เมื่อสิ้นปี 2007 ศูนย์ทดสอบและประเมินผลของกองทัพบกสหรัฐ (ATEC) ได้ทำการทดสอบความสมบุกสมบันของปืนไรเฟิลแบบต่างๆ ต่อสภาพเลวร้ายของฝุ่นและทราย
มีปืนไรเฟิลชั้นนำถูกนำมาทดสอบจำนวน 40 รุ่น เช่นจากบริษัท FN Herstal (FNH), Heckler&Koch (HK), Colt Defense, LLC, AAI Corp., Alliant Techsystems (ATK), GDATP ฯลฯ วิธีการทดสอบคือ แบ่งทีมทดสอบออกเป็น 10 ทีมในการทดสอบปืนแต่ละรุ่น ซึ่งหมายความว่าปืนทุกรุ่นจะต้องส่งมอบปืนจำนวน 10 กระบอกเพื่อใช้ในการทดสอบครั้งนี้
ปืนทุกกระบอกจะถูกคลุกจนโชกด้วยจาระบีทั่วกระบอก โดยคลุมปากกระบอกปืนและช่องคัดปลอกกระสุนปิด จากนั้นนำไปอบฝุ่นในหออบฝุ่นเป็นเวลา 30 นาที แล้วนำปืนที่ผ่านการอบฝุ่นแล้วไปยิงจำนวน 120 นัด ก่อนจะนำกลับเข้าไปอาบฝุ่นอีกครั้งเป็นเวลา 30 นาทีในหออบฝุ่นหลังจากนั้นก็นำไปยิงอีก 120 นัด กระทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งยิงครบ 600 นัด ปืนจะถูกนำไปปัดฝุ่นออก และชุบจาระบีให้โชกอีกครั้งก่อนนำไปอบฝุ่นตามกรรมวิธีข้างต้นอีกรอบ ทำวนรอบเช่นนี้ไปจนกระทั่งยิงครบ 6,000 นัด (สรุปคือ ปืนทุกกระบอกจะถูกคลุกจาระบี 10 รอบ โดยแต่ละรอบจะยิงแล้วเข้าหออบฝุ่น 5 ครั้ง)
ผมเชียmk16Scar-Lคับ ผมคิดว่าM4ธรรมดาไม่น่าจะรอดนะครับแต่ทำไมกองทัพสหรัฐยังคงให้เข้าประจำการอยู่หว่า??
นี่ถ้าท่าน 147 ไม่ทักคงออกทะเลไปอีกแล้ว แก้ไขนิดหนึ่งที่ว่าชุบจาระบี ที่จริงแล้วควรเป็นชุบน้ำมันหล่อลื่น (เพื่อให้ฝุ่นหรือทรายเกะติดปืนได้ง่าย) แหะ...แหะ มีมั่วนิ่มเล็กน้อย
XM8 ครับ (ติดใจ จาก Ghost Recon Advanced Warfighter)
พูดถึง M4A1 นี่อ่านเรื่องราวของทหารอเมริกันในอิรักหลายๆ คนแล้วเขาเรียกว่า ทนใช้ เหมือนกันครับ เล็กจริง กะทัดรัดจริง เหมาะกับอิรักจริง แต่เวลาใช้กลับขัดลำบ่อยมากเวลาเจอฝุ่นทราย แต่ว่าทหารธรรมดาเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ปืนอื่นนอกจากปืนที่แจกให้
ถามว่ากองทัพประจำการเขี้ยวเรื่องอาวุธขนาดไหน ผมเคยอ่านในเวปเกี่ยวกับ 1911 (http://forum.m1911.org/showthread.php?t=2173) มีพ่อคนหนึ่งพยายามซื้อปืนพก 1911A1 ให้ลูกชายในอิรักครับแต่เจอปัญหามากมายจากทางการจนต้องถอย ถ้าปืนพกยังไม่ได้ ปืนอื่นผมคงไม่ค่อยหวัง
ส่วนหน่วยรบพิเศษตอนนี้กำลังมองหาปืนใหม่อย่าง SCAR-L, 416 กับ 468 แล้ว แถมยังแว่วๆ จะหาลูกปืนใหม่ด้วย ตอนนี้กำลังชั่งน้ำหนักระหว่าง 6.5 Grendel กับ 6.8 SPC ครับ (อิจฉา จะเอาอะไรไปก็ได้ ทหารธรรมดาได้แต่มอง)
SCAR คงต้องเสียเวลาฝึกใหม่นิดหน่อยเพราะใช้พวก M4/M16 จนชินแต่กับพวกรบพิเศษผมว่าไม่น่ามีปัญหา
น่าจะเป็น HK416 ครับ
HK 416 มีข้อได้เปรียบตรงที่แบบปืนนั้นมีความใกล้เคียงกับปืนตระกูล AR-15/M-16 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันของกองทัพบกสหรัฐฯซึ่งส่วนตัวคิดว่าการทำการฝึกเปลี่ยนแบบน่าจะทำได้สะดวกกว่า และตัวปืนยังออกแบบให้สามารถเปลี่ยนใช้ชิ้นส่วนกับ M-16/M-4 ได้เป็นส่วนใหญ่ด้วย (เช่นเปลี่ยนโครงลำกล้องและลูกเลื่อนปืนส่วนบนใหม่เข้ากับไกควบคุมการยิงด้านล่างเดิม)
ที่สำคัญคือ HK 416 นั้นน่าจะมีราคาถูกที่สุดถ้าเทียบกับปืนอีก2แบบบนคือ SCAR และ XM8 ครับ (แต่อนาคตของ HK 416 ในสหรัฐฯนั้นคงต้องรอหลัง Colt มอบสิทธิบัตรในการผลิตปืนแก่ HK ในช่วงปี 2010ครับ)
วันนี้ก็ขอเฉลยคำตอบเลยแล้วกัน ตอนแรกว่าจะรอดูความคิดเห็นอื่นๆ อีกสักพัก แต่เผอิญต้องติดภารกิจจนถึงวันอาทิตย์....คำตอบที่ถูกต้องคือ...จากผลการทดสอบ
อันดับ1 คือ HK - XM8 : ติดขัด 127 ครั้ง
อันดับ2 คือ FN - SCAR-L / Mk16 : ติดขัด 226 ครั้ง
อันดับ3 คือ HK - 416 : ติดขัด 233 ครั้ง
อันดับ4 คือ Colt - M4 Carbine : ติดขัด 882 ครั้ง
อันที่จริงมีผลถึง 10 อันดับแต่ในข่าวรายงานเพียงอันดับ 1-4 เท่านั้น (แล้ว 5-6 จะ Jam กันมโหฬารขนาดไหน รวมทั้งอีก 30 รุ่นที่ไม่ติด top 10)
นอกจากนี้ยังมีความจริงบางอย่างเบื้องหลังการทดสอบ ดังนี้ คือ
1. ปืน HK - 416 และ Colt - M4 เป็นอาวุธที่ยืมมาจากโรงงาน โดยโรงงานไม่รู้ตัวก่อนว่าจะนำไปทดสอบ สำหรับปืน FN - SCAR และ HK - XM8 เป็นปืนประกอบด้วยมือ และส่งมาให้ที่สนามทดสอบ ดังนั้นจึงรู้ตัวล่วงหน้าเรื่องการทดสอบและเตรียมตัวมาอย่างดี
2. สำหรับผลการทดสอบปืน HK-416 จำนวนการติดขัด 117 ครั้งจากทั้งหมด 233 ครั้ง มาจากปืนเดียวจากทั้งหมด 10 กระบอก
3. มีข่าวลือกันหลังการทดสอบว่า Heckler & Koch อาจเปิดโรงงานผลิตปืน HK-416 (5.56 mm.) และ อาจรวมไปถึงปืน HK-417 (7.62 mm.) ในอเมริกา
ดังนั้นหากพิจารณาข้อเท็จจริงทุกอย่างแล้ว ผู้ชนะที่แท้จริงจึงควรเป็น HK-416
2. สำหรับผลการทดสอบปืน HK-416 จำนวนการติดขัด 117 ครั้งจากทั้งหมด 233 ครั้ง มาจากปืนเดียวจากทั้งหมด 10 กระบอก
<< Sampling ไม่ดีครับ ถือว่าเป็น Diviation หรือเป็นค่าเบี่ยงเบนเกินมาตราฐาน ดังนั้นตามหลักสถิติต้องตัดผลลัพท์ของตัวนี้ทิ้งไปครับ
สงสัย อยากรู้ทั้ง๑๐ อันดับ และทั้ง ๔๐ อันดับด้วย
ไม่คิดว่าหลายสิบบริษัทที่ตั้งขึ้นมาใหม่ๆ จะแพ้ M4ได้
ทั้งๆที่ ใช้ M16/M4 เป็น ตัวตั้ง ในการพัฒนาปืน / สินค้า
เลยตามไปเช็คข่าว ทั้งใน Army Times, Defense Review ฯลฯ
ATEC (Army Test & Evaluation Centre ที่Aberdeen Proving Ground, Maryland
ทดสอบปืน 4 แบบ จาก 3 บริษัท ข้อมูลที่ลงไว้ถูกต้องและครบแล้ว ครับ
บริษัทปืนที่เหลือ มีบางแหล่งข่าว กล่าวถึง แต่ATECไม่ได้เอาปืนไปร่วมทดสอบ
ตามข่าวATECทดสอบครั้งนี้เป็นรอบที่สาม รอบที่แล้วเป็นการทดสอบM16/M4 ที่ผลิตโดย Colt กับ FNH
ส่วนอีกข้อสงสัย การทดสอบ ชะโลมด้วยน้ำมันหล่อลื่น อบฝุ่นแล้วยิง
ฝรั่งมันว่า เป็นการจำลองสภาพการใช้งานในสภาพอย่างในพายุทราย
This would be like standing in a [dust storm] for 30 minutes
and shaking off your weapon and firing it, (Defense Review)
Dust Chamber ในนั้นไม่นาจะเป็นความหมายเดียวกับ Gas Chamber หรือห้องอบแก๊ส
แต่น่าจะหมายถึงห้องหรือซองที่ทำการเป่า ฝุ่น ทราย ลงที่ตัวปืนที่ชุบน้ำมันหล่อลื่นไว้ ครับ
ผลการทดสอบ กห/ทบ สหรัฐยังมั่นใจใน M4 ครับ Boo
ไม่รู้เหมือนกันครับว่า มะกันติดใจปืนในตระกูลเอ็ม 16(เออาร์ 15 )นี่อะไรนักหนา นับตั้งแต่สงครามเวียดนามมาจนเดี๋ยวนี้ก็หลายสิบปีแล้วนะนี่ (สัก40ปีแหล่ว)
ไอ้การทดสอบนี่มันทะแหม่งๆ ทำไมไม่ใช้ปืนที่ใหม่เอี่ยมจากโรงงานทั้งสี่แบบเลยละฟะ บางเจ้าก็เตรียมตัวมาอีกแบบนี้มันจะไปยุติธรรมได้อย่างไร
ตอนแรกผมก็เชียร์เจ้าเอ็กซ์เอ็ม 8นะครับ แต่ดูๆไปหน้าตามันล้ำยุคพิกล กะดูไม่น่าจะใช้งานได้สมบุกสมบัน กะสมรภูมินักๆเช่นในอัฟกานิสถาน อิรัก หรือถ้าสมมุติใช้กะภูมิประเทศแบบในสงครามเวียดนามนี่ไม่รู้ว่าจะไปรอดกันได้ทั้งสี่รุ่นรึเปล่า
ไอ้เรื่องเอ็มสี่ติดขัดนี่ รู้สึกปืนในตระกูลเอ็ม 16ที่ใช้ตั้งแต่สงครามเวียดนามนี่จะเป็นปืนที่อนามัยจัดกันทั้งตระกูล คือเจอสิ่งสกปรกไม่ค่อยได้ เป็นอันต้องขัดลำกล้องอยู่เรื่อย ขนาดหน่วยซีลมะกันในเวียดนามยังไม่ค่อยใช้กัน ไปใช้ปืนสโตเนอร์ 63 ที่ทนเรื่องความสกปรกกว่า ไม่ก็ใช้ปืนอาก้ากันแบบเวียดกงมันไปซะเลย พอมาในอิรักเอ็ม 4ก็ติดขัดง่ายกะฝุ่นทรายอีก สรุปก็คืออาก้าทนทานที่สุดก้ากๆ (เกี่ยวกันไหมเนี่ยไปดีกว่า)