จัดการออนไลน์ -- ก่อนที่ประเทศไทยจะส่งมอบดินแดนพระตะบองในปัจจุบันผ่านฝรั่งเศสไปให้แก่กัมพูชาในปี 2490 นั้น ไทยได้ทำลายดินแดนแห่งนี้เสียหายอย่างหนัก การกระทำเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า ฝ่ายไทยไม่ได้ยินดีให้ดินแดนเหล่านี้แก่กัมพูชา สมเด็จนโรดมสีหนุ อดีตกษัตริย์กัมพูชา ทรงบันทึกเรื่องราวข้างต้นในบันทึกประวัติศาสตร์ส่วนพระองค์ และตีพิมพ์เผยแพร่บนเว็บไซต์ส่วนพระองค์เมื่อเร็วๆ นี้ อดีตกษัตริย์กัมพูชา ทรงระบุว่า พระตะบองนั้นเปรียบเสมือนแคว้นอัลสาซ-ลอร์เรน (Alsace-Lorraine) ดินแดนอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติของฝรั่งเศสที่ถูกนาซีเยอรมันผนวกเอาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งสงครามสงบลงและเยอรมนีแพ้สงคราม ฝรั่งเศสจึงได้ดินแดนดังกล่าวคืน สมเด็จสีหนุ ยังได้ทรงบันทึกเรื่องราวจากความทรงจำอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับผู้ปกครองจากฝรั่งเศส ดินแดนในประเทศเพื่อนบ้านและการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจการเมืองภายในกัมพูชาของกลุ่มต่างๆ ในช่วงทศวรรษช่วงต่อระหว่างยุคอาณานิคมกับยุคที่กัมพูชาเป็นเอกราช ปี 2490 เป็นปีที่ก่อประโยชน์อย่างยิ่งต่อราชอาณาจักร (กัมพูชา) ฝรั่งเศสจะได้รับดินแดนพระตะบองกับดินแดนอื่นๆ จากไทย ซึ่งพวกเขาฉกฉวยเอาไปในปี 2484 (ก่อนที่ฉันจะขึ้นครองราชย์) และคืนให้แก่ฉัน.. พวกไทยไม่ได้ดำเนินการเรื่องนี้ด้วยหัวใจที่มีความสุขคืน..(ก่อนหน้านั้น) ฝรั่งเศสต้องมอบดินแดนเหล่านี้ให้แก่ไทยโดนการบีบบังคับของญี่ปุ่น.. สมเด็จสีหนุทรงบันทึกในตอนหนึ่ง | |||||
เวลาต่อมา พลเรือเอก จอร์จ เทียร์รี อาร์คจองเลียว (Georges Thierry dArgenlieu) ข้าหลวงใหญ่ฝรั่งเศสแห่งอินโดจีน และผู้บัญชาการกองกำลังอินโดจีนฝรั่งเศส ได้เป็นผู้ไปร่วมพิธีเซ็นสัญญารับมอบดินแดนต่างๆ ในกรุงเทพฯ น่าอนาถ.. เมื่อเรื่องนี้ (การส่งมอบดินแดน) จะเริ่มขึ้น กองทัพไทยได้ทำลายโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสะพาน พวกกรุงเทพฯ จะไม่ยอมให้อภัยฉันเป็นอันขาด ในการที่ฉันได้ดินแดนเขมรเหล่านั้นคืน สมเด็จสีหนุ ทรงระบุในส่วนหนึ่งในบันทึกความทรงจำเรื่องนี้ กรณีเขาพระวิหารก็เช่นเดียวกัน.. หลังจากเกิดกรณีพิพาทเป็นเวลาหลายปี ในที่สุดศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในกรุงเฮก (เนเธอร์แลนด์) ก็ได้มีคำพิพากษาให้ตกเป็นของ เจ้าของที่ชอบธรรม คือ ราชอาณาจักรกัมพูชา ในปี 2505 ในรัชสมัยของพระองค์ สมเด็จนโรดมสีหนุ เปิดเผยในบันทึกอีกฉบับหนึ่งในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า อดีตกษัตริย์กัมพูชาพระองค์หนึ่งทรงตรอมพระราชหฤทัยจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา เนื่องจากการสูญเสียเขาพระวิหารให้แก่ไทย อย่างไรก็ตาม บันทึกของสมเด็จสีหนุ มิได้กล่าวถึงความเป็นมาของดินแดนพระตะบอง เสียมราฐ และ ศรีโสภณ ที่ราชอาณาจักรสยาม เคยครอบครองมานานหลายศตวรรษก่อนที่จะถูกฝรั่งเศสบีบบังคับเอาไปผนวกเป็นดินแดนอินโดจีนในยุคล่าอาณานิคม |
ในช่วงเวลาเพียง 40 ปีระหว่างปี 2410-2450 ราชอาณาจักรสยาม ได้สูญเสียดินแดนในปกครองให้ฝรั่งเศสอย่างมหาศาล โดยเริ่มจากดินแดนโพธิสัตว์ในกัมพูชา ดินแดนที่เรียกว่า หัวพันทั้งห้าทั้งหก และ ดินแดนที่เป็นประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กับ ราชอาณาจักรกัมพูชาเกือบทั้งหมดในปัจจุบัน ยกเว้นดินแดนที่เป็นประเทศเวียดนามเท่านั้น.
ทีมา:http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9510000058996Opinion
นั่นสิ บทความนี้มันเพื่ออะไร?
ก็เพราะมั่วแต่ปลุกกระแสชาตินิยมแบบผิด ๆ นี่แหละ ภูมิภาคนี้มันถึงไม่เจริญ
ความจริง บทความนี้ถ้าเขียนใหม่ให้มันส่งใจความที่ต่างจากนี้ คนอ่านจะได้อะไรเยอะมาก เพราะว่าเราเรียนประวัติศาสตร์ชาตินิยมมาว่าประเทศเราถูกทุกอย่าง เพื่อนบ้านผิดทุกอย่าง ความคิดนี้จะได้หมด ๆ ไปบ้าง
แต่เขียนอย่างนี้มันแบบ ........... เฮ้อ
เห็นมาหลายบทความแล้วครับ เรื่องเขมรของเว็บแป๊ะธิลิ้มเนี่ย ไม่รู้จำนำเสนอหาอาวุธยาวไว้แทงทำไม
ศรีโสภณเป็นของไทยมานานนนนนน มาก คุณย่าของผมเองก็เคยไปอยู่ที่นั่นมา ท่านว่าที่นั่นน่ะคนไทยอยู่ก็เยอะ เหมือนรัฐกลันตัน(หรือตรังกานูหว่า) ที่สมัยก่อนเป็นของไทย และปัจจุบันคนไทยยังอยู่ที่นั่นกันเยอะ ถามว่า ประเทศกัมพูชาสมัยก่อนทั้งประเทศเคยเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัฐไทยด้วยซ้ำ ที่เคืองคือเอาเราไปเทียบกับนาซีนั่นแหละ ถ้าเป็นสมัยอยุธยาคงโดนทำพิธีปฐมกรรมไปแล้ว
ต้องขอโทษพี่ๆเพื่อนๆด้วย
อันที่จริงผมไม่ได้ต้องการจะปลุกกระแสคลั่งชาติแต่อย่างใด หรือทำให้เกิดความแตกต่างในสังคมเลย
แต่!!ความเป็นชาตินิยมกับคลั่งชาติมันต่างกันสมัยนาซีหนะเค้าเรียกว่าคลั่งชาติ ส่วนความเป็นชาตินิยมก็คือการสนับสนุนอะไรก็ตามของชาติตัวเองก่อนชาติอื่น ความคลั่งชาติขาดเหตุผลแต่ชาตินิยมมีเหตุผล
เด็กไทยรุ่นหลังมีความเป็นชาตินิยมน้อยมากๆ ไม่เหมือนกับจีน เกาหลี ญี่ปุ่น เพราะพวกเขามีความเป็นชาตินิยมไงครับ ชาติเลยเจริญ สำนึกในความเป็นชาติมากกว่าคนไทย ผมไม่เถียงว่าในบ้านเรายังมีคนรักชาติ แต่ที่ประเทศเค้าเจริญเพราะคนในชาติช่วยกันอุดหนุนสินค้าหรือทุกอย่างที่เป็นของประเทศตัวเองถ้าผลิตได้นะ ถ้าบางอย่างผลิตไม่ได้หรือต้นทุนสูงก็ซื้อเป็นธรรมดา ทำให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ทำให้เศรษฐกิจประเทศดี เมื่อประเทศมีเงินก็นำมาพัฒนาได้เยอะขึ้น
แค่อยากกระตุ้นต่อมชาตินิยมเท่านั้นเองครับ
ประวัติศาสตร์แก้ไขไม่ได้ครับ แต่เราสร้างใหม่ได้ จะสร้างให้คนจำเราแบบไหน จำแบบฮิตเลอร์ หรือ จำแบบ เชอร์ชิล
กับประเทศเพื่อนบ้าน จัดการไม่ยากครับ ถ้าเล่นกันจริง
คำถาม...
ในเมื่อนักการเมืองทั้งระดับท้องถิ่น และระดับประเทศ ต่างมีส่วนได้เสียกับผลประโยชน์จากธุรกิจมืดบางอย่าง (บ่อน,ของเถื่อน) แล้วไอ้หน้าไหนมันจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดปิดชายแดน แล้วมาดูกันว่าใครจะตายก่อน
ถ้าเราปิดชายแดนด้านตะวันออก (ในความคิดของผมคนเดียว) อย่าว่าแต่เขาพระวิหารเลย แม้แต่จังหวัดประจันคีรีเขต ของเราก็จะเอาคืนยังได้
เห็นด้วยกับคุณ Tasurahings ครับ ... ทั้งหมดนี้พูดด้วยความเคารพ กีฬากับการเมืองควรจะแบกออกจากกันเถอะครับ การใช้สินค้าของประเทศตัวเองเป็นสิ่งที่ดีและการเป็นชาตินิยมก็เป็นสิ่งที่น่าทำ แต่การคลั่งชาตินั้นไม่ควรจะสนับสนุนเพราะผลเสียมันมากกว่าผลดีมาก โดยเฉพาะการเหยียดชนชาติอื่น ....... เรื่องมันผ่านมาเป็นร้อยปีแล้ว อย่าเอาเรื่องในอดีตมาตั้งธงว่าเราควรจะแค้นคนนี้เกลียดคนนั้นเลยครับ เก็บมันไว้ในหนังสือเรียนและเอามันไว้เป็นบนเรียนดีกว่า เราทำของเราให้ดี ดีกว่าที่จะตั้งหน้ามีอคติกับคนอื่น ยิ่งทุกวันนี้โลกเราเล็กลงมาก เหตุการณ์ใด ๆ ในประเทศหนึ่งล้วนส่งผลต่ออีกประเทศหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่ว่ามากหรือน้อย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งครับ
สุดท้าย ......... คนไทยควรเลิกคิดเรื่องขยายดินแดนได้แล้วครับ เลิกพูดเสียทีว่าอะไรเป็นของใคร เพราะมันเป็นเรื่องของเมื่อวาน ไม่ใช่เรื่องของวันนี้ กฏ กติกา มันต่างกันมากแล้ว ถ้าทุกประเทศพูดแบบนี้โลกวุ่นวายกว่านี้มาก ..... เราทำที่มีอยู่ให้ดีที่สุดดีกว่าครับ
ปัญญาอ่อนมากครับ กับความคิดเจ้าคิดเจ้าแค้นในอดีต อดีตก็คืออดีต คนฝรั่งเศสตอนนี้ที่ผลิตสินค้าเข้ามา มันก็คนละคนกับคนบนเรือลาม็อตต์ ปิเกต์ คนละคนกับคนบนเรือที่มาบุกปากแม่น้ำ หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ เรื่องมันจบไปแล้ว
เพราะยังมีความคิดแบบนี้อยู่ มันถึงไม่เจริญกันซะที
ดูปัจจุบันกับอดีตสิครับมันต่างกันมากเลยนะนี่
ถ้ามัวแต่คิดแค้นกันกับอดีตไม่มีประเทศใดเจริญหรอกครับ อย่างสมมุติประเทศในยุโรปเกลียดนาซีไม่ซื้อของเยอรมัน เยอรมันเกลียดสหรัฐฯ อเมริกา อังกฤษ ไม่ยอมค้าขายด้วย อย่างงี้อียูก็คงล่มจม
ดูเวียดนามกับอเมริกาเดี๋ยวนี้เป็นตัวอย่างสิครับ เคยรบกันแทบตายเดี๋ยวนี้หันมาค้าขายด้วยกันเฉยเลย รู้สึกจะมีร้านของฝรั่งเศสในเวียดนามได้ด้วยนะ และเวียดนามกับจีนก็ค้าขายกัน ทั้งๆที่เมื่อก่อนจีนปกครองเวียดนามมาเป็นพันปี ทำสงครามสั่งสอน กะแย่งหมู่เกาะสแปตลี่กัน(เขียนไม่ถูกแหง) ความสัมพันธ์ระหองระแหงเค้าก็ยังคบกันได้
สรุปก็คือคนที่ยึดติดกับอดีตอย่างบางประเทศ(ไม่ขอเขียน) กะคนเขียนข่าวนี่ผิดละครับ จบ