...และผมมีความคิดว่า แม้เราจะรอเนิ่นนานไปอีก 10 ปี เรือดำน้ำ ที่ได้ก็จะมีสมรรถะไม่ต่างไปจากปัจจุบันนี้เท่าไหร่ แต่ราคาจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว....เช่นเดียวกับ 911 ที่จัดหามาก็อยู่ในช่วงมีปัญหาเศรษฐกิจ...ก็สามารถแก้ปัญหาไปได้...

ในส่วนของการปรับปรุงเรือรบในปัจจุบัน ผมว่า ทร. สามารถจัดหางบประมาณกับรัฐบาลได้ในอนาคต เพราะเป็นงบประมาณในระยะสั้น และมีจำนวนไม่สูง เช่น การจัดซื้อ ซาดรัล ก็ทะยอยการจัดซื้อไป...

มีปัญหาเดียวที่ต้องกังวลคือ การรัฐประหาร ของกองทัพเอง...ที่จะทำให้รัฐบาล ไม่ตัดสินใจไปในทางใด ทางหนึ่ง และจะมีเสียงสนับสนุนจากประชาชนที่ต่อต้านการจัดซื้ออาวุธ...ซึ่งจะเป็นสิ่งที่กดดันกองทัพสะท้อนกลับเอง...