ผมขอเริ่มการประลองยุทธ์ระหว่าง Gripen กับ MIG 29 N ของมาเลย์เลยนะครับ โดยสมมุติสถานการณ์ว่าได้เกิดมีความขัดแย้งกันขึ้นถึงกับต้องมีการใช้กำลังเข้าต่อสู้กัน โดยสมมุติให้ทางฝ่ายมิกเปิดฉากโจมตีโดยประกอบกำลังเป็นหมู่บินโจมตีทางยุทวิธีจำนวน 4 เครื่อง และบินรุกล้ำน่านฟ้าไทยเข้ามาโดยใช้การบินต่ำหลบหลีกระบบเรดาห์ป้องกันภัยทางอากาศของไทย ซึ่งในการโจมตีครั้งนี้ทางมิกทั้ง 4 เครื่องได้บรรทุกจรวดนำวิถี อากาศ สู่พื้น และอากาศ สู่ อากาศ เพื่อป้องกันตัวเองทั้งระยะใกล้ และระยะปานกลาง ด้วยน้ำหนักบรรทุกเต็มพิกัด ซึ่งถึงแม้ทางฝ่ายมิกจะได้บินหลบหลีกเรดาห์ของไทยด้วยการบินต่ำ แต่ด้วยระบบป้องกันและแจ้งเตือนภัยทางอากาศของไทยที่มีประสิทธิภาพอันประกอบด้วยระบบ RTADS และ ERIEYES ได้เฝ้าระวังน่านฟ้าอยู่แล้วอย่างเข้มข้นในสภาวะไม่ปกติ ซึ่งได้ทำงานประสานกันโดยเครือข่าย DATALINK มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตรวจพบผู้รุกรานได้เมื่อพ้นตะเข็บชายแดนเข้ามาได้ไม่กี่กิโลเมตร และได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยบินขับไล่สกัดกั้นจากกองบิน701 ซึ่งก็คือหมู่บิน Gripen โดยเกือบจะทันทีหลังจากได้รับแจ้งการเข้ามาของผู้รุกราน Gripen จำนวน 2 เครื่องซึ่งเตรียมพร้อมอยู่ได้ขึ้นบินสกัดกั้น โดยแต่ละเครื่องได้บรรทุกอาวุธอากาศ สู่ อากาศ แบบอัมราม และ ไซไวเดอร์ อย่างละ 2 ลูก โดยไม่ได้บรรทุกเต็มพิกัดเพื่อความคล่องตัว โดยในการดำเนินยุทธวิธีสกัดกั้นครั้งนี้ Gripen ทั้งสองเครื่องจะไม่เปิดเรดาห์ ซึ่งจะเป็นการไม่เปิดเผยตัว ทำให้ข้าศึกไม่รู้ตัว แต่จะอาศัยเรดาห์จาก ERIEYES นำทางเข้าสู่เป้าหมาย โดยกำหนดที่จะใช้อาวุธอากาศ สู่ อากาศ ระยะปานกลาง (อัมราม) เพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้ได้ตรวจพบฝ่ายเราและตอบโต้ได้ทันท่วงที ตามหลักการต่อสู้ทางอากาศสมัยใหม่ เห็นก่อนทำลายก่อน และนาทีการทำลายศัตรูก็มาถึง เมื่อถึงระยะเกือบไกลสุดของอาวุธนำวิถีอัมรามระยะประมาณ 60 กม.Gripen ทั้ง 2 เครื่องได้เปิด Auto Pilot พร้อมกับเปิดเรดาห์ล็อคออนเป้าหมายและเลือกทำลายพร้อมกันทั้ง 4 เครื่อง และด้วยประสิทธิภาพของระบบเรดาห์ของ บ. เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากกำหนดเป้าหมายเพื่อทำลายได้แล้ว อัมราม ทั้ง 4 ลูก จาก Gripen ทั้ง 2 เครื่อง ได้ถูกปล่อยออกไป จรวดพุ่งทยานเข้าสู่เป้าหมายด้วยความเร็ว 4 มัค ด้วยระบบนำวิถีโดยระบบเรดาห์ของตัวจรวดเอง (Active Redar Homing) เป้าหมายถูกทำลายทั้ง 4 เครื่อง เสร็จสิ้นภารกิจ Gripen ทั้ง 2 เครื่องบินกลับฐานบิน......
ขอโทษด้วยครับเพื่อนสมาชิกทุกท่านกระทู้นี้เดิมคือ กระทู้ T006312 เป็นความผิดพลาดของผมทำให้เปิดมาอีกกระทู้
มิก-๒๙ ติดอาวุธเต็มพิกัด บินป่าวๆโดดเดี่ยว เห็นจะบินไม่ได้ไกลม้างครับ............... ถ้าเป็นบิน ลว.รักษาเขต หรือบินสะกัดกั้น อันนั้นน่าจะเป็นภารกิจหลัก................ กรณีจะถล่มเป้าหมายสำคัญๆของไทย เห็นทีต้องล้วงลูกลึก โดยถ้าจะใช้ฟัลครั่มเป็นเครื่องบินคุ้มกัน เหมือนเอฟ-๑๕ ใน ยมคิปปูร์ งานนี้ต้องมีผู้ร่วมแสดงอีกราย เป็นแท้งค์เค่อร์ตัวใหญ่ๆ.................................... ในอดีต เอฟ- ๕ เอ แห่งหนองขอนกว้าง ก็เคยแยกเขี้ยวขู่มิก-ซาวเอ็ดของเพื่อนลาว ขู่กันฟู่ๆ ใช้ไม้เขียนรูปหัวคนบนพื้นดิน แถมด้วยชื่อพ่อ รอเอ็งมาเหยียบหัวพ่อตูก่อนแล้วตูจะตามตื้บเอ็งเอาเรื่อง วนกันไปวนกันมาไม่เห็นมีใครเหยียบหัวพ่อใคร เลยกลับบ้านไปนั่งกินลอดช่องที่แม่ซื้อใส่ตู้เย็นไว้....................................เป็นเรื่องราวความขัดแย้งสมัยเด็กๆ ที่มันเกี่ยวกันหรือเปล่าหว่า..............................
ผมคิดว่าทุกคนมีจินตนาการส่วนตัวนะครับ ถึงแม้ว่าสงครามไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรเลย และก็ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นด้วย
ผมจินตนาการบ้าง ถ้าเกิดประเทศ ท. ต้องการทรัพยากรธรรมชาติด้านน้ำมัน
และแก๊สหุงต้มอย่างมาก จึงเกิดการสะสมกำลังอาวุธโดยเฉพาะ ทางทะเลตอนใต้ และเราก็มีนักปกครองที่บ้าบิ่นในเรื่อง เพื่อชาติเป็นสำคัญ
เชื่อท่านผู้นำชาติเจริญ และได้โหมงบประมาณทั้งหมด สร้าง
เรือรบที่มีแสนยานุภาพ เช่น ตั้งกองเรือ ฟรีเกตจาก สองหน่วย
เป็นสิบหน่วย อาวุธพร้อมรุกราน ได้ทุกเมื่อ
และได้พัฒนาเรือดำน้ำขนาดเล็กที่สามารถทะลวงลึกเข้าไปน่านน้ำศัตรูได้ชนิดว่า โซนาสมัยใหม่จับได้ยากมาก เพราะมีขนาดใบพัดที่เล็ก และเรามีตอปิโดที่สามารถ
ถล่มเรือสินค้า และเรือรบของฝ่ายตรงข้ามได้ระเบิดสะจายจมแน่ๆ
เป็นผลให้เกิดการพัฒนากองเรือดำน้ำ 4 กองด้วยกันเพื่อการสอดแนม
และข่มขู่ ทางทะเล ทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย เป็นต้น
หลังจากนั้นเราได้พัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบใบพัด มีระยะการบิน
เท่ากับ ซี 130 ระเบิดสามารถถล่มโรงไฟฟ้าได้กระจุยกระจาย
อีกทั้ง กองทัพบก ได้พัฒนาจรวดยิงระยะใกล้ที่สามารถถล่มกองทหารได้หนึ่งกองร้อย ให้ราบคาบในพริบตา
ฮี่ๆๆๆๆๆๆ ผมเอาแค่การสะสมกำลังอาวุธก่อนละกัน
จินตนาการน่ะมีได้ครับ เป็นเรื่องที่ดีด้วย แต่กรุณาอย่าพาดพิงถึงประเทศหรือผู้อื่นจะดีกว่า อย่างข้างบนน่าจะตั้งกระทู้แค่จำลองการต่อสู้ทางอากาศระหว่าง Gripen กับเครื่องบินแบบต่างๆ ก็น่าจะพอแล้ว
เห็นโดนกันมาเยอะแล้วแค่น้ำผึ้งหยดเดียวก็เป็นเรื่องใหญ่ได้
ถ้าเอาแบบง่ายๆ ไม่มีรายละเอียด Gripen เหนือกว่า Su-22, Mig-21,F-7M, Mig-29B และ F/A-18D อันดับต่อไป Gripen เหนือกว่าเล็กน้อยเทียบกับ F-16C/D และ Mig-29N สุดท้าย Gripen เป็นรองกว่าเทียบกับ Su-27, Su-30MKM และ F-15SG ทั้งหมดนี้ไม่มีปัจจัยภายนอกเกี่ยวข้อง คิดจากตัว บ.ล้วนๆ ถ้ามีปัจจัยเสริม เช่น AWACS จะทำให้ Gripen ไม่เป็นรองเมื่อเทียบ บ. 3 แบบสุดท้าย (ย้อนไปกระทู้เดิม)
ปล. auto pilot มันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะครับ
ผมต้องขออภัยที่ทำให้เพื่อนสมาชิกหลายๆ ท่านเป็นห่วงและไม่ค่อยสบายใจเนื่องการตั้งกระทู้และข้อความที่นำเสนอที่เกรงกันว่าอาจจะกระทบเพื่อนบ้านได้ ซึ่งในเรื่องนี้ผมไม่มีเจตนาใดๆ ที่จะทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี หรือทำให้เกิดความหวาดระแวงกันในหมู่ประเทศเพื่อนบ้าน และโดยส่วนตัวผมแล้วผมก็ไม่อยากให้เราต้องไปทะเลาะ หรือ ต้องรบราฆ่าฟันกับใคร หรือทำสงครามกับประเทศใด ตรงกันข้ามผมปราถนาแต่ความสงบสุข ปกติสุขเกิดแก่ประเทศนี้ และโลกนี้ จึงจะขออภัยที่ทำให้เพื่อนสมาชิกไม่สบายใจ จากข้อความและกระทู้ของผม ซึ่งผมก็แค่สมมุติและจินตนาการขึ้นมาเท่านั้น ขอย้ำว่าสมมุติ คงยากที่จะเกิดขึ้นจริง .... และเรื่องจริงก็คงไม่เป็นแบบนี้ มีหลายอย่างที่พวกเราไม่รู้หรอกในเรื่องเหล่านี้ถ้าเราไม่ได้ประสบพบด้วยตนเอง ...เรื่องการรบเป็นเรื่องของนักรบและนักการทหารเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด ...ผมไม่ใช่ทหารแต่ในชีวิตผมได้มีประสบการณ์มาบ้างพอสมควรในเรื่องการต้องอยู่ในสถานณ์สงครามในวัยเด็ก (อยู่ในสถานการณ์การสู้รบในสนามรบ) .... และเมื่อโตขึ้นผมมีโอกาสได้ตามฝันตัวเองคือการบิน (เป็นนักบินสมัครเล่น ไม่ใช่อาชีพ)
ไม่เป็นไรครับ เราก็แค่แลกปลี่ยนข้อมูลดิบ แต่คงต้องเลี่ยงบ้างเท่านั้น ส่วนที่ว่า (ขอกล่าวถึง)ประเทศมาเลเซียให้การสนับสนุน ยุทธภัณท์(น้ำมัน เครื่องกระสุน การข่าว การต่างประเทศ)แก่ไทยนั้นเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างทั้งสองประเทศที่ลงนามไว้ตั้งแต่ นายก ตวนกู อับดุลเลาะฮ์มาน ที่ทั้งสองประเทศสถาปณาความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ที่จะต้องสนับสนุน ซึ่งกันและกันเพราะ ตอนนั้นมาเลฯเพิ่งประกาศเอกราชจากอังกฤษ กองทัพยังอ่อนแอ แต่เมื่อวันเวลาผ่าน มาเลฯเจริญทุกด้าน(ยกเว้นประชาธิปไตยไม่เต็มใบ)แต่มาเลฯยังคงยึดสัจจะที่มีต่อไทย ไม่เพียงแค่สงครามบ้านร่มเกล้า แต่หมายถึง ทุกครั้ง (จากวารสารสามเหล่าทัพ พ.ศ.๒๕๒๐ เรื่องสัมพันธ์ไทย มาเลฯ (ลืมจดฉบับที่))และที่หน่วยของผมยังคงเหลือลังกระสุนที่ผลิตในออสเตรเลียส่งถึงมาเลฯจำนวนหนึ่งด้วยครับ(ถ้าผิดพลาดขอรับผิดแต่ผู้เดียว เนื่องจากที่บอก ข้อมูลดิบ คงต้องอาศัยข่าวจากเพื่อนๆท่านอื่นๆด้วย)ขอบคุณครับ
ผมอยากได้มาเลเซียเป็นมหามิตร มากว่า พวกมะกันซะอีกครับ
ถ้าเป็นไปได้จริงๆ คงจะดีมาก
ผมอยากได้มาเลเซียเป็นมหามิตร มากว่า พวกมะกันซะอีกครับ
ถ้าเป็นไปได้จริงๆ คงจะดีมาก