หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ตูจะชมหรือจะด่าดี???? ทัพอากาศบรรเจิด นำเครื่องบินลายครามร่วมสิบลำทิ้งทะเลสร้างแนวปะกาลัง

โดยคุณ : กบ เมื่อวันที่ : 23/04/2008 14:24:35

ผมมีแนวความคิดง่ายๆ.................... ถ้าบรรพบุรุษเราเมื่อสองร้อยปีก่อน นำสรรพอาวุธ อันได้แก่ปืนใหญ่ก็ดี ดาบของ้าวก็ดี ไปทิ้งทะเล เราชาวไทยยุคหลังสองร้อยคงสวดส่งไล่หลัง..........................ดีที่ว่าคนโบราณไม่โง่เหมือนควายสมัยนี้............................เอาเถอะพี่น้อง................ลูกหลานเราอีกร้อยสองร้อยปี มันรู้มันเห็นได้ มันคงด่าส่ง บรรพบุรุษควาย.........................




ความคิดเห็นที่ 1


ขออภัยด้วยจั่วหัวเขียนปะการังผิด อายจัง พี่น้อง..................................
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 18/04/2008 10:12:22


ความคิดเห็นที่ 2


เห็นข่าวผ่านๆตาทางโทรทัศน์เหมือนกันเมื่อตอนเย็นแต่ดูไม่ทัน อันนี้รายละเอียดเขาอย่างไรผมก็ยังไม่ทราบ แต่หากกองทัพอากาศเขามีเครื่องเก่ารุ่นเดียวกันกับที่จะเอาไปทำปะการังเทียมเก็บไว้บ้างหรือเครื่องบินเก่าลำนั้นมันทรุดโทรมเกินจะเก็บเอาไว้ให้คนได้ชมต่อไป การที่จะเอาไปทำปะการังเทียมเพื่อเพิ่มพื้นที่หรือส่งเสริมท่องเที่ยวก็ถือว่าเป็นการดีครับ แต่หากว่าเครื่องที่จะเอาไปทำปะการังเทียมมันยังอยู่ในสภาพที่ส่วนใหญ่ยังดูสมบูรณ์ผมว่าน่าเสียดายครับ เพราะประเทศเรานั้นเครื่องบินไม่ได้ผลิตเองจนมีมากมายเหมือนบางประเทศที่คิดอยากจะเอาไปถมทะเลหรือทำเป้าซ้อมก็ทำได้ แต่เรามีแต่ละรุ่นนั้นมันมีไม่กี่สิบลำแถมเวลาปลดมันก็เหลือไม่มากมันก็ทำให้รู้สึกเสียดายครับ แต่คงต้องดูรายละเอียดและเหตุผลของทางกองทัพอากาศครับ
โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 18/04/2008 10:31:58


ความคิดเห็นที่ 3


สองร้อยปีก่อน บรรพบุรุษเราคงไม่มีใครคิดหรอกครับว่าวันนี้เราต้องซื้อน้ำดื่ม ในน้ำไม่มีปลา ในนาไม่มีข้าว ถ้าเค้ารู้ผมว่าเค้าก็ทำน่า

การจะเอาของหลวงไปทำอะไร ต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลายฝ่ายเพื่อพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ ขืนทำโดยพละการ ถึงจะเป็น ผบ.ทอ. ก็มีสิทธิติดคุกเอานะครับ ผมว่าท่านเจ้าของกระทู้คิดมากไปรึเปล่า

อีกอย่างครับ การเก็บไว้ผมว่าเอาไว้แค่พอเหมาะสม ไว้ให้ลูกหลานดูเล่นบ้างก็ดี แต่ถ้ามีมากเกินไป มันรกนะครับ การนำไปทำปะการังเทียม จะช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศทั้งในเรื่องการท่องเที่ยว และการเพิ่มปริมาณของปู ปลา ในทะเลด้วย

 


โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 18/04/2008 12:17:21


ความคิดเห็นที่ 4


ครับผมว่าท่านจขกท ใจเย็นๆครับ

 

ผมว่าต้องดูเหตุผลนะครับ ที่ทอ.ทำเค้าทำไปเพื่ออะไร

ไม่ได้นำไปทิ้งเล่นๆนี่ครับ

โดยคุณ duamcool เมื่อวันที่ 18/04/2008 12:24:09


ความคิดเห็นที่ 5


วันนี้ ท่านกบ มา ดุ จัง....

ผมว่าน่าจะเป็นพวกซาก O-1 ที่เหลือแต่โครง กับ ซาก UH-1 ที่เหลือแต่โครง หรือสนิมเกรอะกรัง มากกว่าครับ...พวกที่สามารถเป็นอะไหล่ได้ คงน่าจะนำเอาออกมาแล้ว และลำใดที่มีสภาพสมบูรณ์เพียงพอจะสามารถตั้งโชว์ได้  คงไม่น่าจะเอาไปทิ้งครับ...พวกซาก บ. ที่เก็บเอาไว้ในปัจจุบัน และไม่มีงบประมาณสามารถดูแลรักษาได้ ถ้าปล่อยให้สนิมขึ้นและสูญสลายไปตามธรรมชาติบนบก ก็ไม่น่าจะต่างอะไรกับนำไปทิ้งเป็นปะการังในทะเลครับ...

หรืออาจจะเป็นว่า เอาไปช่วยประเทศเพื่อนบ้านแล้ว แต่ไม่สามารถตัดบัญชีออกจากสารบบได้ เพราะไม่สามารถประกาศให้ชาวโลกรู้ได้ เลยต้องตัดบัญชีแบบ กรุ้มกริ่ม น่ะครับ...กั๊ก กั๊ก กั๊ก กั๊ก

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 18/04/2008 20:29:10


ความคิดเห็นที่ 6


น่าจะหมายถึง โครงการ ฝูงบินปะการังเพื่อทะเล

อยากให้ลองอ่านรายละเอียดของโครงการนี้ก่อนครับ ผมอ่านดูแล้วก็เห็นว่า ทอ เอง ไม่ได้มักง่าย หรือคิดอะไรง่ายๆ และเครื่องบินที่ใช้ทำปะการังเทียมนั้น มีแต่เพียงโครงลำตัวเท่านั้นและใช้แค่เพียง 2 รุ่น จำนวน 10 ลำเท่านั้นครับ ไม่ว่าจะเป็น C-47 และ S-58T  มาคิดๆดูแล้ว ให้เค้าไปอยู่ใต้ทะเล มีปะการังเกาะ แล้วมีคนไปดำน้ำดูเค้า ยังจะดีกว่า

จอดนิ่งเก่าทรุดโทรม น้ำมันเครื่องซึมลงพื้น ไร้คนมาเยี่ยมชมแน่นอนครับ

ยังไงลองอ่านจากข่าวประกาศที่ผม นำมาจากเว็บ ทอ. ดูก่อนแล้วค่อยพิจารณาครับ ว่าเห็นควรไม่ควรอย่างไรกับโครงการนี้....

 

 


กองทัพอากาศร่วมเป็นเจ้าภาพในโครงการ ฝูงบินปะการังเพื่อทะเล

กองทัพอากาศร่วมเป็นเจ้าภาพในโครงการ ฝูงบินปะการังเพื่อทะเล ที่จะเป็นประโยชน์ต่อความอุดมสมบูรณ์ ของทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเล และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ของประเทศไทย

การดำเนินการในส่วนของกองทัพอากาศ นั้น ได้รับผิดชอบเกี่ยวกับ จัดเตรียมอากาศยานที่ปลดประจำการแล้ว จำนวน ๑๐ เครื่อง ได้แก่ เครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๒ (C – 47) ซึ่งเราคุ้นเคยในชื่อของ “ดาโกต้า” (DAKOTA) จำนวน ๔ เครื่อง และ เฮลิคอปเตอร์แบบที่ ๔ ก หรือ เอส ๕๘ ที (S – 58 T) จำนวน ๖ เครื่อง ซึ่งอากาศยานทั้ง ๑๐ เครื่องนี้ จะถูกจัดวางในพื้นที่ที่กำหนด บริเวณอ่าวบางเทา ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ชึ่งเป็นพื้นที่ทรายโล่ง ห่างจากชายฝั่งประมาณ ๑ กิโลเมตร มีระดับน้ำลึกประมาณ ๑๕ – ๒๐ เมตร สำหรับประวัติความเป็นมาของอากาศยานทั้งสองแบบ รวมทั้งการดำเนินการในส่วนเกี่ยวข้องของกองทัพอากาศ มีสาระสำคัญที่ผมขอเรียนเป็นข้อมูลแก่พี่น้องสื่อมวลชน ดังนี้

เครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๒ หรือ ดาโกต้า
เป็นเครื่องบินลำเลียงขนาดกลาง ที่เข้าประจำการในกองทัพอากาศ ตามโครงการช่วยเหลือทางทหาร จากประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๐ มีจำนวนทั้งสิ้น ๕๕ เครื่อง โดยกองทัพอากาศ ได้กำหนดให้เครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๒ มีภารกิจเกี่ยวกับ การลำเลียง และส่งกลับ รวมทั้งการลาดตระเวนถ่ายภาพทางอากาศ นับได้ว่าเป็นเครื่องบินที่ใช้งานนานที่สุดของกองทัพอากาศ ถึง ๔๔ ปี ระหว่างประจำการได้สร้างวีรกรรม และชื่อเสียงให้กับกองทัพอากาศอย่างมากมาย เช่น การเข้าร่วมกับสหประชาชาติ เพื่อปฏิบัติการในสงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม, ได้ดัดแปลงมาใช้ในการบินปฏิบัติการทำฝนหลวง ตามโครงการพระราชดำริ และเกียรติประวัติสูงสุดสำหรับเครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๒ นี้ คือ เป็นเครื่องบินลำเลียงแบบแรก ที่กองทัพอากาศจัดถวายเป็นเครื่องบินพระที่นั่ง

เครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๒ ได้ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายจนปลดประจำการในปี พ.ศ.๒๕๓๔ ซึ่งภายหลังจากปลดประจำการแล้ว กองทัพอากาศยังได้นำเครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๒ จำนวน ๘ เครื่อง มาดำเนินการดัดแปลงเป็นเครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๒ ก หรือ BT – 67 โดยเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างและเปลี่ยนเครื่องยนต์ เพื่อใช้ในการปฏิบัติภารกิจทำฝนหลวงมาจนถึงทุกวันนี้

เฮลิคอปเตอร์แบบที่ ๔ ก หรือ SIKORSKY “S – 58T”
เป็นเฮลิคอปเตอร์ที่กองทัพอากาศได้ดัดแปลงมาจาก เฮลิคอปเตอร์แบบที่ ๔ โดยปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์จากเครื่องยนต์ลูกสูบ มาเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบชาฟท์จำนวนทั้งสิ้น ๒๐ เครื่อง และเข้าประจำการในกองทัพอากาศ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๒ ถึงปี พ.ศ.๒๕๔๒ โดยใช้เป็นเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงทางอากาศยุทธวิธี ปฏิบัติภารกิจขนส่งทางอากาศ, การค้นหาและช่วยชีวิต และสนับสนุนการรบ อาทิ การปราบปรามผู้ก่อการร้าย การปฏิบัติการจิตวิทยาทางอากาศ เกียรติประวัติสูงสุดนอกเหนือจากภารกิจหลักของเฮลิคอปเตอร์ตระกูลนี้ คือ เป็นเฮลิคอปเตอร์แบบแรก ที่กองทัพอากาศจัดถวายเป็นเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง

สำหรับการเตรียมการเกี่ยวกับอากาศยานทั้ง ๑๐ เครื่อง นั้น กองทัพอากาศ ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๘ โดยที่อากาศยานดังกล่าว เป็นการได้รับมาโดยความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐอเมริกา จึงได้ประสานขอไม่คืนซากเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ทั้ง ๑๐ เครื่องดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติแล้ว กองทัพอากาศจึงดำเนินการทำให้อากาศยานดังกล่าวพ้นสภาพการใช้งานทางทหาร และได้ทำความสะอาด พร้อมทั้งถอดชิ้นส่วนอุปกรณ์บางอย่าง ที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทะเล เช่น สายไฟ และสายสลิง ซึ่งพลาสติกที่ห่อหุ้มจะเปื่อยยุ่ย และทองแดงภายในจะแตกเป็นสารละลายโลหะหนัก สายและชุดไฮโดรลิก ซึ่งน้ำมันหรือจารบีภายในจะซึมออกสู่น้ำทะเลได้ ฟูกที่บุผนังหรือแผ่นยางและแผ่นไฟเบอร์ต่าง ๆ จะเปื่อยยุ่ยกลายเป็นขยะ ซึ่งอาจถูกสัตว์กินเข้าไปก่อให้เกิดอันตรายได้ อีกทั้งยังได้ถอดกระจกและประตู รวมทั้ง ลบ ขัด จุดมีคมที่จะเป็นอันตรายต่อนักดำน้ำด้วย

ส่วนการขนย้าย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศ ได้ถอดแยกชิ้นส่วนต่าง ๆ ของอากาศยาน เพื่อสะดวกสำหรับคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง โดยขบวนรถขนย้ายจะออกเดินทางจาก กองบิน ๒ จังหวัดลพบุรี ในเย็นวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๑และเมื่อเดินทางถึงจังหวัดภูเก็ต ในวันที่ ๒๐ เมษายน แล้ว เจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศจะดำเนินการประกอบอากาศยาน เพื่อให้สามารถนำเฮลิคอปเตอร์แบบที่ ๔ ก เครื่องแรก จัดวางในพื้นที่ที่กำหนด ในวันที่ ๒๔ เมษายน และเครื่องสุดท้ายจะจัดวางในวันที่ ๕ พฤษภาคม ซึ่งถือเป็นวันเปิดโครงการ “ฝูงบินปะการังเพื่อทะเล”

แม้เครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๒ และเฮลิคอปเตอร์แบบที่ ๔ ก จะได้สิ้นสุดภารกิจทางทหารไปนานแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่า เขาเหล่านั้น พร้อมแล้วสำหรับภารกิจใหม่ สำหรับประเทศชาติในการ ที่จะช่วยเหลือฟื้นฟูธรรมชาติใต้ทะเลไทย ให้สมบูรณ์ สวยงาม เป็นแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลกในอนาคตอันใกล้นี้

โดยคุณ กึ่งยิงกึ่งผ่าน เมื่อวันที่ 18/04/2008 22:35:20


ความคิดเห็นที่ 7


พี่น้องครับ........................ ถ้ามันเป็นซากเหล็กสนิมขึ้นเกรอะกรัง รูปเหล็กบูดเบี้ยว ไร้คุณค่าทางสายตา ผมเองจะไม่แหกปาก(หมา)เลยสักนิด................................ ถ้าท่านได้ชมข่าวช่อง 7  สี เมื่อคืนวาน โน่นแหน่ะ น้องแหม่ม(ยาสตรีนิสิงเห) มาร่วมเป็นพรีเซนเตอร์อีกด้วย......................ภาพที่บาดตาผมที่สุดคือ ฮ. 4 ก. 1 ลำ และ ฮ. 4(เฉยๆ) อีก 2 ลำ สภาพนั้นงดงามสมบูรณ์ เกิน 100 จนคิดว่าถ้าจอดอยู่บนบก มันยังเป็นเครื่องบินประจำการด้วยซ้ำ.........................ไอ้ผมเกิดเติบโตอยู่บ้านนอก     จะได้เห็นเครื่องบินเรือรบแต่ละทีมันยากเย็ยแสนเข็น อย่าว่าแต่ตัวจริงเป็นๆเลย ไอ้ที่เป็นซากนั่นก็ยากเต็มที......................ผุโถ่ผุถังพ่อ  ถ้าหากหาที่ตั้งวางไม่ได้จริง โน่น สวนสนุกเด็กเล่นมีอีกเป็นร้อย  ไปโน่น ทุ่งนาโคกอีโด่ย โคกอีหอยที่มันอยู่กลางทุ่งกุลาโน่น บักหำ บักดำ บักเคน ถนนดำมันยังไม่เคยเห็น มันยังแก้ผ้าวิ่งเล่นไม้อีเดาะอยู่กลางทุ่งโน่น....................มันได้เห็นซากเครื่องบินของพ่อมั่ง คงได้เป็นบุญตา..........................ถ่อ ว้อย...........................
โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 19/04/2008 02:14:50


ความคิดเห็นที่ 8


อ่า เดี๋ยวก่อนนะครับ...................จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจ ทะเลาะกับใครนะครับ....อันนี้ ขอระบายความในใจ........ด่าเช็ด เจ้าของโปรเจ็คขนเครื่องบินเทลงน้ำเท่านั้นเอง       ............. พี่น้องเรา ชาวกระทู้ โปรดเข้าใจเจตนารมณ์นะครับ ด้วยความเคารพ

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 19/04/2008 02:32:30


ความคิดเห็นที่ 9


ลุงกบค๊าหนองคายฮ้อนเบาะค่ะ emo

 

 

โดยคุณ marineen เมื่อวันที่ 19/04/2008 02:48:12


ความคิดเห็นที่ 10


ผมค่อนข้างจะไม่เห็นด้วยกับทอ.ในเรื่องนี้เหมือนกันนะครับ เพราะผมคิดว่า จริงๆการที่มีซากเครื่องบิน ซากเรือ ซากรถ(ไฟ) อยู่ใต้ทะเลเนี่ย มันน่าจะมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่เหมาะสม ไม่ใช่ว่ามีอะไรก็ขนไปถมทำปะการัง โอเค มันก็มีประโยชน์ก็คือเป็นแหล่งหากินของปลา แต่เมื่อเวลาผ่านไปล่ะ  เมื่อพวกท่านๆคุณๆผมๆ ตายไปล่ะ แล้วลูกของลูกของลูกพวกเรามาดำน้ำดูปะการังกัน แล้วเค้าจะรู้ไหมล่ะว่า เครื่องบิน เรือ รถ ของบรรพบุรุษแสนดี มาทำอะไรกันตรงนี้ อะไรที่มันทำไปโดยไม่มีประวัติศาสตร์รองรับ มานก็เหมือนสร้างขยะให้ท้องทะเลล่ะครับ

ผมยังไม่เคยเห็นฮ.4ใกล้ๆเลย ฮือๆๆ

โดยคุณ Tawporn เมื่อวันที่ 19/04/2008 05:29:58


ความคิดเห็นที่ 11


ประเด็นนี้ ขอร่วมระบายกับท่านกบด้วยคน

ขอร่วมวงขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ครับ

ถ้าพิจารณาในแง่ที่ว่ามีเครื่องเหลือใช้อยู่เยอะจนไม่มีที่เก็บที่เหมาะสม

และ ทอ. อยากจะสร้างบ้านให้ปลาจริงๆ

ผมว่าเราเอาโครงสร้างของอากาศยาน  ที่ส่วนใหญ่ก็เป็นอลูมิเนียมอัลลอย มาแยกส่วน ชั่งกิโลขายดีกว่ามั้ยครับ

หรือไม่ก็เปิดประมูลให้เอกชน หรือประชาชนทั่วไปที่อยากได้ซากไปประดับที่บ้าน ร้าน สนามก็อฟ น่าจะมีผู้เข้าร่วมประมูลมากโข  ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ

 

ได้เงินจากที่ว่ามาแล้ว เอาไปทำประการังคอนกรีตแบบที่กองทัพเรือเคยทำไว้  น่าจะได้ประมาณมากกว่าการเอาเครื่องบินไม่กี่เครื่องไปทำประการังเทียม   

บอกตามตรงครับว่าเสียดายมากๆ

 

ถ้าเป็นอย่างโบกี้รถไฟของการรถไฟ ก็ว่าไปอย่างหนอ

 

โดยคุณ นายฮ้อยทมิฬ เมื่อวันที่ 19/04/2008 11:08:12


ความคิดเห็นที่ 12


ช่างกิโลขายยิ่งแย่หนักเข้าไปใหญ่ครับ ยิ่งไร้ประโยชน์เข้าไปใหญ่

ผมขอออกตัวก่อนครับว่าผมเห็นด้วย เอาไปสร้างปักการังเทียม นอกจากจะได้เป็นที่อยู่ในปักการังแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวแหล่งอีกด้วย เหมือนที่หลาย ๆ ประเทศทำกันครับ สร้างรายได้ให้เยอะครับ

โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 19/04/2008 14:05:44


ความคิดเห็นที่ 13


คิดในแง่ดีไว้ครับ บนบกมีจอดโชว์ไว้แล้ว ให้นักท่องเที่ยวเดินมาเที่ยวชม

แต่เดินดูมันแค่ธรรมดาไป ถ้าเราดำน้ำแล้ว เราได้ดูปะการังด้วย แล้วได้ดูซากเครื่องบินต่าง ๆ มันก็ดีนะ ไม่ร้อนด้วย ได้ดูปลาอีก

โดยคุณ ทอแสง เมื่อวันที่ 20/04/2008 02:26:16


ความคิดเห็นที่ 14


ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับจขกท.ในแง่ที่ควรเอาเครื่องบินเก่าๆเข้าพิพิธภัณฑ์ดีกว่าเอาไปไว้ใต้ทะเลทำปะการังครับ

ส่วนเรื่องประโยชน์ที่ได้จากการเอาไปทำปะการังนี่ก็น่าคิดนาครับ สรุปก็คือสองจิตสองใจ 555

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 20/04/2008 04:49:45


ความคิดเห็นที่ 15


โดยส่วนตัวแล้วนั้น ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่า ไอ้เคร่องบินที่ ทอ.เค้าเอาลงไปทำปะการังเนี่ย แต่ละประเภทมีกี่เครื่อง มีซ้ำกันไหม หรือแต่ละประเภทเหลืออยู่กี่ลำกันแน่ แต่ถ้าเอาทุกลำโละลงทะเลไปหมดล่ะก็ อันนี้ไม่เห็นด้วยแน่ๆค่ะ ส่วนตัวแล้วคิดว่าน่านะเก็บไว้ให้รุ่นหลังดูว่าเครื่องบินประเภทนี้เป็นอย่างนี้นะ น่าตามันอย่างนี้ เรายังมีหลงให้ดูอยู่ สมมุติว่าดาโคต้ามี3ลำ ก็น่าเหลือไว้ให้ดูบ้างสักลำก็ยังดี ไม่ใช่ไม่เหลือเก็บไว้บ้างเลยประมานนี้ ถ้า ทอ.ทำอย่างนั้นก็ไม่เห็นด้วยอย่างแรง

 

โดยคุณ o manchester เมื่อวันที่ 20/04/2008 09:52:12


ความคิดเห็นที่ 16


สำหรับผม เห็นด้วยครับ ถ้าจะเอาไปชั่งกิโลขายมันก็ไร้ค่าหนักกว่าเดิมอย่างที่ คุณ Skyman บอกเเหละครับ เเล้วถ้าเอาไปจอดให้คนชมหรือเอาไว้ให้เด็กเล่น นานๆไปมันก็ถูกลืมเเละกลายเป็นของไร้ค่าไปในอนาคต นึกเเล้วเอาไปทำปะการังเทียม ยังมีค่ากว่า เป็นที่จดจำตลอดกาลเเถมยังช่วยคืนสมดุลให้กับธรรมชาติเเล้วคิดดู นะครับถ้าธรรมชาติเสียสมดุลเราจะอยู่กันได้อย่างไรละครับ....คิดดีๆนะครับ.... ถือได้ว่าอากาศยานเหล่านี้ได้ทำหน้าที่รับใช้ชาติจนถึง วาระสุดท้ายจริงๆครับ ถือได้ว่าทำหน้าที่ได้สมเกียรติ ( เขียนถูกปะเนี่ย ) ที่สุดเเล้วครับ ไปจอดให้เด็กเล่น ไปให้คนดูเฉยๆ ลำอื่นๆก็มีมากเเล้วครับ

ปล.เห็นด้วยครับ เพราะ เค้าได้ทำหน้าที่ได้สมกับความเป็นชายชาติทหารได้ดีที่สุดเเล้วเเหละครับ

โดยคุณ poom1.1 เมื่อวันที่ 20/04/2008 10:04:48


ความคิดเห็นที่ 17


สำหรับผม เห็นด้วยครับ ถ้าจะเอาไปชั่งกิโลขายมันก็ไร้ค่าหนักกว่าเดิมอย่างที่ คุณ Skyman บอกเเหละครับ เเล้วถ้าเอาไปจอดให้คนชมหรือเอาไว้ให้เด็กเล่น นานๆไปมันก็ถูกลืมเเละกลายเป็นของไร้ค่าไปในอนาคต นึกเเล้วเอาไปทำปะการังเทียม ยังมีค่ากว่า เป็นที่จดจำตลอดกาลเเถมยังช่วยคืนสมดุลให้กับธรรมชาติเเล้วคิดดู นะครับถ้าธรรมชาติเสียสมดุลเราจะอยู่กันได้อย่างไรละครับ....คิดดีๆนะครับ.... ถือได้ว่าอากาศยานเหล่านี้ได้ทำหน้าที่รับใช้ชาติจนถึง วาระสุดท้ายจริงๆครับ ถือได้ว่าทำหน้าที่ได้สมเกียรติ ( เขียนถูกปะเนี่ย ) ที่สุดเเล้วครับ ไปจอดให้เด็กเล่น ไปให้คนดูเฉยๆ ลำอื่นๆก็มีมากเเล้วครับ

ปล.เห็นด้วยครับ เพราะ เค้าได้ทำหน้าที่ได้สมกับความเป็นชายชาติทหารได้ดีที่สุดเเล้วเเหละครับ

โดยคุณ poom1.1 เมื่อวันที่ 20/04/2008 10:05:58


ความคิดเห็นที่ 18


กดครั้งเดียวส่งสองรอบอีกเเละ....
โดยคุณ poom1.1 เมื่อวันที่ 20/04/2008 10:06:34


ความคิดเห็นที่ 19


นี่ไง   http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000046082
โดยคุณ log เมื่อวันที่ 20/04/2008 11:30:02


ความคิดเห็นที่ 20


ผมไม่เห็นด้วยกับโครงการที่ดูแล้วเป็นการลงทุนที่ได้ไม่คุ้มค่า   จากข้อมูลเบื้องต้นเครื่องบินทั้งสองแบบที่เรามีก็ไม่ได้มีมากมายเกลื่อนกลาด   อย่างประเทศมหาอำนาจเค้า   ที่เรามีมีอยู่แค่หลักสิบ  ผมว่ายังมีเด็กไทยอีกหลายสิบล้านคนที่เกิดมาได้เคยเห็นแม้กระทั่งเครื่องบินดีดีอย่าว่าแต่ซากเลย    ผมหละคนนึงอยู่บ้านนอกคอกนาได้เห็นแค่บินอยู่บนฟ้าลิบๆโน้นก็วิ่งตามกันเป็นพรวนแล้ว    เข้าใจว่าท่านผู้ใหญ่ผู้คูรถ้วยทั้งหลายคงเกิดมาจากตระกูลดีมีฐานะ   พร้อมสรรพทุกอย่างอยากเห็นอยากได้อะไรก็ได้ดั่งฟันคงจะจิตนาการไม่ออกเป็นแน่  จริงอยู่ว่าเรามี10   ทิ้งไปซะ9   มันก็ยังเหลืออยู่เป็นศรีแก่ชาติอีกตั้ง1   แต่เชื่อเหอะว่าไอ้1 ที่เหลื่ออยู่เค้าก็คงเอาตั้งไว้ที่เมืองฟ้าอมรเป็นแน่    ส่วนบักหำแหล่  ไอ้ไข่นุ้ย  หรือ ละอ่อนต่างๆอีก75จังหวัดคงไม่มีโอกาสได้เห็นแม้แต่เงา    ทำไมไม่เอาแบ่งไปไว้ตามจังหวัดต่างๆหรือหัวเมืองใหญ่ถ้าเรามีไม่ครบกันทุกจังหวัด จะทำเป็นพิพิธภัณฑ์ หรือหากไม่มีงบประมาณก็เอาไปวางทิ้งไว้ที่สนามเด็กเล่นของโรงเรียนประจำจังหวัดก็ได้   ถือว่าสงสารไอ้เด็กๆบ้านป่ากันบ้าง   พวกเค้าเหล่านี้มีโอกาสไม่ดีเท่าเด็กๆเมืองฟ้าอรม  ก็ขอให้เข้าได้มีโอกาสเห็น โอกาสสัมผัสกันบ้าง  เค้าคงไม่มีปัญญาไปดำน้ำดูปากการังเป็นแน่     ผมว่ากองทัพฟ้าคงอยากได้หน้า   ลองเอาสมบัติล้ำค่าของชาติไปทิ้งทะเลดูดีกว่า   เครืองบิน10ลำมันจะเป็นแนวประการังได้ซักกี่มากน้อย   ถ้าจะว่ากันไปจริงๆผมว่า  ประมูลซากเครื่องทั้ง10เครื่อง   แล้วเอาเงินที่ได้ไปซื้อท่อซิเมนต์คงจะได้ปริมาณแนวปาการังมหาศาลเป็นแน่น    วอนเถอะครับอย่าให้เหมือนกับเรือส.ที่เราเคยมีแต่ไม่เคยเห็นกันเลย(ขายเป็นเศษเหล็กกันหมด....คงอิ่มกันพุงกางหละงานนั้น) 
โดยคุณ Oak_model เมื่อวันที่ 22/04/2008 20:58:28


ความคิดเห็นที่ 21


โดยคุณ นายหน้าค้าอาวุธ เมื่อวันที่ 23/04/2008 03:24:35