ระบบเฝ้าตรวจชายแดนเคลื่อนที่ ( Mobile Survereillance Unit )

๑. ลักษณะความต้องการในการใช้งานทั่วไป

         เป็นระบบเฝ้าตรวจชายแดนเคลื่อนที่ที่สามารถเฝ้าตรวจ สังเกตการณ์  และค้นหา   เป้าหมายได้ในระยะไกล  ทั้งกลางวันและกลางคืน  ทุกสภาพอากาศ โดยมีชุดเฝ้าตรวจเคลื่อนที่ด้วยยานยนต์ ( Land Mobile Survereillance Unit : LMSU ) ทำหน้าที่เฝ้าตรวจด้วยอุปกรณ์ตรวจจับที่มีประสิทธิภาพสูง  ทำการบันทึกผลของการเฝ้าตรวจเก็บไว้ และสามารถส่งข้อมูลการเฝ้าตรวจไปยังจุดควบคุมและสั่งการเคลื่อนที่ ( Mobile Command Centre  : MCC )  ในรูปแบบเวลาจริง  ( Realtime  Video )   เมื่อ MCC  ได้วิเคราะห์       เป้าหมายแล้วจะส่งชุดสกัดกั้น ( All  Terrain Intercept Vechicle : ATIV )  เข้าไปยังพื้นที่เป้าหมาย

๒. ความต้องการใช้ ปฏิบัติงาน    จำนวน  ๒  ระบบ

๓. ระบบเฝ้าตรวจชายแดนเคลื่อนที่ จำนวน   ๑ ระบบ  ประกอบด้วย

         ๓.๑ ชุดเฝ้าตรวจชายแดนเคลื่อนที่ด้วยยานยนต์ ( LMSU ) คุณลักษณะเบื้องต้น ดังนี้

                  ๓.๑.๑ รถยนต์ขับเคลื่อนในภูมิประเทศ                 จำนวน  ๑ คัน

                  ๓.๑.๒ ตู้คอนเทนเนอร์ สำหรับบรรจุอุปกรณ์/ใช้ปฏิบัติงานภายใน

                  ๓.๑.๓ กล้อง Thermal Imager  ตรวจการณ์ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ระยะตรวจการบุคคลประมาณ ๖ กม. และ ยานพาหนะ ประมาณ ๑๕ กม.

                  ๓.๑.๔ Colour CCD TV  

                  ๓.๑.๕ เลเซอร์วัดระยะ

                  ๓.๑.๖ ระบบติดตั้งอุปกรณ์แบบปรับระดับสูงได้ไม่น้อยกว่า ๐.๗ เมตร

                  ๓.๑.๗ สถานีควบคุม ( Control Console ) ระบบอุปกรณ์ต่าง ๆ

                  ๓.๑.๘ GPS

                  ๓.๑.๙ ระบบส่งสัญญาณภาพ แบบ Microwave Link

         ๓.๒ ชุดควบคุมและสั่งการเคลื่อนที่  ( MCC)   คุณลักษณะเบื้องต้นดังนี้

                  ๓.๒.๑ รถยนต์ขับเคลื่อนในภูมิประเทศ                จำนวน  ๑ คัน

                  ๓.๒.๒ ตู้คอนเทนเนอร์ สำหรับบรรจุอุปกรณ์/ใช้ปฏิบัติงานภายใน

                  ๓.๒.๓ สถานีควบคุม ( Control Console )

                  ๓.๒.๔ ระบบบันทึกภาพ DVD    

                  ๓.๒.๕ GPS

                  ๓.๒.๖ ระบบรับ – ส่งสัญญาณภาพ แบบ Microwave Link

         ๓.๓ ชุดสนับสนุนชุดเฝ้าตรวจชายแดนเคลื่อนที่ด้วยยานยนต์ ( LMSU Support )  คุณลักษณะเบื้องต้น ดังนี้

                  ๓.๓.๑ รถยนต์ขับเคลื่อนในภูมิประเทศ                จำนวน  ๑ คัน

                  ๓.๓.๒ ตู้คอนเทนเนอร์ สำหรับบรรจุอุปกรณ์/ใช้ปฏิบัติงานภายใน

                  ๓.๓.๓ สถานีควบคุม ( Control Console )

                  ๓.๓.๔ ระบบบันทึกภาพ DVD    

                  ๓.๓.๕ GPS

                  ๓.๓.๖ ระบบรับ – ส่งสัญญาณภาพ แบบ Microwave Link

         ๓.๔ ชุดสกัดกั้น ( ATIV )  คุณลักษณะเบื้องต้น ดังนี้

                  ๓.๔.๑ รถยนต์ขับเคลื่อนในภูมิประเทศ                จำนวน  ๒ คัน

                  ๓.๔.๒ GPS

         ๓.๕ Mobile Relay Unit  คุณลักษณะเบื้องต้น ดังนี้

                  ๓.๕.๑  รถยนต์ขับเคลื่อนในภูมิประเทศ               จำนวน  ๑ คัน

                  ๓.๕.๒ Power Management System

                  ๓.๕.๓ ระบบรับ – ส่ง สัญญาณภาพ ผ่าน Microwave Link

                  ๓.๕.๔ GPS 

         ๓.๖ ส่วนสนับสนุนชุดควบคุมและสั่งการเคลื่อนที่  ( MCC Support)   คุณลักษณะเบื้องต้นดังนี้

                  ๓.๖.๑ รถยนต์ขับเคลื่อนในภูมิประเทศ                 จำนวน  ๑ คัน

บันทึก ๔๕ โครงการจัดหาระบบ  UAV รัศมีปฏิบัติ ๒๐๐ กม. ห้วง-เวลาปฏิบัติการประมาณ ๑๐ ชม. เพดานบินสูงสุดประมาณ ๑๕,๐๐๐ ฟุต มีระบบส่งสัญญาณให้กับหน่วยดำเนินกลยุทธ์แบบ Real-time ติดตั้งกล้องที่สามารถถ่ายภาพได้ทั้งกลางวัน กลางคืน รวมทั้งถ่ายภาพผ่านเมฆหมอกหนาทึบได้ ใช้ในภารกิจ ลว., การเฝ้าตรวจสนามรบ, การยิง ป. และการสำรวจความเสียหายของพื้นที่เพื่อการกู้ภัย มีรายละเอียดความต้องการดังนี้

๑. กล่าวทั่วไป

             UAV จะต้องเป็นระบบที่สามารถปฏิบัติงานได้ในทุกสภาพภูมิประเทศ  และมีอุปกรณ์ที่จำเป็นต่าง ๆ ที่สามารถทำให้การปฏิบัติภารกิจของ UAV บรรลุภารกิจ  ทั้งในการปฏิบัติงานแบบ Stand-alone หรือเป็นส่วนของระบบข่าวกรองการรบ และระบบอาวุธ

             ความจำเป็นในการจัดหา UAV ปัจจุบัน ทบ. มีระบบ UAV ใช้งาน ๑ ระบบ โดยให้ พล.ป. ทดลอง ใช้งาน ตลอดการใช้งานตั้งแต่ปี ๒๕๔๑ ถึงปัจจุบัน เป็นเวลา ๙ ปี ระบบ UAV พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นระบบเครื่องมือที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่มีความอ่อนตัวสูงสุด สามารถใช้งานได้หลากหลายเพิ่มศักยภาพให้ระบบ C4ISR ความต้องการใช้งานระบบ UAV จึงมีเพิ่มมากขึ้นระบบที่มีอยู่เดิม ๑  ระบบ      ไม่พอเพียงต่อการสนองตอบภารกิจที่ ทบ. ต้องการโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้อง กับความมั่นคง ในสถานการณ์พื้นที่ ๓ จังหวัดภาคใต้ การเฝ้าตรวจเส้นทางการขนย้ายยาเสพติดตามแนวชายแดนพื้นที่ภาคเหนือและอื่นๆ จากการใช้งานระบบ UAV เห็นได้ว่าระบบ UAV มีความซับซ้อนในระบบโครงสร้างต่อการนำมาใช้งานจริงจำเป็นต้องใช้ผู้ที่มีประสบการณ์ ถึงแม้เทคโนโลยีจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ระบบของ Hard Ware และ Soft Ware มีขนาดเล็กลง สามารถนำมาใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่ระบบที่สมบูรณ์เพื่อให้ใช้งานได้จริง ยังประกอบด้วยโครงสร้างอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น การจัดโครงสร้างหน่วย ทั้งอัตรากำลังพลและการกำหนดยุทโธปกรณ์ที่เป็นมาตรฐานต่อการใช้งานซึ่งปัจจุบันยังไม่มีรองรับ การจัดหาระบบ UAV เพิ่มมีความจำเป็น ระบบที่จัดหาควรเป็นระบบ UAV แบบเอนกประสงค์โดยมีพิสัยทัศน์อยู่ที่ ๒๐๐ – ๒๕๐ กม. เนื่องจาก ทบ. มีระบบ UAV ใช้งานจำนวนน้อย การจัดหาระบบ UAV ที่เป็นแบบเฉพาะเพื่อใช้งาน เช่น ระบบ UAV ขนาดเล็กทางยุทธวิธี ยังไม่คุ้มค่าในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่สามารถสนองตอบภารกิจได้กว้าง และครบถ้วนตามความต้องการ และควรเป็นระบบ UAV ที่มีความใกล้เคียงกับระบบที่มีใช้เดิม เพื่อเอื้อให้ระบบ UAV สามารถใช้งานทดแทนกันได้ และเพิ่มขยายขีดความสามารถได้เพิ่มขึ้น ระบบ UAV อย่างน้อยต้องประกอบด้วย อากาศยาน (Miossion UAVs), กล้องตรวจการณ์ (Payloads), ระบบเชื่อมโยงข้อมูล (Data link system) และการสนับสนุนทางด้านการส่งกำลังบำรุง

             ในการปฏิบัติงาน จะต้องสามารถทำการ

-          รวบรวมข่าวกรองการรบ

-          สนับสนุนการยุทธระยะประชิด

-          ค้นหาเป้าหมาย

-          ชี้นำ/ชี้เป้าหมายให้กับระบบอาวุธ

-          ปรับการยิง ป.

-          ประเมินผลเสียหายในการรบ

๒. คุณลักษณะทางเทคนิค

             ๒.๑  ระบบ UAV ต้องสามารถปฏิบัติหน้าที่หลัก ๆ ดังนี้

                       ๒.๑.๑  บรรทุกกล้องตรวจการณ์ (Payload) ได้

                       ๒.๑.๒ ควบคุม UAV ในระยะไกลได้โดยสถานีภาคพื้น  โดยใช้นักบินกลซึ่งได้โปรแกรมไว้ล่วงหน้า หรือการโปรแกรมการบินในขณะทำการบิน

                       ๒.๑.๓ ถ่ายโอน/รับส่งข้อมูลการบินและข้อมูลกล้องตรวจการณ์ (Payload) ไปยังส่วนภาคพื้น

                       ๒.๑.๔ ติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องกับสถานีควบคุมภาคพื้น โดยการรับและส่งข้อมูลควบคุมการบิน, ข้อมูลควบคุมการทำงานของกล้องตรวจการณ์ (Payload) และข้อมูลสำคัญ ๆ ของระบบ

             ๒.๒  สมรรถนะ

                       - บินนาน                                                อย่างน้อย         ๑๐        ชม.

                       - พิสัยบิน                                                อย่างน้อย      ๒๐๐       กม.

                       - เพดานบิน                                            อย่างน้อย    ๑๕,๐๐๐   ฟุต

             ๒.๓  การบินขึ้นและการร่อนลง จะต้องมีระบบขึ้นและลงอัตโนมัติ (Automatic Take Off and Landing) ที่ผ่านการรับรองและพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ระยะทางวิ่งขึ้น – ลง บนสนามบินจะต้องอยู่ภายในระยะ ๔๐๐  - ๖๐๐ ม.

             ๒.๔  การบินและการปฏิบัติภารกิจ ต้องสามารถทำการบินโดยอัตโนมัติ และในกรณีฉุกเฉินเมื่อสัญญาณระหว่าง อากาศยาน (Miossion UAVs) และสถานีควบคุมภาคพื้นขาดการติดต่อสื่อสารจะต้องสามารถบินกลับมายังพื้นที่ที่กำหนดได้โดยอัตโนมัติ

             ๒.๕  การเชื่อมต่อระบบ UAV ต้องสามารถเชื่อมต่อการทำงานได้โดยตรงกับสถานีควบคุมภาคพื้น และกล้องตรวจการณ์ (Payload) ในขณะที่อยู่บนภาคพื้น หรือขณะทำการบิน

             ๒.๖  ความอยู่รอดของระบบ ตัวอากาศยานต้องดำรงความอยู่รอดด้วยการลดภาพตัดขวางสะท้อนคลื่นเรดาร์, ตรวจพบด้วยสายตาได้ยาก และสร้างด้วยโครงสร้างที่ยากแก่การตรวจพบ

             ๒.๗  อากาศยาน (Miossion UAVs) จะต้องสร้างให้มีลักษณะเป็นชิ้นส่วนที่ง่าย และมีความรวดเร็วในการประกอบเข้าด้วยกัน และการถอดประกอบจะต้องไม่ยุ่งยากซับซ้อน

             ๒.๘  กล้องตรวจการณ์ อย่างน้อย ๔ กล้อง (Payloads) ต้องสามารถปฏิบัติภารกิจตรวจการณ์ระยะไกลได้ทั้งกลางวัน/กลางคืน และในทุกสภาวะอากาศ  รวมถึงต้องสามารถเพิ่มหน้าที่การทำงานได้ตามความต้องการของผู้ใช้ โดยกล้องตรวจการณ์ต้องมีกำลังขยาย ดังนี้

                        - กล้องตรวจการณ์กลางวัน : Zoom (optical) ไม่ต่ำกว่า ๓๕ เท่า Resolution ไม่ต่ำกว่า ๔๗๐ TVL

                        - กล้องตรวจการณ์กลางคืน : Zoom Factor ไม่ต่ำกว่า ๒๔ เท่า จำนวน Pixel ไม่ต่ำกว่า ๗๐,๐๐๐ Pixel

             ๒.๑๐  สามารถเปิด – ปิด Transponder จากระบบภาคพื้นได้ ถึงแม้ว่า UAV จะทำการบินอยู่บนอากาศยาน

๓. การสนับสนุนทางด้านการส่งกำลังบำรุง

             บริษัทผู้ผลิตจะต้องเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์อย่างสูงในการออกแบบ, พัฒนา, สนธิ และการปฏิบัติงานในสนามของ  UAV ทั้งนี้ต้องเป็น UAV ที่เคยมีการจัดซื้อไปเพื่อใช้ในทางการทหาร และมีการพิสูจน์การใช้ในภาวะสงคราม ต้องสนับสนุนทางด้านการส่งกำลังบำรุง และการสนับสนุนทางเทคนิคตามความต้องการในการใช้งานของ UAV  ได้แก่  การซ่อมบำรุง, การสนับสนุนและส่งกำลังชิ้นส่วนอะไหล่, เอกสาร, การทดสอบและสนับสนุนอุปกรณ์ตรวจสอบระบบ, สิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ และการฝึกศึกษา บริษัทผู้ผลิตจะต้องรับประกันการสนับสนุนทางด้านการส่งกำลังบำรุงเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๑๕ ปี

๔. รายการอื่น ๆ ภายในระบบ : ยุทโธปกรณ์ประกอบรายการ

             ๔.๑   ตัวเครื่อง UAV พร้อม Transport Package                              อย่างน้อย    ๔   เครื่อง

             ๔.๒ รยบ.บรรทุก Transport Package พร้อมอุปกรณ์ยกขน           อย่างน้อย    ๒   คัน

             ๔.๓  ระบบควบคุมการขึ้น – ลง

                        ๔.๓.๑  สถานีควบคุมการขึ้นลง (LRS)                   อย่างน้อย    ๒   สถานี

                        ๔.๓.๒ ชุดเชื่อมต่อข่าวสารข้อมูล (GDT)                               อย่างน้อย    ๒   ชุด

                        ๔.๓.๓ ตู้คอนเทนเนอร์พร้อมเครื่องปรับอากาศ   อย่างน้อย    ๒    ตู้

                        ๔.๓.๔ รยบ.บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์                                        อย่างน้อย    ๒   คัน

                                      และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าติดตั้งบนรถพ่วง

             ๔.๔  ระบบควบคุมภาคพื้นดิน

                        ๔.๔.๑  สถานีควบคุมภาคพื้นดิน (GCS)                                อย่างน้อย    ๒   สถานี

                        ๔.๔.๒ ชุดเชื่อมต่อข่าวสารข้อมูล (GDT)                               อย่างน้อย    ๒   ตู้

                                       พร้อมชุดเสาอากาศ

                        ๔.๔.๓ ตู้คอนเทนเนอร์พร้อมเครื่องเครื่องปรับอากาศ        อย่างน้อย    ๒   ตู้

                        ๔.๔.๔ รยบ.บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์                                        อย่างน้อย    ๒   คัน

                                       และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าติดตั้งบนรถพ่วง

             ๔.๕  สถานีรับภาพและควบคุมกล้องตรวจการณ์                            อย่างน้อย    ๔   สถานี

                        ของหน่วยทางยุทธวิธี (RPCS)

             ๔.๖  ระบบซ่อมบำรุงเคลื่อนที่                                                             อย่างน้อย    ๑    ชุด

                       ๔.๖.๑  ตู้คอนเทนเนอร์สำหรับการซ่อมบำรุงเคลื่อนที่         อย่างน้อย    ๑    ตู้

                       ๔.๖.๒ รยบ.บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์, รถพ่วง                          อย่างน้อย    ๑    คัน

                                     และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า

             ๕.๑  RC – MODEL และHALF – SCALE  หรือเครื่องฝึกบินเพื่อเพิ่มความชำนาญของระบบ UAV

             ๕.๒ การประกันการซ่อม

บันทึก ๔๗ โครงการจัดหาระบบเฝ้าตรวจที่ตั้งหน่วย

วัตถุประสงค์  จัดหาระบบที่สามารถใช้ทดแทนระบบโทรทัศน์วงจรปิด มีคุณลักษณะและขีดความสามารถที่สอดคล้องกับความต้องการในการใช้งานทางทหาร สามารถตรวจจับเป้าหมายได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ใช้ติดตั้งให้กับค่ายทหาร สถานที่ราชการที่สำคัญ เส้นทางคมนาคมสายหลักในเมือง และช่องทางผ่านแดนที่สำคัญ โดยมีรายละเอียดดังนี้

๑.      กล้องตรวจการณ์รังสีความร้อนประจำหน่วย

-          กล้องมือถือตรวจการณ์รังสีความร้อนแบบสองตา  หลอดภาพเป็นแบบหล่อเย็น

-          ทำงานด้วยการตรวจจับรังสีความร้อนของเป้าหมายด้วยแสงอินฟราเรด ระยะประมาณ 10 กม.

-          ระยะตรวจจับสำหรับเป้าหมายยานพาหนะ อย่างน้อย ๘ กม. และเป้าหมายบุคคล อย่างน้อย ๑.๕ กม.

-          ตัวกล้องติดตั้งระบบหาพิกัดด้วยดาวเทียม ( GPRS  ) และระบบวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์ในตัวเอง

-          สามารถเชื่อมโยงข้อมูลมาแสดงเป็นภาพวีดีโอที่จอแสดงผลได้

   ๒. ระบบตรวจการณ์ ซีดาร์ ( CEDAR)

๒.๑ กล้องตรวจการณ์อินฟราเรดแบบไม่หล่อเย็น พร้อมอุปกรณ์ประกอบ

          -      กำลังขยายกล้องอินฟราเรด ๒๐ เท่า และกล้องทีวี ๒๐ เท่า

-          ชุดติดตั้งบนยานพาหนะพร้อมระบบควบคุม

-          ชุดติดตั้งบนอาคารพร้อมระบบควบคุม

๒.๒ กล้อง ตรวจการณ์อินฟราเรดแบบหล่อเย็น พร้อมอุปกรณ์ประกอบ

    -     กำลังขยายกล้องอินฟราเรด ๒๐ เท่า และกล้องทีวี ๒๐ เท่า

-          ชุดติดตั้งบนอาคารพร้อมระบบควบคุม

     ๒.๓ อุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติงานภาคพื้น

        ๒.๔ การฝึกศึกษาในการใช้งาน และช่างเทคนิค

        ๒.๖ การรับประกัน และชิ้นส่วนซ่อม สนับสนุนในระยะเวลา 1 ปี

        ๒.๗ การบริการซ่อมบำรุงตลอดระยะเวลา ๑ ปี

จุดเปลี่ยนจริงๆ ไม่ใช่ TECHNOLOGY ทั้งหมด

แต่จุดเปลี่ยน ตอนนี้ก็คือ ให้ทำเขาแบบขั้นเด็ดขาดหรือเปล่า

โดยที่ ผบทบ ได้บอกว่ามีการตั้งหน่วยรบพิเศษ ทั้งในพื้นที่ ภูเขา และ

ในหมู่บ้าน  เนื่องจาก SENSOR ช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ต้องถอนรากถอน

โคนครับ คือจุดเปลี่ยนจริงๆ

อย่างที่ ผบทบ พูดว่าต้องมีหน่วยรบพร้อมขึ้นเครื่องที่รอการปะทะ กับ

ฝ่ายตรงข้าม เพื่อสนับสนุนหน่วยที่ถูกโจมตี เข้าข่ายเรื่องที่มีการเสนอกัน

ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ของบุคคลในเว๊ปนี้.....

นี่คือการตอบโต้ และจู่โจม ส่วนสุดท้ายของจุดเปลี่ยนทั้งหมด

คือการจัดการ หัวหน้าขบวนการ เพราะมีคนเคยพูดว่า เขาหลุดไปแล้วเขาจะกลับมาฆ่าเราอีก

นี่คือจุดเปลี่ยนจริงๆ.............

ผมยังไม่เห็นมีโครงการไหนที่ให้ทางกองทัพหรือหน่วยงานที่เกียวข้องดำเนินการสร้างหรือพัฒนามาใช้เองเลยครับ...ซื้ออย่างเดียวเลย.น่าน้อยใจจัง