อ่อๆตกรุ่นเรือดำน้ำแบบ ยู-209 212 และ 214 ไปอีกหน่อย
...เคยได้ยินแต่ แบล็คชาร์ค นี่ไวซ์ชาร์ค จาก แอลจี
......กล่าวอีกนิดภัยคุกคามจากเรือดำน้ำ ส่วนตัวผมเองมองว่า ภัยทางอากาศ ท.อ.ยังคุ้มกันได้ ทางพื้นน้ำก็ยังไหว แต่ใต้น้ำ.....ท.ร.ต้องจัดการเอง หากเรือชั้น น็อคซ์ ปลดประจำการไปแล้ว ท.ร.ยังไม่ลงเอยกับเรือดำน้ำซักที แต่ภัยใต้น้ำในภูมิภาคนี้กลับเพิ่มขึ้น หรืออาจจะเพิ่มขึ้นไปอีกชนิดมีการซ้อมยิงระบบอาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำ คงจะน่ากลัวขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ ประมาณ(สมมุติ) ถ้าท.ร.ไปลาดตระเวณกลางอ่าวเจอ จรวดพุ่งจากน้ำมาหาเรือ อ่ะครับ
........ตั้งแต่สงครามโลก เรือดำน้ำมาวนเวียนในอ่าวไทย ตลอดจนฝึกกับอเมริกาก็มีเรือดำน้ำมาแล่นในอ่าวเหมือนกัน
....โดยส่วนตัวมองในแง่ประสิทธิภาพที่กล่าวขานกันนักหนา ถ้าเรามีอาร์เมอร์ หรือ กิโล ซัก2-4ลำ พร้อมอาวุธปล่อย แล่นดำ-โผล่ๆ ในอ่าวไทย คงไม่มีใครกล้ามาปิดอ่าวเป็นแน่แท้และแน่นอน
........ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวน่ะครับ ถ้าใครอยากจะกล่าวอะไรเพิ่มก็ตามแต่ห้ามทะเลาะ เป็นเด็ดขาดน่ะครับ แนววิชาการจะดีมาก เลยล่ะ
....อยากจะถามเพิ่มอีกนิด
1.ถ้าเราประจำการเรือดำน้ำ(ชั้นอะไรก็ตามแต่ ที่ยิงอาวุธปล่อยได้) มีความจำเป็นต้องจัดหาระบบ จรวดต่อตีเรือเพิ่มหรือไม่ครับ แล้วต้องใช้งบประมาณอีกมากหรือไม่ครับ
2.จากข้อ1 หากท.ร.ต้องการแค่เรือดำน้ำแบบธรรมดา ไม่ต้องยิงอาวุธปล่อยก็ได้ งั้นเราจัดหา ดอลฟิลแบบ อิสราเอลหรือ ก็อตแลนด์ จะคุ้มค่าหรือไม่ครับ ในแง่ทำการรบแบบไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธปล่อย ตอร์ปิโด อย่างเดียว
อันนี้แถมๆ
ตอนนี้ ผมคิดว่า ถ้า ทร.จะมีเรือดำน้ำ แบบต้องมีแน่นอน และมีงบประมาณสนับสนุน ผมขอเดาว่า ทร. คงจะมองไปที่ U-214 น่าจะเป็นตัวเลือก....
แต่ถ้าด้วยงบประมาณจำกัด ผมสนับสนุน AMUR 950 น่าจะเหมาะสมกับทางฝั่งอ่าวไทย และเพียงพอสำหรับฝั่งอันดามัน แต่ผมยังสงสัยและติดขัด เรื่องอาวุธปล่อย ของ AMUR 950 ว่ามันจะทำงานเข้ากันได้กับระบบอาวุธที่ ทร. มีอยู่ในปัจจุบันหรือเปล่า...
เรือดำน้ำ ที่มีเป้าหมายใช้ในการป้องกัน ผมว่ายังไงก็ยังต้องมีการประสานงานจาก ระบบสื่อสาร และระบบการชี้เป้าหมาย จากทั้งบนฝั่ง และทางอากาศ...ซึ่งเรือดำน้ำจาก รัสเซีย หรือ จีน ผมยังมีข้อสงสัย ว่าเมื่อมีการประสานงานร่วมดังกล่าว...มันพอจะเข้าใจกันได้ และมีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่....
ในความเห็นส่วนตัว ผมว่า AMUR 950 เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศในทะเลไทย...แต่เมื่อระบบการรบของ ทร. เป็นแบบตะวันตก หรือแบบ นาโต้...AMUR 950 ก็อาจจะกลายเป็น ด. ไม่น่าจะเป็นตัวเลือกนัก...ในสภาพภูมิประเทศของทะเลไทย ผมว่าเรือ ด. ขนาด 1,000 ตัน น่าจะเหมาะสมกว่า...ซึ่ง AMUR 950 มีตรงนี้ และมีอาวุธครบ และผมไม่แน่ใจว่า สามารถยิงจรวดต่อต้านอากาศยานได้ด้วยหรือเปล่า...ส่วนเรือ ด. ฝั่งยุโรป จะเป็นขนาดใหญ่ทั้งหมด ยังไม่มีใครผลิตเรือ ด. สมัยใหม่ ขนาด 1,000 ตัน ยกเว้น สวีเดน ซึ่ง สิงคโปร์ ก็ได้จัดหามารอประจำการอยู่แล้ว แต่เป็น ด. เก่า ที่นำมาปรับปรุงใหม่...
ผู้ที่สามารถไล่ล่า เรือ ด. ได้ นอกจาก เรือ ด. และ เรือผิวน้ำ แล้ว...ฮ. ประจำเรือ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะไล่ล่า เรือ ด. ได้เช่นกัน แต่เรือ ด. ก็ไม่สามารถจะทำลาย ฮ. ที่บินอยู่บนหัวได้...เรือ ด. สมัย เดี๋ยวนี้ จึงจะมีการติดตั้งระบบ จรวดต่อต้านอากาศยานได้ด้วย...ซึ่งผมก็คิดว่า AMUR 950 น่าจะสามารถติดตั้งได้เช่นเดียวกัน...เพราะมีระบบอาวุธ VLS...
เรือดำน้ำใน3ภาพแรกคือเรือ SS-072 Son Won il ซึ่งเป็นเรือลำแรกในชั้น KSS ที่เกาหลีใต้ต่อครับเพิ่งขึ้นประจำการไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และเกาหลีใต้มีแผนที่จะต่อให้ครบ 9ลำครับ
ส่วนเรือที่อยู่ในอู่ซึ่งฉากหลังเป็นเรือของ Coast Guard น่าจะเป็นเรือตรวจการณ์พิฆาตติดอาวุธนำวิถี(Patrol Killer Guided-Missile กำหนดประเภทเรือแปลกๆ)ชั้น PKX ชื่อ PKG-711 Gumdoksuriครับ
ในส่วนของเรือดำน้ำของกองทัพเรือไทยนั้นเคยมีข่าวว่าจีนเสนอที่จะให้เช่าซื้อเรือชั้น Type 039 Song ซึ่งเป็นเรือดำน้ำยุคใหม่แบบแรกของจีนที่ใช้ระบบของตะวันตกหลายๆแบบเช่น เครื่องยนตร์ดีเซล MTU และสามารถยิงอาวุธปล่อยต่อต้านเรือผิวน้ำจากผิวน้ำได้ครับถ้ามองในแง่ความเป็นไปได้แล้วเรือดำน้ำจากจีนน่าจะเป็นตัวเลือกที่เป็นไปได้ที่กองทัพเรือจะจัดหาเพื่อใช้ฝึกกำลังพลเพิ่อสร้างประสบการณ์ครับ โดยจีนอาจจะเสนอต่อเรือที่ทันสมัยกว่าเช่นชั้น Yuan ให้ในอนาคตด้วย
อย่างไรก็ตามเงื่อนไขที่จีนจะส่งมอบเรือชั้น Song ได้นั้นจีนกล่าวว่าต้องเป็นในกรณีที่จีนยังไม่รบกับไต้หวันหรือประเทศอื่นๆในเร็วนี้ครับ(กำลังรบไม่พอ) และก็ตามที่ทราบว่าปัจจุบันกองทัพเรือยังมีงบประมาณในส่วนนี้ไม่พอครับ ข้อเสนอนี้จึงต้องพักไว้ก่อน