มันเป็นเรื่องการเมืองล้วน ๆ ครับ
จีนก็ไม่รับความช่วยเหลือจากตะวันตกนะครับ แต่ที่จีนไม่รับเพราะจีนต้องการแสดงศํกยภาพในการกู้ภัยของตน ซึ่งจีนก็ทำได้ดี
แต่ด้วยเหตุผลเดียวกัน พม่ากลับทำไม่ได้แบบจีน นี่สิครับเรื่องใหญ่
ตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐจะฝรั่งเศส ที่แย้ว ๆ จะเข้าไป มันมีวาระซ้อนเร้นทั้งนั้นครับ ไม่ว่าจะเป็นการด่ารัฐบาลทหารพม่าให้กระทบไปถึงการพัฒนาปะรชาธิปไตยและการกักบริวเณนางออง ซาน ซูจี หรืออีกด้านหนึ่งคือพม่าก็กลัวว่า ถ้าเกิดเจ้าหน้าที่ตะวันตกเข้าไป อาจจะทำให้ประชาชนได้ข้อมูลอะไรหรือพม่าอาจจะเสียอะไรมากกว่านั้นก็ได้ครับ
ถ้ามองในแง่ยุทธวิธี แค่เรือแอซเซ็กกับเรือรบฝรั่งเศสที่ลอยอยู่นอกน่านน้ำพม่าส่งฮ.เข้าไป มันก็ได้อะไรกลับมาเยอะอยู่ครับ
ไม่ใช่ว่าผมเห็นด้วยกับพม่า ..... แต่ถ้าผมเป็นพม่า ผมก็จะทำ
ความจริง คนผิดงานนี้ ผมอยากโทษอาเซียนมากกว่า
อาเซียนช้ามาก ... อาเซียนปล่อยให้ชาติตะวันตกแย้ว ๆ ด่าพม่าฉอด ๆ ปล่อยให้จีน อินเดียเข้าไปช่วยเป็นเจ้าแรก ๆ ... ไทยที่เข้าไปช่วยเป็นประเทศแรกก็เข้าไปในนามประเทศไทย สิงคโปร์ก็เข้าไปในนามสิงคโปร์ไม่ใช่อาเซียน
อาเซียนไปไหนครับ? พม่าคือหนึ่งในสมาชิกอาเซียน แต่กว่าอาเซียนจะประชุมก็ล่วงเข้าไปวันจันทร์ที่ผ่านมา ต้องปล่อยให้คนอื่นปกป้องหรือโจมตีสมาชิกอาเซียนก่อนหรืออาเซียนจึงรู้สึกตัว? .... ทุกคนในระดับที่ประสานงานระหว่างประเทศรู้ดีว่าทำไมพม่าถึงทำอย่างนี้ แต่ก็ยังขยับช้ามาก ถ้าอาเซียนยื่นมือเข้าแทรกแทรงตั้งแต่ต้น โดยรับเป็นแกนกลางในการรับความช่วยเหลือเข้าสู่พม่าจากชาติตะวันตก ให้ไทยเป็นฐานการส่งความช่วยเหลือหลักแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เรื่องมันจะจบเร็วมาก เพราะวันจันทร์ที่ผ่านมาพม่าก็พูดชัดว่าถ้าความช่วยเหลือใด ๆ ที่มาจากอาเซียนพม่าจะถือว่าไม่มีวาระซ้อนเร้น (No Hidden Agenda)
วันสองวันหลังจากพม่าโดนนาร์กีสผมยังได้ยินคนสิงคโปร์พูดเลยว่า ASEAN will act quicky (อาเซียนจะเคลื่อนไหวโดยเร็ว) ผมยังสงสัยอยู่เลยว่าจะเป็นจริงเหรอ ... และมันก็ไม่เกิดขึ้นจริง ..... อย่าแปลกใจที่ฝรั่งหรือเอเชียภูมิภาคอื่นเขาจะหัวเราะอาเซียนเอาแบบทุกวันนี้
เฮ้ออออออ
จริง ๆ องค์กรระดับชาติอย่าง อาเซียน เอง ไม่เคยแสดงศักยภาพอะไรที่ชัดเจนอยู่แล้วนี่ครับ
ก็เพราะกลัวเสียผลประโยชน์กันเอง ใน อาเซียนเอง ก็ยังมีผลประโยชน์ทับซ้อนกันอยู่เลย
ตอน ฟิลิปปินส์ (ก็คงมีอิทธิพลอเมริกามาด้วย)ด่าพม่า ชาติอื่นในอาเซียนก็เงียบหมด เพราะอะไรก็รู้ ๆ กันอยู่
--------------------------------------------------------
ถ้าจะโทษจริง ๆ ผมกลับมองว่า อาเซียนหนะ ซวยที่สุดต่างหาก
--------------------------------------------------------------
คนที่น่าจะด่าจริง ๆ ก็คือ รัฐบาลพม่า ผลแห่งการไม่พัฒนาตัวเอง โกงกินกันจนเลยเถิดมากเกินไป ก็เลยเป็นแบบนี้
ถ้าโกงกินแต่ยังพัฒนาประเทศ ก็ยังโอเค แต่ถ้าโกงกินแล้ว ไม่พัฒนาประเทศเลย มันก็เลยแย่อยู่ทุกวันนี้หละครับ
เงินตราที่เข้าประเทศไปไหนหมด ?
ส่งออกน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ แต่คนในประเทศตัวเองต้องรอปันส่วนน้ำมัน เนี่ยนะ ? นี่ยังไม่นับปั้มเถื่อนที่เปิดแข่งกับ ปั้มน้ำมันของรัฐบาลอีกยังกะดอกเห็ด
มีค่ายทหารแทบทุกหนแห่ง ทุกตำบล เพราะกลัวคนจะลุกหือขึ้นต่อต้าน แต่พอถึงเวลารบจริง ๆ กลับ ตีแม้กระทั่ง SSA ก็ยังไม่แตกสักที
แล้วจะมีทหารเยอะแยะไว้ทำแมวอะไรหละครับ
งบประมาณที่แต่ละท่านสูบ ๆ ไปหนะ ถ้าแบ่งสักเล็กน้อยมาพัฒนาประเทศสักหน่อย คนคงไม่ตายเป็นเบือขนาดนี้หรอกครับ
ปัญหาภายในที่ว่านี่ ผมเห็นเขาเน้นไปตรงปัญหาการเมืองเป็นใหญ่นี่ครับ
อย่างเช่นกรณี เลือกตั้ง หรือ ประชาธิปไตยในพม่า อย่างที่ผมบอกไปว่า
ในที่ประชุมอาเซียนที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์ ด่าพม่า อย่างออกหน้า แต่ชาติอื่นนิ่งเงียบเป็นเป่าสากเลย
ถ้าผู้นำพม่าคิดจะช่วยจริง แต่กลัวการแทรกแซงจากตะวันตก ก็ให้บริจาคผ่านประเทศในอาเซียนที่เชื่อใจก็ได้นี่ครับ มันมีวิธีการหลายวิธีอยู่แล้ว
ถ้าคิดจะทำจริง ๆ นะครับ
ยกเว้นพม่าจะมองว่า เอาปัญหาพิบัติภัยมาโยงกับการเมือง ถ้าลงแบบนี้ก็ยากแล้วหละครับ บ่งบอกนิสัยผู้นำได้เลย
ผู้นำทหารพม่าเอง เล่นประเด็นนี้ไม่เป็นเองครับ ถ้าเล่นเป็นประเด็นจะต่างจากนี้สิ้นเชิง เหมือนที่จีนเล่นบทบาทนี้เป็นครับ (ก็มัวแต่ห่วงผลประโยชน์นั่นแล )
--------------------------------------------------------------------------
ผมกลับมองว่า SSA ไม่ได้อ่อนลงไปเลยสักนิดครับ เพียงแต่ข่าวไม่ค่อยลงเท่านั้น
จากเดิมที่ยึดที่มั่นอยู่รอบ ๆ แค่ดอยไตแลงเท่านั้น ตอนนี้ เขาขยายอาณาเขตขนาดเดิน 2 วันรอบดอยไตแลงได้แล้ว
ทหาร SSA จากไม่กี่พันนาย ขึ้นเป็นระดับหลักหมื่นนายแล้ว(ข่าวเมื่อ2-3 ปีก่อน) มันบ่งบอกอะไรครับ ? (ต่อให้บอกว่า อาวุธไม่ครบทุกนายก็ตามทีเถอะ )
ขนาดบางช่วงที่บางประเทศไม่สนับสนุน SSA เหมือนแต่ก่อน พม่าก็ยังทำอะไรไม่ได้เลยสักนิด จนต้องเปลี่ยนเอาว้าแดง มารบแทน นี่มันก็ส่อให้เห็นศักยภาพของพม่าแล้วนะครับ ว่าเป็นอย่างไร
SSA อ่อนลงไหม หรือว่า พม่าแกร่งขึ้น
ผู้นำทหารพม่า และประชาชนพม่าเขากลัวชนชาติผิวขาว(ฝรั่ง)มากครับ เข้าถือว่าคนพวกนี้จะมาสร้างความหายนะให้แก่ประเทศชาติและเผ่าพันธ์เขาครับ และพวกพม่าจะเชื่อเรื่องทางด้านไสยศาสตร์มากครับขนาดโดนพายุถล่มขนาดนี้แทนนที่จะเร่งช่วยประชาชนเขากลับเอาพระขึ้นเครื่องบินไปประพรมน้ำมนต์ให้ซะงั้น
ถ้าเปรียบเทียบระหว่างกรณีภัยพิบัติในจีนแลพม่านั้น จีนก็ไม่ได้ปิดรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศเสียทีเดียวนะครับ เพราะญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มีความขัดแย้งทางการเมืองกับจีนเองก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสนับสนุนด้านTechnicในการช่วยเหลือด้านการกู้ภัยในจีนเนื่องจากญี่ปุ่นมีประการณ์ในการกู้ภัยเหตุแผ่นดินไหวสูงครับ
ที่ผ่านมานั้นการสนับสนุนจากภายนอกต่อกองกำลังชนกลุ่มน้อยและกลุ่มต่อต้านรัฐบาลกลางพม่าถึงแม้ว่าจะลดลงไปมาก แต่ กกล.กลุ่มต่างๆก็ได้หันมาร่วมมือกัยจัดตั้งแนวร่วมรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นและประกาศที่จะต่อสูต่อไป แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลกลางพม่าเองยังก็มีประเทศมหาอำนาจหลายประเทศสนับสนุนอยู่ครับ ซึ่งผลสืบเนื่องจากพายุนากีสในครั้งนี้น่าจะส่งผลโยตรงต่อทิศทางการเมืองและความมั่นคงของพม่าภายในระยะยาวครับ
แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อไทยโดยตรงด้วย
ถ้าพม่าเป็นประเทศประชาธิปไตย อย่างเดียวกับมาเลเซีย
ถึงจะโอนเอียงไปทางจีน ทุกอย่างจะง่าย
แต่ ความที่ อำนาจรัฐอยู่ใต้ปากกระบอกปืน
คณะทหารเลือก หนทางสุดกู่ คือ Isolate ตัวเอง
หรือปิดประเทศ แช่งแข็งความเจริญของชาคิ
ยอมเข้าร่วมในสังคมโลกในระดับหนึ่ง เท่านั้น
ทุกวันนี้ถึงกองทัพแทบจะชนะสงครามสี่สิบปี
สามารถปราบ กองกำลังชนกลุ่มน้อยต่างๆได้ จนราบคาบ
แต่ก็ไม่สามารถสร้างความพอใจ ให้ประชาชน
ทั้งปัญญาชน และชาวบ้านพม่า เองที่มองเห็นประเทศ
ที่เคยล้าหลังกว่าอย่างไทย เจริญแซงหน้าพม่าไปได้
หากพม่ายอม เปิดประเทศ ยอมรับความช่วยเหลือทั้งข้าวของ และ
เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญด้านการบรรเทาสาธารณะภัย จากตะวันตก
คนพม่าจะเห็นฝรั่ง และธงยูเนี่ยนแจ๊ค ที่เคยโปกสะบัดบนเสาธงที่นั่น
บนถนนสายต่างๆที่สร้างโดยอังกฤษ ในยุคที่พม่ามี ความเจริญรุ่งเรือง สันติภาพ อิสรภาพ และความเสมอภาค
คงมีผลข้างเคียง ที่คณะทหารไม่อยากเห็น ไม่มากก็น้อย
ผมมองว่าปัจจัยภายใน เป็นปัญหา มากกว่าปัจจัยภายนอก ครับ
สำหรับ ASEAN ไม่อยากพูดว่าเป็นเสือกระดาษ
แต่ ASEAN ไม่มี 5M เหมือน UN
ที่จะมาทำเรื่องการบรรเทาทุกข์
และประเทศสมาชิก ก็ต้องการเป็นผู้ให้ด้วยตนเอง
เพื่อ สร้าง Flavor/Bargaining Power ของตน
เรื่องอะไรจะยอมจ่ายเพื่อให้ ASEAN ได้หน้า
ทรัพยากร สัปทานในพม่า ยังมีอีกมากมายให้ รวบ
ขอบคุณมากๆครับ สำหรับข้อมูลครับ
ปล.รอดตายเเล้วมีเรียงความส่งอาจารย์เเล้ว อิอิ
พี่ สกายเเมนครับ หายดีเเล้วเหรอครับ ( พิมพ์ยาวเลย )
ปล.หายเร็วดีจังนะครับ
เหอ ๆ ยังหรอกครับ แต่เห็นว่าจะเอาไปใช้เรียน เลยลองแสดงความเห็นดูหน่อย ^ ^
แนะนำน้องภูมิว่า อย่าเอาความคิดของความเห็นใดความเห็นหนึ่งไปเป็น main หลักของรายงาน ลองอ่านความเห็นทุกความเห็นในกระทู้นี้ แล้วลองถามตัวเองว่า ถ้าเป็นฉัน ฉันจะคิดยังไง หรือ พี่ XYZ เขาพูดอย่างงี้ เห็นด้วยหรือไม่ ถ้าเห็นด้วยเพราะอะไร ไม่เห็นด้วยเพราะอะไร .... วิธีนี้จะทำให้เราได้ทักษะความคิดและการวิเคราะห์ซึ่งจะได้ประโยชน์มากกว่าลอกลงไปเลยครับ เพราะรายงานที่เราเขียนจะเป็นรายงานที่ เกิดจากความเห็นของเราที่สรุป เรียบเรียง และวิเคราะห์มาจากความเห็นคนอื่น ซึ่งไม่ผิดและเป็นวิธีที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนใช้จนประสบความสำเร็จ (อย่างเจม วัตสันและฟานซิส คริกก็ใช้วิธีนี้จนสามารถค้นพบรูปแบบของ DNA ของมนุษย์ได้จนได้รับรางวัลโนเบล) ....... เวลาครูถามก็จะตอบได้ดีกว่าจำที่พี่ ๆ เขาพูดมาอย่างเดียว เพราะเราก็จะแค่รู้เนื้อความในกระทู้นี้ที่แต่ละคนเขียน แต่ไม่แน่นพอที่จะวิเคราะห์ต่อครับ
เอาใจช่วยเน้อ
พบเอาเป็นเเนวๆครับเเล้วก็เอาเเบหลายๆความคิดครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับสำหรับข้อมูลของทุกๆท่าน
ปล.สุดท้ายรายงานก็จบลงด้วยดี เหอะๆ
เห็นด้วยกับหลายๆท่านครับ
ส่วนตัวผมเอง ก็อยากพูดเรื่องการที่ SPDC ไม่ขอความช่วยเหลือ ในมุมมองของผมเอง ผมว่าเขากลัวเรื่อง การแฝงมาแทรกแซงทางการเมืองและการทหาร ซึ่งการเมืองเขาถือว่าไม่มีการยอมรับอยู่แล้ว กลัวตะวันตก ใช้การประโคมข่าว จนยำแย่ และถือโอกาสแทรกแซงพม่าทันที และในส่วนของการทหาร ถ้าทางตะวันตกเข้าไปได้ ก็จะเข้าใจการส่งกำลังบำรุงและเครือข่ายสื่อสารของSPDCพม่า คราวนี้ก็ ตีเรื่องการเมืองและ ให้อาวุธชนกลุ่มน้อย เมื่อสถานการณ์ย่ำแย่ถึงขีดสุด ผู้นำพม่าควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ก็ต้องบินออกนอกประเทศ และอะไรบางอย่างก็จะเปิดเผยขึ้น การได้รับการสนับสนุนจากจีนที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนก็จะถูกเปิดเผยเป็นต้น รายได้จากก๊าซ น้ำมัน แร่ธาตุ ป่าไม้ ที่หายไปก็จะถูกเปิดเผย จน SPDC และครอบครัวอยู่ในพม่าไม่ได้ อันนี้คิดเองครับ ถ้าผิดพลาดก็ขออภัยมณี.....