พึ่งเคลียร์เกมส์สไนเปอร์อีลีท(Sniper Elite) ทำให้ช่วงนี้บ้าสไนเปอร์ขึ้นมาครับ ประกอบกับเว็บยังไม่ดีเหมือนเดิม ก็เลยขอโพสเรื่องเกี่ยวกับพลซุ่มยิงที่เก่งกาจคนนี้ ที่พึ่งทำเสร็จตะกี้นี้ครับ เชิญรับชม
ไซโม ฮายาซ สไนเปอร์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก
Simo Hayha the worlds Greatest Sniper
ไซโม ฮายาซระหว่างสงครามฤดูหนาว
ชีวิตในช่วงแรกและระหว่างสงคราม
Tips: หลังจากกดหัวข้อแล้วต้องการกลับมาที่รายชื่อเรื่องนี้อีกให้กดปุ่มBackspace
ไซโม ฮายาซ (17 ธันวาคม 1905-1 เมษายน 2002) ได้รับฉายาจากกองทัพโซเวียตว่า White Death=ไวท์ เดธ) เรียกเป็นภาษาไทยได้อย่างเท่ๆว่า ความตายสีขาว (ในภาษารัสเซียเรียกว่า Belaya Smert=เบลาย่า สเมิร์ท,ภาษาฟินแลนด์เรียกว่า Valkoinen kuolema=วาลคอยเน็น คูโอเลม่า) เขาเป็นทหารฟินแลนด์ที่ในปัจจุบันยังถกเถียงกันว่าเขาคือพลซุ่มยิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ใช่หรือไม่?
ชีวิตในช่วงแรกและระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง(Early life, World War II service)
ฮายาซกับชุดพรางสีขาวที่ทำให้กลมกลืนกับภูมิประเทศที่มีแต่หิมะเป็นอย่างมาก
ฮายาซเกิดในเขตเทศบาลเลาซ์จาไว(municipality of Rautjarvi) ซึ่งปัจจุบันเป็นชายแดนของรัสเซียไปแล้ว เขาได้เข้าเป็นทหารในกองทัพเมื่อปี 1925 โดยก่อนหน้านี้เขามีอาชีพเป็นชาวนาหรือเกษตรกร เมื่อสงครามฤดูหนาว(Winter War) ซึ่งเกิดขึ้นจากรัสเซียได้ทำการรุกรานฟินแลนด์ตั้งแต่ปี1939-1940 เริ่มขึ้น เขาก็ได้รับหน้าที่ให้เป็นพลซุ่มยิงเพื่อสังหารทหารกองทัพแดง ในภูมิประเทศที่มีอุณหภูมิหนาวตั้งแต่ -20 ถึง-40องศาเซลเซียล (วัดเป็นองศาฟาเรนไฮต์ก็จะอยู่ที่ระหว่าง -4ถึง-40องศา) โดยฮายาซใส่ชุดพรางหิมะสีขาว เขามียอดสังหารทหารโซเวียตที่ได้รับการยืนยันถึง 542ศพ!
ปืนยาวโมซินนากังค์ เอ็ม28 เมคอินฟินแลนด์กระบอกนี้แหละครับที่เป็นอาวุธซุ่มยิงของฮายาซ(คลิกที่ภาพเพื่อดูปืนแบบชัดๆ)
สุนัขพันธุ์สปิทส์ช่างน่ารักน่าชัง
(ไม่สมที่เรียกเป็นชื่อปืนเล้ย)
นอกจากเขาจะใช้ปืนยาวในการซุ่มยิงศัตรูแล้ว ฮายาซยังใช้ปืนกลมือซูโอมิ เอ็ม31อันโด่งดังของฟินแลนด์ยิงสังหารทหารรัสเซียไปเป็นจำนวนมากถึงสองร้อยกว่าศพ! ทำให้ยอดสังหารข้าศึกของเขาเพิ่มเป็นถึง 705ศพ!(ยิ่งเทพเข้าไปใหญ่คนรึเปล่าเนี่ย?) หลังจากทำหน้าที่ในสนามรบมาเป็นเวลากว่า100วัน เขาก็ถูกกระสุนปืนใส่บาดเจ็บ จนได้เฉลี่ยแล้วในวันๆหนึ่งเขาจะสังหารศัตรูไป 5ศพ ส่วนใหญ่ฮายาซจะซุ่มยิงตอนกลางวันในฤดูหนาวแทบจะทุกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกกว่าพลซุ่มยิงคนอื่นๆของโลก
อาวุธคู่กายของฮายาซบนคือปืนกลซูโอมิเพชรฆาต 200ศพ
ล่างคือปืนยาวเอ็ม28เพชรฆาต 542ศพ
กระสุนปืนใหญ่แบบชนัปเน็ลสังเกตลูกเหล็กกลมเล็กๆในกระสุน
พอถึงวันที่ 6 มีนาคม ปี1940 ฮายาซก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บอีกคราวนี้โดนยิงที่ขากรรไกร(jaw=จอ ถ้าคิดไม่ออกว่าตรงไหนก็ให้คิดถึงหนังเรื่องจอ 4ไว้นะครับ) ระหว่างการต่อสู้ในระยะใกล้(close combat) กระสุนพุ่งเข้าไปในหัวด้านซ้ายของเขา ฮายาซถูกหามออกจากสนามรบโดยทหารที่หามเขากล่าวว่า หัวของเขาหายไปครึ่งหนึ่ง ฮายาซกลับมาได้สติเอาอีกทีก็วันที่ 13 มีนาคม(หมดสติไปตั้ง 7วันเชียวนะเนี่ย) ซึ่งพอเขาตื่นมาก็เป็นวันที่ฟินแลนด์กับรัสเซียได้ประกาศสงบศึกกันพอดี หลังจากสงครามสิ้นสุดได้ไม่นานเขาก็ได้รับการเลื่อนยศจากสิบโท(corporal) เป็นร้อยตรีขั้นสอง(second lieutenant)
ท่านจอมพลแมนเนอร์ไฮม์ยอดขุนศึกของฟินแลนด์
(ชุดนี้ตอนร่วมรบกับเยอรมันแล้ว)
หลายท่านคงจะคิดว่าอะไรมันจะเลื่อนยศแบบก้าวกระโดดขนาดนั้นเนอะ ผมว่าสงสัยน่าเป็นเพราะผลงานที่เทพสุดๆของเขาชัวร์ๆ โดยฮายาซได้รับยศนี้ จากจอมพล คาร์ล กุฟตาฟ อีมิล แมนเนอร์ไฮม่(Field Marshal Carl Gustaf Emil Mannerheim) จอมพลผู้โด่งดังของฟินแลนด์ผู้บัญชาการป้องกันประเทศ และชื่อของเขาก็ถูกตั้งชื่อเป็นแนวป้องกันประเทศนั้นคือแนวแมนเนอร์ไฮม์นั้นเอง (Mannerheim Line=แมนเนอร์ไฮม์ ไลน์) ทำให้ฮายาซนับเป็นทหารคนแรกของกองทัพฟินแลนด์ ที่ได้ยศแบบข้ามขั้นขนาดนี้โดยที่และไม่มีทหารคนไหนจะเสมอเหมือนได้
ฮายาซในชุดยศร้อยตรีขั้นสอง
ฮายาซใช้ชีวิตหลังสงครามในการรักษาอาการบาดเจ็บหลายครั้ง จากกระสุนของทหารโซเวียตที่เจาะขากรรไกรและเข้าไปฝังในแก้มของเขา หลังสงครามโลกครั้งที่สองสงบลงเขาก็หวนกลับไปสู่วิถีชีวิตแบบเดิม คือกลับไปจับปืนเหมือนเดิมแต่ที่แตกต่างจากแต่ก่อนก็คือเขาไม่ได้ยิงคน แต่กลายเป็นนายพรานล่ากวางมูซชั้นเยี่ยม(successful moose hunter=ซัคเสดฟูล มูซ ฮันเตอร์) ก็คนมันเคยเทพนี่หน่าทำไงได้ นอกจากนี้เขายังเป็นคนเพาะพันธ์สุนัข(dog breeder=ด็อก บรีดเดอร์)อีกด้วย
ฮายาซในวัยชราภาพ
จากการสอบถามฮายาซในปี 1998 ว่าทำยังไงถึงยิงปืนได้แม่น?(ถามอย่างกะเกรียน 555) เขาก็ตอบว่ามันอยู่ที่การปฏิบัติ(Practice) เมื่อถามว่าเขารู้สึกเสียใจไหมที่ได้เข่นฆ่าผู้คนไปเป็นจำนวนมาก?(คราวนี้ถามอย่างกับเกรียนSF) เขาก็ตอบว่าฉันคิดว่าอะไรทำให้ฉันสามารถฆ่าคนได้จำนวนมาก (I did what I was told to as well as I could.) แปลถูกไม่ถูกก็ช่วยๆบอกกันบ้างนะครับ ฮายาซใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆชื่อโรคอลาซติ(Ruokolahti) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฟินแลนด์ซึ่งถัดไปเป็นดินแดนของรัสเซียจนเสียชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านนี้นั้นเอง เป็นการปิดฉากชีวิตของเพชรฆาตผู้สังหารทหารรัสเซียไปเป็นจำนวนมากลงอย่างสงบ
สวัสดี
บรรณานุกรม
http://www.mosinnagant.net/finland/simohayha.asp
โพสจบแล้วครับ มีความเห็นอย่างไรก็แสดงกันมาบ้างได้นะครับ (เห็นเงียบทั้งปี แงๆ)
ขอบคุณมากครับคุณoldtimer นึกว่าไม่มีใครอ่านแล้วนะนี่ เดี๋ยวจะไปแก้ไขในบัลดลครับ
ก่อนอื่นขอโทษด้วยนะครับที่กระทู้ผมรูปไม่ขึ้นเลย (แต่ไม่มีใครแย้ง) เพราะผมก็อปจากเว็บที่ผมทำไว้ในคอมอะครับ
ขอโพสรูปภาพที่ไม่ขึ้นละกันครับ
ไซโม ฮายาซระหว่างสงครามฤดูหนาว
ฮายาซกับชุดพรางสีขาวที่ทำให้กลมกลืนกับภูมิประเทศที่มีแต่หิมะเป็นอย่างมาก
อาวุธคู่กายของฮายาซบนคือปืนกลซูโอมิเพชรฆาต 200ศพ
ล่างคือปืนยาวเอ็ม28เพชรฆาต 542ศพ
ฮายาซในวัยชราภาพ
สวัสดี
แหมๆผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ ขอขอบคุณท่านmonsoon เสียด้วยซ้ำครับที่มาช่วยแก้ไขข้อมูลให้ เพราะลำพังผมคำเดียวไม่มีความรู้เรื่องภาษาปะกิดพอหรอกครับ หากท่านใดพบข้อผิดพลาดในเว็บผมก็ขอให้ช่วยๆกันบอกบ้างนะครับ จะได้แก้สิ่งผิดให้เป็นสิ่งถูกไม่งั้นคนที่เค้ามาอ่านก็จะเข้าใจผิดๆกันไปเรื่อยๆ
อย่าเห็นว่าผมเป็นคนดุร้ายทารุณสิครับ อิอิ