หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ลับระทึก! ปรมาณูสหรัฐฯถล่มเวียดนาม-ลาว

โดยคุณ : Darksquadron เมื่อวันที่ : 19/04/2008 11:24:46

ลับระทึก! ปรมาณูสหรัฐฯถล่มเวียดนาม-ลาว
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 เมษายน 2551 20:02 น.
-B-47B ซึ่งเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ฝูงแรกลำนี้ในสภาพบรรทุกเต็มพิกัดกำลังทะยานขึ้นจากฐานทัพแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ โดยมีจรวดขับดันช่วย เครื่องบินชนิดนี้ถูกเลือกเป็นพาหนะนำระเบิดอะตอมไปถล่มเวียดนามและลาว โชคดีในยุคนั้นที่ยังมีคนยั้งคิด
       
ผู้จัดการออนไลน์-- เอกสารลับของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้เผยให้เห็นว่าสหรัฐฯ มีแผนที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ถล่มเวียดนามถึง 2 หนคือ ในปี 2502 และ 2511 กับลาวในปี 2504 เพื่อที่จะทำลายล้างกองกำลังคอมมิวนิสต์ให้สิ้นซาก
       
       ในปี 1959 ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.โทมัส ดี ไวท์ (Thomas D White) ได้เลือกพื้นที่เป้าหมายหลายๆ แห่งทางตอนเหนือของเวียดนาม เพื่อทำลายกลุ่มต่อต้านและเส้นทางลำเลียงต่างๆ ทั้งโจมตีด้วยกำลังภาคพื้นดินและการทิ้งระเบิด แต่ความประสงค์ดังกล่าวได้ถูกคัดค้านและระงับจากบรรดานายทหารระดับสูงบุคคลอื่นๆ
       
       เอกสารลับที่ถูกเปิดเผยระบุว่า พล.อ.ไวท์ได้ร้องขอต่อประธานเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐฯ เพื่อส่งฝูงบินยุทธศาสตร์ B-47 (Strategic Air Command) จากสหรัฐฯ ไปยังฐานทัพทางอากาศคลาร์คในฟิลิปปินส์ เพื่อเตรียมการโจมตีเวียดนาม

พล.อ.โทมัส ดี ไวท์ เจ้าของความคิดใช้นิวเคลียร์เผด็จศึกเวียดนาม
       การตัดสินใจโจมตีด้วยการทิ้งระเบิดของพลเอกไวท์นี้อาจจะได้รับแรงจูงใจมาจาก การศึกษาในหัวข้อ “การใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อยุติสงครามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
       
       การศึกษาดังกล่าวมุ่งไปที่การใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อการควบคุมสถานการณ์ที่มีพื้นที่เป็นลักษณะของป่า หุบเขา เส้นทางลำเลียง และภูเขาต่างๆ เพื่อเป็นการสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของศัตรู ซึ่งลักษณะดังกล่าวคือพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือของเวียดนามและลาว
       
       ถึงแม้เอกสาร พล.อ.ไวท์จะระบุให้มีการเตือนเวียดนามล่วงหน้าก่อนการโจมตี นายทหารระดับนำคนอื่นๆ ได้นำขึ้นพิจารณาทั้งนี้เนื่องจากว่ามีการใช้อาวุธนิวเคลียร์รวมอยู่ด้วย อีก 7 เดือนต่อมาข้อเสนอดังกล่าวก็ถูกถอนออกไป เอกสารดังกล่าวระบุ
       
       เอกสารจำนวน 400 หน้านี้มีชื่อว่า “กองทัพอากาศสหรัฐฯ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: สงครามในลาวตอนเหนือ 2497-2516” เขียนขึ้นในปี 2536 โดย ศูนย์ประวัติศาสตร์กองทัพอากาศสหรัฐฯ ในวอชิงตัน
       
       ทั้งหมดถูกนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณะวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยศูนย์เก็บเอกสาราเพื่อความมั่นคงในกรุงวอชิงตัน ภายหลังจากที่ได้มีการฟ้องร้องโดยใช้กฎหมายว่าด้วยสิทธิเสรีภาพในข่าวสาร (Freedom of Information Act) ฟ้องร้องเพิ่มมากขึ้น
       
       เอกสารดังกล่าวยังได้รวบรวมแผนลับต่างๆ อีกมากมายในช่วงสงครามซึ่งสถานที่เก็บและรวบรวมข้อมูลที่สำคัญนี้คือสถาบันวิจัยอิสระไม่สังกัดรัฐบาล ที่มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน (George Washington University)

ดูจากเหตุการณ์ที่เมืองฮิโรชิมากับนางาซากิแล้ว คงจะพอนึกภาพออกว่า ถ้าหากเกิดมีดอกเห็นยักษ์พวยพุ่งขึ้นในคาบสมุทรอินโดจีนยุคโน้น เวียดนามและลาวในปัจจุบันจะมีรูปโฉมเป็นเช่นไร
       ในสงครามดังกล่าวฝ่ายคอมมิวนิสต์เวียดนามได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต โดยในช่วงระหว่างเดือน ธ.ค.2503 กับเดือน ม.ค. 2504 โซเวียตได้จัดส่งอาหาร เชื้อเพลิง รวมทั้งยุทโธปกรณ์ทางทหารต่างๆ ให้แก่กองกำลังในลาวโดยผ่านเวียดนาม
       
       ในเดือน มี.ค. 2504 คณะเสนาธิการร่วมฯ ได้รับแผนการที่เสนอเพิ่มกำลังทหารขึ้นเป็น 60,000 คน พร้อมการโจมตีทางอากาศสนับสนุนอย่างครบถ้วน ซึ่งรวมทั้งการใช้อาวุธนิวเคลียร์ด้วย
       
       การใช้อาวุธนิวเคลียร์โดยฝ่ายทหารนั้นเป็นมรดกสืบเนื่องมาจากสงครามเกาหลี สำหรับบรรดาผู้นำทางทหาร เป็นเรื่องที่ไม่สมควรที่จะคิดอีกต่อไปสำหรับการทำสงครามรูปแบบที่บั่นทอนความแข็งแกร่ง เอกสารระบุ
       
       ในปี 2511 ก่อนเทศกาลตรุษ (Tet) กองกำลังคอมมิวนิสต์เวียดนามและเหล่าพันธมิตรเวียดกงทางตอนใต้ได้ร่วมมือกันโจมตีกองกำลังสหรัฐในภาคกลางของประเทศ ซึ่งซึ่งแบ่งเวียดนามออกเป็นเหนือและใต้
       
       ในปลายเดือน ม.ค.ปีนั้น พล.อ.วิลเลียม เวสมอร์แลนด์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบ ได้ออกคำเตือนว่าหากสถานการณ์ย่ำแย่ลงอย่างมาก ก็อาจจะมีความจำเป็นในการใช้ระเบิดนิวเคลียร์

ระเบิดนิวเคลียร์หลากหลายขนาดมีให้เลือกใช้ในยุคนั้น เอกสารลับบอกว่าแม่ทัพฟ้าสหรัฐฯ เสนอให้ใช้ขนาดอานุภาพต่ำเพื่อลดการสูญเสียของฐานทัพสหรัฐฯ ที่อยู่ใกล้เคียง
       วาทะของ พล.อ.เวสมอร์แลนด์นี้ ได้ทำให้ ผบ.ทอ. พล.อ.จอห์น พี แม็คคอนแนล ผลักดันต่อไป เพื่อให้คณะเสนาธิการร่วมสั่งกองกำลังแปซิฟิกเตรียมความพร้อมแผนการที่จะใช้ระเบิดนิวเคลียร์ที่มีอานุภาพต่ำเพื่อลดการสูญเสียต่อฐานทัพนาวิกโยธินสหรัฐฯ แต่ก็ไม่สำเร็จ เอกสารลับระบุ
       
       มีการทิ้งระเบิดอย่างมากทั้งใน เวียดนาม ลาว และกัมพูชา รวมทั้งการใช้ระเบิดนาปาล์มด้วย แต่ก็ไม่มีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์แต่อย่างใด แม้จะมีความพยายามถึง 3 ครั้ง ในสงครามที่สหรัฐฯประสบความล้มเหลวและทำให้ฝ่ายคอมมิวนิสต์ได้ขึ้นสู่อำนาจในทั้ง 3 ประเทศในปี 2518
       
       จากสถานการณ์ดังกล่าว ผู้เขียนได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการโจมตีเวียดนามและลาว เนื่องจากไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าจะมีเป้าหมายที่เหมาะที่ควรสำหรับอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่

พล.อ.วิลเลียม เวสต์มอร์แลนด์ ผบ.กองทัพสหรัฐฯ ในเวียดนาม เป็นอีกคนหนึ่งที่ผลักดดันอย่างแข็งขันในยุคต่อมา แต่ไม่สำเร็จ
       นอกจากนั้นการโจมตียังจะเป็นเสมือนการโฆษณาชัยชนะครั้งใหญ่ให้แก่ฝ่ายคอมมิวนิสต์เวียดนาม รวมทั้งอาจจะทำให้สงครามแผ่ขยายไปถึงจีนซึ่งให้การสนับสนุนกองกำลังในเวียดนามเพื่อต่อต้านสหรัฐฯ
       
       นอกจากนั้นสหรัฐฯ อาจจะถูกต่อต้านจากประเทศต่างๆ ในแปซิฟิกตะวันตก ซึ่งรวมทั้งฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และหมู่เกาะใกล้เคียง ที่สหรัฐฯ ใช้เป็นที่ตั้งฐานทัพในช่วงสงครามเวียดนาม.




ความคิดเห็นที่ 1


ว่าจะมา Post พอดี ....

 

ขอบคุณครับ

โดยคุณ Ronin เมื่อวันที่ 16/04/2008 13:33:22


ความคิดเห็นที่ 2


.....
โดยคุณ marineen เมื่อวันที่ 16/04/2008 20:03:29


ความคิดเห็นที่ 3


น่าจะเอาไปลงที่เขมรแทน......รู้สึกพักหลังจะทิ่มเราบ่อยเหลือเกิน

 

โดยคุณ กึ่งยิงกึ่งผ่าน เมื่อวันที่ 16/04/2008 23:20:22


ความคิดเห็นที่ 4


แค่ที่ได้ทำไว้ที่ฮิโรชิม่ากับนางาซากิพี่แกก็ยังไม่พอใจอีกเหรอ เฮ้อ....

ถ้าตอนนั้นทำอย่างนั้นจริงระวังจรวดโซเวียตไปตกแบบไม่ค่อยรุนแรง บ้างนะครับ 5555

 

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 17/04/2008 03:59:17


ความคิดเห็นที่ 5


ปี ๒๕๐๒ ตอนนั้นน่าจะเป็นช่วงที่ลาวมีปฏิวัติโดยร้อยเอกกองแล
SEATO ส่งกำลังเข้ามาในไทย จำไม่ได้ว่าหน่วยบินออสเตรเลียประจำที่ไหน
แต่ RAF ประจำการที่เชียงใหม่ มีบ. Hunter, canberra และ Swift
เคยเจอในเว็บพูดถึงการวางแผนการใช้ ระเบิดปรมาณูโดยอังกฤษ หากจีนบุกลงมาเหมือนกับที่เกาหลี
โดยคุณ Oldtimer เมื่อวันที่ 17/04/2008 05:41:35


ความคิดเห็นที่ 6


ทดสอบ
โดยคุณ 147 เมื่อวันที่ 19/04/2008 00:24:46